ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 69 ฝันไปเถอะ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ประธานสาวโหดมว๊าก ตอนที่ 69 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“เพราะฉัน? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

“เมื่อวานตอนบ่าย ระหว่างทางที่เขาส่งผมกลับที่พัก เขาบอกให้ผมห้ามตามจีบคุณอีก บอกว่าพวกเราสองคนเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าคุณจะชอบผม แต่คนในบ้านของคุณไม่ยอมให้พวกเราอยู่ด้วยกันอย่างแน่นอน เขายังบอกว่าจะให้เงินผมเพื่อให้ผมออกไปจากชีวิตของคุณ แต่ผมตอบปฏิเสธไป จากนั้นเขาก็พูดว่าผมอาจจะมีเรื่องยุ่งยากตามมาทีหลัง เขาพูดข่มขู่ผมเหมือนกับกงเจิ้งเหวินในตอนนั้น”

เมื่อได้ยินคำพูดของผม ไป๋เวยขมวดคิ้วและครุ่นคิด ผ่านไปสักพักเธอก็มองผมด้วยรอยยิ้มแปลกๆ

“มองอะไร? ทำไมคุณถึงมองผมด้วยสายตาแปลกๆแบบนี้?”ผมโดนเธอมองจนรู้สึกอึดอัด

ไป๋เวยส่ายหัว “คนในบ้านของฉันรู้เรื่องที่คุณกำลังตามจีบฉันแล้ว ฉันกำลังครุ่นคิดว่าพวกเขาจะมองคุณยังไง พวกเขาอาจจะมองคุณเป็นอันธพาล นักเลง คนชั่วช้าสารเลวอย่างแน่นอน ถ้าฉันยอมรับคุณและพาคุณกลับบ้าน ไม่รู้ว่าพวกเขาจะมีปฏิกิริยายังไง พวกเขาคงตกใจมากๆอย่างแน่นอน”

ผมอึ้งไปชั่วครู่ อดไม่ไหวก็เลยพูดด้วยรอยยิ้ม “มันหมายความว่า คุณจะยอมรับผมใช่ไหม?”

ไป๋เวยหัวเราะเบาๆ “คุณฝันไปเถอะ”

ผมมองเธอด้วยรอยยิ้ม “ไม่ ผมไม่ได้ฝันไป แต่คุณมีปฏิกิริยาที่มันบ่งชี้ว่าคุณชอบผม แต่คุณไม่ได้สังเกตตัวเอง หรือคุณอาจจะฝืนความรู้สึกนี้อยู่ คืนนี้คุณก็กลับไปคิดดูให้ดีๆ จากนั้นก็ยอมรับผมแต่เนิ่นๆ แล้วคุณจะรู้ว่าการคบหาดูใจกับผมมันเป็นเรื่องที่มีความสุขมากๆ”

“ฮ่าๆ คุณหลงตัวเองมากเกินไปแล้ว กลับไปนอนเพ้อฝันต่อเถอะ”

“อืม ผมฝันถึงคุณบ่อยๆ ทุกครั้งผมฝันว่าคุณนอนอย่างเขินอายใต้ร่างผม และจะร้องออกมาอย่างมีความสุข หรือคุณขึ้นคร่อมบนตัวผมด้วยความเขินอายแต่ก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ คุณในเวลานั้นช่างมีเสน่ห์มากๆ ทำให้ผมใจละลาย”

ไป๋เวยหน้าแดงและกระแอมออกมา “ถุย ลามก!”

“คุณอย่าพูดแบบนี้สิ บางครั้งความลามกมันก็เป็นข้อดีนะ มันทำให้ผมและคุณมีความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมลืมถามคุณเลย เมื่อก่อนคุณเคยสัมผัสความสุขแบบนี้ไหม? มันเป็นความรู้สึกที่เร่าร้อนไปทั่วร่างกายและมีความสุขเหมือนได้ขึ้นสวรรค์”

“ฟางหยาง คุณมันเป็นคนสารเลว! ฉันไม่เคยเห็นคนที่ลามก ไร้ยางอายและสารเลวอย่างคุณมาก่อน หึ! คุณนั่งฝันหวานไปเถอะ ฉันจะกลับแล้ว จากนี้ไปคุณไม่ต้องมานัดฉันอีก”

ไป๋เวยพูดด้วยสีหน้าแดงก่ำ เมื่อพูดจบเธอก็ลุกขึ้นมาทันที หยิบกระเป๋าแล้วหันหลังและเดินจากไป

ผมรีบดึงมือของเธอทันที และพูดด้วยรอยยิ้ม “โอเคๆ เมื่อกี้ผมล้อคุณเล่น คุณอย่าโกรธเลยนะ ผมขอโทษคุณก็ได้ ขอโทษจริงๆ จากนี้ไปผมจะไม่พูดเรื่องลามกแบบนี้อีก”

“ปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้”เธอโกรธมากๆและสะบัดมือของผมออก

“อย่าทำแบบนี้เลย คุณนั่งเป็นเพื่อนผมอีกสักพักได้ไหม ผมสัญญาว่าจะไม่พูดเรื่องพวกนั้นอีก”

“คุณจะปล่อยมือฉันไหม?”เธอขมวดคิ้วและจ้องมองผม

“ฆ่าให้ตายผมก็ไม่ยอมปล่อย ถึงแม้คุณจะตะโกนขอความช่วยเหลือ หรือจะแจ้งตำรวจ ผมก็ไม่ยอมปล่อย เพราะผมรักคุณ”

“คุณ……”

สีหน้าของไป๋เวยยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนเธอโกรธจนพูดอะไรไม่ออก แต่เธอก็ไม่กล้าสบตาผมตรงๆ ดูเหมือนเธอไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับคำสารภาพรักของผมยังไง

ผมรีบพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “เวยเวย คุณเข้าใจคำว่าคู่รักคู่แค้นไหม ผมรู้สึกว่าคำนี้มันเหมาะกับพวกเราสองคนมากๆ ตอนแรกผมเกลียดคุณ แต่ระหว่างที่พวกเราอยู่เชียงใหม่ด้วยกัน ผมพบว่าคุณก็ไม่ได้เป็นคนที่เย่อหยิ่งและมีอคติ ความเย่อหยิ่งและเย็นชาที่คุณแสดงออกมา มันเป็นการเสแสร้งของคุณเท่านั้น ตัวตนจริงๆของคุณคือ คนเป็นคนที่นิ่งเงียบ อ่อนโยน เป็นผู้หญิงที่สวย น่ารักและขี้เล่น มันทำให้ผมตกหลุมรักคุณ”

“มันเป็นความรักที่อธิบายไม่ถูกแต่ผมรักคุณอย่างไม่ต้องสงสัย และมันก็เป็นความรักที่บริสุทธิ์”

“ผมรู้ว่าตัวเองมีข้อเสียตั้งเยอะ นอกจากขอเสียที่คุณเคยพูดแล้ว ผมยังเป็นคนป่าเถื่อน หน้าด้าน แต่ความรักที่ผมมีต่อคุณมันไม่ใช่ความรักจอมปลอม มันเป็นความรักที่บริสุทธิ์ เป็นความรักที่สมบูรณ์ไร้ที่ติ

“อย่าพูดอีกเลย! ฉันไม่อยากฟัง……”ไป๋เวยเอามือข้างหนึ่งปิดหูไว้ เธอทั้งโกรธและเขินอาย แต่เธอก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง

ขณะนี้ แขกที่นั่งอยู่ข้างๆหลายโต๊ะต่างพากันปรบมือ และมีคนตะโกนเชียร์และโห่ร้องด้วย

เมื่อสักครู่ผมพูดเสียงดัง ทำให้แขกที่อยู่รอบๆได้ยินเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะเสียงปรบมือที่ดังมากๆจากนางแหวกแว้นที่นั่งอยู่ไม่ไกล โดยมีเสี่ยวเยว่เป็นคนตะโกนก่อนและพวกเธอทั้งหมดก็ตะโกนเชียร์ตาม ตะโกนว่าสู้ๆและยอมรับเขา

ไป๋เวยอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี เธอไม่มีแรงที่จะสะบัดมือของผมออก เธอก็พูดว่าปล่อยมือฉันเดี๋ยวนี้ และด่าผมเป็นไอสารเลวด้วย

ผมไม่ได้ปล่อยมือเธอ แต่หยิบแบงก์ร้อยออกมาจากกระเป๋าและวางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็ดึงมือของเธอและเดินออกไปจากร้าน

เธอเดินเร็วกว่าผมด้วยซ้ำ เธอแทบอยากจะบินออกจากร้านและหลบซ่อนอยู่ในที่ที่ไม่มีคน

เมื่อเดินออกมาจากร้าน เธอก็เอากระเป๋าออกมาฟาดผมทันที เธอฟาดผมอย่างเร็ว อย่างแรงและไม่ยั้งมือ

ผมดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดของผมอย่างแรง กอดเธอไว้แน่ และจูบริมฝีปากของเธออีกครั้ง

ผ่านไปไม่กี่วินาที เธอก็ผลักตัวผมออก และใช้กระเป๋าฟาดผมอย่างแรงและไม่ยั้งมือ

ในที่สุดผมก็จับมือข้างหนึ่งของเธอไว้ และพูดอย่างจริงจัง “พอได้แล้ว อย่าฟาดอีกเลย ถ้ายังฟาดอีก ผมจะจูบคุณอีก”

คำพูดของผมได้ผลทันที เธอหยุดจริงๆ และเธอหน้าแดงก่ำและจ้องผมด้วยความโกรธ

ผมพยายามไม่มองหน้าอกที่ขึ้นลงเพราะหายใจไม่เป็นจังหวะของเธอ พูดด้วยรอยยิ้ม “พอแล้วๆ อย่าโกรธผมเลย ผมห้ามตัวเองไม่อยู่จริงๆ ถ้าครั้งหน้าผมจะสารภาพรักกับคุณ ผมจะแจ้งให้คุณรู้ก่อนล่วงหน้า ถ้าผมจะจูบคุณก็จะแจ้งให้คุณทราบล่วงหน้าเหมือนกัน เพื่อให้คุณเตรียมตัวเตรียมใจ”

“คุณกล้าเหรอ?”เธอกัดฟันพูด

“งั้น……ถ้าผมจะสารภาพรักกับคุณ ผมต้องได้รับการเห็นชอบจากคุณก่อน”

“คุณ……”

“พอแล้วๆ ไปกันเถอะ พวกเขากำลังมองพวกเราอยู่ ผมไปส่งคุณได้ไหม”

“คุณไม่ต้องไปส่งฉัน!”

“ผมจำเป็นต้องไปส่งคุณ ตอนนี้คุณอารมณ์ไม่ดีและไม่ควรขับรถยนต์ ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยไว้ก่อน”

“ฉันพูดแล้วไงว่าไม่ต้องไปส่ง ฉันกลับเองได้”

“อย่าดื้อ ถ้าคุณยังดื้ออีก ผมจะจูบคุณกลางถนน”

“คุณ……คุณมันชั่วช้า หน้าด้านไร้ยางอายและสารเลวมากๆ!”

คำสุภาษิตเคยกล่าวไว้ ด้านได้อายอด วิธีนี้ใช้กับไป๋เวยได้ผลดีมาก เพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ขี้อายและหน้าแดงง่าย เธอกลัวผมสารภาพรักและจูบเธอแรงๆในที่สาธารณะ

ผมข่มขู่เธอเพียงไม่กี่คำ เธอก็ยอมให้กุญแจรถยนต์กับผมอย่างง่ายดาย

ไป๋เวยยังขับรถจากัวร์F-TYPE มันอาจจะไม่ใช่รถยนต์ที่หรูมากๆ แต่เป็นรถยนต์ที่เอกลักษณ์เฉพาะตัว

ผมให้เธอนั่งข้างคนขับ และผมก็นั่งลงที่เบาะคนขับแล้วสตาร์ทรถและขับออกไปบนถนนอย่างช้าๆ เพื่อทำให้บรรยากาศไม่ค่อยอึดอัด ผมจงใจหาเรื่องคุยกับเธอ “ประธานไป๋ ผมมีเรื่องสำคัญจะพูดกับคุณ ถ้ากงเจิ้งเหวินบีบบังคับให้ผู้บริหารระดับสูง ให้พวกเขาไล่ผมออก คุณจะช่วยผมไหม?”

“ไม่ช่วย”เธอหันหน้ามองไปนอกหน้าต่างรถยนต์ ตอบโดยไม่คิด

“คุณอย่าทำแบบนี้ได้ไหม เลขาที่ทำงานเก่งอย่างผมคุณจะไปหาจากที่ไหนอีก คุณคิดว่าผมพูดถูกไหม”

“ไม่ต้องรอกงเจิ้งเหวินมาบีบบังคับ พรุ่งนี้ฉันจะไล่คุณออกเลย”

“เอ่อ……ประธานไป๋คุณไม่รู้สึกหรือว่า ถ้าขาดผมไป การทำงานและชีวิตของคุณจะน่าเบื่อขึ้นมาทันที?”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด