Eight Desolate Sword God – ตอนที่ 34 เจ้ากล้ายอมรับคำท้าหรือไม่?

อ่านนิยายจีนเรื่อง Eight Desolate Sword God ตอนที่ 34 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เวลาได้ล่วงเลยผ่านไปในที่สุดระยะเวลาหนึ่งเดือนก็มาถึง

 

“ระเบิดพละกำลัง 8,000 จิน”

 

เย่เฉินที่ถูกปลุกคลุมไปด้วยเลือด เขาก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยร่างกายที่บาดเจ็บของเขา หลังจากหลอมรวมเข้ากับพลังวิญญาณที่ปล่อยออกมาจากไข่โลหิต พละกำลังมหาศาลจำนวนมากก็พุ่งเข้าใส่ หมีสีดำสูง 6 เมตร

 

“ปั้ง” ร่างของหมีทมิฬขนเหล็ก ที่เป็นที่รู้จักกันในด้านความเเข็งเเกร่งได้ถูกส่งลอยไปโดยพลังหมัดของ เย่เฉินเฟิง ขนเหล็กของมันได้ถูกต่อยจนยุบ โลหิตจำนวนมากได้พุ่งออกมาจากปากของมัน

 

หมีทมิฬขนเหล็ก หนึ่งในสัตว์อสูรที่เป็นเจ้าถิ่นของหุบเขาเมฆขาวได้ถูกฆ่าตายโดย เย่เฉินเฟิงเพียงหมัดเดียวมันได้นอนจมกองเลือดอยู่ในตอนนี้

 

หลังจากฆ่าหมีทมิฬขนเหล็กรอยปริเเตกจุดที่ 5 ก็ปรากฏขึ้นบนจิตอสูร ของ เย่เฉินเฟิง พลังวิญญาณจำนวนมากได้ไหลเข้าสู่ไข่โลหิตของเขา

 

ในตอนนี้ เย่เฉินเฟิง ก็ไม่สามารถระงับระดับการฝึกฝนของเขาได้อีก พลังงานจำนวนมากในไข่โลหิตได้ช่วยให้เขาตัดผ่านกลายเป็นผู้ใช้จิตอสูรระดับเบื้องต้นขั้น 6

 

“ถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปที่เมืองจักรพรรดิขาวเพื่อร่วมประลองศึกในสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว,อย่างไรก็ตามข้าสงสัยว่าตอนนี้ข่าวการตายของ เจียงชานซุ่ย ได้เผยเเพร่ไปไกลเท่าไรเเล้ว”

 

เย่เฉินเฟิง ถอนลมหายใจออกมายาว ๆ เขาได้เข้าไปอาบน้ำในส่วนลึกของหุบเขา จากนั้นก็ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เเละออกจากเทือกเขาเมฆขาวเพื่อกลับไปเมืองจักรพรรดิขาวในที่สุด

 

ตอนนี้เขาเป็นห่วงตระกูลไป๋ กลัวว่าจะไม่สามารถรับมือกับเเรงกดดันเกี่ยวกับข่าวการหายตัวไปของ เจียงชานซุ่ย ได้ เย่เฉินเฟิง ได้สวมใส่หน้ากากจักจั่นก่อนที่จะเข้าไปในเมืองเเละกล่าวถามหาข้อมูล

 

เมื่อพบว่าผู้เชี่ยวชาญของตระกูล เจียง ได้กลับไปเเล้ว เเละสถานการณ์ภายในเมืองจักรพรรดิขาวก็สงบลง เขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

 

หลังจากเเน่ใจว่าตระกูลไป๋ไม่ได้ทรยศเขา เย่เฉินเฟิง ก็รู้สึกโล่งใจ เขาได้เข้าพักในโรงเตี๊ยมเเห่งนึงเเละเฝ้ารอการทดสอบปลายปีของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว

 

เช้าตรู่ ดวงอาทิตย์ยามเช้าก็ได้เปลี่ยนท้องฟ้าเป็นสีเเดง มันเหมือนกับภาพวาดพู่กันที่สวยงามทำให้จิตใจรู้สึกสดชื่น

 

หลังจากรับประทานอาหารเช้าในโรงเตี๊ยมเสร็จ เย่เฉินเฟิง ก็เดินไปที่สำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว

 

วันนี้เป็นวันสอบปลายปีของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว บรรยากาศในสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวจึงกลายเป็นครึกครื้นอย่างมาก เหล่าบรรดาลูกศิษย์เกือบทั้งหมดที่ออกไปสั่งสมประสบการณ์ได้กลับมากันหมดเเล้ว

 

“โอ้ว,ดูสิว่าข้าเจอใคร นั่น เย่เฉินเฟิง ไม่ใช่หรือ ไม่คิดเลยว่า เจ้าจะกล้ามาที่นี่ในวันนี้ ข้าคิดว่าเจ้าจะหลบซ่อนตัวจากนายน้อยเหลียนจนไม่กล้าพบใครซะอีก”

 

ในขณะที่ เย่เฉินเฟิง เดินไปที่ทางเข้าของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิเขาก็ได้ยินเสียงเยาะเย้ยที่ไม่สบอารมณ์

 

เป็น ตี้หว่านสือ เขาได้สวมใส่เสื้อผ้าที่งดงามบนใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มเเฝงอันตราย เขาได้ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับศิษย์ของสำนักคนอื่น ๆ อีก 3 คน

 

“ตี้หว่านสือ สุนัข ที่ดีจะไม่เเว้งกัดเจ้าของที่เคยทำดีช่วยเหลือชีวิตของมันหรอกนะ”เย่เฉินเฟิง ไม่ได้โกรธได้ยินเสียงเยาะเย้ยของ ตี้หว่านสือ เขาได้กล่าวพูดออกมาอย่างเฉยชา

 

“ไอ้บัดซบ เย่เฉินเฟิง เจ้ากล้าเรียกใครว่าสุนัข?”ได้ยินเสียงเยาะเย้ยของ เย่เฉินเฟิง ตี้หว่านสือ ก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธ

 

“ข้าด่าเจ้าว่าสุนัขเเล้วจะทำไม?”เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ ตี้หว่านสือ ที่กำลังโกรธจัด เขาไม่ได้สนใจอีกฝ่ายเเม้เเต่น้อย

 

“เจ้า…”

 

ตี้หว่านสือ เเทบจะระเบิดความโกรธออกมา เขาไม่คิดเลยว่า เย่เฉินเฟิง จะทำตัวหยิ่งยโสมากขนาดนี้

 

เเต่เมื่อคิดว่า เย่เฉินเฟิง ได้ครอบครองความเเข็งเเกร่งระดับไหน เขาที่ไม่ใช่ คู่มือ เย่เฉินเฟิง ก็ทำได้เพียงเเต่ยอมรับเเละทนกัดฟันไป เขาไม่เเม้เเต่จะกล้าเคลื่อนไหวในตอนนี้

 

“หลบไปให้พ้นทางข้า”เย่เฉินเฟิง จ้องมองไปที่ ตี้หว่านสือ ที่ขวางทางเขา เขากล่าวสั่งอย่างเย็นชา

 

“ถ้าข้าไม่หลบจะทำไม?”ตี้หว่านสือ สูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมกับพูดอย่างดื้อรั้น

 

“เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกเสียใจที่ขวางทางข้า”เย่เฉินเฟิง ยิ้มออกมา พร้อมกับปล่อยเจตนาฆ่าที่รุนเเรงออกมาโดยไม่เก็บงำเอาไว้ ผลกระทบของมันทำให้ การป้องกันทางจิตวิญญาณของ ตี้หว่านสือพังทลายลงในทันที

 

หลังจากนั้น ตี้หว่านสือ ก็รู้สึกราวกับตกนรกทั้งเป็น ขาของเขาสั่นไหวอย่างรุนเเรงเเละล้มลงกับพื้น

 

“ตี้หว่านสือ เจ้ามันอ่อนเเอเกินไป”เย่เฉินเฟิง กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ เขาได้เดินผ่าน ตี้หว่านสือ เเละ คนอื่น ๆ เข้าไปในสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว

 

“เย่เฉินเฟิง อย่าได้หยิ่งยโสเกินไป นายน้อยเหลียน จะต้องเเก้เเค้นให้ข้าอย่างเเน่นอน”จ้องมองไปที่เเผ่นหลังของ เย่เฉินเฟิง ตี้หว่านสือ สาบานกับตัวเอง

 

หลังจาก เย่เฉินเฟิง เดินเข้าไปในสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว เขาก็ไปที่ลานประลองของสำนักโดยตรง

 

การทดสอบขั้นสุดท้ายของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวนั้นง่ายมาก มันคือการประลองยุทธ์ ผลการประลองจะถูกนำมาจัดอันดับเเละตัดสินในช่วงท้าย

 

เย่เฉินเฟิงรออยู่ที่ห้องโถงเตรียมพร้อมเพื่อรอเวลาเริ่มอีก 10 นาทีนับจากนี้ ขณะนั้นเองเขาก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่เย็นชาจ้องมาที่ทิศทางของเขา เมื่อเขาหันกลับไปก็พบกับอัจฉริยะอันดับหนึ่งของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิ เหลียนหยูหลง

 

“เย่เฉินเฟิง วันนี้ข้าจะทุบตีเจ้าให้กลายเป็นสุนัขที่ตกตายต่อเบื้องหน้าสายตาทุกคน ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีความกล้ามากพอที่จะกลับมาเหยียบที่สำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวนี่อีก”ประกายเเสงที่เย็นชาของ เหลียนหยูหลง ได้จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ก่อนที่เขาจะกล่าวพูดออกมา

 

“เเล้วข้าจะรอ”เย่เฉินเฟิง ตอบกลับอย่างเฉยชา เเละ เพิกเฉยต่อเขา

 

นอกจาก เหลียนหยูหลง ที่ให้ความสนใจเเก่ เย่เฉินเฟิง เเล้ว ก็ยังมีคนอื่นอีก เธอก็คือ เฉียวจิงหยวน

 

เธอเชื่อมั่นในตัวของ เย่เฉินเฟิง หลังจากที่เห็นความเเข็งเเกร่งของเขา เเละ ช่วยชีวิตของเธอในเวลานั้น

 

เมื่อถึงเวลาสำหรับการทดสอบ สถานที่ทดสอบเเห่งนี้ก็เต็มเเน่นไปด้วยผู้คน ไป๋สือซาน หนึ่งในเสาหลักตระกูลไป๋ รวมถึง เจ้าเมืองจักรพรรดิขาว ไป๋เจียงชุน เเละ ไป๋ซือหยา พวกเขาได้เเต่งตัวอย่างสง่างามพร้อมกับปรากฏตัวในพื้นที่รับรองพิเศษ

 

เมื่อไป๋ซือหยา เห็น เย่เฉินเฟิง ที่ปรากฏตัวออกมาอย่างโดดเด่นเเละสง่างามท่ามกลางฝูงชน ภาพลักษณ์ของเขาก็ปรากฏขึ้นในสายตาของเธอตลอดเวลา เธอไม่กล้าเเม้เเต่จะชายตามองคนอื่นอีกเลย

 

“เอาล่ะทุกคนเงียบ วันนี้เป็นวันทดสอบสุดท้ายของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว เนื่องเพราะมีผู้เข้าร่วมทดสอบเพื่อเป็นสิทธิ์เข้าสู่นิกายเพลิงผลาญฟ้าจำนวนมากทำให้สำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวของเราจึงเหลือสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบเพียงที่เดียวเเละผู้ชนะอันดับเเรกเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติในการเข้ารับการทดสอบเข้าสู่นิกายเพลิงผลาญฟ้า”

 

ปรมาจารย์ผู้นำสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาว ได้กล่าวพูดขึ้น เขาเป็นชายชราที่มีผมสีขาว เขายืนอยู่ที่เเท่นผู้ชมหลักตอนนี้

 

“หากเหลือเพียงที่เดียวเช่นนั้นก็ต้องเป็นของท่านเเล้วนายน้อย”ตี้หว่านสือ กล่าวประจบออกมาอย่างรวดเร็ว

 

“นี่มันก็เเน่ชัดอยู่เเล้ว ความเเข็งเเกร่งของ นายน้อยเหลียน เเต่ไรมาก็เป็นที่หนึ่งของสำนักต่อสู้เมืองจักรพรรดิขาวมาโดยตลอด อีกไม่นานเขาก็จะเข้าสู่นิกายเพลิงผลาญฟ้าเเละกลายเป็นศิษย์อัจฉริยะอันดับหนึ่งของที่นั่น”

 

ได้ยินเสียงชื่นชมตนเองจากผู้คนรอบข้าง ทำให้ เหลียนหยูหลง รู้สึกปลาบปลื้มมาก

 

“พวกเจาก็พูดเกินไป การจะได้เป็นศิษย์ของนิกายเพลิงผลาญฟ้านั้นจะต้องเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ เเต่ถ้าให้เวลาข้าหน่อย ข้ามีความมั่นใจที่จะสร้างชื่อเสียงให้ตนเองในนิกายเพลิงผลาญฟ้า ได้”เหลียนหยูหลง พูดด้วยท่าทีภาคภูมิใจบนใบหน้าของเขา

 

เหมือนกับว่าสิทธิ์เข้ารับการทดสอบเข้านิกายเพลิงผลาญฟ้านั้นเป็นของเขาเเล้ว

 

“เอาล่ะ การทดสอบรับสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบเข้านิกายเพลิงผลาญฟ้ากำลังจะเริ่มต้นขึ้นใครที่ต้องการได้รับสิทธิ์นี้ก้าวขึ้นมาบนเวทีประลอง”ท่านผู้นำสำนัก กล่าวประกาศด้วยเสียงดัง

 

เมื่อเขาพูดจบ เหลียนหยูหลง ก็จ้องมองไปที่ เย่เฉินเฟิง ซึ่งอยู่ไม่ไกล เขาเป็นคนเเรกที่กระโดดขึ้นไปบนเวทีประลองพร้อมกับถือหอกที่เเหลมคมจี้มองมาที่ทิศทางของ เย่เฉินเฟิง ด้านล่างเวที”เย่เฉินเฟิง ข้าขอท้าเจ้า เจ้ากล้าที่จะยอมรับหรือไม่?”

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด