ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 30 เล่นลูกไม้หน้าด้านๆ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ประธานสาวโหดมว๊าก ตอนที่ 30 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ไม่นานนัก มือถือของไป๋เวยก็มีเสียงดังขึ้น เธอไม่ได้รับ แต่ปล่อยให้มันดังอยู่อย่างนั้น เธอไม่ได้รับสาย

ผมรู้สึกเป็นห่วงเล็กน้อย เป็นห่วงว่ามือถือของเธอจะไม่ได้เปิดระบบสั่น เธอจึงไม่ได้ยินเสียงริงโทนเพราะหูมีปัญหา

ในขณะเดียวกัน ผมก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ทำไมตัวเองต้องไปช่วยเธอด้วย?

เธอถูกผู้ชายพวกนั้นรายล้อมแล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย หูของเธอจะหนวกหรือไม่หนวกมันเกี่ยวอะไรกับผม?

แต่ไม่ว่าจะหงุดหงิดอย่างไร ผมก็ไม่สามารถทิ้งเธอไว้ข้างหลังได้ ดูเหมือนเป็นเพราะความเห็นอกเห็นใจที่สมควรตายนั่น

เมื่อกลับถึงโรงแรมก็เดินตรงไปที่ล็อบบี้ ผมแกะเสื้อผ้าที่พันอยู่รอบศีรษะของเธอออก แล้วเอ่ยถามว่า”ได้ยินที่ผมพูดไหม?”

ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบหยดน้ำ ดวงตาแดงก่ำ เธอพยักหน้าเบาๆ

ผมดีดนิ้วที่หูซ้ายของเธอหนึ่งครั้ง เธอพยักหน้า แล้วดีดนิ้วที่หูขวาหนึ่งครั้ง เสียงไม่ดังมาก เธอไม่ได้พยักหน้า

“หูข้างขวามีอาการปวดไหม มีเสียงดังวิ้งๆไหม?”

“อืม”เธอพยักหน้า

“บัดซบ”ผมสบถด่าขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“รีบขึ้นห้องไปซะ สะบัดเอาน้ำในหูออกมา ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปโรงพยาบาล”

ขณะที่พูด ผมก็ดึงตัวเธอเข้าไปในลิฟต์

เวลานี้เอง เธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเพื่อรับสายที่ดังไม่หยุด ทำการเปิดลำโพงของโทรศัพท์วางไว้ตรงหูข้างซ้าย

ผมเหลือบตามองเธอ มองเห็นชื่อของคนที่โทรมาคือกงเจิ้งเหวิน

“เจิ้งเหวิน ขอโทษนะ เมื่อกี้ฉันเดินอยู่ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์……อืม ฉันไม่เป็นไร นายวางใจเถอะ……ฉันพึ่งกลับถึงโรงแรม ไม่พูดแล้วนะ ผมฉันยังเปียกอยู่เลย ฉันกลัวน้ำจะเข้าโทรศัพท์ เดี๋ยวค่อยโทรหานายนะ”

พูดจบ ไป๋เวยก็วางสายไป เดินตามผมเข้าไปในลิฟต์ จากนั้นก็เอาหน้าหันไปทางประตูลิฟต์ไม่พูดอะไร

ดูเหมือนเธอจะยังไม่หายจากอาการช็อกอย่างสมบูรณ์ แต่ก็ดูเหมือนกับเป็นกังวลเรื่องหูของตัวเองมาก ดังนั้นจึงให้ผมเข้าห้องของเธอโดยไม่ปฏิเสธ

พอกลับมาถึงห้องพัก เธอยังคงรู้สึกประหม่า ร่างกายของเธอแข็งทื่อ

“ผ่อนคลายร่างกายของคุณเถอะ จากนั้นก็ใช้แรงกระโดด”ผมพูดไปด้วยแล้วกดศีรษะของเธอไปด้วย ให้เธอเอียงศีรษะไปทางขวา

เธอจึงเอียงศีรษะแล้วกระโดดขึ้นลง เหมือนกระต่ายตลกตัวหนึ่ง

แต่แล้วหน้าอกของเธอก็กระเพื่อมสั่นอย่างรุนแรง และเสื้อยืดที่เปียกชื้นแนบสนิทไปกับร่างกายของเธอมันดึงดูดลูกตาของผมมาก มันทำให้หัวใจของผมเต้นรัวเร็วอย่างอธิบายไม่ถูก ฮอร์โมนของผมก็เริ่มพลุ่งพล่าน

ผ่านไปไม่นานนัก เธอก็หยุดกระโดด แล้วใช้มือแคะหู พลางพูดขึ้นมาว่า”เหมือนจะดีขึ้นแล้ว”

ผมดีดนิ้วเบาๆที่หูข้างขวาของเธอ เธอพยักหน้าเบาๆ

“ยังปวดอยู่ไหม?ยังมีเสียงวิ้งๆอยู่ไหม”

“ไม่ปวดแล้ว แต่ยังมีเสียงนิดหน่อย”

“มีก้านสำลีไหม?”

“มี”

เธอวิ่งไปที่หัวเตียง หยิบก้านสำลีหลายอันออกมาจากกระเป๋าเครื่องสำอาง แล่วยื่นให้กับผม

ผมรับก้านสำลีมา แล้วยกมือขึ้นมากดไปที่รูหูของเธอ นวดคลึงไปสองสามครั้ง จากนั้นก็เปิดไฟฉายในมือถือ ส่องดูบริเวณด้านในของรูหูเธออย่างละเอียด จากนั้นก็ใช้ก้านสำลีค่อยๆแคะด้านในอย่างระมัดระวัง

เธอยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเขยื้อน เหมือนกระต่ายขาวตัวน้อยๆที่น่ารักน่าชังไม่ดื้อไม่ซน

ในระยะใกล้ขนาดนี้ ผมได้เห็นขนตาของเธอที่สั่นสะท้าน ได้กลิ่นลมหายใจของเธอที่พ่นออกมา กระทั่งยังได้ยินเสียงหัวใจของเธอเต้นรัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ในขณะเดียวกัน อัตราการเต้นหัวใจของผมก็เต้นเร็วขึ้น ถึงแม้ร่างกายจะเปียกชื้น แต่กลับร้อนฉ่าขึ้นเรื่อยๆ

ไม่นานนัก ผมก็แคะน้ำในที่อยู่ในหูของเธอจนสะอาดหมดจด พลางเอ่ยถามขึ้นมาว่า”ตอนนี้ยังมีเสียงดังวิ้งๆอยู่ไหมครับ?”

“ไม่มีแล้วค่ะ”น้ำเสียงของเธอแผ่วเบา

“งั้นก็ดี ไม่ต้องไปโรงพยาบาลแล้ว”

จากนั้นผมก็ใช้ก้านสำลีอันใหม่แคะบริเวณหูของเธออย่างระวัง

“อืม”

เธอตอบกลับเสียงเบา ราวกับเสียงคร่ำครวญในลำคอ มีความเย้ายวนที่ต่างออกไป แต่ก็เหมือนกับการหยอกเย้า

ผมดึงก้านสำลีออกมา พบว่าเธอกำลังหลับตาพริ้ม ขนตาสั่นเล็กน้อย ริมฝีปากแดงสดอันเซ็กซี่เผยอเล็กน้อย

ทันใดนั้นสมองของผมจู่ๆก็ว่างเปล่า ดูเหมือนจะถูกเลือดสูบฉีดเข้าไปในสมองจนทำให้สมองได้พังเสียหาย จากนั้นผมก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ผมเข้าโอบกอดเธอไว้ แล้วจูบไปที่ริมฝีปากของเธออย่างดุเดือด

ครั้งก่อนที่จูบเธอไปนั้นเป็นเพราะความโกรธ เพราะว่าอยากแก้แค้นเธอ แต่ครั้งนี้มันเป็นความหลวมตัวที่ไม่อาจหักห้ามใจได้ ผมไม่สามารถรั้งตัวเองไว้ได้

อีกทั้ง ความรู้สึกมันต่างกันโดยสิ้นเชิง

เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ ความร้อนระอุ ในสมองมันว่างเปล่าไปหมด และยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

เธอเหมือนจะมึนงง ร่างกายแข็งทื่อเหมือนกับท่อนไม้ท่อมหนึ่งที่เปียกชื้น

ผมผลักเธอไปที่ข้างเตียงอย่างไม่รู้ตัว

แต่พึ่งเดินได้สองก้าว จู่ๆเธอก็ใช้ฝ่ามือทั้งสองดันอกกว้างของผมไว้ แล้วใช้แรงผลักออกไป

ผมถูกเธอผลักออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว

“คุณจะทำอะไรน่ะ?อย่าเข้ามานะ”เธอใช้สองมือกอดอกไว้แล้วก้าวถอยหลัง

ผมได้สติในทันที จึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย และยังมีความหงุดหงิดเล็กน้อย

แม่งเอ้ย ผมเปลี่ยนเป็นคนไม่สงบนิ่งตั้งแต่เมื่อไรกัน ยังเล่นจูบคนอื่นทั้งๆที่คนอื่นไม่ทันได้ระวังตัวแบบนี้อีก เชยเกินไปแล้ว นี่มันน่าขายหน้าชะมัด

ถ้าอยากนอนกับเธอ ก็แค่ผลักเธอไปที่เตียงแล้วฉีกเสื้อผ้าของเธอให้เป็นชิ้นๆก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ

เธอก้าวถอยไปที่มุมห้อง แล้วมองมาที่ผมอย่างระแวดระวังด้วยดวงตาที่เย็นชาและวิตกกังวล

ผมถึงกับหัวเราะ อยากปกปิดความอึดอัดของตัวเอง พลางพูดขึ้นมาว่า”อย่าตื่นเต้นขนาดนั้นสิ เคยตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่า ถ้าคว้าโปรเจ็กต์มาได้จะนอนกับผมคืนหนึ่ง?ตอนนี้ผมแค่อยากให้คุณทำตามสัญญาที่เดิมพันกันไว้เท่านั้นเอง”

“คุณฝันไปเถอะ”

น้ำเสียงของเธอเย็นชาและแน่วแน่

ผ่านไปไม่นาน เธอเหมือนกับจะได้สติจากความหวาดกลัวและตื่นตระหนกเมื่อสักครู่ ใบหน้าของเธอค่อยๆกลับมาสู่ความเย็นชาและเย่อหยิ่ง

ผมมองดูท่าทีของเธอ จึงไม่รู้สึกอึดอัดอีกแล้ว ผมยังคงคุ้นชินกับเธอที่เป็นแบบนี้ เธอเสแสร้งต่อหน้าผม ผมจึงรังแกเธอได้อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่ในตอนที่ผมกำลังคิดว่าควรจะรังแกเธออย่างไร ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างรวดเร็ว

ไป๋เวยไม่ขยับ ผมเองก็ไม่อยากให้ใครมารบกวนพวกเราในเวลานี้

ทว่าเสียงเคาะประตูยังดังต่อเนื่อง กระทั่งยังเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ผมสบถด่าอย่างหัวเสีย จากนั้นก็เดินไปเปิดประตู

กงเจิ้งเหวินยืนอยู่ด้านนอกของประตู ร่างกายของเขาเปียกปอนเหมือนกัน เขากำลังเบิกตากว้างมองผมด้วยความไม่อยากเชื่อ

“มีอะไรครับ?”ผมถามอย่างไม่ใส่ใจ

เขามองไปที่เลขที่ของห้องอีกครั้ง แล้วถามกลับอย่างสงสัย”นี่เป็นห้องของเสี่ยวเวยไม่ใช่เหรอ?”

“ครับ มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะครับ ถ้าไม่มีอะไรผมจะปิดประตูแล้วนะครับ”

“ฟางหยางคุณ……คุณมาทำอะไรที่ห้องของเสี่ยวเวย?”คิ้วของกงเจิ้งเหวินขมวดเป็นปม เหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง

ผมหัวเราะ”ประธานกง ผมอยู่ที่นี่แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณ?คุณเถอะ จะทำอะไรไม่ทราบ?”

“คุณทำอะไรเสี่ยวเวย?”สีหน้าของกงเจิ้งเหวินเปลี่ยนไป เหมือนจะพึ่งสังเกตเห็นว่าร่างกายส่วนบนของผมเปลือยเปล่า

ขณะพูด เขาก็พุ่งตรงมายังผม อยากกระแทกผมเข้าไปด้านใน

ผมยกมือขึ้นกดไหล่ของเขาไว้ แล้วใช้แรงผลักออกไป เขาเซถอยหลังไปหลายก้าว หลังจากนั้นก็ล้มก้นจ้ำเบ้าไปกับพื้น

ลูกท่านหลานเธอแบบนี้ ผมคนเดียวสามารถเอาชนะทั้งครอบครัวของเขาได้

“เจิ้งเหวิน นายใช่ไหม?”

ไป๋เวยปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของผม หลังจากที่เอียงศีรษะมองเห็นกงเจิ้งเหวินที่ถูกผลักจนล้มอยู่ด้านนอกของประตู สีหน้าของเธอตึงเครียดทันที

“ฟางหยางคุณทำอะไรน่ะ?”

เธอตำหนิผมด้วยความโกรธ แล้วเบียดตัวผ่านข้างๆผมไป พุ่งตัวออกไปด้านนอกพยุงกงเจิ้งเหวินขึ้นมา

กงเจิ้งเหวินที่ลุกขึ้นมาได้ ปัดเสื้อผ้าที่เปียกปอนของเขาไปมา แล้วหัวเราะพลางพูดขึ้นมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น”ไม่เป็นไร เสี่ยวเวยเธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ฟางหยางแค่ไม่ระวังผลักโดนฉันแล้วล้มเท่านั้นเอง”

สีหน้าและคำพูดของเขาดูใจกว้างมากๆ ตรงกันข้ามกับท่าทางโกรธเกรี้ยวเมื่อครู่ ราวกับเปลี่ยนเป็นคนละคน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด