อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 63 กั้งผัดเผ็ด

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 63 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

วันนี้ตอนที่หลินปู้ฟานเดินไปรอบๆ หมู่บ้าน เขาพบว่าที่นี่มีสระน้ำมากมายที่มีกั้งอยู่ในสระน้ำ กั้งเป็นสัตว์สปีชีส์เอเลี่ยน เขาไม่รู้ว่าพวกมันเริ่มมีตัวตนมาตั้งแต่เมื่อไหร่แต่เขารู้ว่าตอนนี้มีพวกมันอยู่ทั่วทุกที่แล้ว

 

กั้งมีความแข็งแรงมาก ขอเพียงแค่มีน้ำ กั้งก็สามารถอยู่รอดได้

 

หลินปู้ฟานเห็นกั้งที่จำศีลอยู่ที่ก้นสระเมื่อวานนี้

 

ในอนาคตกั้งจะเป็นอาหารอันโอชะทั่วโลก ทั้งกั้งผัดเผ็ด กั้งอบเกลือและกั้งเปรี้ยวหวาน พวกมันจะเป็นอาหารของทุกๆ คน

 

นักธุรกิจคนหนึ่งเคยกล่าวไว้ว่า ไม่ว่าหมู่บ้านบนภูเขาจะล้าหลังแค่ไหนแต่ก็ยังมีสิ่งที่พัฒนาได้

 

หลินปู้ฟานสังเกตไห่ซื่อ เขาคิดว่าผู้ชายคนนี้น่าจะเป็นนักเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ดีได้ แถมในบ้านยังมีอวนจับปลาและอาหารปลาอยู่อีกด้วย

 

“เด็กน้อย เธอกำลังพูดถึงอะไร?” ไห่ซื่อมองไปที่หลินปู้ฟานอย่างดูถูก เขารู้สึกว่าหลินปู้ฟานกำลังล้อเลียนเขาอยู่

 

ปีละหลายแสน?

 

เขาเชื่อว่าเขาไม่สามารถหาเงินได้หลายแสนในชีวิตนี้ได้อย่างแน่นอน

 

ก็แค่คำพูดของเด็กที่ขนอ่อนพึ่งเริ่มขึ้นก็เท่านั้น

 

สิ่งนี้จะตำหนิไห่ซื่อก็ไม่ได้ เพราะอย่างไรก็ตามเขาไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของหลินปู้ฟาน

 

จูเก๋อซินคร่ำครวญ “เสี่ยวหลิน เธอกำลังพูดถึงอะไร? อย่าถือว่าคนในชนบทเป็นคนโง่ มันไม่ดี”

 

หลินปู้ฟานเพิกเฉยต่อจูเก๋อซิน เขาก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและพูดกับไห่ซื่อ “คุณไม่สามารถตัดสินในสิ่งที่คุณไม่รู้ได้ เหมือนกับน้ำทะเลที่ไม่สามารถวัดได้ อย่าคิดว่าผมเป็นแค่เด็กแล้วสิ่งที่ผมพูดจะไร้สาระ”

 

“ไปไป… ที่นี่ไม่ใช่ที่เล่นสำหรับเด็ก” ไห่ซื่อพูดอย่างไม่สบอารมณ์

 

แม้ว่าไห่เหม่ยจะไม่รู้จักหลินปู้ฟาน แต่เมื่อมองไปที่อายุของหลินปู้ฟาน เธอก็ไม่ต้องการให้หลินปู้ฟานมายั่วยุพ่อขอเธอ เพราะกลัวว่าเขาจะถูกทุบตี เธอรีบไปก้าวข้างหน้าและห้ามหลินปู้ฟาน “น้องชายอย่าทำอย่างนี้ พ่อของฉันเป็นคนอารมณ์ร้อน เธอรีบไปเถอะ”

 

ไห่เหม่ยมีผิวที่หยาบกร้าน มือที่สัมผัสแขนของเขานั้นหยาบแข็ง ข้อนิ้วมีปุ่มหนา มองแวบแรกก้รู้เลยว่าเธอคงต้องทำงานในฟาร์มตั้งแต่ยังเด็กแน่นอน

 

เนื้อตัวเธอมีกลิ่นเหม็น

 

เมื่อคิดถึงหญิงสาวในเมืองในวัยเดียวกันกับไห่เหม่ย

 

หลินปู้ฟานก็ยิ่งต้องการช่วยไห่เหม่ยมากขึ้น

 

“ลุงไห่ วันนี้ผมเดินไปรอบๆ ในหมู่บ้าน ผมพบว่าที่นี่มีกั้งอยู่ในลำห้วยจำนวนมาก ถึงพวกมันจะยังไม่โตแต่ตราบใดที่คุณเพิ่มจำนวนพวกมันให้มากขึ้น คุณก็จะสามารถทำเงินได้” หลินปู้ฟานกล่าวอย่างอดทน

 

“กั้งคืออะไร?” จูเก๋อซินถามอย่างสงสัย

 

หลินปู้ฟานเกาหัวของเขา

 

กุ้งเครย์ฟิชเรียกแตกต่างกันไปในหลายๆ พื้นที่

 

จนกว่ากุ้งจะเป็นที่นิยม ทุกๆ คนเหมารวมว่ากั้งเป็นกุ้งไปด้วย

 

หลินปู้ฟานกวาดมองไปรอบๆ ลานหน้าบ้าน เขาพบหม้อใบใหญ่สองใบที่มีปลาอยู่ข้องใน

 

ที่ก้นหม้อมีกั้งตายอยู่สองสามตัว เห็นได้ชัดว่ากั้งถูกจับได้ขณะที่ไห่ซื่ออกทะเล แต่เขาก็ไม่สนใจมันและทิ้งพวกมันไป

 

“นี่ไง” หลินปู้ฟานเดินเข้าไปแล้วหยิบกั้งขึ้นมา “นี่คือกั้งครับ และมันก็อร่อยมากด้วย ถ้าเอากั้งพวกนี้ไปขายในเมือง มันจะทำให้คุณมีเงินมากมาย”

 

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของจูเก๋อซินและไห่เหม่ยก็มืดมน

 

“เสี่ยวหลินอย่าพูดเรื่องไร้สาระ คนในท้องถิ่นยังไม่กินกุ้งแบบนี้เลย แล้วคนในเมืองจะกินมันได้อย่างไร?”

 

คนในหมู่บ้านจิ่วเจี๋ยเรียกกั้งว่ากุ้ง

 

กั้งยังไม่ได้ถูกกินจริงๆ ในช่วงปี 1990 เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่กำลังเติบโต กั้งทั้งหมดที่คนหาเจอเติบโตขึ้นมาในคูน้ำเน่าและแม่น้ำที่เหม็น อาหารของพวกมันส่วนใหญ่จึงเป็นของเสีย บางคนถึงกับบอกว่ากั้งกินขี้เป็นอาหาร ดังนั้นก่อนที่กุ้งจะเป็นที่นิยม กั้งพวกนี้ถูกมองว่ามันเป็นสิ่งสกปรก

 

“ไปให้พ้น!” ไห่ซื่อรู้สึกรำคาญ ในความคิดของเขาหลินปู้ฟานแค่กำลังล้อเลียนและแกล้งเขาเท่านั้น “ถ้าแกบอกว่ากุ้งนี่กินได้ งั้นหลอนก็กินได้เหมือนกัน แกคิดว่าฉันเป็นคนโง่หรือไง?”

 

“น้องชาย รีบหนีไปเร็วๆ” ไห่เหม่ยดันหลินปู้ฟานออก

 

หลังจากนั้นไม่กี่นาที

 

จูเก๋อซินและหลินปู้ฟานก็อยู่ระหว่างทางกลับ

 

เดิมทีหลินปู้ฟานมาที่นี่เพื่อมองหาบ้านหลังวัดไช่เฉิน แต่กลับมีบ้านมากกว่าหนึ่งโหลอยู่ข้างหลังวัดเสียนี่ เขาไม่รู้เลยว่าสมบัติอยู่บ้านหลังไหนแต่ก็ยังดีที่มันก็ทำให้ขอบเขตการค้นหาแคบลง

 

“เสี่ยวหลิน เจ้าเด็กโง่ ไปบอกว่ากุ้งนั่นกินได้ยังไง” จูเก๋อซินเป็นสาวในเมืองใหญ่

 

หลินปู้ฟานขี้เกียจเกินไปที่จะอธิบาย

 

หลังจากกลับไปที่บ้านของอาจารย์ใหญ่เกา เขาเริ่มเดินไปรอบๆ ก่อนอื่นเขาทำคันเบ็ดง่ายๆ 6 คันจากไม้ไผ่ จากนั้นเขาก็พบเด็กคนหนึ่งที่กำลังเล่นกับกบอยู่บนถนนในหมู่บ้าน เขาขอแลกกบนั่นกับน้ำตาลจากนั้นเขาก็ลอกหนังกบออก เพื่อจะใช้เนื้อกบเป็นเหยื่อ

 

หลังจากเตรียมเครื่องมือพร้อมแล้ว หลินปู้ฟานก็หยิบคันเบ็ดและเดินออกไป

 

“เสี่ยวหลิน เธอกำลังทำอะไรอยู่?” อาจารย์ใหญ่เกาถามเมื่อเขาเห็นหลินปู้ฟานกำลังอำอะไรบางอย่าง

 

“ไปตกปลากุ้งครับ”

 

“นั่นมันไม่ใช่ของกินนะ”

 

“มันกินได้นะครับ”

 

อาจารย์ใหญ่เกาคิดว่าวันนี้หลินปู้ฟานคงจะกินไม่อิ่ม เขาจึงรับก้าวไปข้างหน้า “เสี่ยวหลิน เป็นปู่ที่ละเลยเกินไป ปู่จะไปที่ร้านขายเนื้อและซื้อซี่โครงสองซี่ให้เธอกิน”

 

หลินปู้ฟานหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้ “คุณปู่เกาครับ ผม… ผม… “

 

ในขณะที่หลินปู้ฟานไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไร

 

“เอาล่ะไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ปู่จะไปที่ร้านขายเนื้อเดี๋ยวนี้แหละ” อาจารย์ใหญ่เกาพูดพึมพำและเดินไปที่ร้ายขายเนื้อ

 

หลินปู้ฟานรู้สึกสะเทือนใจ ผู้คนในภูเขานั้นทั้งเรียบง่ายและใจดี

 

สิ่งนี้ทำให้ความเชื่อของหลินปู้ฟานมั่นคงยิ่งขึ้น

 

เขาจะทำให้หมู่บ้านนี้มีรายได้ และพัฒนาไปข้างหน้าให้ได้

 

หลังจากที่อาจารย์ใหญ่เกาจากไป หลินปู้ฟานก็เดินออกไปเช่นกัน

 

เขาค้นหาแม่น้ำสายเล็ก หลินปู้ฟานวางคันเบ็ดอย่างง่ายๆ 6 อันคันเรียงกัน

 

เพราะไม่มีใครกินกั้ง ในแม่น้ำจึงมีกั้งมากมาย

 

กั้งโง่ เมื่อมันได้กลิ่นเนื้อกบมันก็รีบเข้ามากินทันที แม้ว่าหลินปู้ฟานจะยกคันเบ็ดขึ้นมาแต่มันก็ไม่ยอมปล่อย

 

ไม่นาน เขาก็จับกั้งได้หนึ่งถัง

 

มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังซักผ้าอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ เมื่อเห็นหลินปู้ฟานตกกุ้ง เธอเธอก็รู้สึกเป็นห่วงหลินปู้ฟานขึ้นมา “เด็กน้อย เธอกินเจ้านั่นไม่ได้นะ”

 

หลินปู้ฟานหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อีกแล้ว “ขอบคุณครับคุณป้า แต่ผมชอบมัน ผมว่ามันอร่อยดี”

 

หลินปู้ฟานชอบกินกั้งเป็นชีวิตจิตใจ

 

เมื่อมองไปที่ร่างของหลินปู้ฟานที่จากไป ป้าก็ถอนหายใจและพูดกับตัวเอง “เด็กคนนี่คงจะหิวมาก ถึงขนาดยอมกินกุ้งสกปรกๆ นั่น”

 

เมื่อเขากลับมาที่บ้านของอาจารย์ใหญ่เกา อาจารย์ใหญ่เกาก็ได้ซื้อซี่โครงมาไว้แล้วสองชิ้น

 

เมื่อเห็นหลินปู้ฟานกลับมาพร้อมกับถังกุ้ง เขาก็ตกใจ “เสี่ยวหลิน สิ่งนี้จะทำให้เธอท้องไส้ปั่นป่วนหลังจากกินมันได้นะ มันไม่ใช่ของกิน”

 

“คุณปู่เกาครับ กั้งพวกนี้อร่อยมากเลยนะครับ ผมจะทำให้ปู่ลองชิม”

 

“ไม่ไม่ ปู่ไม่มีทางกินมันแน่นอน” อาจารย์ใหญ่เกาโบกมืออย่างรวดเร็ว

 

“เมื่อผมทำเสร็จแล้ว ปู่จะรู้ว่ามันอร่อยแค่ไหน” หลินปู้ฟานฮัมเพลงพร้อมกับเดินไปที่ห้องครัว

 

อาจารย์ใหญ่เกาไม่สบายใจ เขาจึงวิ่งไปที่หอพักของโรงเรียนเพื่อไปหาหนิงอี้เหยา

 

หนิงอี้เหยาและจูเก๋อซินกำลังเตรียมบทเรียนที่จะใช้สอนในวันพรุ่งนี้ เมื่อรู้ว่าหลินปู้ฟานไปจับกุ้งมากินจริงๆ จูเก๋อซินก็กระทืบเท้าอย่างกระวนกระวาย “ไอ้เด็กโง่นี่ เขาไปจับกุ้งมาจริงๆ”

 

หนิงอี้เหยารีบถามจูเก๋อซิน “เกิดอะไรขึ้น?”

 

“เราไปหาไห่เหม่ยมาด้วยกันตอนเที่ยง จากนั้น… “

 

จูเก๋อซินเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

 

“อะไรนะ? จะใช้กุ้งเหม็นพวกนั้นทำเงินเหรอ? หลินปู้ฟานเขาบ้าไปแล้วหรือไง? สิ่งนั้นมันจะทำให้เขาปวดท้องได้ หัวใจของเขาใหญ่เกินไปจริงๆ รีบไปหยุดเด็กคนนั้นกันเถอะ” หนิงอี้เหยาและคนอื่นๆ ไปที่บ้านของอาจารย์ใหญ่เกา

 

หลังจากเดินมากว่า 20 นาทีพวกเธอก็มาถึงบ้านของอาจารย์ใหญ่เกา

 

“หลินปู้ฟานออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อย่ากินกุ้งเหม็นนั่นเด็ดขาดเลย” หนิงอี้เหยาตะโกนเสียงดัง

 

“เขาอยู่ไหน?”

 

“ในห้องครัว”

 

พวกเขาทั้งสามไม่เห็นหลินปู้ฟานในห้องนั่งเล่น พวกเขาจึงรีบไปที่ห้องครัวที่อยู่ด้านหลัง

 

“หลินปู้ฟาน ถ้าเธอหิวทำไมถึงไม่บอกครู” หนิงอี้เหยาตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยวขณะเดิน

 

ทันทีที่ทั้งสามคนเดินไปถึงประตูห้องครัว ทั้งสามคนก็ได้กลิ่นหอมโดยพร้อมเพรียงกัน

 

“นี่อะไร? มันหอมดีจัง!” จูเก๋อซินสูดจมูก

 

“มันหอมมาก นอกจากนี้ยังมีกลิ่นเผ็ดด้วย” อาจารย์ใหญ่เกากล่าว

 

“ไป เข้าไปในครัว”

 

ทั้งสามคนเปิดประตูและเข้าไปในห้องครัว กลิ่นกั้งรสเผ็ดร้อนก็โชยออกมา

 

กลิ่นนี้สามารถขับไล่พยาธิตัวกลมของมนุษย์ได้ทั้งหมด …

 

ลืมบอกไป หลินปู้ฟานเป็นคนทำอาหารเก่งมาก

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด