Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 130 มหันตภัยในรอบ หนึ่งพันปี

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 130 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ขุนศึกสยบสวรรค์บทที่ 130 มหันตภัยในรอบ หนึ่งพันปี

เช้าวันรุ่งขึ้น เยี่ยฉวนลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกปลอดโปร่งหลังทําสมาธิฝึกตนเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน…

วารีโอสถทิพย์ในหม้อปรุงยาขนาดใหญ่งวดลงจนเหลือปริ มาณน้อยกว่าครึ่งลักษณะคล้ายโคลนสีอ่อน ส่วนที่เหลี อระเหยเป็นไอและซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาโดยสมบูรณ์ 

“น่าเสียดาย…มันมีปริมาณน้อยเกินไป ทั้งยังเป็นเพียงวารีโอสถทิพย์ธรรมดาเท่านั้น”

เยี่ยฉวนส่ายศีรษะก่อนจะบ่นพึมพําในลําคอ จากนั้นจึงเบนความสนใจไปยังยันต์กลืนกินสวรรค์ทั้งสามใบที่กําลังห มุนวนอยู่ในตันเถียนอย่างช้าๆตอนนี้ดวงจิตของเขาแข็งแก ร่งยิ่ง เพียงส่งกระแสจิตหนึ่งครั้งก็สามารถถอดดวงจิตออกจากร่างได้โดยไม่ต้องพึ่งพาโคมบงกชสีครามอีกต่อไป ที่สําคัญ..เขาบรรลุสู่ขั้นซิวถือระดับที่สองโดยบังเอิญ! 

ยันต์กลืนกินสวรรค์หนึ่งใบให้พละกําลังถึงหนึ่งหมื่นแปดพันจินตอนนี้เขาสามารถเปิดผนึกยันต์ได้สามใบ หมายควา มว่า…

เขากางนิ้วมือทั้งสองข้างออกและใช้เพียงสองนิ้วยก ถังบรรจุน้ําที่มีขนาดใหญ่เท่าหม้อทองแดง สิ่งที่ประจักษ์ต่อ สายตาคือถังน้ําที่มีน้ําหนักมากพอสมควรใบนี้กลับเบาหวิว เฉกเช่นขนนกหนึ่งเส้นเท่านั้น!

ห้าหมื่นสี่พันจิน!

หลังหลอมรวมวารีโอสถทิพย์เข้ากับแหวนอัฐิพระโพธิ สัตว์เสร็จสิ้นแล้วเขาได้ทําการเปิดผนึกยันต์กลืนกินสวร รค์ใบที่สามในช่วงกลางคืน ทําให้ความแข็งแกร่งทางกายภาพที่เดิมมีเพียงหนึ่งหมื่นแปดพันจิน เพิ่มขึ้นเป็นห้าหมื่นสี่ พันจินอย่างน่าอัศจรรย์!แม้ขั้นการฝึกตนของเขาเพิ่งบรรลุสู่ ขั้นซิวฉือระดับสอง แต่ความแข็งแรงของเขาสูงส่งกว่าผู้ฝึกตนรายอื่นที่บรรลุในระดับเดียวกันอยู่มากโข!

ปีศาจเพลิงที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่างเผยสีหน้าตกตะลึง!

โอสถทั่วไปอาจหาซื้อตามท้องตลาดได้ง่าย ทว่าวารีโอสถทิพย์มีมูลค่าสูงกว่าทั้งยังเสาะหาได้ยากนัก ทั่วทั้งยุทธภพมี เพียงสํานักหมอกเมฆาที่มีความชํานาญในการกลั่นและภาย ในสํานักมียอดฝีมือเพียงไม่กี่คนที่รู้กระบวนการปรุงยาชนิด นี้!ดังนั้นหม้อใบเขื่องที่บรรจุตัวยานี้จึงนับว่าล้ําค่าเป็นอย่า งยิ่ง แต่เยี่ยฉวนกลับบ่นว่ามันมีปริมาณไม่เพียงพอทั้งยังเป็นยาธรรมดาทั่วไป ทั้งหมดนั่นหมายความว่าอย่างไรกันแน่?!

เป็นธรรมดาที่ผู้คนมักยกตนเองไปเปรียบเทียบกับผู้ที่ดีก ว่าอยู่เสมอ

และแน่นอนว่าอย่างไรก็ตาม คนทั้งสองไม่สามารถเทียบ เคียงกันได้โดยง่าย!ปีศาจเพลิงอี้เหยียนจื่อส่ายหน้าก่อนเอ่ย ถาม “นายน้อย…แม้แต่ยาวิเศษชนิดนี้ก็มีระดับขั้นด้วยหรือ?!”

“แน่นอน พวกมันมีคุณสมบัติคล้ายคลึงกับยาเม็ด แม้แต่น้ําที่คั้นจากพืชสมุนไพรก็แบ่งออกเป็นระดับสวรรค์ ขั้นซวน ขั้นปฐพีและขั้นอําพันเช่นกันยาน้ําถูกจัดประเภทให้อยู่ ในกลุ่มนี้เพราะเป็นของเหลว ส่วนขั้นอําพันมีกระบวนการกลั่นง่ายที่สุด ทั้งยังเป็นระดับต่ําสุด”

เยี่ยฉวนกล่าวตอบด้วยน้ําเสียงราบเรียบ ปีศาจเพลิงที่ได้ยินดังนั้นจึงเกิดความรู้สึกถึงและเลื่อมใส แต่สําหรับชายห นุ่มแล้ว หม้อใบยักษ์ที่บรรจุวารีโอสถทิพย์นี้เป็นเพียงของเหลวชั้นอําพันที่ไม่ได้สลักสําคัญเท่าใดนัก ทั้งสรรพคุณ ของมันก็ไร้ซึ่งความโดดเด่นภพชาติก่อนที่เขาเคยเป็นถึงม หาปราชญ์ซ่อนเร้นสวรรค์ ตัวยาเหล่านี้จะเป็นสิ่งที่เขามองข้ามเป็นลําดับแรก

การกลั่นวารีโอสถทิพย์เป็นอีกเหตุผลที่ทําให้เยี่ยฉวน เลือกพํานักอยู่ที่สํานักหมอกเมฆา ทว่าเป้าหมายของเขาไม่ ใช่แค่ยาน้ําที่มีขั้นอําพันเช่นนี้ เขาคาดหวังให้มันค่อยๆพัฒนาประสิทธิภาพจนสูงถึงระดับสวรรค์ ดังนั้นตอนนี้จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้น

ปีศาจเพลิงไม่ปริปากเอ่ยคําใด

เยี่ยฉวนเผยรอยยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาของอีกฝ่าย เขาหยิบเสื้อคลุมขึ้นสวมก่อนเดินออกจากตัวเรือนพลางกล่าวคํากํา ชับทิ้งท้าย “อี้เหยียนจือข้าจะเดินทางไปยังสํานักอสูรเมฆา อาจใช้เวลาหลายวันกว่าจะกลับมาที่นี่ ฝากเจ้าดูแลต้นข้าวมังกรสวรรค์ไว้ให้ดี ไม่ต้องกังวลเรื่องหม้อกลั่นวารี โอสถทิพย์…ข้าสามารถกลับมาปรับแต่งมันให้ดีขึ้นได้มากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน หากสําเร็จแล้วเจ้าจะได้รับผลประโยชน์เช่นกัน”

สิ้นคํากล่าวเขาจึงเดินหายลับไปจากสายตา ชายหนุ่มมุ่งหน้าสู่ห้องโถงใหญ่ของสํานักหมอกเมฆา

วันนี้เป็นวันที่เขาจะต้องออกเดินทางไปยังสํานักอสูรเมฆา แต่เช้าตรู่อาวุโสสูงสุดและบรรดาศิษย์คนอื่นๆ คงรอเขาที่ ห้องโถงอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่ควรล่าช้า

“สํานักอสูรเมฆางั้นหรือ?”

ปีศาจเพลิงทวนชื่อสํานักที่ได้ยิน ทันใดนั้นร่างกายของเขาจึงสั่นสะท้านอย่างฉับพลันด้วยความตื่นตระหนก! เขารีบวิ่งตามเยี่ยฉวนเพื่อห้ามปรามแต่อีกฝ่ายเดินจากไปไกลเสีย แล้ว!

เหตุใดเยี่ยฉวนต้องไปที่สํานักอสูรเมฆา?! เขาไม่รู้หรือว่าที่นั่นอันตรายเพียงใด?!

ชายชราเคราแดงรู้สึกวิตกกังวลยิ่ง ตลอดระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาเขาออกท่องยุทธภพไปทั่วทุกพื้นที่ทําทุกสิ่ง ที่พึงใจด้วยความอิสรเสรีทว่ามีบางสถานที่ซึ่งเขาไม่ต้องการ เฉียดกายเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย หนึ่งในนั้นคือสํานักอสูรเมฆาที่มีชื่อเสียงเป็นที่ร่ําลือ! ต่อให้เขามีร่างกายแข็งแกร่งก ว่านี้สองเท่าก็ไม่ห้าวหาญพอที่จะท้าทายคนของสํานักชั้นแนวหน้าของอาณาจักรอย่างแน่นอน! เพียงเผชิญหน้ากับศิษย์ของสํานักดังกล่าวเขาก็ยืนตัวแข็งที่อเสียแล้ว หากดื้อรั้นต่อไปชีวิตตนคงถึงจุดจบเป็นแน่!

สิ่งที่เยี่ยฉวนคาดการณ์ไว้ในตอนแรกถูกต้อง ห้องโถงห มอกเมฆาเต็มไปด้วยผู้คนจํานวนมาก ทันทีที่เดินเข้าไปภาย ในก็พบว่าอาวุโสลําดับสูงสุดอาวุโสลําดับสามและศิษย์ร่วมสํานักคนอื่นๆยืนรออยู่ก่อนแล้ว

“เยี่ยฉวน ภารกิจครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ข้าได้เตรียมผู้พิทักษ์หนึ่งคนเพื่อร่วมทางไปกับเจ้าหากต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมก็ บอกมาเถิดเจ้าต้องการพาผู้ใดร่วมทางไปเพิ่มหรือไม่?!” อาวุโสสูงสุดซูโกวหงกล่าวอย่างมีน้ําใจ

เขาเร่งจัดการเรื่องต่างๆ ให้สําเร็จโดยเร็วเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลาเพราะหลังส่งเยี่ยฉวนให้เดินทางไปยังสํานักอสูร เมฆาแล้ว ตัวเขาก็ต้องเตรียมตัวออกเดินทางไปยังเมื่องหลวงเพื่อเข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิแห่งต้าลิ้นเช่นกัน

“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าจะไปกับท่าน!”

“ศิษย์พี่ใหญ่! พาข้าไปด้วยเถิด!”

บรรดาศิษย์เริ่มตะโกนแข่งกันและรีบวิ่งไปด้านหน้าของ เยี่ยฉวนทันทีแม้แต่จ้าวต้าจื่อและหนานเทียนโตวก็วิ่งออก ไปเช่นกัน แต่คนที่วิ่งเร็วที่สุดคือจูชื่อเจีย…วันนี้นางสวมชุดเกราะสีแดงและรองเท้าหนังนิ่มที่พร้อมสําหรับการเดินทาง ระยะไกลรูปลักษณ์อันสง่างามทําให้นางดูโดดเด่นราวนกก ระเรียนที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงไก่หญิงสาวสบตาเยี่ยฉวนด้วยความนัยลึกซึ้งโดยไม่ปริปากเอ่ยคําใดท่ามกลางเสียงตะโกนอึกทึกรอบข้าง

เจ้าอ้วนและคนอื่นๆ ที่เห็นเช่นนั้นต่างเงียบเสียงลงพลางก้าวถอยหลังโดยพร้อมเพรียง

“ข้ายินดีร่วมทางไปกับท่าน!”

จูชื่อเจียกล่าวทําลายความเงียบในที่สุด

่ ่

ใบหน้างดงามของนางยังคงแข็งกระด้างเนื่องจากความขุ่นเคืองที่เยี่ยฉวนทําการใหญ่โดยไม่บอกตนล่วงหน้า ทว่าส ถานการณ์คับขันเช่นนี้นางกลับอาสาร่วมทางไปกับเขาโดยไร้ซึ่งความลังเล!

“ไม่ได้!”

เยี่ยฉวนปฏิเสธเสียงราบเรียบ ทันใดนั้นดวงตาของนางพ ลันแดงก่ํา…หยดน้ําตาเอ่อคลออย่างท่วมท้น ครั้นเห็นเช่น นั้นเขาจึงกล่าวต่อด้วยน้ําเสียงนุ่มนวลลง “ศิษย์น้องหญิงใช่ว่าข้าไม่อยากให้เจ้าอยู่เคียงข้าง แต่เจ้างดงามเกินกว่าที่ข้า จะพาเจ้าไปตกระกําลําบากหากมีเจ้าร่วมทางไปด้วยเกรง ว่าข้าอาจฟังซ่านจนไม่มีแก่ใจจะทําภารกิจให้สําเร็จ” 

เยี่ยฉวนเผยรอยยิ้มบางขณะชื่นชมเรือนร่างอันสง่างามของหญิงสาว

การเดินทางไปยังสํานักอสูรเมฆาครั้งนี้ มีหนทางที่ยากลํา บากและอันตรายกว่าการเดินทางไปยังสังเวียนแห่งความเป็ นตายที่ใช้ในการประลองครั้งใหญ่ระหว่างสามสํานักเป็นอย่างยิ่ง! เขาย่อมไม่เสี่ยงพาสตรีเช่นนางร่วมทางไปด้วยอย่างแน่นอน!

จซื้อเจียสบตาเยี่ยฉวนนิ่ง นางตระหนักในความหมายที่เขาต้องการสื่ออย่างแจ่มชัดและรู้ว่าคราวนี้ไม่ว่าอย่างไรเขา คงไม่ใจอ่อน มีคําพูดอยู่ภายในใจนับหมื่นล้านคําทว่านางไม่รู้ว่าควรเรียบเรียงอย่างไรดี จึงเอ่ยเพียงประโยคสั้นๆ “รอดชีวิตกลับมาให้ได้นะ!”

“อย่ากังวลไป คนดีอยู่บนโลกนี้ได้ไม่นาน….ทว่าคนเลวทรามที่เป็นมหันตภัยในรอบหนึ่งพันปีไม่มีวันตาย!”

เยี่ยฉวนยกยิ้มก่อนละสายตาจากนางและหันไปมองอาวุโสลําดับสามที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก่อนกล่าวออก “ท่า นอาวุโสลําดับสามมีทักษะวรยุทธ์ที่ทรงพลังยิ่งทั้งยังมีประสบการณ์มากมาย เสียดายจริง…หากท่านร่วมเดินทางไปกับ ข้าภารกิจเหล่านี้คงลุล่วงด้วยดีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ในเมื่อ ท่านเลือกรักษาการอยู่ที่สํานักเช่นนั้นศิษย์น้องผู้อื่นก็ได้ คุณสมบัติอันเหมาะสม! ท่านอาวุโสสูงสุด ตอนนี้ข้าไม่ต้องการสิ่งใดเพิ่มเติมแล้ว แต่ข้าหวังเป็นอย่างยิ่งว่าหากมีชีวิต รอดกลับมาท่านจะอนุญาตให้ข้าขึ้นไปยังชั้นสามขอ งหอศาสตราวุธได้เป็นกรณีพิเศษ!”

เยี่ยฉวนกล่าวขอเรียกร้องด้วยท่าทางเรียบเฉยราวไม่แย แสทว่าลึกๆ แล้วเขารู้สึกลิงโลดเป็นที่สุดเมื่อโอกาสที่ตนรอ คอยมาถึง!

หอศาสตราวุธเป็นสถานที่ซึ่งอยู่ภายใต้การกํากับควบคุมของอาวุโสลําดับสามไปเยี่ยนหู ชั้นแรกและชั้นที่สองของหอ ศาสตราวุธมีอาวุธล้ําค่าจํานวนมากทว่าอาวุธสังหารที่มีอานุภาพร้ายแรงทั้งหมดล้วนเก็บอยู่ในคลังบนชั้นที่สาม โดยได้ รับการป้องกันอย่างแน่นหนามีกฎเคร่งครัดห้าม มิให้ศิษย์ชั้นสามัญขึ้นไปเลือกอาวุธหรือแม้แต่เฉียดเข้าใกล้โดยเด็ดขาด!

“เฒ่าสาม…ว่าอย่างไร?” อาวุโสสูงสุดซูโกวหงหันไปถามความเห็นจากอีกฝ่าย

“ไม่ได้! กฎของสํานักระบุไว้ว่ามีเพียงท่านเจ้าสํา นักและเหล่าผู้อาวุโสเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในพื้นที่ ชั้นสามของหอศาสตราวุธ!”

ใบหน้าไปเยี่ยนหูเรียบตึงขณะกล่าวปฏิเสธด้วยน้ําเสียง ราบเรียบชายชราหันไปมองเยี่ยฉวนด้วยอารมณ์ขุ่นเคืองจน ไม่สามารถฝืนยิ้มออกมาได้“นอกเสียจากเยี่ยฉวนจะทําภา รกิจสําเร็จสามารถยืมเตาหลอมระดับสวรรค์จากสํานักอสูร เมฆามาได้โดยราบรื่นถึงเวลานั้นข้าจึงจะทําการยกเว้นให้

“เรียบร้อยแล้ว สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงเท่านี้!”

เยี่ยฉวนไม่ต่อรองใดๆ เพิ่มอีก เขาหมุนกายกลับพร้อ มก้าวเดินออกจากห้องโถงหมอกเมฆาโดยมีผู้พิทักษ์ติดตาม ไป ชายหนุ่มปรายตามองผู้พิทักษ์ที่เดินเคียงข้างเขาไม่ใช่คนอื่นไกลแต่เป็นผู้พิทักษ์แซ่หยางคนเดียวกันกับที่ติดตามคณะตัวแทนการประลองเข้าสู่สังเวียนอันยิ่งใหญ่ สวรรค์มีตาเห็นความดีงามของคนตกยาก…ครั้นรู้ว่าจะต้องนําศิษย์พี่ ใหญ่เดินทางฝ่าอันตรายผู้พิทักษ์รายอื่นต่างปฏิเสธหน้าที่ใน ส่วนนี้ ความรับผิดชอบจึงตกมาอยู่ที่ผู้พิทักษ์หยางผู้ซื่อสัตย์อีกครั้งเพราะเขาไร้ข้ออ้างที่จะหยิบยกมาปฏิเสธ!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด