อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 47 ยืมเงิน

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 47 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 47 ยืมเงิน

 

 

หลังจากที่ฟังนักโบราณคดีพูดแล้ว หลินปิงก็โมโหขึ้นมาทันที “อีเด็กคนนี้ แกรู้ไหมว่าฉันอายุเท่าไหร่แล้วแกอายุเท่าไหร่ห๊ะ? ฉันบอกว่าขุดไม่ได้ก็ขุดไม่ได้สิ ไม่เข้าใจหรือไง?”

 

 

“ถ้าหากว่าขุดพบสมบัติมากกว่านี้ ที่นี่ก็จะต้องเป็นที่นิยมมากขึ้นแน่ๆ”

 

 

“ใช่ ทำไมเราถึงจะขุดกันไม่ได้ล่ะ?”

 

 

“พี่น้อง เรากลับบ้านไปขุดหาสมบัติที่บ้านกันเถอะ”

 

 

ชาวบ้านในหมู่บ้านหลิงซานแยกย้ายกันไปทันที บางคนไปขุดที่บ้านของตัวเองบางคนก็ไปที่ที่ดินของตนเองและเริ่มขุดหาสมบัติ

 

 

นักโบราณคดีและเจ้าหน้าที่ของรัฐเห็นว่าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วจึงรีบโทรหาหัวหน้าทันที

 

 

การก่อตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจหลิงซานกำลังจะถูกเริ่มขึ้น ไม่ใช่ชุมชนอุตสาหกรรมหรือเมืองการค้า แต่เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์

 

 

เมื่อชาวบ้านเริ่มไปขุดกันเองก็จะมีโอกาสอย่างมากที่จะทำให้วัตถุโบราณเสียหาย และอาจจะมีบางคนที่ขุดบางอย่างขึ้นมาได้แล้วไม่ส่งคืนให้รัฐบาลด้วย

 

 

ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงต่อมา คนงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลจำนวนมากที่ประจำอยู่ในหลิงซานและคณะกรรมการหมู่บ้านของหลิงซานก็เริ่มเกณฑ์ชาวบ้านออกจากพื้นที่

 

 

หลังจากนั้นสามวันก็ได้ข้อสรุปว่าหลิงซานเป็นที่ตั้งของสถาบันการศึกษาอันเก่าแก่ในอดีต ลานที่กู่ซิวเยว่ชื้อไปก็เป็นที่ตั้งหลักของสถาบันการศึกษาอันเก่าแก่ และอาคารด้านในลานก็มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสองร้อยปี แม้ว่าสิทธิ์ในทรัพย์สินของลานจะเป็นของกู่ซิ่วเยว่แต่รัฐบาลก็จำกัดไม่ให้เธอได้ขายพวกมัน กล่าวอีกในหนึ่งคือบ้านและลานแห่งนี้ได้เป็นของรัฐบาลแล้ว

 

 

หลังจากนั้นก็มีการค้นพบศิลาจารึกและหนังสืออีกนับพันเล่ม รวมถึงชุดของโบราณในบ้าน ของเหล่านี้เป็นวัตถุทางวัฒนธรรมที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างมาก

 

 

หนึ่งสัปดาห์ต่อมา หลิงซานได้ถูกระบุให้เป็นเขตสงวนทางประวัติศาสตร์อย่างเป็นทางการ รัฐบาลเริ่มเข้ามาเทคออฟกิจการของผู้ที่อาศัยอยู่ในหลิงซาน

 

 

รัฐบาลเข้าซื้ออสังหาริมทรัพย์ในมือของนักธุรกิจที่เคยลงทุนในหลิงซานคืนในราคาเดิม เท่ากับว่าพวกเขาต้องลงทุนฟรีๆ ไปกว่า 2 เดือน

 

 

กู่ซิ่วเยว่รู้สึกตกใจมากกับเรื่องนี้ หลังจากรู้เรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอก็รีบโทรหาจางอี้หนี่ทันทีและถามจางอี้หนี่ว่ารู้เรื่องพวกนี้มาแต่แรกแล้วใช่ไหม?

 

 

จางอี้หนี่ตอบกลับอย่างช่วยไม่ได้ว่าพี่ได้รับข่าวจากวงในว่าสถานที่แห่งนั้นเคยเป็นสถานศึกษาหลิงซานในอดีต พี่พยายามบอกเธอแล้วแต่เธอก็ไม่ยอมฟังพี่เลย

 

 

กู่ซิ่วเยว่พูดไม่ออก จางอี้หนี่พยายามเตือนเธอแล้วจริงๆ

 

 

ส่วนหลินปิงนั้นน่าอนาถกว่ามากเพราะอาคารกว่า 6 หลังที่เธอซื้อมี 3 แห่งที่ไม่ใช่สิทธิ์ในทรัพย์สินอย่างชอบธรรม

 

 

หลินปิงใช้ร้านค้าและบ้านของเธอค้ำเงินกู้มา 2 ล้านจากธนาคารเพื่อนำมาซื้อบ้าน 3 หลัง แต่เธอยังรู้สึกไม่พอใจเธอจึงไปขอยืมเงินจากพี่คนรองและพี่ชายคนที่สามมาอีก 1 แสนและกู้เงินจากฉลามเงินกู้เพิ่มอีก 2 ล้าน เพื่อนำมาซื้อบ้านเพิ่มอีก 3 หลังโดยที่เธอไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่า บ้านทั้ง 3 หลังนั้นจะเป็นบ้านที่ออกหลักฐานขึ้นมาอย่างผิดกฎหมาย รัฐบาลจึงไม่สามารถชดเชยให้เธอได้ (ฉลามเงินกู้ – เงินนอกระบบ)

 

 

ข่าวการจัดตั้งเขตพัฒนาได้แพร่กระจายออกไปตั้งแต่ต้นเดือนกันยายน ทำให้การซื้อและขายอสังหาริมทรัพย์ในหลิงซานร้อนแรงอย่างมาก บางคนก็เข้ามาหาผลประโยชน์จากคนที่เข้ามาลงทุนเหมือนกับคนที่ขายบ้านทั้ง 3 หลังให้กับหลินปิง คนเหล่านั้นไม่ใช่ชาวบ้านของหลิงซานพวกเขาเพียงแค่เข้ามาเช่าอาคารจากนั้นก็ปลอมแปลงเอกสารและรีบหนีไปหลังจากหลอกขายให้หลินปิงสำเร็จ

 

 

หลินปิงตกตะลึง เธอรีบไปหาเหอหยวนเซียงเพื่อให้รับผิดชอบเรื่องนี้ทันทีและมันก็ทำให้เหอหยวนเซียงไม่พอใจอย่างมาก เหอหยวนเซียงไม่ได้เป็นคนที่หลอกเธอเพราะเหอหยวนเซียงเองก็ลงทุนในหลิงซานไปจำนวนมากด้วยเหมือนกัน

 

 

“เธอจะให้ฉันรับผิดชอบอะไร? ฉันบอกข่าวนี้กับเธอด้วยความหวังดีและฉันก็ไม่รู้มาก่อนเลยด้วยว่าหลิงซานจะกลายเป็นพื้นที่คุ้มครองแบบนี้ ใครใช้ให้เธอโลภมากไปกู้ยืมเงินมามากมายขนาดนั้นล่ะ? ฉันเหรอ?” เหอหยวนเซียงไม่ได้เจ็บมากเท่าไหร่เพราะเธอไม่ได้โลภมากจนถึงกับต้องกู้เงินมาลงทุน

 

 

“พี่หยวนเซียง พี่สาวที่แสนดี ฉันผิดเองที่พูดไปแบบนั้น ตอนนี้ฉันถูกพวกฉลามเงินกู้ตามทวงเงินแล้ว พี่ช่วยให้ฉันยืมเงินหน่อยได้ไหม?” หลินปิงวิงวอน

 

 

“เงินทั้งหมดของฉันถูกดูแลโดยสามี ฉันไม่มีเงินให้เธอยืมหรอก ไปหาคนอื่นเถอะ” เหอหยวนเซียงขับไล่หลินปิงออกไป

 

 

หลังจากหลิงซานกลายเป็นพื้นที่คุ้มครอง ราคาที่อยู่อาศัยของกุ้ยซานก็พุ่งสูงขึ้นเพราะรัฐบาลเปลี่ยนแผนพัฒนาไปที่กุ้ยซานแทน

 

 

กลับมาที่ภูเขา

 

 

บ้านของหนิงเทียนหนาน

 

 

“เสี่ยวหลินเธอเป็นเหมือนกับเทพเจ้าจริงๆ เพราะตอนนี้หลิงซานได้กลายเป็นพื้นที่คุ้มครองแล้ว ทำให้บ้าน 102 หลังในมือของพวกเราตอนนี้ราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่าในพริบตา” ลุงซูพูดออกมาอย่างตื่นเต้น

 

 

“ลุงซู ไพ่ที่สำคัญที่สุดในมือของเราไม่ใช่บ้านพวกนั้น แต่เป็นพื้นที่รกร้างของกุ้ยซาน เพราะราคาของพื้นที่รกร้างนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10 เท่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็นสร้างชุมชนเล็กๆ หรือจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่เราก็จะสามารถทำเงินได้มากมายทั้งนั้น” หลินปู้ฟานหยุดไปสักพัก เขาคิ้วขมวดแน่นและพูดต่อ “ผมกังวลพวกนักพัฒนาที่อาจจะต้องการพื้นที่รกร้างของเรามากกว่า”

 

 

“ขั้นตอนทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์หมดแล้ว พวกนักพัฒนาเหล่านั้นไม่สามารถบังคับซื้อพวกมันไปจากเราได้แน่นนอนและถ้าพวกนั้นกล้ามา ลุงรับรองเลยว่าเรื่องนี้ต้องจบไม่สวยแน่นอน” ลุงซูแสยะยิ้ม

 

 

จางอี้หนี่จิบชา “มีคนของรัฐอยู่เบื้องหลังบริษัทขนาดใหญ่เหล่านั้น หมากเกมนี้จะเล่นได้มากน้อยเพียงใดฉันก็ยังไม่รู้”

 

 

“ก่อนจะไปถึงขั้นนั้น ตอนนี้เราคงต้องพูดคุยเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนบ้านกับบริษัทพวกนั้นกันก่อน ส่วนที่เหลือค่อยว่ากันทีหลัง” หลินปู้ฟานตัดสินใจ

 

 

“ตกลง เอาตามที่เสี่ยวหลินว่า”

 

 

หลังจากหลินเจิ้งตงได้รับค่าต้นฉบับ 3 ล้านของหลินปู้ฟาน เขาก็ไปไล่คืนเงินที่เขาเคยยืมมาก่อนหน้านี้

 

 

เพื่อนเก่าที่ให้หลินเจิ้งตงยืมเงินไป 1 หมื่นหยวนหลังจากที่หลินเจิ้งตงจ่ายคืน เพื่อนเก่าคนนี้ก็ถามด้วยความประหลาดใจว่าเขาหาเงินมาจ่ายคืนได้เร็วขนาดนี้ได้อย่างไร?

 

 

หลินเจิ้งตงเกือบจะหลุดปากบอกว่านี่เป็นค่าต้นฉบับของลูกชายของเขา แต่เขาก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าลูกชายของเขาได้เซ็นสัญญาไม่เปิดเผยข้อมูลกับสำนักพิมพ์ฉางเจียงไปแล้ว เขาจึงไม่สามารถพูดเรื่องนี้ออกไปได้

 

 

เขาจึงบอกไปว่าเขาถูกลอตเตอรี่แทน

 

 

เพื่อนร่วมชั้นคนเก่าและพี่ชายคนโตของหลินเจิ้งตงทำงานในหน่วยเดียวกัน เมื่อพวกเขาทานอาหารกลางวันและคุยกันในตอนเที่ยง เขาก็เล่าเรื่องของหลินเจิ้งตงที่ถูกลอตเตอรี่ให้ฟัง

 

 

อย่างที่เคยบอกไปก่อนหน้านี้ หลินปิงได้ยืมเงินจากพี่ชายคนโตของเธอ”หลินเจิ้งกั๋ว”และพี่ชายคนที่สาม”หลินเจิ้งจุน”ไป 1 แสนหยวน

 

 

หลินปิงสัญญาว่าตราบใดที่หลิงซานได้รับการพัฒนาเธอจะคืนเงินให้พวกเขา 1 แสนหยวนพร้อมกับกำไรแน่นอน

 

 

ไม่กี่วันที่ผ่านมาเมื่อหลินเจิ้งกั๋วเห็นข่าวในทีวีว่าหลิงซานได้กลายเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่มีชื่อเสียงไปแล้ว เขาร้อนรนและขอให้หลินปิงจ่ายเงินคืนทันที แต่หลินปิงก็หามาคืนให้ไม่ได้

 

 

หลังจากที่รู้ว่าหลินเจิ้งตงถูกลอตเตอรี่ หลินเจิ้งกั๋วก็โทรบอกหลินปิงว่าน้องคนเล็กถูกลอตเตอรี่และบอกให้เธอไปขอยืมเงินจากหลินเจิ้งตงมาเพื่อนำมาคืนเขา

 

 

หลินปิงถูกฉลามตามทวงหนี้ทุกวันจนประตูบ้านของเธอถูกทาด้วยสีแดงและมีข้อความเขียนว่า”ใช้หนี้ทั้งหมดซะ”ถ้าไม่จ่ายก็บอกลาครอบครัวไว้ได้เลย

 

 

หลินปิงมาที่บ้านเช่าของหลินเจิ้งตงด้วยท่าทางหมดหวัง

 

 

ตอนนี้เป็นเวลาเย็นแล้ว หลินปิงเคาะประตูบ้านอย่างหดหู่

 

 

เมื่อเห็นหลินปิงมาอย่างกะทันหัน หลินเจิ้งก็ตงตะลึงไปชั่วขณะ “พี่สาว พี่มาทำอะไร?”

 

 

“พี่… พี่มาเยี่ยมน้อง” หลินปิงถือกระเช้าผลไม้ในมือของเธอและเดินเข้าไปในบ้าน

 

 

หลังจากเห็นความเรียบง่ายและขนาดของห้องเช่า หลินปิงก็สงสัยขึ้นมาว่าน้องเล็กของเธอถูกหวยจริงๆ เหรอ?

 

 

ทำไมเขาถึงยังอาศัยอยู่ในสถานที่แบบนี้อีก?

 

 

หลินปู้ฟานอ่านหนังสือในมือโดยไม่สนใจหลินปิงราวกับว่าเธอเป็นอากาศธาตุ

 

 

หลินปิงพูดอย่างเชื่องช้า “ตอนนี้ซิวเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”

 

 

“เธอถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่ต่างประเทศและน่าจะกลับมาในเดือนหน้า” หลินเจิ้งตงรินน้ำให้หลินปิง

 

 

หลินปิง”ว้าว”ในใจ

 

 

ส่งไปรักษาที่ต่างประเทศ?

 

 

นั่นต้องเสียเงินเป็นจำนวนมากและก็สามารถรักษาให้หายขาดได้ ราคาการปลูกถ่ายไตนั้นไม่ใช่น้อยๆ เลย ดูเหมือนว่าน้องเล็กจะถูกลอตเตอรี่จริงๆ และก็น่าจะถูกรางวัลใหญ่ซะด้วย

 

 

“น้องเล็ก พี่กังวลมาโดยตลอดจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ พี่รู้สึกผิดจริงๆ ตอนที่น้องเล็กมาขอยืมเงินพี่ตอนที่ซิวเยว่ป่วยหนัก แต่พี่กลับไม่ได้ช่วยอะไรน้องเลย พี่ช่างเป็นพี่สาวที่แย่จริงๆ น้องเล็กพี่มาที่นี่เพื่อขอโทษน้องเรื่องในวันนั้น วันนี้พี่หวังว่าน้องจะให้อภัยพี่สาวนิสัยแย่คนนี้สักครั้ง” หลินปิงแสร้งเช็ดน้ำตาของเธอ เพราะความจริงไม่มีน้ำตาเลย

 

 

แต่หลินเจิ้งตงกลับเชื่อว่ามันคือความจริงและคิดว่าพี่สาวของเขารู้สึกผิดจริงๆ

 

 

“พี่สาว นั่นมันเป็นอดีตไปแล้วและตอนนี้โรคของซิ่วเยว่ก็หายแล้วด้วย อย่าได้พูดถึงมันอีกเลย”

 

 

“ขอบคุณ ขอบคุณจริงๆ น้องเล็กพี่สาวคนนี้จะปฏิบัติต่อน้องอย่างดีในอนาคต”

 

 

หลินปู้ฟานไม่สามารถกลั้นความรังเกียจในใจได้ หลินปิงคนนี้สามารถโกหกพ่อของเขาได้แต่ไม่สามารถหลอกเขาได้

 

 

“ป้า ป้ามาที่นี่ทำไมพูดมาตรงๆ เลยดีกว่าครับ อย่าอ้อมค้อม” หลินปู้ฟานพูดอย่างเคร่งขรึม

 

 

“โอ้ … ที่จริง … ป้าก็มีอะไรจริงๆ ป้าต้องการขอความช่วยเหลือจากพ่อของหลาน” หลินปิงพูดอย่างคลุมเครือ

 

 

“พี่สาว ต้องการให้ผมช่วยอะไรเหรอ?”

 

 

“น้องเล็ก น้องถูกลอตเตอรี่ใช่ไหม?”

 

 

หลินเจิ้งตงตื่นตัว

 

 

“พี่สาวจะมาขอยืมเงิน?”

 

 

“ใช่ แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร” หลินเจิ้งตงกล่าว

 

 

“น้องเล็กให้พี่ยืมสัก 2 ล้านได้ไหม? พี่จะคืนให้เป็นสองเท่าเลย”

 

 

“หือ? 2 ล้าน?” หลินเจิ้งตงสะดุ้ง

 

 

หลินปู้ฟานวางหนังสือลง เขามองไปที่หลินปิงอย่างอย่างดูถูกและพูดประชดประชันออกมา “คุณป้า ธุรกิจของคุณใหญ่โตมากไม่ใช่เหรอครับ? จำเป็นที่จะต้องมาขอยืมเงินจากครวบครัวจนๆ อย่างเราด้วยเหรอ?”

 

 

“น้องเล็กพี่ไปเจอโครงการที่ดีแต่สภาพคล่องในมือพี่ไม่เพียงพอ ช่วยให้พี่ยืมสัก 2 ล้านเถอะนะ พี่จะจ่ายคืนให้น้องในสามวันและพี่จะให้ดอกเบี้ยเพิ่มไปอีก 5 หมื่นหยวนอีกด้วย น้องคิดว่าไง?” หลินปิงไม่ได้วางแผนที่จะจ่ายคืนอยู่แล้วเพราะเธอมาที่นี่เพื่อจะหลอกเงินของหลินเจิ้งตงตั้งแต่แรก

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด