อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) – บทที่ 68 สงครามจิตวิทยา

อ่านนิยายจีนเรื่อง อัจฉริยะเขย่าโลก (重生之最强人生) ตอนที่ 68 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

การที่ช๋งไป่หมิงสามารถบริหารองค์กรขนาดใหญ่ได้ มันก็แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็มีความสามารถอยู่พอสมควร

 

ปัจจุบันไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ได้อยู่ในรายชื่อการจัดอันดับและมีการประเมินมูลค่าอยู่แค่ประมาณ 1 พันล้านเท่านั้น

 

ในสำนักงาน ช๋งไป่หมิงกำลังทำสมาธิ

 

ที่ทิ้งขยะผิงซานเป็นธุรกิจที่น่ารำคาญทำเงินไม่ได้แถมยังต้องเสียเงินอีกด้วย ถ้าหากมีคนต้องการซื้อที่นี่ในเดือนกันยายนมันก็ไม่ได้แปลกอะไรเพราะตอนนั้นยังมีข่าวที่ว่าที่นี่อาจจะเป็นหนึ่งในเขตพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ตอนนี้การที่มีคนต้องการจะซื้อมัน มันก็ทำให้ผู้คนเริ่มสงสัย

 

ก่อนที่จะไปไป๋เฉิงกรุ๊ปเพื่อพบกับช๋งไป่หมิง จางอี้นี่ได้บอกกับหลินปู้ฟานว่าช๋งไป่หมิงคนนี้ไม่ธรรมดา ในตอนที่ไปขอให้ช๋งไป่หมิงคนนี้ขายที่ทิ้งขยะผิงซานให้ เขาจะต้องสงสัยอย่างแน่นอนและเขาอาจจะทำ 2 อย่าง 1 คือไม่ขาย 2 คือเรียกราคาเพิ่มขึ้น

 

ไม่ว่าผลลัพธ์ไหน มันก็ไม่ดีสำหรับบริษัทเชิ่งชี่แน่นอน

 

หลินปู้ฟานได้พิจารณาเรื่องนี้มานานแล้ว เขาจึงได้แนะนำให้กับลุงซูและจางอี้นี่ไปบางส่วน

 

ในสำนักงาน ช๋งไป่หมิงไม่เข้าใจ

 

ในห้องรับรองแขก จางอี้นี่และลุงซูกำลังรออยู่

 

“มันผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว จิ้งจอกเฒ่านี่ก็ยังไม่มาหาพวกเรา มันตั้งใจที่จะกินพวกเราหรือเปล่า?” ลุงซูถามพร้อมกับเหล่ตา

 

“จิ้งจอกเฒ่าตัวนี้แค่กำลังพยายามทำให้คุณคิดมากก็เท่านั้น เราขอให้เลขาเขาไปแจ้งเขาทันทีที่เรามาถึงและถ้าตอนนั้นถ้าเขาออกมาทันทีมันก็จะทำให้เขาเป็นรองในการเจรจานี้ ตรงกันข้ามถ้าเขารอสักพักแล้วค่อยออกมาเจอเรามันก็จะทำให้เรารู้สึกว่าเขาไม่ได้กังวลมากมายอะไรที่จะขายที่ทิ้งขยะ มันก็เป็นแค่กลลวงเท่านั้นลุงซูไม่ต้องกังวล”

 

“แล้วทำไมเขาถึงไม่ให้เรามาใหม่พรุ่งนี้เลยล่ะ?” ลุงซูไม่เข้าใจ

 

“ฮิฮิ ลุงซูน้าลุงซู คุณลองคิดสิเหตุผลที่เขาไม่บอกให้เรามาใหม่ในวันพรุ่งนี้เป็นเพราะอะไร? เรื่องนี้อธิบายได้อย่างเดียวก็คือเขาต้องการที่จะขายที่ทิ้งขยะนี้จนใจจะขาดแล้ว จริงๆ แล้วตอนนี้เขากังวลมากกว่าเราเสียอีก มาดื่มชารอกันก่อนเถอะ” จางอี้นี่จิบชาอย่างใจเย็น “อ่า ชาผู่เอ๋อนี่เยี่ยมจริงๆ”

 

รอต่อไปอีก 2 ชั่วโมง…

 

ในที่สุดเลขาก็เรียกลุงซูและจางอี้นี่เข้าไปในห้องทำงาน

 

ทันทีที่พวกเขาเข้าไปช๋งไป่หมิงก็แสร้งทำเป็นขอโทษ “ผมขอโทษจริงๆ ครับ พอดีผมติดประชุมอยู่พอดี ผมทำให้คุณต้องรอนานแล้ว”

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ในเมื่อหัวหน้าช๋งไม่ว่าง พวกเราที่เป็นรุ่นน้องก็ควรจะต้องรอสักหน่อยเป็นเรื่องธรรมดา” จางอี้นี่ทำตัวเป็นมืออาชีพและจับมือกับช๋งไป่หมิงอย่างใจเย็น

 

หลังจากทักทายสั้นๆ จางอี้นี่ก็พูดอย่างตรงไปตรงมา “ที่เรามาที่นี่คราวนี้ เพราะเราต้องการจะซื้อที่ทิ้งขยะผิงซานของคุณช๋ง”

 

ช๋งไป่หมิงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ เขาจุดซิการ์หละหรี่ตามองไปที่จางอี้นี่ “หัวหน้าจาง คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาบ้างไหม?”

 

จางอี้นี่ “งุนงง” ในใจ

 

จิ้งจอกชราตัวนี้หมายความว่าอย่างไร? เขาเคยได้ยินอะไรมา?

 

“หัวหน้าช๋ง คุณหมายถึงอะไรคะ?” จางอี้นี่ถามอย่างใจเย็น

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า หัวหน้าจางอย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ที่นี่ ผมเพิ่งได้ข่าวมาว่าผิงซานจะได้รวมอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจในเร็วๆ นี้ คุณจึงต้องการมาซื้อที่ทิ้งขยะนี้ จากนั้นที่ทิ้งขยะก็จะกลายเป็นดินแดนขุมทรัพย์และเมื่อนโยบายต่างๆ ถูกผลักดัน คุณก็จะพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ดัวยตัวเองใช่ไหม?”

 

ช๋งไป่หมิงจงใจล่อลวงจางอี้นี่ เพราะเขาไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเธอถึงได้อยากจะซื้อที่ทิ้งขยะนั่น

 

ใบหน้าของลุงซูเริ่มแข็งกระด้าง เขาคิดในใจ: ช๋งไป่หมิงรู้ได้อย่างไรว่าบริเวณใกล้เคียงของที่ทิ้งขยะผิงซานจะรวมอยู่ในเขตพัฒนาในอนาคต

 

จางอี้นี่รู้สึกกังวลและสับสน

 

แต่จางอี้นี่ก็จำคำพูดของหลินปู้ฟานได้ทันที

 

โปรดจำไว้ว่า ความจริงที่ว่าที่ทิ้งขยะผิงซานจะรวมอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจนั้นจะถูกเปิดเผยอย่างน้อยก็ในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า หากช๋งไป่หมิงพูดอะไรเกี่ยวกับพวกนี้ อย่าเชื่อ!

 

หลังจากคิดถึงสิ่งที่หลินปู้ฟานพูด จางอี้นี่ก็ใจเย็นลงทันที “ฮ่าฮ่าฮ่า.. หัวหน้าช๋ง คุณโง่หรือเปล่า? เขตพัฒนาเศรษฐกิจได้ถูกกำหนดออกมาแล้วและนักลงทุนจากทุกสารทิศก็ได้เริ่มลงทุนในพื้นที่กันแล้วด้วย ถ้าหากพื้นที่ใกล้เคียงของผิงซานนั้นกลายเป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจจริงๆ ระบบเศรษฐกิจทั้งหมดในประเทศได้ตกอยู่ในความวุ่นวายแน่ๆ ไหนจะเรื่องงบประมาณไหนจะต้องกำหนดแผนงานใหม่อีก”

 

เขตพัฒนาเศรษฐกิจเกี่ยวข้องกับหลายสิ่งหลายอย่างเช่นทางหลวงทางหลวงทางยกระดับและการจะสร้างป้ายรถเมล์ที่เชื่อมต่อกันก็ต้องวางแผนควบคู่กับผังเมือง ถ้าหากมีการขยายเขตพัฒนาเศรษฐกิจอย่างกะทันหัน แผนเดิมของหลายหน่วยงานก็จะเสียทั้งหมด

 

เว้นแต่ว่าจะเป็นคำสั่งจากเบื้องบน หากมีการออกเอกสารจากระดับสูงสุด คนด้านล่างก็จะทำได้เพียงแค่เปลี่ยนแผนตามเท่านั้น

 

ปี 1999 เรียกว่าเป็นปีแห่งสิ่งแวดล้อมที่ยิ่งใหญ่ บริษัทถ่านหินโรงงานเคมีและบริษัทที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจำนวนมากได้รับการแก้ไขหรือไม่ก็ถูกสั่งปิดโดยตรง ภายไต้เงื่อนไขนี้เขตพัฒนาเศรษฐกิจสามารถขยายได้และที่ทิ้งขยะก็จะถูกย้ายออกไป

 

ช๋งไป่หมิงขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าผมจะได้ข่าวเท็จมา”

 

“หัวหน้าช๋ง ฉันเข้าใจว่าคุณคงจะสงสัยว่าทำไมเราถึงได้อยากซื้อที่ทิ้งขยะนั่นใช่ไหม?” จางอี้นี่พูดออกมาอย่างเรียบง่าย

 

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า … ” ช๋งไป่หมิงหัวเราะ “หัวหน้าจางเป็นคนฉลาดจริงๆ งั้นเล่าให้ผมฟังหน่อยว่าทำไมคุณถึงต้องการซื้อที่ทิ้งขยะของผมในเวลาแบบนี้ ที่ทิ้งขยะนั่นมันสามารถให้อะไรคุณได้บ้าง?”

 

นักธุรกิจจะไม่ซื้อขยะหากเขาไม่ได้เงิน

 

“แน่นอนว่าเพราะมันสามารถทำกำไรให้กับเราได้ และก็มีเพียงแค่เราเท่านั้นที่จะสามารถทำกำไรจากมันได้” จางอี้นี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

 

“ยังไง? ผมทำที่ทิ้งขยะนี่มามากว่าสิบปีแล้ว คุณจะทำเงินจากมันได้อย่างไรในเมื่อผมยังทำไม่ได้เลย?” ช๋งไป่หมิงถาม

 

“เพราะสิ่งที่คุณทำคือการสะสมภายใน แต่สิ่งที่เราทำคือการรวบรวมจากภายนอก”

 

หากต้องการให้อธิบายก็คือ การรวบรวมขยะจากในท้องที่ เรียกว่าการรวบรวมภายใน

 

สำหรับเรื่องการรวบรวมจากภายนอกมี “บทความ” ที่บอกถึงมันอยู่

 

ในหลายปีต่อจากนี้จะมีคำว่าขยะต่างประเทศโผล่ขึ้นมา

 

การกำจัดขยะเป็นปัญหาที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศต่างๆ มาโดยตลอด ในเวลานั้นประเทศที่พัฒนาแล้วบางประเทศจะส่งออกขยะในประเทศใส่ตู้คอนเทนเนอร์ไปยังบางประเทศและปล่อยให้ประเทศเหล่านั้นจัดการกับมันเอง เหมือนจะทำเงินได้ไม่มากเท่าไหร่ แต่จริงๆ แล้วมันกลับทำกำไรได้มากมหาศาล

 

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้มีความเสี่ยงและต้องใช้เส้นสายที่แข็งแกร่งพอสมควรด้วย

 

เมื่อช๋งไป่หมิงได้ยินคำพูดของจางอี้นี่ดวงตาสุนัขจิ้งจอกก็เปิดออก การรวบรวมจากระยะไกลกำไรได้มากจริง เขาเองก็รู้แต่เขาไม่กล้าทำ

 

เหตุผลนั้นง่ายมาก ไป๋เฉิงกรุ๊ปนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากรัฐวิสาหกิจและด้วยภูมิหลังเช่นนี้ มันจึงทำให้เขาเขาไม่กล้า

 

นอกจากนี้เรื่องนี้เสี่ยงเกินไป หากถูกตรวจพบก็จะถูกปรับและถ้าหากร้ายแรงก็จะถูกจำคุกด้วย

 

จางอี้นี่มองไปที่ช๋งไป่หมิงที่นิ่งเงียบ เธอยิ้มออกมาและพูดว่า “เป็นอะไรหรือเปล่าคะคุณช๋ง? ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าคะ? หรือคุณมีปัญหาอะไรกับวิธีการทำธุรกิจที่ฉันบอกไปหรือเปล่า?”

 

ช๋งไป่หมิงสูบซิการ์ เขากำลังคิดถึง …

 

ผมอยากถามมานานแล้ว: “มีที่ทิ้งขยะแบบนี้มากมาย ทำไมคุณถึงเลือกมาซื้อที่ทิ้งขยะของผม?”

 

ช๋งไป่หมิงสงสัยจริงๆ

 

“เนื่องจากที่ทิ้งขยะผิงซานของคุณอยู่ห่างไกลผู้คนและมีฉันคนรู้จักอยู่ที่ท่าเรือหางโจว”

 

ขยะจากต่างประเทศจะต้องถูกขนถ่ายผ่านท่าเรือ ทำให้คำอธิบายของจางอี้นี่สมเหตุสมผล

 

“หัวหน้าจาง คุณมีความกล้าหาญมากมายจริงๆ” ช๋งไป่หมิงมองไปที่จางอี้นี่

 

“ไม่มีหญ้ากลางคืนม้าไม่อ้วน ไม่มีโชคลาภคนไม่ร่ำรวย อดอยากแทบตายเพราะขี้อายไร้ความกล้า ถูกไหมคะ?” จางอี้นี่ยิ้มอย่างมั่นใจ

 

“ดี! พูดได้ดี เมื่อคุณเลือกที่ทิ้งขยะของผม คุณก็ควรตรวจสอบสถานะการดำเนินงานของที่นี่มาบ้างแล้วใช่ไหม?”

 

“ใช่ค่ะ เรารู้มาว่าที่ทิ้งขยะผิงซานของคุณขาดทุนติดต่อกันมา 5 ปีแล้ว”

 

“อืม มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ถ้าคุณให้ราคาต่ำเกินไปผมเองก็คงไม่อยากขาย”

 

“หัวหน้าช๋งฉันจะไม่อ้อมคอมเลยแล้วกัน 15 ล้านคุณคิดว่าเป็นยังไง?

 

ที่ทิ้งขยะผิงซานครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 300 เอเคอร์และมีพนักงานหลายร้อยคนเครื่องจักรและอุปกรณ์อีกหลายร้อยชุดและยังมีสินทรัพย์ถาวรอีกหลายรายการรวมมูลค่าแล้วน่าจะประมาณ 20 ล้าน

 

“หัวหน้าจาง ที่ทิ้งขยะของผมมีมูลค่ากว่า 20 ล้าน คุณเล่นตัดราคาผมลงไปทีเดียว 5 ล้านอย่างนี้มันจะไม่โหดร้ายเกินหน่อยเหรอครับ?” ช๋งไป่หมิงคิ้วขมวด เขาแสร้งทำเป็นไม่พอใจ

 

“หัวหน้าช๋ง ที่ทิ้งขยะนี้เปรียบเสมือนเรื่องยุ่งยากสำหรับคุณ ตามข้อตกลงที่คุณเซ็นสัญญากับพวกเขามันจะทำให้คุณขาดทุนไปตลอดกาล แม้ว่ามูลค่าของที่ดินผืนนี้ตอนนี้จะอยู่ที่ประมาณ 20 ล้านแต่มันก็ไม่มีค่าอะไร มันเหมือนกับของเก่าที่ผู้เชี่ยวชาญยอมรับว่ามีมูลค่าถึง 100 ล้าน แต่ในตลาดไม่มีใครต้องการจะซื้อ หากเก็บไว้ก็มีแต่จะทำให้ราคาตกลงก็เท่านั้น” จางอี้นี่วิเคราะห์

 

ช๋งไป่หมิงกัดฟันและคิดในใจ: ผู้หญิงคนนี้น่าทึ่งจริงๆ

 

เมื่อเห็นช๋งไป่หมิงนิ่งไป จางอี้นี่จึงยืนขึ้น: “ถ้าไม่ใช่เพราะตำแหน่งที่ตั้งที่ทิ้งขยะของคุณฉันคงจะเลือกที่ทิ้งขยะอื่นไปแล้ว ในเมื่อคุณช๋งลังเลไม่ต้องการจะขายงั้นคุณก็ลืมมันไปเถอะค่ะ ลุงซูไปกันเถอะ!”

 

จางอี้นี่และลุงซูเดินไปที่ประตูห้องทำงาน

 

ลุงซูคิดว่าช๋งไป่หมิงจะหยุดพวกเขาทันที

 

แต่ช๋งไป่หมิงไม่ใช่

 

เข้าไปในลิฟต์ กดลงชั้นที่จอดรถชั้นใต้ดิน

 

“จางอี้นี่ ทำไมคุณถึงทำตัวหยาบคายแบบนั้นออกไป ถ้าเรามาหาเขาในครั้งต่อไปเขาจะต้องกดดันเราแน่ๆ” ลุงซูตำหนิจางอี้นี่

 

จางอี้นี่ยิ้มและพูดว่า “คุณกังวลเรื่องอะไร? คุณไม่สามารถแสดงความกังวลออกมาได้นะเมื่อต้องรับมือกับจิ้งจอกเฒ่า”

 

ขณะที่ทั้งสองขับรถออกจากที่จอดรถ รปภ.ก็ได้รับโทรศัพท์จากเลขา

 

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหยุดรถมงกุฎของลุงซู “เจ้านายทั้งสองครับ เจ้านายของเราเชิญคุณกลับไปที่สำนักงานครับผม”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด