อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 51 ตั๊กแตนตำข้าวจับจักจั่น

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 51 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 51 ตั๊กแตนตำข้าวจับจักจั่น

 

 

ในชีวิตที่แล้วของหลินปู้ฟานมีหลายครั้งที่การแข่งขันทางการค้ากลายเป็นอาชญากรรม

 

 

เพื่อแย่งชิงร้านค้าเพื่อซื้อกิจการจากบางบริษัท หลายๆ คนถึงกับยอมทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มันมา

 

 

และครั้งนี้ที่จางอี้หนี่หายตัวไปอย่างกะทันหันและไม่สามารถติดต่อได้ มันก็ทำให้เถิงเฟยไม่ไม่มีทางเลือก เพราะทุกวันที่ล่วงเลยไปนั้น เถิงเฟยกรุ๊ปจะสูญเสียเงินค่าดอกเบี้ยจำนวนมากไปอย่างสูญเปล่า แต่ถึงอย่างนั้นหลินปู้ฟานก็ไม่คิดว่าเถิงเฟยจะคิดสั้นจนใช้วิธีนี้เลยจริงๆ

 

 

5 โมง 20 นาที ซูชิงและหลินปู้ฟานเดินออกจากประตูโรงเรียน ในตอนนี้หน้าโรงเรียนว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลยแม้แต่คนเดียว

 

 

สองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเองก็ไม่อยู่แล้ว

 

 

“ซูชิงถ้าเธอกลัวเธอไม่ต้องฝืนตัวเองก็ได้นะ ฉันจะไปส่งเธอกลับบ้านเอง” หลินปู้ฟานถามซูชิงอีกครั้ง

 

 

“เพื่อบริษัท เพื่อแม่และนายฉันทำได้และนายเองก็อยู่ตรงนี้ทั้งคน ฉันไม่กลัวอะไรอยู่แล้ว” ซูชิงกัดฟันของเธอและพูดอย่างดื้อดึง

 

 

หลินปู้ฟานรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “เธอไม่กลัวจริงๆ เหรอ? “

 

 

“ไม่!”

 

 

“ดี เดี๋ยวพอออกไปแล้วให้เธอเดินไปทางขวานะ จำที่ฉันบอกได้ไหม? ถ้ามีใครเข้ามาจับตัวเธออย่าได้ขัดขืนปล่อยให้พวกมันจับเธอไป ลุงซูที่ดักรออยู่ที่สวนกับฉันจะตามเธอไปแน่นอนไม่ต้องกลัว ฉันไม่มีวันปล่อยให้เธอเป็นอะไรแน่นอน”

 

 

“ได้… ฉัน… ฉันทำได้ไม่ต้องห่วง” ความจริงแล้วซูชิงรู้สึกกลัวมากๆ แต่เธอก็อยากจะทำให้หลินปู้ฟานประทับใจ

 

 

ทั้งสองแยกจากกัน หลินปู้ฟานเดินไปหาลุงซูที่ทางเข้าของสวนเล็ก

 

 

“เสี่ยวหลิน เกิดอะไรขึ้น? ” ลุงซูเป็นกังวล

 

 

“ไว้ผมจะเล่าให้ฟัง ตอนนี้รีบไปขึ้นรถก่อนเร็วเข้า”

 

 

ด้วยการโบกมือของลุงซู คนของเขาหลายสิบคนก็เข้าไปในรถที่เตรียมไว้

 

 

หลินปู้ฟานและลุงซูนั่งอยู่ในรถมงกุฎ ส่วนคนที่เหลือนั่งในรถตู้สามคัน

 

 

เมื่อขึ้นรถออกมาหลินปู้ฟานก็เห็นซูชิง

 

 

ซูชิงกุมหน้าอกของเธอและเดินตัวสั่นอยู่บนถนน พระอาทิตย์ใกล้จะตกดินแล้ว จึงทำให้มองเงาของเธอทอดยาวออกไป

 

 

ภายในรถมงกุฎลุงซูถามอย่างกระตือรือร้น “นั่นซูชิงหนิ เกิดอะไรขึ้น? “

 

 

“ผมคิดว่าเถิงเฟยกรุ๊ปต้องการจะข้ามกำแพงด้วยทางลัดโดยอาศัยซูชิง”

 

 

ลุงซูเป็นนักเลงมาก่อน เขาเข้าใจสิ่งที่หลินปู้ฟานพูดทันที “ไอ้หมาเย็*แม่ พวกมันหาจางอี้หนี่ไม่เจอก็เลยเล็งมาที่ซูชิงแทนสินะ พวกมันคงคิดจะใช้เธอเพื่อบังคับให้จางอี้หนี่ขายบ้านให้พวกมัน”

 

 

“เป็นไปได้สูงมากครับ เพราะครึ่งชั่วโมงก่อนผมเห็นชายสองคนสวมหมวกแก๊ปดักรออยู่ที่ประตูโรงเรียน พวกนั้นคอยแอบมองเข้าไปในโรงเรียนตลอด ผมรู้สึกไม่ดีผมก็เลยขอให้ลุงมาช่วย”

 

 

ในตอนนั้นเอง หลินปู้ฟานก็เห็นชายหนุ่มสองคนที่สวมหมวกแก๊ปเดินเข้ามาทางซูชิง

 

 

“นักเรียน เธอรู้ทางไปถนนจางเหมินไหม?” หนึ่งในหมวกแก๊ปถาม

 

 

หัวใจของซูชิงเต้นอย่างหวาดกลัวจนเธอไม่กล้าหันไปมองหมวกแก๊ปทั้งสอง

 

 

หมวกแก๊ปทั้งสองมองหน้ากันและเข้ามาปิดทางของซูชิง

 

 

“พวกคุณต้องการอะไร? ” ซูชิงถามด้วยเสียงสั่น

 

 

ทันใดนั้นรถรุ่นเซียลี่ที่ขับมาด้วยความเร็วก็เข้ามาจอดอยู่ข้างๆ เสียงดัง”เอี๊ยดดดด”พร้อมกับเปิดประตูหลังออกมา ชายในหมวกแก๊ปทั้งสองรีบจับตัวของซูชิงโยนเข้าไปในรถทันที

 

 

รถรุ่นเซียลี่รีบขับออกที่ทางแยก

 

 

“ตามไป!” หลินปู้ฟานตะโกนออกมา

 

 

ลุงซูรีบเหยียบคันเร่งตามไปทันที และคนที่ลุงซูเอามาด้วยก็รีบตามลุงมาติดๆ เช่นกัน

 

 

ซูชิงพยายามดิ้นรนอยู่ที่เบาะหลังของรถเซียลี่

 

 

“อยู่นิ่งๆ ถ้ายังไม่อยากตาย” หมวกแก๊ปคนหนึ่งปิดปากของซูชิงด้วยเทปกาวและคลุมหัวซูชิงด้วยผ้าสีดำจนซูชิงมองไม่เห็นอะไร

 

 

จากนั้นหมวกแก๊ปอีกคนก็มัดมือและเท้าของซูชิง

 

 

ซูชิงตื่นตระหนก เธอกลัวมากจนทำอะไรไม่ถูก

 

 

“ซูชิง จำไว้ว่าอย่าขัดขืน ลุงซูกับฉันจะไม่มีทางปล่อยให้ใครมาทำอะไรเธอแน่นอน” เมื่อซูชิงนึกถึงคำพูดของหลินปู้ฟานขึ้นมา เธอก็สงบลงอย่างช้าๆ

 

 

อย่ากลัว อย่ากลัว ปู้ฟานจะต้องตามมาช่วยแน่นอน

 

 

ทักษะการขับรถของลุงซูนั้นสุดยอดมาก เขารักษาระยะห่างจากรถเซียลี่อย่างสม่ำเสมอ

 

 

หลังจากรถเซียลี่ขับวนไปรอบๆ รถเซียลี่ก็ขับเข้าไปในโรงไฟฟ้าร้างแห่งหนึ่งในเขตชานเมือง ลุงซูหยุดอยู่ตรงถนนสายเล็กที่อยู่ไม่ไกล สามารถมองเห็นโรงไฟฟ้าได้จากระยะ 500 เมตร

 

 

หลังจากเข้าไปในโรงไฟฟ้า คนร้ายก็มัดซูชิงไว้กับเก้าอี้

 

 

“แกออกไปตรวจดูรอบๆ ถ้ามีอะไรผิดปกติให้รายงานมาทันทีเข้าใจไหม?” คนที่มีแผลเป็นบนใบหน้าถอดหมวกแก๊ปออก

 

 

“ครับ!”

 

 

อีกคนหนึ่งที่ได้รับคำสั่งจากหน้าแผลก็เดินออกไปนอกประตูเหล็ก

 

 

หน้าแผลฉีกเทปกาวออกจากปากของซูชิงโดยไม่ได้ถอดผ้าสีดำที่คลุมหัวของเธอออก

 

 

“ค.. คุณเป็นใครคุณต้องการอะไร?” ซูชิงพูดด้วยเสียงสั่น

 

 

“อย่ากลัวไปเลยสาวน้อย พวกเราจะปล่อยเธอไปแน่นอนหลังจากเธอโทรหาคนบางคนให้เรา” หน้าแผลพูด

 

 

“โทรหาใคร?”

 

 

“แม่ของเธอไง จางอี้หนี่”

 

 

ถ้าพวกมันบอกให้เธอโทรหาแม่เธอก็ทำตามพวกมันไป

 

 

ก่อนออกจากโรงเรียนหลินปู้ฟานบอกเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว

 

 

จางอี้หนี่มีเบอร์เป็นของตัวเอง

 

 

ในยุคนี้ยังไม่มีระบบยืนยันชื่อจริงสำหรับหมายเลขโทรศัพท์ ดังนั้นคุณสามารถหาซื้อหมายเลขที่ต้องการได้โดยตรง

 

 

“ตกลงฉันจะโทร”

 

 

“ดีมากสาวน้อย” หน้าแผลหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา “เบอร์อะไร?”

 

 

“135..” ซูชิงบอกหมายเลขเบอร์โทรศัพท์ของแม่

 

 

หน้าแผลกดโทรออก

 

 

ตอนที่ลุงซูและหลินปู้ฟานกำลังติดตามรถเซียลี่ พวกเขาก็ได้โทรบอกจางอี้หนี่ไว้ก่อนแล้ว

 

 

“นั่นใคร?” เมื่อนึกถึงสถานการณ์ของลูกสาวก็ทำให้จางอี้หนี่รู้สึกไม่สบายใจ

 

 

“คุณนายจาง คุณไม่จำเป็นต้องรู้หรอกว่าผมเป็นใคร คุณควรรู้แค่ว่าตอนนี้ลูกสาวของคุณอยู่กับผม”

 

 

“คุณกำลังพูดเรื่องอะไร?” จางอี้หนี่แสร้งทำเป็นตกใจ

 

 

“สาวน้อยพูดอะไรกับแม่เธอหน่อยสิ” หน้าแผลเตะซูชิง

 

 

“แม่ แม่ช่วยหนูด้วย” ซูชิงตะโกน

 

 

“ชิงชิงลูกไม่ต้องกลัว แม่จะต้องช่วยลูกแน่นอน”

 

 

“คุณเชื่ออย่างนั้นก็ดีคุณนายจาง” ชายแผลเป็นยิ้มเยาะ

 

 

“แกต้องการอะไร? เงินเหรอ? แกต้องการเท่าไหร่บอกมา ฉันจะเอาไปให้แกเดี๋ยวนี้” จางอี้หนี่ยังคงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

 

 

“ผมไม่ต้องการเงิน ผมแค่อยากให้คุณทำสิ่งหนึ่งให้ผมก็แค่นั้น”

 

 

“ทำอะไร?”

 

 

“ผมได้ยินมาว่าคุณมีบ้าน 102 หลังในกุ้ยซาน คุณต้องขายบ้านพวกนั้นเดี๋ยวนี้อย่าได้ขัดขวางการพัฒนาของกุ้ยซานเข้าใจไหม?” ชายหน้าแผลแสยะยิ้ม

 

 

“คนจากเถิงเฟยกรุ๊ปส่งแกมา?”

 

 

“คุณไม่มีสิทธิ์ถามอะไรทั้งนั้น และก็ไม่ต้องเดาตัวตนของผมด้วย ผมเป็นแค่พลเมืองคนหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาของกุ้ยซานเท่านั้น รีบทำตามที่บอกซะ! ถ้ายังไม่อยากให้ลูกของคุณกลายเป็นศพ”

 

 

“ถ้าฉันขายแกจะปล่อยลูกสาวของฉันใช่ไหม?”

 

 

“ตราบใดที่คุณขายบ้านในกุ้ยซานทั้งหมดให้กับคนที่ควรขาย ผมสัญญาว่าลูกสาวของคุณจะไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ แน่นอน”

 

 

“ตกลง ฉันจะไปที่เถิงเฟยกรุ๊ปในวันพรุ่งนี้”

 

 

“พรุ่งนี้? ลูกสาวคุณอยู่กับผม ผมว่าคุณไม่ควรจะปล่อยให้สาวน้อยคนนี้ต้องนอนกับผมในคืนนี้นะว่าไหม? คุณต้องไปที่เถิงเฟยกรุ๊ปเดี๋ยวนี้อย่าได้ลีลา”

 

 

“ตกลงๆ ฉันจะทำตามที่คุณบอก ได้โปรดอย่าทำร้ายลูกสาวของฉัน”

 

 

“ไม่ต้องห่วง ผมไม่คนที่ไม่มีเหตุผล”

 

 

หลังจากวางสายโทรศัพท์ หน้าแผลก็แสดงสีหน้ามีความสุขออกมา เพราะทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากเซ็นสัญญาขายบ้านเสร็จสิ้นหยูเฟยจะให้เงิน 3 แสนหยวนเป็นค่าตอบแทนแก่เขา

 

 

จางอี้หนี่โทรหาหลินปู้ฟานทันที

 

 

“เสี่ยวหลิน ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”

 

 

“ป้าจางไม่ต้องกังวล เรากำลังเฝ้าพวกมันอยู่ ผมกำลังจะออกไปช่วยซูชิงเดี๋ยวนี้แล้ว”

 

 

“เสี่ยวหลินเธอต้องช่วยซูชิงให้ปลอดภัยให้ได้นะ”

 

 

“ครับป้าจางไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรเธอแน่นอน”

 

 

“ตกลง ป้าต้องไปที่เถิงเฟยกรุ๊ปก่อน”

 

 

จางอี้หนี่นำใบรับรองอสังหาริมทรัพย์และเอกสารอื่นๆ ไปที่เถิงเฟยกรุ๊ป

 

 

“เสี่ยวหลินเราเข้าไปตอนนี้เลยไหม” ลุงซูถาม

 

 

“มีคนยืนเฝ้าอยู่ที่ประตู”

 

 

“ฉันจัดการเอง”

 

 

“ลุงจะไปคนเดียวเหรอ?” หลินปู้ฟานถามพลางคว้าแขนของลุงซู

 

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า เธอไม่ต้องกังวล ไอ้เด็กรุ่นหลังพวกนี้แค่หมัดเดียวลุงก็ล้มพวกมันได้แล้ว” ไม่ปล่อยให้คนที่พามาด้วยต้องรอนาน ลุงซูส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังทันที

 

 

ลุงซูออกจากรถและเดินเข้าไปที่โรงไฟฟ้า

 

 

เมื่อระยะทางเหลือไม่ถึง 30 เมตร คนที่เฝ้าประตูก็ถามออกมาอย่างระมัดระวัง “คุณเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่? “

 

 

“อ๋อ ผมเพิ่งกินข้าวอิ่มเลยว่าจะออกมาเดินเล่นสักหน่อยน่ะครับ แล้วคุณเป็นใครทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย?” ลุงซูแสร้งทำเป็นชาวบ้านแถวนี้ เขามองไปรอบๆ อย่างใจเย็น

 

 

เมื่อเห็นว่าคนที่มาเป็นชาวบ้าน ชายที่เฝ้าประตูก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรอีก

 

 

ด้วยไม้จิ้มฟันในปากของเขา ลุงซูเดินผ่านคนเฝ้าประตูขณะฮัมเพลงเบาๆ

 

 

เมื่อเดินเข้าไปใกล้ลุงซูก็คว้าคอของคนเฝ้าประตูและต่อยไปที่ขมับอย่างแรงทันที

 

 

หมัดเดียวจอด

 

 

สมัยลุงซูยังเป็นวัยรุ่น เขาถือว่าเป็นนักเลงที่มีชื่อเสียงและเป็นคนที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง เพราะเขาคนเดียวสามารถล้มคนมากกว่าโหลได้

 

 

ลุงซูโบกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้องของเขา หลินปู้ฟานรีบลงจากรถด้วยความรีบร้อนและวิ่งเข้าไปในโรงไฟฟ้าทันที

 

 

หลินปู้ฟานเฝ้าสังเกตโรงไฟฟ้าที่ทรุดโทรมนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม หลังจากวิ่งเข้ามาแล้ว เขาก็ตรงไปที่ด้านหลังโรงไฟที่มีหน้าต่างกระจกที่แตกอยู่ทันที เขาเห็นคนร้ายสามคนอยู่ข้างใน

 

 

คนร้ายทั้งสามคนไม่มีอาวุธอยู่ในมือ สิ่งนี้ทำให้หลินปู้ฟานถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

 

“หัวหน้า ดูเหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้นข้างนอก” หนึ่งในคนร้ายกระซิบ

 

 

หน้าแผลเหล่ตามอง “แกสองคนออกไปดู”

 

 

ทันทีที่คนร้ายทั้งสองเดินจะถึงประตูเหล็ก ลุงซูก็ถีบประตูเข้ามา

 

 

“เล่นพวกแม่งให้หมด” ลุงซูคำราม

 

 

หลินปู้ฟานกระโดดผ่านหน้าต่างเข้ามาก่อนที่หน้าแผลจะตอบสนอง เขาเตะเข้าไปที่หน้าแผลอย่างจังจนกระเด็นไปกระแทกกับประตู

 

 

ลุงซูรีบเข้ามาช่วยหลินปู้ฟานจัดการหน้าแผล

 

 

หลังจากนั้นไม่นาน คนร้ายทั้งสามคนได้ถูกมัดอย่างแน่นหนา

 

 

หลินปู้ฟานถอดผ้าคลุมหัวและคลายเชือกที่มัดซูชิงออก

 

 

เมื่อเห็นว่าคนที่มาคือหลินปู้ฟาน ซูชิงก็ร้องไห้ออกมาทันที “ฮือออ”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด