อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 26 ดาราดังในอนาคต

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 26 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 26 ดาราดังในอนาคต

 

 

ตลอดทั้งเกมลุงซูเฝ้าดูด้วยความตื่นเต้น และทุกครั้งที่บราซิลเปิดเกมลุกเข้ามา ลุงซูก็ภาวนาอยู่ในใจ: อย่าเข้าอย่าเข้าอย่าเข้า และเมื่อทีมฝรั่งเศสทำประตูได้อีกครั้งเขาก็กลายเป็นเหมือนกอริลลาที่ตบหน้าอกและคำรามออกมาด้วยความดีใจ

 

 

หลังจบเกมทั้งบาร์เต็มไปด้วยความตกตะลึงและเสียงโหยหวน

 

 

“มันต้องเป็นการล้มบอลแน่ มันต้องเป็นการล้มบอลแน่”

 

 

“มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!”

 

 

“หมดแล้ว… เงินของฉันหมดแล้ว… ฉันจะทำยังไงดี…”

 

 

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปได้ยังไง? พวกนั้นทำไม่ได้แม้แต่ประตูเดียว… “

 

 

“หมดแล้ว บ้านฉัน… รถฉัน…”

 

 

ในบาร์เต็มไปด้วย”ความหดหู่”คนเหล่านี้พนันฝั่งบราซิลทั้งหมดและบางคนถึงกับลงเดิมพันด้วยทั้งหมดที่ตัวเองมี

 

 

เมื่อผลจบลงที่ 3 ต่อ 0 พวกเขาราวกับตายทั้งเป็น

 

 

ลุงซูอ้าปากกว้างและจ้องไปที่คะแนนในทีวีอย่างว่างเปล่า เขายังตั้งสติตัวเองไม่ได้…

 

 

หลินปู้ฟานเห็นดวงตาที่ตกตะลึงของลุงซู เขายิ้มออกมา “ลุงซูเราไปกันเถอะครับ ที่นี่เสียงดังเกินไป”

 

 

หลังจากถูกเรียกหลายครั้ง ลุงซูก็ตื่นขึ้นจากความตกใจและถูกเติมเต็มด้วยความสุข

 

 

“เสี่ยวหลิน..” ลุงซูกอดหลินปู้ฟานอย่างแน่น “เรารวยแล้ว เรารวยแล้ว…”

 

 

ยี่สิบเท่าคือ 20 ล้าน

 

 

20 ล้านในปี 1998 เรียกได้ว่าเป็นคนรวยได้เลย

 

 

หลินปู้ฟานเองก็มีความสุขเช่นกันหลังจากได้รับเงิน

 

 

หลังจากออกจากบาร์ ลุงซูก็บังคับให้หลินปู้ฟานไปฉลองที่ไนต์คลับต่อ

 

 

หลินปู้ฟานเป็นคุณลุงที่อยู่ในคราบของเด็ก เมื่อเขาคิดว่ากำลังจะได้เข้าไนต์คลับอีกครั้งหัวใจของเขาก็รู้สึกคันขึ้นมา แต่เขาก็ยังต้องแสร้งทำเป็นพูดว่า “ผมยังอายุไม่ถึง”

 

 

“เธอมีบัตรประชาชนแล้วนะ เธอไม่ใช่เด็กๆ อีกต่อไปแล้ว เด็กในวัยเดียวกับเธอเขาก็ทำกันทั้งนั้น”

 

 

“ลุงจะพาผมไปทำอะไร?”

 

 

“เหอเหอ เดี๋ยวหลานก็รู้เอง มันเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นแน่นอน” ลุงซูลากหลินปู้ฟานไปขึ้นรถ

 

 

เมื่อมองไปที่รถ เขาก็รู้สึกอยากได้คันใหม่ขึ้นมา

 

 

“อืม… รถคันนี้ก็เก่าแล้วเหมือนกัน”

 

 

นอกจากทั้งสองแล้ว จางอี้หนี่กับลูกสาวของเธอก็ดูเกมนี้ด้วยเช่นกัน

 

 

“แม่… ฝรั่งเศสชนะจริงๆด้วย” ซูชิงพูดด้วยความประหลาดใจและมองไปที่แม่ของเธอ

 

 

จางอี้หนี่เองก็รู้สึกประหลาดใจมากเช่นกัน แต่ใบหน้าของเธอยังคงสงบนิ่ง “หลินปู้ฟาน เด็กคนนี้มีความสามารถในการทำนายอนาคตจริงๆ ชิงชิงในอนาคตชายคนนี้จะต้องยิ่งใหญ่มากแน่นอน ถ้าลูกได้คู่กับเขาลูกจะสบายไปทั้งชีวิต”

 

 

“แม่ไม่ต้องห่วง ลูกสาวของแม่ออกจะสวยและน่ารักขนาดนี้” ซูชิงยิ้มอย่างมีชัย

 

 

“ลูกสามารถอุทิศตัวเองได้นะ เมื่อจำเป็น”

 

 

“แม่… แม่… แม่พูดอะไรของแม่เนี่ย” ซูชิงวิ่งเข้าไปในห้องของเธออย่างเขินอาย

 

 

หลังจากเข้าไปในห้องซูชิงก็นึกถึงคำพูดของแม่อีกครั้ง ทั้งหูและแก้มของเธอก็กลายเป็นสีแดง

 

 

ในห้องนั่งเล่น ขณะนั่งดูทีวีจางอี้หนี่ก็บ่นพึมพำกับตัวเอง “ฉันน่าจะเดิมพันไปมากกว่านี้ ตอนนั้นดูเหมือนว่าหลินปู้ฟานบอกว่าเขาจะจ่ายเงินคืนภายในสามวัน แสดงว่าเขาลงเดิมพันในเกมนี้ไปถึง 6 ล้าน”

 

 

จางอี้หนี่เสียใจที่ไม่ได้วางเดิมพันมากกว่านี้

 

 

ฮงฮุยซูปเปอร์มาเก็ต

 

 

หลังจากที่หลินปู้ฟานซื้อตั๋วพนันบอลไป 6 ล้านหยวน ฮงฮุยก็คิดว่าหลินปู้ฟานอาจจะรู้ข้อมูลภายในบางอย่างมา เขาจึงลงเดิมพันตามหลินปู้ฟานไปด้วยเงิน 200 หยวน

 

 

หลังจบเกมฮงฮุยตบหัวตัวเองและคร่ำครวญ “ฉันมันโง่จริงๆ โง่จริงๆ ทำไมฉันถึงไม่ลงเดิมพันให้เยอะกว่านี้”

 

 

ฮงฮุยกรีดร้องอย่างเสียดายที่ลงเดิมพันไปเพียง 200 หยวน

 

 

ลุงซูพาหลินปู้ฟานไปที่ตึกแถวและซื้อชุดลำลองสุดหล่อให้กับเขา จากนั้นก็ขับรถไปที่ไนต์คลับชื่อ In the Mood for Love (ในห้วงอารมณ์แห่งรัก)

 

 

ไนต์คลับแห่งนี้เป็นอาคารสามชั้นที่มีป้ายไฟนีออนที่เป็นเอกลักษณ์ของยุคนี้ติดอยู่ เด็กหนุ่มสองคนในเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวยืนอยู่ที่ประตูเพื่อคอยต้อนรับแขก

 

 

ลุงซูเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ หลังจากที่ได้เห็นลุงซู พวกเขาก็เข้ามาทักทายและพาลุงซูไปที่ห้องที่จองไว้ทันที

 

 

ในเวลานี้ห้องแต่ละห้องยังไม่มีชื่อใดๆ เพื่อระบุระดับของห้องแต่ละห้อง หลังจากผ่านไปหลายปีห้องพวกนี้จะมีชื่อเพื่อระบุระดับของห้องเช่นห้องซูพรีม95 ห้องโกลด์โคลด์และห้องเซียนซื่อหมายเลขหนึ่ง

 

 

และยังมีกิมมิคที่เป็นชื่อของห้องที่มีระดับสูงขึ้นไปอีก

 

 

บนชั้นสาม หลินปู้ฟานเห็นผู้หญิงหุ่นดีสองสามคนในชุดสั้น กำลังเดินเข้าไปในห้อง

 

 

ลุงซูเปิดห้องขนาดกลาง

 

 

“เสี่ยวหลินไม่ต้องกังวล นี่มันพึ่งเริ่มเท่านั้น” ลุงซูกล่าวด้วยรอยยิ้มและสูบบุหรี่

 

 

ความจริงแล้ว หลินปู้ฟานไม่ได้มีความประหม่าใดๆ เลย แต่เขาก็ทำเป็นพยักหน้าอย่างไร้เดียงสา “ผมสบายดีครับ ผมคิดว่าน่าจะมีอะไรตื่นเต้นกว่านี้นะ”

 

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า … นี่สิลูกผู้ชาย”

 

 

กระบวนการของไนต์คลับไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แม่เล้าเดินเข้ามาพร้อมกับสาวๆ ในสังกัดของเธอ

 

 

หลินปู้ฟานขมวดคิ้วทันที เขาจ้องไปที่เด็กผู้หญิงตัวสูงที่ยืนอยู่ทางขวาสุด

 

 

นั่น… ไม่ใช่จางซินหยูงั้นเหรอ?

 

 

ในปี 2000 ละครเรื่อง “When Love Is Lost” ได้รับความนิยมไปทั่วประเทศ ละครเรื่องนี้ได้รับความนิยมเพราะดาราหลายคนและหนึ่งในนั้นก็คือจางซินหยู

 

 

หลังจากมีชื่อเสียง จางซินหยูก็ถูกขุดคุ้ยว่าเธอเคยทำงานเป็นน้องสาวมาก่อน เรื่องนี้เป็นกระแสอยู่พักหนึ่งก่อนที่ชื่อเสียงของเธอจะจบลง (น้องสาวคือน้องนั่งดื่ม)

 

 

หลินปู้ฟานเหล่มองไปที่จางซินหยูและหลังจากที่มองอยู่หลายครั้งเขาก็มั่นใจ เพราะเขาเคยดูภาพยนตร์เรื่อง When Love Is Lost หลายครั้งและเขาเองก็ปลื้มจางซินหยูที่เล่นเป็นนางเอกอย่างมาก

 

 

ลุงซูเห็นว่าหลินปู้ฟานมองไปที่จางซินหยูบ่อยๆ เขาจึงบอกกับแม่เล้าว่า “เอาคนที่อยู่ทางขวาสุดมาด้วย”

 

 

หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็เริ่มดื่มกัน

 

 

ตอนนี้ทั้งน้องสาวและลุงซูต่างก็ดื่มกันอย่างสนุกสนาน

 

 

“คุณชื่ออะไร?” หลินปู้ฟานถามจางซินหยู

 

 

“ตั่วตั้ว”

 

 

“เป็นชื่อที่ดีนะ” หลินปู้ฟานรู้ว่าน้องสาวของที่นี่ทุกคนต้องใช่นามแฝงอยู่แล้วเขาจึงไม่ได้ถามอะไรอีก

 

 

ความรู้สึกที่ได้พบกับไอดอลของตัวเองมันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก คุณต้องรู้ว่าหลังจากที่จางซินหยูกลายเป็นดาราดังแล้ว ถ้าหากคุณต้องการให้เธอมาปรนนิบัติคุณแบบนี้ คุณก็ต้องเป็นเศรษฐีเท่านั้น

 

 

“คุณดูตัวเล็กมากเลยนะ” หลินปู้ฟานพูดพร้อมกะพริบตา

 

 

“นั่นเป็นคำชมเหรอหนุ่มน้อย…” เธอหัวเราะออกมาอย่างน่ารัก

 

 

หลังจากคุยกันไปสักพัก วิธีการพูดของจางซินหยูก็เปลี่ยนไป “หนุ่มน้อย เธอเพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกเหรอ?”

 

 

หลินปู้ฟานยิ้ม “เป็นเพราะผมดูเด็กหรือเป็นเพราะว่าผมไม่ได้แตะต้องตัวคุณเลยที่ทำให้คุณคิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่นี่?”

 

 

ลุงซูกอดเด็กสาวของเขาและขยำหน้าอกของเด็กสาวคนนั้นอย่างเต็มมือ การกระทำที่น่าตื่นเต้นของทั้งสองคนสอดคล้องกับบรรยากาศของสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างดี ส่วนหลินปู้ฟานกับจางซินหยูนั้นกลับทำเหมือนว่า ทั้งสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่ในร้านกาแฟมากกว่า

 

 

ไม่ใช่ว่าหลินปู้ฟานไม่ต้องการจะทำแบบนั้น แต่เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับไอดอลของเขามันก็ทำให้เขามีความรู้สึกประหม่า

 

 

“ใช่ ไม่มีแขกคนไหนที่มาที่นี่เพียงเพื่อมานั่งชมดอกไม้แบบคุณหรอก การกระทำของคุณนั้นทำให้พี่สาวคนนี้รู้สึกแปลกใจอย่างมาก” จางซินหยูยิ้มด้วยเสน่ห์ของผู้ใหญ่และโน้มตัวเข้าไป “เรามาเล่นเกมกันไหม? คนที่แพ้ต้องดื่มนะ น้องชาย”คอ”แข็งหรือป่าว?”

 

 

หลินปู้ฟาน เหยียดนิ้วออก

 

 

“หนึ่งขวด?”

 

 

“ใช่!”

 

 

“น้องชายจะไหวเหรอ?”

 

 

หลินปู้ฟานยิ้ม “ได้หมด”

 

 

จางซินหยูหัวเราะหลังจากที่ได้ยิน เพราะคำพูดแบบนี้จะมีใช้กันแค่ในอนาคตเท่านั้น “หนุ่มน้อย เธอนี่น่าสนใจจริงๆ”

 

 

“ผมยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกมากเลยล่ะครับ พี่สาวค่อยๆ คลำหาไปก็แล้วกัน”

 

 

“ตกลง หากเธอตามเจ้านายของเธอมาที่นี่อีกในอนาคตอีก เธอก็อย่าลืมเรียกใช้พี่สาวคนนี้ก็แล้วกัน”

 

 

“เจ้านาย?” หลินปู้ฟานเลิกคิ้ว

 

 

“หัวหน้าซูเป็นเจ้านายของเธอไม่ใช่เหรอ?” ในสายตาของจางซินหยู หลินปู้ฟานเป็นเพียงแค่ผู้ติดตามของลุงซูเท่านั้น

 

 

หลินปู้ฟานไม่ได้อธิบายตัวเอง “ฮ่าฮ่าฮ่าแน่นอนๆ เขาเป็นเจ้านายของผมเอง จากนี้ไปผมจะขอให้เจ้านายพาผมมาที่นี่ด้วยบ่อยๆ”

 

 

“เธอรับปากแล้วนะ เมื่อเธอมาที่นี่อีกครั้งเธอต้องเรียกหาพี่สาวคนนนี้เท่านั้นนะ”

 

 

“แน่นอน!”

 

 

บรรยากาศดีขึ้นและทั้งสองก็เริ่มเล่นเกมทอยลูกเต๋ากัน

 

 

ในขณะที่กำลังเล่นอยู่ประตูก็ถูกเปิดออก ชายขี้เมาตัวอ้วนเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าท้วมของเขาที่มันเยิ้ม กางเกงขายาวของเขามีรอยขาดขนาดใหญ่เผยให้เห็นกางเกงในบ็อกเซอร์ครึ่งตัว

 

 

“หัวหน้าซู ผมได้ยินมาว่าคุณได้รับเงินเป็นจำนวนมาก ผมจึงมาที่นี่เพื่อแสดงความยินดีกับคุณ” ชายอ้วนรินเหล้าให้หนึ่งแก้ว

 

 

“หัวหน้าหวัง ผมก็แค่ได้รับเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันเทียบไม่ได้กับธุรกิจขนาดใหญ่ของคุณหรอกครับ” ลุงซูพูดอย่างสุภาพทั้งที่ตอนนี้ลุงซูมีเงินมากกว่าหัวหน้าหวังหลายสิบล้าน

 

 

“หัวหน้าซู ผมได้ยินมาว่าคุณมีของดีอยู่” หัวหน้าหวังหรี่ตาอย่างอิจฉา “ถ้ามีข้อมูลอะไรดีๆ อีก อย่าได้ลืมพาน้องชายคนนี้ไปด้วย”

 

 

ลุงซูยิ้มอย่างดูถูก พาแกไปด้วย? ฝันไปเถอะ ก่อนที่เกมจะเริ่มแกยังเยาะเย้ยฉันอยู่เลย

 

 

“อืมแน่นอน ถ้ามีโอกาสเช่นนี้อีกในอนาคตผมจะพาคุณไปด้วยแน่นอน” ลุงซูตอบผ่านๆ

 

 

“ดี! ดื่ม!”

 

 

หลังจากดื่มหมดแก้ว หัวหน้าหวังก็กวาดสายตาไปเห็นจางซินหยู “เธออยู่ที่นี่นี่เอง หัวหน้าซูไหนๆ วันนี้พี่ก็ได้รางวัลใหญ่ไปแล้ว พี่จะเลี้ยงผู้หญิงให้น้องชายคนนี้สักคนจะได้ไหม?”

 

 

จางซินหยูแสดงสีหน้าเบื่อหน่าย

 

 

“เอาล่ะ ฉันจะบอกให้แม่เล้าส่งสาวๆ ไปที่ห้องของคุณทีหลัง” ลุงซูกล่าว

 

 

“ไม่! ผมต้องการเด็กสาวคนนี้” หัวหน้าหวังชี้ไปที่จางซินหยู “ครั้งก่อนฉันเมามากจนปล่อยให้เธอหลุดมือไป คืนนี้เธอต้องไปกับฉัน ฮ่าฮ่าฮ่า..”

 

 

หัวหน้าหวังเอื้อมมือไปคว้าข้อมือของจางซินหยู แต่ก็ถูกหลินปู้ฟานคว้าข้อมือเอาไว้

 

 

“คุณตาบอดหรือไง? คุณไม่เห็นเหรอว่าเธอมากับผม?” หลินปู้ฟานกล่าวด้วยใบหน้าเคร่งขรึม

 

 

จางซินหยูถึงกับผงะ เธอไม่คิดว่าผู้ติดตามคนนี้จะมีความกล้าหาญขนาดนี้

 

 

“แกเป็นใคร? แกมีสิทธิอะไรมาพูดกับฉันแบบนี้” หัวหน้าหวังหันหน้ามาทางเขาด้วยความโกรธและพูดกับลุงซู “หัวหน้าซู คุณไปเก็บไอ้เด็กนี่มาจากไหน?”

 

 

ดวงตาของลุงซูแข็งขึ้นมา “หัวหน้าหวังคุณช่วยระวังคำพูดของคุณด้วย เขาเป็นน้องชายของผม ถ้าคุณยังไม่ให้เกียรติเขา ผมจะทำให้คุณเสียใจที่เดินเข้ามา”

 

 

คนในแวดวงต่างก็รู้ว่าลุงซูนั้นเคยเป็นนักเลงใหญ่มาก่อน

 

 

หัวหน้าหวังสร่างเมาไปครึ่งหนึ่งทันที เขามองไปที่หลินปู้ฟานด้วยความงุนงงก่อนจะก่นด่าออกมา “ก็อีแค่ผู้หญิงหาเงิน ฉันก็ไม่ได้อยากได้อะไรขนาดนั้นหรอก”

 

 

หลังจากพูดเสร็จเขาก็เดินโซเซออกจากห้องไป

 

 

ใบหน้าของจางซินหยูอับอาย น้ำตาแห่งความเสียใจไหลลินออกจากดวงตาของเธอ เธอหันหน้าออกไปเช็ดน้ำตาและหันกลับมายิ้ม “เรามาเล่นลูกเต๋าต่อกันเถอะ”

 

 

หลังจากเที่ยงคืนเมื่อดื่มเสร็จ ลุงซูก็กอดเด็กสาวของเขาและโบกมือลาเดินจากไป

 

 

“ผมคงต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านเองซะแล้วสิ” หลินปู้ฟานพูด

 

 

“ไปส่งฉันที่บ้านก่อนได้ไหม?”

 

 

หลินปู้ฟานเกาคาง เขาพอใจที่จะได้อยู่กับจางซินหยูอีกสักพัก

 

 

“ได้สิครับ!”

 

 

ทั้งสองนั่งแท็กซี่มาถึงประตูที่พักของจางซินหยู ชุมชนนี้เป็นชุมชนเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงปี 1980 ทำเลแถวนี้ราคาถูกเลยทำให้ห้องเช่าแถวนี้ราคาถูกไปด้วย แค่ดูก็รู้ว่าจางซินหยูคนนี้กำลังประหยัดเงินอยู่

 

 

“ถึงแล้ว..” หลินปู้ฟานกล่าวเบาๆ

 

 

จางซินหยูกัดริมฝีปากของเธอและมองไปที่หลินปู้ฟานด้วยดวงตาที่พร่ามัว “คุณจะเข้ามาดื่มชาในบ้านฉันก่อนก็ได้นะ”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด