ประธานสาวโหดมว๊าก – บทที่ 96 เสี่ยง

อ่านนิยายจีนเรื่อง ประธานสาวโหดมว๊าก ตอนที่ 96 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เขาส่ายหัวไปด้วย แล้วใช้ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองมาที่ผม ปากของเขายังส่งเสียงฮือๆ อยู่

ผมเพิ่มแรงและกดลงตรงตำแหน่งที่กระดูกของเขาหัก และมองเขาด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก

เขาร้องฮือๆอยู่อย่างนั้น แล้วดิ้นตะเกียกตะกายไม่หยุด

ผมใช้แรงกดลงไปที่ปากของเขา และใช้เข่ากดลงไปที่มือข้างซ้ายของเขาที่เป็นข้างเดียวที่ยังสามารถขยับได้ เพื่อกันไม่ให้เขาผลักผมออก

หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งนาที ผมปล่อยน่องของเขา แล้วถามอีกครั้ง”ให้เวลานายคิดสิบวินาที ถ้ายอมก็ให้พยักหน้า ไม่ยอมฉันก็จะทำต่อ”

สีหน้าของเขาซีดเผือด เหงื่อออกเยอะมาก จนใช้จมูกหายใจอย่างหนักหน่วง ตาทั้งสองข้างจ้องมองมาที่ผมด้วยความโกรธ

หลังจากผ่านไปสิบวินาที ผมใช้แรงกดไปที่น่องของเขาอีกครั้ง

ในตอนที่ทำย้ำไปจนถึงครั้งที่สาม เขาหมดหนทางดิ้นรนแล้ว เขาทำได้เพียงแค่ร้องไห้อย่างเจ็บปวดและพยักหน้าแรงๆ

ผมปล่อยปากและน่องของเขา แต่ยังคงกดมือข้างซ้ายของเขาไว้ แล้วพูดย้ำอีกครั้ง”ว่ามา พวกแกมากันกี่คน?เป็นใครกันบ้าง?ลูกชายของบัญชาอยู่ไหน?พูดมาให้หมด”

เขาสูดอากาศหายใจอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็ค่อยๆตั้งสติ แล้วพูดทุกอย่างที่ผมอยากรู้อย่างตรงไปตรงมา

เขาชื่อหรงเสี่ยวฉวน มีฉายาว่าอาฉวน ทั้งหมดมาด้วยกันสี่คนรวมเขาด้วย คนที่เป็นผู้นำคือคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกงเจิ้งเหวิน เอกลักษณ์เฉพาะตัวลางไม่ดี อีกสามคนทำหน้าที่เป็นอันธพาล แต่ไม่ใช่บุคคลพิเศษอะไร เป็นแค่คนที่ช่วยคนอื่นเก็บส่วยหรือจัดการสิ่งต่างๆเท่านั้น ล้วนเป็นคนที่มีคดีติดตัว

นอกเหนือจากนี้ พวกเขายังมีคนที่ช่วยทำงานอยู่ที่เชียงใหม่ เป็นคนจีนธรรมดาคนหนึ่งที่อาศัยในเชียงใหม่ทำงานปกติทั่วไป เป็นหนึ่งในเพื่อนของพวกเขา เพราะพวกเขาไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมท้องถิ่น ดังนั้นจึงหาเพื่อนมาช่วย

นอกจากนี้แล้ว พวกเขายังมีปืนหนึ่งกระบอก เป็นของที่ซื้อมาจากตลาดมืดตอนที่มาถึงที่นี่ อยู่ในมือขอผู้ชายคนหนึ่งที่มีชื่อว่าเหล่าทู ไม่ได้จะใช้ปืนฆ่าผม แต่เอาไว้ป้องกันตัวเฉยๆ เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าอิทธิพลในประเทศไทยของผมใหญ่ขนาดไหน

กงเจิ้งเหวินชี้แนะพวกเขาว่า ไปสืบให้รู้ว่าผมรู้จักใครที่นี่ มีภูมิหลังยังไง หลังจากนั้นค่อยจับลูกชายของบัญชามาเป็นตัวประกันเพื่อทำร้ายผม

แต่กงเจิ้งเหวินสั่งให้พวกเขาห้ามกรรโชกรีดเอาเงิน ยิ่งห้ามทำให้เด็กตาย เพื่อหลีกเลี่ยงทำให้เรื่องมันใหญ่ ถ้าหากขู่บัญชาไม่ได้ ก็ให้ตัดนิ้วลูกของเขาสักสองสามนิ้ว หลังจากนั้นให้พวกเขาต่อกรกับผมด้วยตัวเอง

กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า กงเจิ้งเหวินบ้ามาก แต่ไม่ได้บ้าจนขั้นจะเอาคนให้ตาย แค่อยากทำให้ผมพิการ

สำหรับที่ว่าลูกของบัญชาอยู่ที่ไหน ไอ้ขาหักที่ชื่อหรงเสี่ยวฉวนไม่รู้เลย และไม่รู้ว่าเพื่อนของเขาได้ลักพาตัวแม่และลูกชายชาวจีนสองคนไปด้วยหรือไม่

หลังจากที่ถามคำถามอื่นๆเสร็จ ผมก็หยิบโทรศัพท์มือถือของหรงเสี่ยวฉวนออกมา ให้เขาค้นหาวีแชทของคนที่ชื่อเหล่าทู ใช้ตัวหนังสือส่งข้อความออกไป บอกว่าเขาตามไม่ทันผม ตอนนี้จะไปรวมตัวกับเพื่อน บอกให้เพื่อนส่งตำแหน่งที่อยู่ให้เขา

เหล่าทูด่าในวีแชทหลายคำ หลังจากนั้นก็ส่งตำแหน่งมา บอกให้เขามารวมตัวที่ตำแหน่งนี้ ที่ตั้งอยู่ทางแยกห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางเหนือประมาณสามสิบกิโลเมตร

ผมเปิดแผนที่ในโทรศัพท์ของตัวเอง แล้วทำเครื่องหมายตำแหน่งบนแผนที่ จากนั้นก็มองดูสถานการณ์ทางภูมิศาสตร์รอบๆ ในที่สุดผมก็วาดวงกลมบริเวณโดยรอบแม่น้ำแม่ปิงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล หลังจากนั้นก็บันทึกหน้าจอ ส่งรูปบันทึกหน้าจอให้บัญชาไป ให้เขาส่งคนไปหาคนที่อยู่บริเวณโดยรอบ

ลูกชายของบัญชาไม่ได้อยู่ในตำแหน่งแผนที่ในวีแชทอย่างแน่นอน เหล่าทูคนนั้นไม่ได้โง่ขนาดส่งที่ซ่อนตัวของพวกเขา แต่เขาส่งตำแหน่งรวมตัว หลังจากไปที่เจอกันที่จุดนัดพบแล้วก็ค่อยพาเขาไปที่สถานที่ซ่อนตัว

กล่าวเป็นนับได้ว่า จุดนัดพบต้องห่างจากที่ซ่อนตัวไม่ไกล มีความเป็นไปได้มากว่าจะอยู่ในบริเวณที่ผมวงไว้

ก่อนที่จะไป ผมไม่ได้ทำให้หรงเสี่ยวฉวนลำบากใจ แต่ใช้มือถือของเขาโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ หลังจากนั้นก็เอามือถือของเขาไป หนึ่งเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาส่งข่าวให้พรรคพวกของเขา สองต้องใช้ติดต่อเหล่าทู

ผมเดินกลับที่ถนนแล้วมองซ้ายมองขวา พบว่าถนนเส้นเล็กเส้นนี้ยังคงไม่มีรถสัญจร ผมจึงสวมหมวกกันน็อค แล้วใช้กระจกบังลมปิดหน้าจนหมด หลังจากนั้นก็ขับมอเตอร์ไซค์ออกไป มุ่งตรงไปยังจุดนัดพบที่ทำเครื่องหมายบนแผนที่

ผมไม่ได้เรียกบัญชาให้มารวมตัว เพราะไม่กล้าเสี่ยง กลัวว่าเขาจะทำอันตรายผมเพื่อเป็นการปกป้องลูกชายของเขา

ตำแหน่งที่ทำเครื่องหมายบนแผนที่นั้นอยู่ใกล้ผมมาก เพราะผมขับรถออกไปจากเมืองมุ่งไปทางเหนือใช้เวลาไปครึ่งชั่วโมงเต็มๆ ทิศทางที่ผมไปนั้นใกล้มาก

ผมขับรถเข้าสู่ถนนลูกรัง หลังจากผ่านไปประมาณสิบนาที ผมก็มาถึงสถานที่ซึ่งห่างจากจุดนัดพบที่เหล่าทูตกลงกันไว้ไม่ถึงสองร้อยเมตร ผมจอดมอเตอร์ไซค์ หลังจากนั้นก็หยิบมือถือของหรงเสี่ยวฉวนขึ้นมา ส่งข้อความให้เหล่าทู บอกว่าผมถึงแล้ว แล้วถามว่าเขาอยู่ไหน

เหล่าทูไม่ได้ตอบกลับวีแชท แต่จู่ๆก็โทรศัพท์มา

ผมขมวดคิ้วกับสายที่โทรเข้ามา ลังเลว่าจะรับดีไหม

ถ้ารับสาย เหล่าทูที่อยู่ปลายสายจะต้องได้ยินว่าเสียผิดปกติ และจะต้องแผนแตกอย่างแน่นอน

ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ผมก็ตัดสินใจกัดฟันรับสาย ไม่รอให้เหล่าทูได้พูดอะไร แล้วเลียนเสียงของหรงเสี่ยวฉวนตะโกนใส่โทรศัพท์ว่า”เหล่าทู มีตำรวจ รีบหนีไป”

สิ้นเสียง ผมก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไป หลังจากนั้นก็บิดคันเร่งมุ่งตรงไปยังทางแยก

ผมจะพนันสักตั้ง พนันกับเหล่าทูเพราะว่าเสียงตะโกนไม่ได้ดังมากดังนั้นจึงไม่ได้ยินเสียงผิดปกติอะไร พนันว่าเขาต้องกลัวตำรวจมากแล้วตกใจจนทำอะไรไม่ถูกโดยเสียความสามารถในการแยกแยะ และหาทางหนีโดยไม่คิดชีวิต

ในขณะเดียวกัน ผมไม่ได้ถอดหมวกกันน็อค ยังคงใช้ที่บังลมปิดบังใบหน้า หุ่นของหรงเสี่ยวฉวนกับผมพอๆกัน ผมยังต้องพนันว่าเหล่าทูเข้าใจผิดคิดว่าผมคือหรงเสี่ยวฉวน

ผมพนันถูกครึ่งหนึ่ง เพียงไม่กี่วินาทีหลังจากที่ผมขับมอเตอร์ไซค์ออกไป ก็มีเสียงมอเตอร์ไซค์คำรามดังออกมาที่ทางแยก

เป็นไปตามคาดเหล่าทูจะหนี อีกทั้งเขาขับมอเตอร์ไซค์เช่นกัน

ผมเหยียบคันเร่งไปที่ปากทาง เห็นมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งยี่ห้อซูซูกิรุ่น125ที่คล้ายกันขับรถของหรงเสี่ยวฉวน ซึ่งอยู่ห่างจากผมประมาณหนึ่งร้อยเมตร กำลังขับไปทางภูเขาอย่างรวดเร็ว

คนขับที่นั่งอยู่บนรถไม่ได้สวมหมวกกันน็อค กรอบไรผมของเขาค่อนข้างสูง น่าจะเป็นเหล่าทู

ผมเสียใจที่เลือกบิ๊กไบค์คันนี้ เพราะรถประเภทนี้แสวงหาความสะดวกสบาย แต่ไม่ใช่ความเร็ว ความเร็วจึงไม่สามารถเทียบได้กับรถซูซูกิรุ่น125

หลังจากที่ไล่ตามรถคันนั้นอยู่ด้านหลังหลายนาที ในที่สุดผมก็พยายามจำกัดระยะทางให้ใกล้ขึ้น เวลานี้เอง จู่ๆเหล่าทูก็หันหลังกลับมามองแวบหนึ่ง ผมจึงยกมือชี้ไปด้านหลังเป็นสัญญาณว่าตำรวจอยู่ด้านหลัง

เหล่าทูเหมือนจะไม่สงสัยอะไรมากนัก เขาขับรถมุ่งหน้าไปตามทางอย่างรวดเร็ว

ผ่านไปอีกสองสามนาที ในตอนที่จำกัดระยะทางใกล้เข้ามาสามสี่สิบเมตร เหล่าทูก็หันกลับมามองอีกครั้ง มองดูด้านหลังผมมองอย่างละเอียด หลังจากนั้นก็ลดความเร็วของรถ แล้วตะโกนมาทางผมว่า”อาฉวนไอ้โง่ ตกลงด้านหน้ามีตำรวจไหมห้ะ?”

ผมไม่ได้ตอบ แต่พยักหน้า หลังจากนั้นก็เหยียบคันเร่งพุ่งตรงไปยังเขา

เหล่าทูตกตะลึง หลังจากนั้นก็สบถด่า”เหี้ยอะไรวะ อาฉวนมึงจะทำเหี้ยอะไรเนี่ย?”

เวลานี้เอง รถของผมห่างจากเขาไม่ถึงสิบเมตร

ในที่สุดเหล่าทูก็รู้สึกผิดปกติ จึงรีบเหยียบคันเร่งเพื่อหลบหนีผม

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด