อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 8 พบปะผู้คน

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 8 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 8 พบปะผู้คน

 

 

“หือ?” หลินเจิ้งตงตกตะลึง เขาไม่คิดว่าลูกชายของเขาจะมีแฟนเร็วขนาดนี้

 

 

“คุณ… ลุง หนูขอเข้าไปได้ไหมคะ?”

 

 

“ได้สิ เชิญเลยๆ” หลินเจิ้งตงกล่าวต้อนรับซูชิงและยกถ้วยน้ำร้อนมาให้เธอ “ต้องขอโทษด้วย ที่บ้านลุงมีแต่น้ำต้มไม่มีน้ำชา”

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะคุณลุง”

 

 

“สาวน้อย หนูมาจากโรงเรียนไหน?”

 

 

“หนูกับปู้ฟานเรียนอยู่ห้องเดียวกันคะ”

 

 

“เงินพวกนี้เยอะจริงๆ พ่อกับแม่ของเธอต้องว่าเธอแน่ๆ ลุงจะคื… โอ้ เงินพวกนั้นจ่ายให้โรงพยาบาลไปแล้วเดี๋ยวลุงจะเขียน IOU ให้เธอ” (IOU มาจาก I owe you เป็นใบแสดงสถานะ เจ้าหนี้ – ลูกหนี้)

 

 

“ไม่จำเป็นค่ะ เงินพวกนี้เป็นเงินที่แม่ของหนูตกลงไว้กับปู้ฟานคะ”

 

 

“… ” หลินเจิ้งตงตะลึง

 

 

“ลุงคะ ที่บ้านของหนูทำธุรกิจโรงแรม เงินพวกนี้ไม่ได้ถือว่ามากมายอะไร ตราบใดที่เงินพวกนี้สามารถช่วยคุณป้าได้หนูก็ยินดีค่ะ”

 

 

“ขอบคุณ ขอบคุณหนูกับแม่ของหนูจริงๆ” หลินเจิ้งตงกล่าวอย่างซาบซึ้ง

 

 

หลินปู้ฟานเกาคางของเขา “เธอมาทำอะไรที่นี่?”

 

 

“วันนี้เป็นวันเกิดของฉัน แม่ขอให้ฉันมาชวนนายไปกินข้าวด้วย” ซูชิงพูดด้วยรอยยิ้ม

 

 

“ไม่เอาอ่ะ วันนี้ฉันเหนื่อยมากแล้ว”

 

 

ซูชิงเม้มริมฝีปากของเธอและมองไปที่หลินเจิ้งตงด้วยสีหน้าเศร้า

 

 

“ปู้ฟาน นี่คือวันเกิดของแฟนลูก ลูกจะต้องไปสิ” หลินเจิ้งตงดึงหลินปู้ฟานขึ้น “ทำไมลูกถึงไม่เอาใจใส่แฟนของลูกเลย ไม่รู้ตัวหรือไงว่าตัวเองโชคดีขนาดไหน?”

 

 

หลินปู้ฟานไม่รู้จะทำยังไงดีได้แต่เดินตามซูชิงออกไปด้วยอารมณ์หงุดหงิด

 

 

คนขับเป็นชายในวัย 40 ปียืนรออยู่ที่ประตูรถ

 

 

เมื่อทั้งสองขึ้นรถ พวกเขาก็มุ่งหน้าไปที่โรงแรม

 

 

“ฉันฉลาดใช่ไหมล่ะ?” ซูชิงพูดพร้อมกับยิ้ม

 

 

“อืม เธอช่วยฉันไว้จริงๆ”

 

 

“แล้วเรื่องแฟนล่ะ นายยอมเป็นแฟนฉันจริงๆ เหรอ?” ซูชิงเอียงหัวแสดงท่าทางขี้เล่นและน่ารัก

 

 

“เด็กน้อย…” หลินปู้ฟานพูดออกมาอย่างลวกๆ

 

 

“เด็กน้อย? เราอายุเท่ากันไม่ใช่เหรอ? หรือว่านายชอบสาวที่มีอายุมากกว่า?”

 

 

“ฉัน ไม่ ชอบ ใคร เลย ตอน นี้ เรา ยัง เป็น นัก เรียน อยู่ เรา ต้อง ตั้ง ใจ เรียน” หลินปู้ฟานพูดออกมาทีละคำ เหมือนกับอ่านหนังสือ

 

 

“ไม่เห็นจะเกี่ยวเลย พวกเด็กปีหนึ่งมีตั้งหลายคู่ที่กำลังคับกันอยู่หรือว่านายไม่ชอบฉัน?”

 

 

“เธออยู่สูงเกินไป ฉันเป็นแค่คนธรรมดา”

 

 

“แต่นายสามารถปีนขึ้นมาได้”

 

 

“ฉันกลัวความสูง…”

 

 

“… ” ซูชิงหน้ามุ่ย เธอถามหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง “พ่อของนายไม่รู้ถึงความสามารถของนายเหรอ?”

 

 

“ไม่รู้และฉันก็ไม่อยากให้เขารู้ด้วย”

 

 

“ทำไม?”

 

 

“ทำไม ทำไม ทำไม ทำไมเธอถึงมีเรื่องสงสัยเต็มไปหมด?”

 

 

“ถ้านายไม่ต้องการที่จะพูดก็ลืมมันไปเถอะ ลุงหลี่ไปที่ห้างสรรพสินค้ากันก่อน” ซูชิงพูดกับคนขับรถ

 

 

“เธอจะไปที่ห้างสรรพสินค้าทำไม?” หลินปู้ฟานถามอย่างสงสัย

 

 

“ซื้อชุดใหม่ให้นายไง”

 

 

หลินปู้ฟานในตอนนี้อยู่ในชุดนักเรียนเก่าๆ กับรองเท้าโทรมๆ

 

 

“ถ้าเธออายที่ฉันมอมแมม งั้นฉันจะลงตรงนี้”

 

 

“อย่า! ลุงหลี่ตรงไปที่โรงแรมได้เลยค่ะ”

 

 

โรงแรมจุนหัวเป็นโรงแรมระดับสามดาวมีทั้งหมดหกชั้น ชั้นหนึ่งสองและสองสำหรับรับรองแขกและรับประทานอาหาร ตั้งแต่ชั้นสามขึ้นไปเป็นส่วนของห้องพัก

 

 

“ที่นี่ โรงแรมของฉันเป็นยังไงบ้าง?” ซูชิงถามหลินปู้ฟานอย่างมีชัย

 

 

หลินปู้ฟานมองไปที่โรงแรมจุนหัวและคิดในใจ: ที่นี่เป็นเพียงโรงแรมเล็กๆ ที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนเพื่อเข้าสู่ตลาด ถ้าหากโรงแรมนี้ยังไม่เปลี่ยนทิศทางการทำธุรกิจ มันจะถูกกำจัดภายในไม่กี่ปี

 

 

“ไม่เลว” หลินปู้ฟานแสร้งตอบ

 

 

ชั้นแรกเป็นห้องโถงสำหรับแขกทั่วไป ชั้นสองเป็นห้องนั่งเล่นราคาแพงพร้อมห้องส่วนตัว หลินปู้ฟานมองไปรอบๆ “ทำไม ไม่เห็นเพื่อนร่วมชั้นของเราเลย”

 

 

“ฉันไม่ได้เชิญใครมา” ซูชิงตอบ

 

 

ซูชิงเรียนรู้การทำธุรกิจกับแม่มาตั้งแต่ยังเด็ก เธอได้รับการสอนตั้งแต่อายุยังน้อยว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนนั้นมีแต่ทำให้เสียเวลา เธอจึงไม่ได้เชิญเพื่อนร่วมชั้นมาด้วย

 

 

“แต่นายค่อนข้างพิเศษ”

 

 

ซูชิงพาหลินปู้ฟานเข้าไปในห้องขนาดใหญ่ มีคนอยู่ในห้องมากกว่าสิบคนและไม่มีใครที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นของเขาเลย

 

 

“เสี่ยวหลินมาแล้ว มานั่งกับป้าสิ” จางอี้นี่ยืนขึ้นและแนะนำ “นี่คือเพื่อนร่วมชั้นของลูกสาวของฉัน เรียกเขาว่าหลินปู้ฟาน”

 

 

หลินปู้ฟานนั่งลงระหว่างจางอี้นี่และซูชิง

 

 

“หัวหน้าจาง ชายหนุ่มคนนี้อยู่ในสถานะพิเศษใช่ไหม? นี่คือว่าที่ลูกเขยในอนาคตของคุณ?” ลุงอ้วนที่สวมแว่นตาดำถามด้วยรอยยิ้ม

 

 

“หัวหน้าจ้าว ถ้าคุณจะว่าอย่างนั้น..” จางอี้นี่ยิ้ม

 

 

“ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ลูกชายของหัวหน้าซูของเราก็คงหมดโอกาศแล้วสิ” หัวหน้าจ้าวมองไปที่ชายวัยกลางคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างๆ เขา

 

 

ชายร่างผอมคนนี้คือหัวหน้าซูเป็นเจ้าของบริษัทแท็กซี่

 

 

“ไม่รู้ว่าหลานชายคนนี้มาจากตระกูลไหน? ถึงสามารถมาเป็นลูกเขยของหัวหน้าจางได้” สายตาของหัวหน้าซูจ้องไปที่หลินปู้ฟานและยิ่งเขามองมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกไม่ชอบหน้าหลินปู้ฟานมากขึ้นเท่านั้น

 

 

“นี่เป็นความลับ ฮ่าฮ่าฮ่า..” จางอี้นี่ตอบด้วยถ้าทางสบายๆ

 

 

หลินปู้ฟานกระซิบกับซูชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ “เธอมั่นใจว่านี่คืองานวันเกิด?”

 

 

“อิอิ กลัวมั้ย?”

 

 

“ฉันไม่กลัวหรอกมันก็แค่ดูไม่เหมือนงานเลี้ยงวันเกิดก็เท่านั้น มันดูเหมือนกับการประชุมทางธุรกิจมากกว่า”

 

 

“โรงแรมนี้จะถูกส่งต่อให้ฉัน แม่ของฉันเลยให้ฉันทำความรู้จักกับคอนเน็คชั่นของแม่ไว้ก่อน” ซูชิงอธิบาย

 

 

“งั้น ฉันเป็นหนึ่งในคอนเน็คชั่นของเธอด้วยหรือเปล่า?”

 

 

ซูชิงผงะและพูดด้วยรอยยิ้มทันที “ใช่ นายเป็นด้ายที่ขาดไม่ได้เลยล่ะ”

 

 

“เธอต้องการใช้ฉันจับปลาตัวใหญ่?”

 

 

“ใช่!” ซูชิงตอบกลับมาทันที

 

 

“ตรงจริงๆ”

 

 

หัวหน้าซูยังคงเหล่ตาของเขามองไปที่หลินปู้ฟานอยู่ตลอด ในตอนนี้เขาอารมณ์เสียอย่างมาก เขาต้องการให้ลูกชายของเขาและซูชิงคบกันมาตลอด แต่ตอนนี้กลับมีเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาตัดหน้าลูกชายของเขาไป

 

 

“ผมอยากรู้จริงๆ ว่าครอบครัวของนักเรียนหลินคนนี้ทำธุรกิจอะไร? ถึงได้แต่งตัวดูไร้ระดับขนาดนี้” หัวหน้าซูพูดอย่างดูถูก

 

 

จางอี้หนี่ไม่คิดว่าหัวหน้าซูจะทำตัวแบบนี้ เธอพูดออกไปด้วยเสียงต่ำ “ไม่ว่าลูกสาวของฉันจะเลือกคบใคร ฉันก็ไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะมีตรงไหนที่เกี่ยวข้องกับหัวหน้าซูเลยหนิคะ”

 

 

“โอ้.. หัวหน้าจางเป็นคนใจกว้างขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? ถึงกับยอมปล่อยเรื่องใหญ่อย่างการแต่งงานให้เด็กตัดสินด้วยตัวเอง” หัวหน้าซูไม่พอใจ เขารู้สึกว่าจางอี้นี่ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย

 

 

“หัวหน้าซู เรื่องของลูกสาวของฉันอะไรๆ ก็ยังไม่แน่นอน ไม่มีใครรู้ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้น ฉันว่าตอนนี้ควรให้หัวหน้าหลี่ที่คุณพามาพูดเกี่ยวกับโครงการที่จะทำเงินให้เราก่อนดีกว่า

 

 

ถัดจากหัวหน้าซูคือหญิงสาวผู้ยั่วยวนในวัยสามสิบตอนปลาย ผมของเธอเป็นทรงหัวข้าวโพดดัดซึ่งเป็นที่นิยมมากในสมัยนี้และดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่หนึ่งพร้อมอายไลเนอร์เส้นหนา

 

 

ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่าหลี่เฉียนเป็นคนที่หัวหน้าซูพามา เธอเป็นผู้จัดการฝ่ายการลงทุนระหว่างประเทศของถงต้า หลี่เฉียนคนนี้ถือว่าไม่เลว บริษัทของเธอมีสำนักงานในหลายประเทศ

 

 

จางอี้นี่และคนอื่นๆ ไม่เคยได้ยินชื่อของ‘ถงต้าอินเตอร์เนชั่นแนล‘มาก่อน แต่เมื่อหลี่เฉียนพูดว่าบริษัทของเธออยู่ที่ชั้นบนสุดของอาคารสำนักงานเป่าหลง เธอก็รู้สึกกลัวขึ้นมาเพราะอาคารสำนักงานเป่าหลงแห่งนี้เป็นอาคารสำนักงานที่ดีที่สุดในหางโจวและค่าเช่าอาคารสำนักงานแห่งนี้ก็แพงที่สุดในหางโจวด้วย

 

 

เมื่อหลี่เฉียนบอกว่าไม่ได้เช่าแต่เป็นการซื้อชั้นบนสุดของอาคารสำนักงานเป่าหลงมาทั้งชั้น ทุกๆคนก็เคารพเธอมากยิ่งขึ้น

 

 

เจ้านายซูคนนี้พาหลี่เฉียนมาที่นี่เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นถึงหนทางแห่งความร่ำรวย

 

 

“ทุกคน ขอฉันพูดเกี่ยวกับโครงการนี้สักหน่อย สาขาของเราเพิ่งจะเปิดตัวในหางโจวและฉันถูกส่งมาเพื่อพัฒนาฐานลูกค้าที่นี่ บริษัทของเรามีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกาและมีความสำพันธ์กับ FU Foundation ,Prince Futures และวอลล์สตรีท บริษัทเราเป็นบริษัทเกี่ยวกับการลงทุน เรายอมรับการลงทุนจากบริษัทขนาดใหญ่เท่านั้น แต่ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อที่จะขยายขนาดของธุรกิจของเราและส่งเสริมเพื่อนร่วมชาติของเรา เราจึงเริ่มยอมรับการลงทุนจากบริษัทขนาดเล็ก…”

 

 

หลี่เฉียนพูดไม่รู้จบ เธอบอกว่าตราบใดที่ลงทุน 10,000 หยวนจะคืนกำไร 10% ภายในหนึ่งเดือนและให้ผลตอบแทน 20% ในหนึ่งปีและยังบอกอีกด้วยว่าตอนนี้ทางบริษัทได้ตั้งนักลงทุนไดม่อนขึ้นมา ใครก็ตามที่สามารถลงทุนครั้งเดียว 3 ล้านหยวนได้จะกลายเป็นนักลงทุนระดับไดม่อนทันทีและประโยชน์ที่นักลงทุนระดับไดม่อนจะได้รับก็คือนักลงทุนระดับไดม่อนจะได้รับ 2% ของกำไรที่ได้รับจากดาวน์ไลน์

 

 

ตัวอย่างเช่น นักลงทุนระดับไดม่อนมีดาวน์ไลน์ 100 รายดาวน์ไลน์หนึ่งรายลงทุน 10,000 หยวน นักลงทุนระดับไดม่อนก็จะสามารถดึงผลกำไร 200 หยวนมาเป็นของตัวเองได้ 200*100 ก็เท่ากับ 20,000 หยวน

 

 

หัวหน้าซูพูดอย่างมีชัยว่า “ฉันลงทุนไปแล้ว 100,000 หยวนเมื่อเดือนก่อนและฉันก็ทำกำไร 10,000 หยวนมาได้ในเดือนนี้ เพื่อประโยชน์ของทุกคนฉันจึงได้พาหัวหน้าหลี่มาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จัก”

 

 

เดิมทีแค่คำพูดของหลี่เฉียนก็ทำให้เจ้านายทุกคนในห้องนี้กระตือรือร้นอย่างมากแล้ว และเมื่อรู้ว่าหัวซูได้พิสูจน์แล้วดวงตาของทุกคนก็กลายเป็นสีแดง

 

 

หัวหน้าสองสามคนเริ่มกระซิบกันและคำนวนว่าจะทำเงินได้เท่าไร

 

 

หัวหน้าจ้าวก็ถูกล่อลวงเช่นกัน แต่เขาถามออกมาอย่างระมัดระวัง “การลงทุนนี้เสี่ยงไหม? จะไม่เสียเงินเหรอ?”

 

 

หลี่เฉียนแสร้งทำเป็นพูดอย่างมั่นใจว่า “บริษัทของเราทำธุรกิจร่วมกับรัฐบาลและสถาบันการเงินเช่นธนาคาร เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสูญเสียเงิน นอกจากนี้บริษัทของเราก็อยู่มาครึ่งศตวรรษแล้วด้วย ถ้าหากเราไม่แน่จริงคงอยู่มาไม่ได้จนถึงวันนี้ ดังนั้นโปรดมั่นใจ”

 

 

“หัวหน้าหลี่ผมจะไปธนาคารเพื่อโอนเงินในวันพรุ่งนี้ ผมจะลงทุนเพิ่มอีก 1 ล้านหยวน” หัวหน้าซูกล่าวอย่างภาคภูมิใจ

 

 

“ดี ตอนนี้บริษัทของเรามีโปรเจคใหญ่ๆ มากมายและมันก็สามารถทำกำไรได้มาก บริษัทเราเพียงบริษัทเดียวไม่สามารถดึงเงินของทั้งโลกมาได้ ดังนั้นเราควรจะร่วมมือกัน” หลี่เฉียนยกแก้วขึ้น “ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่การลงทุน เราจะเป็นผู้ชนะ”

 

 

“ขอบคุณครับคุณหลี่”

 

 

“เสี่ยวหลิน เธอคิดยังไงกับธุรกิจนี้” จางอี้นี่ถาม

 

 

หลินปู้ฟานยิ้มเยาะ “ป้าจาง ที่ป้าเรียกผมให้มากินอาหารเย็นที่นี่ เพราะป้าต้องการให้ผมแสดงให้คนอื่นเห็นใช่ไหม?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด