ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 66 จิตใจโดนสุนัขกินไปแล้ว

อ่านนิยายจีนเรื่อง ประธานสาวโหดมว๊าก ตอนที่ 66 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

วันรุ่งขึ้น ผมใช้เวลาครึ่งวันในการดูคอนโดสามแห่ง ในที่สุดผมก็เลือกคอนโดที่เก่าแต่เงียบสงบและมีสามห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น และเช่าห้องร่วมกันคนอื่น ผมเช่าห้องนอนที่เล็กที่สุด ค่าเช่าเดือนละหนึ่งพันแปดร้อยหยวน

ห้องนอนขนาดกลางมีนักศึกษาผู้หญิงสองคนที่เพิ่งจบการศึกษาเช่าอยู่ พวกเขาสองคนเช่าห้องนั้นอยู่ด้วยกัน ส่วนห้องนอนใหญ่มีสามีภรรยาคู่หนึ่งอาศัยอยู่ อายุของพวกเขาใกล้เคียงกับผม พวกเขาเป็นคนเช่าคอนโดห้องนี้ทั้งหมด จากนั้นค่อยแบ่งเช่าห้องอื่นๆออกไป เด็กผู้หญิงสองคนนั้นเรียกพวกเขาว่าผู้ปล่อยเช่าชายและผู้ปล่อยเช่าหญิง

ผู้ปล่อยเช่าชายชื่อว่าอู๋เฉิงจื้อ เขามีรูปร่างใหญ่โตและอ้วน และดูใจดีและช่างพูดมากๆ ผู้ปล่อยเช่าหญิงชื่อว่าโจวเมี่ยว เธอมีหน้าตาธรรมดา รูปร่างค่อนข้างเล็ก เมื่อเธอยืนอยู่กับอู๋เฉิงจื้อจะดูโดดเด่นมากๆ เหมือนนกน้อยที่เกาะอยู่บนชายรูปร่างสูงใหญ่

เมื่อผมบอกพวกเขาว่าผมต้องการย้ายเข้ามาอยู่ โจวเมี่ยวก็เริ่มถามคำถามต่างๆทันที นอกจากงานที่ผมทำและประวัติที่ผ่านมาของผม เธอยังถามเรื่องความรักและการใช้ชีวิตของผมด้วย

ผมยังต้องเอาบัตรพนักงานของบริษัทจื้อเหวินซอร์ฟแวร์ให้เธอดูด้วย เมื่อผมเริ่มหมดความอดทน อู๋เฉิงจื้อก็เอ่ยปากขึ้นมาพูดทันที และโจวเมี่ยวก็เอาสัญญาเช่าคอนโดออกมาให้ผมเซ็น

อาจจะเป็นเพราะคอนโดนี้มีผู้หญิงถึงสามคน และมีเด็กผู้หญิงสองคนที่พึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยและผ่านโลกมาน้อย ดังนั้นโจวเมี่ยวดูระมัดระวังมากๆ

ถ้าเธอรู้ว่าผมมีประวัติอาชญากรรม เธอคงไม่เช่าให้ผมอย่างแน่นอน

ช่วงเที่ยงพวกเราเซ็นสัญญาและจ่ายเงิน เมื่อได้รับกุญแจผมก็รีบกลับไปเช็คเอาท์และออกจากโรงแรม ผมยุ่งอยู่กับการจัดห้องหลังจากย้ายสัมภาระทั้งหมดมาที่คอนโด

ช่วงเย็น ผมได้รับสายโทรศัพท์จากสวีเจ๋อ บอกให้ผมไปทานข้าวที่คอนโดของเขา

ผมพูดปฏิเสธอย่างอ้อมค้อม บอกว่าตัวเองอยู่กับเพื่อนร่วมงาน ต้องนั่งทานอาหารกับพวกเขาก่อน

สิ่งที่ผมพูดมันก็เป็นเรื่องจริง เพราะโจวเมี่ยวกับอู๋เฉิงจื้อบอกว่าคืนนี้ให้ทุกคนมาทานข้าวด้วยกัน เพื่อฉลองให้ฉันที่มาเป็นเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ของพวกเขา

ห้องครัวของคอนโดนี้มีเครื่องใช้ในครัวครบครัน พวกเธอมักทำอาหารและทานกันที่คอนโด โจวเมี่ยวยังสร้างวีแชทกลุ่มด้วย ทุกวันก่อนเลิกงานจะคอยถามว่ามีใครจะกลับมาทานอาหารเย็นที่คอนโดไหม เธอกับอู๋เฉิงจื้อรับผิดชอบไปซื้อผักสดและเตรียมอาหาร และคนที่ทานอาหารเย็นต้องแชร์ค่าอาหารด้วยกัน และโอนค่าอาหารให้เธอทางวีแชท

รวมถึงการออกไปทำกิจกรรมข้างนอกด้วย อย่างเช่น ออกไปเที่ยว ไปร้านอาหาร ไปดูหนัง ก็จะนัดหมายและแชร์ค่าใช้จ่ายด้วยกันในกลุ่มในวีแชท วัยรุ่นหนุ่มสาวหลายๆคนรวมกันออกไปเที่ยว ทานอาหารและใช้ชีวิตร่วมกันแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องที่สนุกและดีมากๆ ไม่เพียงช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และยังทำให้ชีวิตและความเป็นอยู่ดีขึ้น

ผมจัดการห้องนอนเสร็จ และออกไปซื้อผักสดก่อนที่พวกเขาจะเลิกงาน ผมกลับมาที่คอนโดและเข้าไปเตรียมอาหารในห้องครัว

ขณะที่ผมใกล้จะเตรียมอาหารเสร็จ เพื่อนร่วมห้องก็ทยอยกันกลับมาถึงคอนโด คนที่กลับมาก่อนคือโจวเมี่ยวกับอู๋เฉิงจื้อ จากนั้นก็เป็นเด็กผู้หญิงสองคนนั้น ซึ่งหนึ่งในนั้นมีรูปร่างหน้าตาค่อนข้างน่ารัก

หลังจากกล่าวคำทักทายเสร็จ เมื่ออาหารที่มีกลิ่นหอมมากๆวางอยู่บนโต๊ะ ภายในห้องก็ครึกครื้นขึ้นมาทันที

สภาพแวดล้อมใหม่ เพื่อนใหม่ สำหรับผมมันอาจจะเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดี

หลังจากทานอาหารเสร็จ ผมก็ดูทีวีเป็นเพื่อนพวกเธอสักพัก จากนั้นผมก็ออกไปหาโล๋อีเจิ้ง บรรยากาศค่ำคืนที่เย็นสบายแบบนี้ถ้าไปหาเขาคงสบายใจมากกว่า

หลังจากพบกันที่ร้านบาร์ที่โล๋อีเจิ้งทำงาน ผมเห็นนางแหวกแว้นที่เขาพูดถึง เธอเป็นผู้หญิงที่มีอายุไม่ถึงยี่สิบปี ใบหน้าของเธอสวยมาก แต่เธอแต่งหน้าจัดและทาลิปสติกสีแดงมากทำให้ไม่เห็นใบหน้าเดิมของเธอ เธอย้อมผมเป็นสีชมพูและมัดผมเปียทั้งสองข้าง เธอใส่เสื้อยืดกลิตเตอร์สีเขียว กระโปรงสั้นสีดำและถุงน่องตาข่ายขาดๆ……

ปฏิกิริยาแรกของผมคือ เดิมทีเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่สวยและน่ารัก แต่เธอแต่งตัวอย่างนี้มันทำลายภาพลักษณ์ของตัวเองมากๆ

ร้านบาร์ที่โล๋อีเจิ้งทำงานเป็นร้านบาร์ที่มีชื่อเสียงมาก พึ่งเปิดให้บริการตอนสองทุ่มกว่าๆ ตอนนี้แขกยังไม่ค่อยเยอะ คนในร้านบาร์ส่วนมากจะเป็นพนักงาน ในช่วงเวลานี้ของทุกวัน โล๋อีเจิ้งจะไม่ค่อยยุ่งและจะนั่งดื่มเบียร์

เขาดูแลความปลอดภัยของร้านบาร์ งานหลักๆของเขาคือเดินตรวจดูความเรียบร้อยภายในร้านบาร์ ถ้าเจอคนสร้างปัญหาหรือหาเรื่อง ถ้าใช้คำพูดของเขาก็คือกระทืบมันให้ตาย

นอกจากบ้าบิ่นแล้ว โล๋อีเจิ้งมีข้อดีสองอย่าง อย่างแรกคือเชื่อฟัง ถ้าคนที่เขาเชื่อใจเอ่ยปากพูด เขาก็จะเชื่อฟังทุกอย่าง อย่างเช่นตัวผม และผู้จัดการกับเจ้านายของเขา

มีอีกข้อหนึ่งก็คือ เขาจะไม่ทำร้ายผู้หญิง ซึ่งนี่ถือเป็นข้อดีของเขา

เมื่อผมเห็นเขาที่ร้านบาร์ นางแหวกแว้นคนนั้นกำลังกอดแขนของเขาอยู่ ทำปากจู๋และมองเขาด้วยความคับแค้นใจ แต่เขาทำสีหน้ารำคาญและกำลังบ่นอะไรบางอย่างและสะบัดมือไม่หยุด ดูเหมือนเขากำลังไล่เด็กผู้หญิงคนนั้นออกไป

“พี่หยาง คุณมาแล้วเหรอ”

เมื่อมองเห็นผม สีหน้าของโล๋อีเจิ้งเปลี่ยนไปทันที เขายิ้มและโบกมือเรียกผม

“แฟนสาวของคุณใช่ไหม?”ผมเดินเข้าไปและถามด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ใช่ เธอคือนางแหวกแว้นที่ผมเคยพูดถึงในวันนั้น”โล๋อีเจิ้งรีบปฏิเสธทันที และรีบดึงมือของเด็กผู้หญิงคนนั้นออกและพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “รีบเรียกพี่หยางเร็วๆ?”

“สวัสดีค่ะ พี่หยาง ฉันชื่อเสี่ยวเยว่ เป็นแฟนสาวของโล๋อีเจิ้ง”เด็กผู้หญิงคนนี้ดูมีมารยาทมากๆ ทักทายผมด้วยน้ำเสียงที่ชัดเจน และยังไม่ลืมแนะนำตัวเองด้วย

“แฟนบ้าอะไรเล่า”โล๋อีเจิ้งเริ่มกังวล”ฉันเคยพูดตอนไหนว่าฉันจะเป็นแฟนหนุ่มของเธอ?”

นางแหวกแว้นที่ชื่อเสี่ยวเยว่ทำปากจู๋ “คุณเคยพูด คืนนั้นคุณบอกว่าจะจีบฉัน ยังพาฉันกลับไปนอนที่ห้องของคุณ คุณมีอะไรกับฉันแล้ว ตอนนี้คุณไม่ยอมรับใช่ไหม”

“ไม่ใช่ ฉันยอมรับ แต่ผมเคยพูดแค่ว่าอยากนอนกับคุณเฉยๆ ผมพูดว่าจะคบหาดูใจกับคุณตอนไหน? คุณจะจับฉันและไม่ยอมปล่อยใช่ไหม?”

“ถ้าคุณไม่อยากคบหาดูใจกับฉัน ทำไมคุณต้องมีอะไรกับฉันด้วย?”

“เพราะผมไม่เคยนอนกับนางแหวกแว้นไง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผมพูดไม่ออกบอกไม่ถูก คนบ้าบิ่นอย่างโล๋อีเจิ้งพูดจาไม่ฉลาดเลยและไม่พูดอ้อมค้อมเลย?

ปากจู๋ของเสี่ยวเยว่ก็ค่อยๆแบนลง “โล๋อีเจิ้ง คุณมันสารเลว ฉันเสียตัวครั้งแรกให้คุณไปแล้ว ในชั่วพริบตาคุณก็จะทิ้งฉัน คุณธรรมของคุณมันโดนทิ้งไปแล้วใช่ไหม”

ขณะพูด เด็กผู้หญิงก็ตาแดงขึ้นมาทันที จากนั้นเธอก็หันหลังและวิ่งออกจากร้านบาร์ไป

“ยังยืนนิ่งอยู่ทำไม? รีบตามออกไปสิ”

ผมตบไหล่ของโล๋อีเจิ้ง และชี้ไปที่ประตูของร้านบาร์

โล๋อีเจิ้งเกาหัวตัวเอง “พี่หยาง ไม่ต้องตามดีกว่า……”

ผมทนไม่ไหวก็เลยเตะก้นของเขา “คุณยังเป็นลูกผู้ชายอยู่หรือเปล่า? รีบไปตามเธอกลับมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นผมจะฆ่าคุณ”

“อืม” โล๋อีเจิ้งจับก้นที่ถูกผมเตะแล้วเดินกะโผลกกะเผลกตามออกไป

พนักงานร้านบาร์หยิบแก้วเปล่ามาให้ผม บนโต๊ะมีเบียร์ที่โล๋อีเจิ้งสั่งมาหลายขวดวางอยู่ ผมเทเบียร์และจิบเบียร์อย่างช้าๆ

ผ่านไปสักพัก มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเอะอะโวยวายอยู่ โล๋อีเจิ้งกลับมาแล้ว เสี่ยวเยว่โดนเขาแบกกลับมา เท้าทั้งสองข้างที่ใส่ถุงน่องตาข่ายขาดๆกำลังตีเท้าอยู่ในอากาศ

ผมส่ายหัวและหมดคำพูด

พนักงานร้านบาร์หลายคนที่ว่างๆอยู่ต่างก็ตะโกนออกมาทันที

“อย่าขยับ”โล๋อีเจิ้งวางเสี่ยวเยว่ไว้ที่พื้น และพูดอย่างจริงจัง “พี่หยางบอกให้ฉันไปตามคุณกลับมา”

ผมอยากจะเตะเขาอีกครั้ง แต่มีผู้หญิงอยู่ข้างๆด้วย เมื่อครุ่นคิดผมก็เลยอดทนไว้

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด