ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 7 โปรเจ็กต์ที่ใหญ่มาก

อ่านนิยายจีนเรื่อง ประธานสาวโหดมว๊าก ตอนที่ 7 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

คนไทยผู้นี้ที่มีชื่อว่าสันติสุขต้องเป็นคนที่เคยสัมผัสกับไป๋เวยมาก่อนอย่างแน่นอน ถึงว่าล่ะเขาเข้ามาทักทายผมก่อน

ผมพนมมือไหว้เขาอีกครั้ง”ผมชื่อหยางครับ เคยเป็นผู้ช่วยของเวย แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะว่าผมมีปัญหากับเธอ เลยถูกไล่ออกแล้ว”

สันติสุขพูดอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย”ขอโทษนะครับ ผมก็ว่าทำไมคุณถึงโยนบัตรทำงานทิ้ง ผมเห็นรายละเอียดตำแหน่งในบัตรทำงานของคุณ ผมสงสัยเลยรบกวนคุณไป”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”

เห็นได้ชัดว่าสันติสุขรู้สึกเกรงใจมาก”คุณหยางครับ ผมขอเสียมารยาทถามอีกหนึ่งคำถามได้ไหมครับ?”

“เชิญครับ”

“ทำไมคุณถึงขัดแย้งกับคุณเวยครับ?”

พอได้ยินคำถามนี้ ผมก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย และพยายามมองประเมินคนไทยรูปร่างหน้าตาธรรมดาคนนี้อย่างละเอียด

คงไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับไป๋เวยใช่ไหม?

น่าจะเป็นเพราะเห็นถึงความสงสัยในแววตาของผม สันติสุขจึงพนมมือแล้วก้มลงอย่างขอโทษขอโพย

“ขอโทษด้วยครับ คำถามนี้มันกะทันหันเกินไป ผมแค่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคุณเวยและบริษัทของเธอ เพราะว่าเรากำลังคุยเรื่องธุรกิจกันอยู่ อภัยให้ผมด้วยนะครับ”

“ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมเข้าใจคุณ”ผมเองก็พนมมือก้มลงเหมือนเขา และรู้สึกรำคาญมารยาทไทยเล็กน้อย มันเหนื่อยเกินไปแล้ว

“ผมชื่นชมในทัศนคติของคุณนะครับ”

สันติสุขไม่เพียงแต่ใส่ใจในเรื่องมารยาทเท่านั้น ยังเก่งเรื่องการคบค้าสมาคมอีกด้วย ไม่ดูถูกใคร คนแบบนี้ใช้ชีวิตกลมกลืนกับทุกคน ตำแหน่งในBTTกรุ๊ปต้องไม่ใช่เล็กๆแน่

ผมหัวเราะ ไม่ได้ตอบกลับคำชมของเขา ยกแก้วเหล้ากระดกขึ้นดื่มหนึ่งอึก แล้วค่อยๆพูดออกมาว่า

“คุณสันติสุขครับ คุณน่าจะเคยเห็นคุณเวยมาแล้ว คิดว่าเธอเป็นคนยังไงครับ?จากภายนอกสู่ภายใน?”

สันติสุขถึงกับตะลึงไปครู่หนึ่ง แล้วเขาก็หัวเราะอย่างเริงร่า

“ผมขอใช้สุภาษิตของคนจีนอย่างพวกคุณนะครับ เธอสวยดั่งนางฟ้า สำหรับภายใน……ผมไม่ได้ทำความรู้จักกับเธอมานานนัก ในความทรงจำของผมเธอเป็นคนใจเย็น ฉลาด เป็นผู้หญิงที่เที่ยงตรงและรักษาคำพูด เธอไม่เคยยอมรับคำเชิญเข้าร่วมงานเลี้ยงกลางคืนกับบริษัทเราเลย กระทั่งยังปฏิเสธที่จะให้เราจัดงานเลี้ยงต้อนรับสำหรับเธอ”

“อืม……ซึ่งจุดนี้ต่างจากผู้หญิงไทยของเรา ที่นี่คุณสามารถมองเห็นผู้หญิงสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้นเดินอยู่ตามท้องถนน นักท่องเที่ยวต่างชาติยังสามารถหาผู้หญิงมาร่วมดื่มได้อย่างง่ายๆในคลับ ที่นี่เราเปิดกว้างขึ้นเรื่อยๆ อาจจะเป็นเพราะได้รับอิทธิพลมาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว”

“จริงสิ ถ้าคุณหยางอยากหาผู้หญิงมาดื่มด้วย ตรงนั้นมีหลายคนเลย ตั้งแต่คุณเข้ามา มีผู้หญิงหลายคนเอาแต่จับจ้องคุณอยู่ พวกหล่อนเป็นผู้หญิงแท้ และไม่ใช่พวกฝึกหัด ถ้าใช้คำพูดของคนจีนอย่างพวกคุณน่าจะเรียกว่าผู้หญิงที่มีค่าใช่ไหมครับ?”

ผมรู้สึกขำเล็กน้อย มองตามสายตาของสันติสุขไป เห็นหญิงสาวสี่คนที่ล้อมรอบโต๊ะไว้ หนึ่งในนั้นบังเอิญมองมาที่ผม หลังจากที่มองสบตากันแล้วเธอก็หันกลับไปอย่างเขินอาย

หน้าตาถือว่าใช้ได้เลย มีความเป็นไทยมาก แต่……

ทำไมผมถึงมองไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่ ที่เมืองไทยมีผู้ชายจำนวนมากที่หน้าตาสวยกว่าผู้หญิง สันติสุขเขาดูออกได้อย่างไรกัน

“คุณหยาง เป็นยังไงบ้างครับ?”สันติสุขเหมือนจะดูออกถึงความกระเหี้ยนกระหือรือของผม

“เอ่อคือ ผู้หญิงที่นี่สวยมากเลยครับ แต่น่าเสียดายวันนี้ผมอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไร”ฉันชื่นชมประโยคหนึ่งอย่างจริงใจ แล้วเปลี่ยนเรื่องทันที

“พูดเรื่องของคุณเวยต่อเถอะครับ ดูผิวเผิน เธอเป็นคนเหมือนที่คุณพูดนั่นแหละครับ แต่ผมคิดว่าเธอเป็นคนเนรคุณ”

“หืม?”เห็นได้ชัดว่าสันติสุขเกิดความสนใจ

“ผมต้องติดคุก สองครั้ง อีกทั้งเธอยังเป็นคนทำอีกด้วย”

“ทำไมเหรอครับ?”สันติสุขเบิกตากว้าง

ผมเล่าถึงเหตุผลในการติดคุกทั้งสองครั้งให้เขาฟังอย่างคร่าวๆ ถึงอย่างไรผมก็ถูกไล่ออกแล้ว ไป๋เวยจะได้รับโปรเจ็กต์นี้หรือไม่มันไม่เกี่ยวอะไรกับผม ทางที่ดีเธออย่าได้ไปเลยดีกว่า

สำหรับอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แล้ว โปรเจ็กต์มูลค่ากว่า1.5ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้นใหญ่มาก ถ้าไป๋เวยคว้าเอาไว้ได้เธอต้องมีความสุขมากแน่ๆ แต่ถึงผมไม่แทงข้างหลังเธอ มันก็อาจจะไม่ได้ตกถึงไป๋เวยก็ได้

เพราะโปรเจ็กต์นี้มีคนจำนวนมากต่างแย่งกันอยู่ ภายในประเทศก็มีสี่บริษัทกำลังแย่งกันแล้ว ยังมีคนอินเดีย กระทั่งบริษัทแห่งหนึ่งที่ซิลิคอนแวลลีย์ที่มีชื่อเสียงยังร่วมด้วย

หากอาศัยเพียงฟังก์ชันการทำงานและความน่าเชื่อถือของซอฟต์แวร์เอง และในระดับเทคนิค ไป๋เวยไม่มีทางสู้บริษัทซิลิคอนแวลลีย์ของคนอเมริกันได้แน่ กระทั่งยังสู้คนอินเดียไม่ได้ และราคาก็อาจไม่ได้เหนือกว่าบริษัทอื่นๆในประเทศเสมอไป

นอกเสียจากว่าเธอจะให้นอนด้วย ไป๋เวยไปนอนกับคนมีอำนาจหรือผู้มีอิทธิพลไม่กี่คนในBTTกรุ๊ปสักคืนสองคืน ต้องคว้าไว้ได้อย่างแน่นอน เพราะว่าบริษัทอื่นๆไม่มีผู้หญิงที่สวยเหมือนไป๋เวยขนาดนี้

แต่ตอนนี้สิ่งนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว เขาอยากจัดงานเลี้ยงต้อนรับไป๋เวยโดยเฉพาะ แต่ถูกเธอปฏิเสธไปแล้ว

น่าจะเป็นเพราะว่างูกัดครั้งเดียว กลัวเชือกไปสิบปีก็เป็นได้(อาการที่โดนอะไรสักอย่างทำร้ายให้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียหายทำให้เข็ดหลาบหวาดกลัว)

สำหรับเหตุผลที่ผมเล่าเรื่องของผมกับเธอให้สันติสุขฟัง มันเป็นแค่การระบายเท่านั้น ผมรู้สึกว่าสันติสุขเป็นคนที่ไม่เลวเลย แถมผมยังอัดอั้นตันใจ มีคนมานั่งฟังผมระบายความทุกข์มันก็ดีไปอีกแบบ

อย่างน้อย หลังจากพูดจบผมยังรู้สึกผ่อนคลายไปมาก

หลังจากที่ฟังผมอย่างเงียบๆจนผมพูดจบ ใบหน้าของสันติสุขก็เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ และขมวดคิ้วพลางนึกวิเคราะห์

ผ่านไปไม่นาน จู่ๆสันติสุขก็พูดขึ้นมาว่า”คุณหยางครับ ผมคิดว่าสองเรื่องนี้ของคุณกับคุณเวย อาจจะเป็นการเข้าใจผิดจริงๆก็ได้”

“ผมรู้ว่ามีการเข้าใจผิด แต่ผมต้องติดคุกมันคือเรื่องจริง ในครั้งแรก เธอไม่ได้มาเป็นพยานให้กับผมมันคือเรื่องจริง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม”ผมตอบกลับอย่างเรียบเฉย

ในขณะที่ผมพบกับไป๋เวยตอนอยู่ที่สถานที่คุมขัง เธอเคยบอกว่าเรื่องสามปีก่อนเธอไม่รู้เรื่อง ภายนอกผมไม่อยากเชื่อเธอสักเท่าไร แต่ความเป็นจริงในใจผมกลับเชื่อไปแล้ว เพราะในตอนที่พึ่งเข้าไปในบริษัทแล้วพบเธอ การแสดงออกของเธอมันไม่เหมือนกับเสแสร้ง

หลังจากที่ฟังผมพูดจบ สันติสุขก็พยักหน้างึกงักเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่”จริงด้วย เรื่องนั้นเธอทำผิดจริงๆ”

พูดจบ สันติสุขก็หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม แล้วหัวเราะพลางพูดว่า

“คุณหยางครับ ผมชื่นชมในความเยือกเย็นของคุณ ผมไม่เคยเจอคนแบบคุณมาก่อน เป็นเกียรติของผมที่ได้รู้จักคุณ เรามาชนแก้วกันหน่อยเถอะครับ”

“ขอบคุณสำหรับคำชมครับ ผมก็ดีใจมากที่ได้รู้จักคุณ”ผมน้อมรับคำเยินยออย่างเยือกเย็น และชนแก้วกับเขา

“คุณสันติสุขครับ ผมแปลกใจมาก โปรเจ็กต์ของบริษัทคุณ มีแผนจะให้ใครทำเหรอครับ?”

พอกระดกเหล้าขึ้นดื่มหมด ผมก็ถามอย่างแปลกใจ และเสริมอีกประโยคในตอนท้ายว่า”ถ้ายังไม่ได้ตัดสินใจ เป็นเรื่องความลับทางการค้า ให้ถือว่าคำถามนี้เป็นเรื่องตลกนะครับ”

“ฮ่าๆ คุณเป็นคนที่จริงใจจริงๆ”สันติสุขหัวเราะ แล้วพูดว่า

“ยังไม่ได้ตัดสินใจจริงๆนั่นแหละครับ แต่คุยแลกเปลี่ยนกับคุณหยางนิดหน่อยก็ไม่เป็นอะไรหรอกครับ อันที่จริงผู้บริหารระดับสูงของบริษัทเรามีแนวโน้มจะสนใจบริษัทซิลิคอนแวลลีย์มากกว่า คุณก็รู้ว่า เทคโนโลยีของพวกเขาน่าเชื่อถือกว่า”

พอได้ยินคำพูดของเขาแล้ว ผมจึงพยักหน้าเห็นด้วย แล้วพูดอย่างไม่รู้ตัวไปว่า

“แต่ผมคิดว่าพวกคุณไม่ควรคำนึงถึงความน่าเชื่อถือเทคโนโลยีเท่านั้น น่าจะเห็นความสำคัญของสิ่งอื่นๆมากกว่า ปัจจัยบางอย่างมีความสำคัญมากกว่าเทคโนโลยี”

“หืม?คุณหยางมีความเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้ครับ?”สันติสุขดูสงสัยเรื่องนี้อีกครั้ง

ผมดื่มเบียร์ไปหนึ่งอึก แล้วครุ่นคิด การยกผลประโยชน์ให้ไป๋เวยทำให้ผมรู้สึกหัวเสียมาก เช่นเดียวกับการยกผลประโยชน์ให้คนอเมริกันหรือคนอินเดียก็ทำให้ผมหัวเสียเช่นกัน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด