Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก – 104 – คุณมาดูร้านแบบไหนถึงไม่รู้ว่าที่นี่มีร้านก๋วยเตี๋ยวสามร้าน

อ่านนิยายจีนเรื่อง Late Night Bookstore ร้านหนังสือยามดึก ตอนที่ 104 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

104 – คุณมาดูร้านแบบไหนถึงไม่รู้ว่าที่นี่มีร้านก๋วยเตี๋ยวสามร้าน

“ผมขอโทษที่รบกวนงานเลี้ยงของทั้งสองครอบครัว ผมมาที่นี่เพื่อทำธุรกิจ เชิญพวกคุณเริ่มงานต่อใด”

ด้วยเหตุนี้ โจวเจ๋อจึงลงจากรถเปลหาม เดินไปที่ร่างของเฉินเจ๋อเซิ่งและเอื้อมมือออกไปตบไหล่ของเขา เงาสีดำปรากฏขึ้นเป็นรูปร่างของเฉินเจ๋อเซิ่ง

เงานี้สามารถเห็นได้เฉพาะโจวเจ๋อคนเดียวเท่านั้น คนธรรมดามองไม่เห็น

“เดี๋ยวผมแต่งงานเสร็จจะลงไปคุยที่ข้างล่างด้วย” เฉินเจ๋อเซิ่งดูเหมือนไม่แปลกใจเลยที่โจวเจ๋อต้องการคุยกับเขา

“ผมไม่เข้าใจภรรยาของคุณล่วงหน้าไปถนนหวงเฉวียนแล้วไม่ใช่หรือ”

พูดจบโจวเจ๋อก็ตบไหล่ของเขาอีกครั้งแล้วเดินออกไปทันที

“หยุดเดี๋ยวนี้!” น้องชายของเฉินเจ๋อเซิ่งตะโกนด้วยความโกรธ “คุณกำลังจะทำอะไร!”

“ทำในสิ่งที่ผมต้องทำ พอได้แล้ว งานของผมเสร็จแล้วพวกคุณเชิญต่อได้”

ด้วยเหตุนี้ โจวเจ๋อจึงมองเป็นพิเศษไปยังบาทหลวงที่ยืนอยู่ข้างสตรีทั้งสามโดยไม่พูดอะไรสักคำและยิ้มให้เขา

บาทหลวงก็ยิ้มให้โจวเจ๋อและก้มศีรษะลงต่ำลงไปอีก

ตอนนี้จากท่าทางของเขาดูเหมือนว่าบาทหลวงคนนั้นจะรู้ว่าโจวเจ๋อเป็นตัวอะไร โจวเจ๋อหันหลังกลับและจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก

น้องชายของเฉินเจ๋อเซิ่งยังคงชี้ไปที่โจวเจ๋อ แต่เขาไม่กล้าที่จะไล่ตามไป เพราะเขารู้อย่างหนึ่งว่ารถเปลถูกผลักออกจากช่องแช่แข็งด้วยตัวเขาเอง

ซึ่งหมายความว่าชายที่อยู่ข้างหน้าเขาได้นอนในช่องแช่แข็งเป็นเวลานาน เขาคิดว่าโลกต้องบ้าแน่ๆมันบ้าไปแล้วจริงๆ

หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที เฉินเจ๋อเซิ่งก็เดินออกมาจากห้องจัดพิธีสายตาของเขามองไปที่ทุ่งดอกไม้ซึ่งเขียวชอุ่มสดใส

เฉินเจ๋อเซิ่งกล่าวว่า

“ผมต้องขอความช่วยเหลือจากคุณ”

“แล้วทำไมคุณไม่บอกตั้งแต่แรก” โจวเจ๋อถาม

“เพราะผมรู้ดีว่าคุณจะไม่เต็มใจช่วย” เฉินเจ๋อเซิ่งพูดด้วยรอยยิ้มว่า “น้องชายของผมมีปัญหาทางจิต ผมวางใจไม่ได้ ธุรกิจที่บ้านไม่ค่อยดี พูดตามตรงเมื่อผมจากไปแล้วธุรกิจนี้จะเจ๊งอย่างแน่นอน”

“ผมเห็นปัญหาทางจิตของน้องคุณแล้ว” โจวเจ๋อรำพึงเบาๆ

ใช่ เป็นเรื่องแปลกที่จะเก็บซากศพของร่างกายทุกคนในครอบครัวไว้โดยไม่ได้จัดการเหมือนที่คนปกติทำ

“ถ้าคุณเป็นห่วงครอบครัวของตัวเองแล้วคุณกระโดดลงไปทำไม?” โจวเจ๋อถามด้วยความสงสัย

“ฮ่าๆๆ ในความจริงพวกเราตกลงกันว่าจะกระโดดซึ่งผมไม่ต้องการที่จะทำเรื่องนี้แต่ผมก็จำใจ แต่เมื่อเธอกระโดดแล้วผมกลับหวาดกลัวจึงไม่ได้กระโดดตามลงไปด้วย” เฉินเจ๋อเซิ่งกล่าวอย่างจริงใจ

“แล้ว?”

“แล้วผมก็สงสารเธอ หลังจากที่ให้ปากคำกับตำรวจแล้วผมจึงได้ไปกระโดดและคิดว่าพวกเราจะพบกันอีกครั้งในถนนหวงเฉวียน

แต่ไม่คิดว่าหลังจากที่ผมตายไปแล้ววิญญาณของผมกลับเดินทางมาที่บ้านของตัวเอง ดูเหมือนว่าน้องชายของผมจะพยายามซ่อมร่างกายของผมให้ดีที่สุดนั่นอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมยังอยู่ที่นี่ “

เฉินเจ๋อเซิ่งนั่งยองๆ หยิบบุหรี่ออกมาแล้วจุดไฟ

นี่คือบุหรี่จากโลกวิญญาณ คนธรรมดาไม่สามารถสัมผัสได้

โจวเจ๋อก็หยิบบุหรี่ออกมาด้วย ที่จริงแล้วพูดจากก้นบึ้งของหัวใจ โจวเจ๋อชอบผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ เขาทำสิ่งต่างๆอย่างเรียบง่ายและพูดอย่างเรียบง่าย

น่าเสียดายที่คนแบบนี้ตายไปแล้ว ไม่อย่างนั้นบางทีพวกเขาอาจจะได้เป็นเพื่อนกัน

“คุณคิดว่าผมน่าสนใจเหรอ” เฉินเจ๋อเซิ่งกระพริบตาให้โจวเจ๋อ “คุณเป็นคนแรกเลยที่ไม่คิดว่าการกระทำของผมเป็นเรื่องที่ผิด”

“เกิดอะไรขึ้นกับน้องชายคุณ?”

“ฮ่าฮ่า พ่อของผมตายตั้งแต่ผมอายุ 10 ขวบ น้องชายของผมไม่สามารถทนรับเรื่องนี้ได้

ตอนแรกผมกลัวศพ แต่ต่อมาผมพบความงาม ความสวยงามที่เงียบสงบ ซึ่งทำให้คุณสามารถดื่มด่ำกับอารมณ์บางอย่างได้

ผมดูแลใบหน้าของพวกเขา พวกเขาดูแลความรู้สึกของผม ผมให้เกียรติพวกเขาครั้งสุดท้าย พวกเขาให้ช่วงเวลาแห่งความสงบแก่ผม

ผมรู้สึกเสียใจจริงๆที่ไม่ได้ดูแลใบหน้าของคุณหลิวเป็นครั้งสุดท้าย “

“ใช่ผมเห็นด้วยเมื่อคุณตายไปแล้วคุณก็ไม่ได้เป็นสัปเหร่ออีก”

นี่คือคำพูดที่จริงใจของโจวเจ๋อ เขาไม่สนใจว่าชายที่อยู่ตรงหน้าจะเจ็บปวดหรือไม่

“ฮ่า ฮ่า เอาล่ะมาพูดถึงสาระสำคัญกัน คุณคิดว่าผมจะหาคุณหลิวเจอไหมเพราะว่าผมมาสายเกินไป”

“มันเป็นไปไม่ได้ บนถนนคนพลุกพล่านมากจริงๆ แต่ละวันอาจมีคนตายมากกว่าล้านคนด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลยว่าคุณมาช้าไปหลายวันแล้ว”

“น่าเสียดาย.” เฉินเจ๋อเซิ่งส่ายหัว “ผมอยากให้พวกคุณเจอกันนะ ไม่อย่างนั้นการกระทำของพวกคุณจะสูญเปล่า” โจวเจ๋อถอนหายใจและทำการเปิดประตูนรก

“เข้าไปสิ บางทีเธออาจจะรอคุณอยู่ที่นั่น”

“ขอบคุณ.”

เฉินเจ๋อเซิ่งเดินเข้าไปที่ประตูและทุกอย่างก็หายสาบสูญไป

หลังจากสูบบุหรี่อย่างเงียบๆโจวเจ๋อก็มองกลับไปที่วิลล่าที่ซ่อนอยู่ในดงดอกไม้อีกครั้ง

ในตอนนี้เขานึกถึงรูปลักษณ์ของผู้หญิงสามคนและภาพแปลกๆของคนเป็นและคนตายที่นั่งอยู่ด้วยกันที่โต๊ะอาหารเย็น

แม้ในฐานะคนตายและผี แต่โจวเจ๋อก็ยังรู้สึกเสียวซ่าหนังศีรษะเกี่ยวกับพฤติกรรมของทั้งสองครอบครัว

คนตายอย่างเฉินเจ๋อเซิ่งสามารถเดินได้อย่างอิสระและเป็นธรรมชาติ

ในขณะที่คนเป็นก็เหมือนตัวตลกที่แต่งหน้าอยู่บนเวที พวกเขาจะเป็นอิสระก็ต่อเมื่อพวกเขาพบกับความตายที่แท้จริง

นี่คือสัจธรรมที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงของโลกนี้

……………..

“อา ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!!!”

ในตอนกลางวัน เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น ซูชิงหลางหัวเราะเกินจริงราวกับว่าเขาถูกลอตเตอรี่รางวัลที่ 1

โจวเจ๋อกลับมาถึงร้านก็ดึกแล้ว ในตอนเช้าเขาจึงนอนหนุนตักของไป๋อิ่งเพื่อพักผ่อนอยู่ในเวลานี้

“เหล่าโจว คุณมีความสามารถอยู่บ้างจริงๆ ตอนนี้ครอบครัวของคุณหลิวโทรมาหาฉัน และพวกเขาอนุญาตให้เราเช่าร้านของพวกเขาในราคา 5,000 หยวนต่อปี 5000 หยวนในถนนสายใต้มันเหมือนกับเราได้มาฟรีๆเลยนะ!”

“โอ้”

โจวเจ๋อไม่ได้ตกใจมากเกินไป จากเหตุการณ์ที่เขาประสบมาเมื่อวาน ค่าเช่าร้านที่ถูกขนาดนี้น่าจะเป็นค่าปิดปากเขาซะมากกว่า

“ไปดูร้านกันเถอะ”

เมื่อเป็นเช่นนี้โจวเจ๋อจึงถูกซูชิงหลางพาไปยังถนนสายใต้โดยรถแท็กซี่ ร้านอยู่ตรงข้ามถนนสายใต้ ตรงข้ามเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่

ร้านครอบคลุมพื้นที่กว่า 100 ตารางเมตรและเคยเป็นร้านขายเสื้อผ้า

“คุณจะเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเหมือนเดิมเหรอ?” โจวเจ๋อถาม

“ใช่ มันจะทำเงินให้ฉันแน่นอน”

ซูชิงหลางตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

“จริงหรือเปล่า คุณเห็นนั่นไหม?”

พูดจบโจวเจ๋อก็ชี้ไปที่ร้านซึ่งอยู่ใกล้ๆร้านของพวกเขา ซูชิงหลางมองตามและตอนนี้ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวในทันที

ทางด้านซ้ายของร้านมี “บะหมี่ฉงชิ่ง” และ “บะหมี่ฉงชิ่งเส้าจื่อ” ทางด้านขวาของร้านมี “หลานโจวราเมง”

“คุณมาดูร้านแบบไหนถึงไม่รู้ว่าที่นี่มีร้านก๋วยเตี๋ยวตั้งสามร้าน?” โจวเจ๋อถาม

ซูชิงหลางสั่นศีรษะเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าร้านพวกนี้เปิดขึ้นมาได้ยังไง

“เดี๋ยวก่อน ถ้าอย่างนั้นคุณก็ย้ายร้านมาอยู่ที่นี่แล้วฉันจะเปิดร้านกาแฟที่อยู่ข้างๆ รับรองว่าธุรกิจของพวกเราต้องปังแน่นอน” ซูชิงหลางกล่าวอย่างนึกขึ้นได้

“นี่เป็นแผนการที่คิดขึ้นมาสดๆร้อนๆหรือว่าคุณคิดไว้ตั้งแต่แรกแล้ว” โจวเจ๋อมองเขาด้วยสีหน้าเอือมระอา

“ในฐานะผู้ชายที่มีห้องชุดมากกว่า 20 หลัง การที่ฉันจะทำอะไรย่อมมีแผนสำรองถูกวางไว้เสมอ!”

“ยังจะแถอีก” โจวเจ๋อส่ายหน้า

“ช่างเถอะ ตอนนี้หิวหรือยัง?” ซูชิงหลางถามโจวเจ๋อและในขณะเดียวกันก็หยิบกระติกน้ำร้อนออกจากกระเป๋าของเขา

“ไปกินบะหมี่กัน ฉันจะขอดูบะหมี่ที่นี่อร่อยเหมือบกับของฉันไหม ถ้ามันใช้ไม่ได้ฉันก็จะวัดกับพวกเขาสักตั้ง”

กระติกน้ำร้อนเต็มไปด้วยน้ำบ๊วย

โจวเจ๋อไม่ได้ปฏิเสธ เขาเดินตามซูชิงหลางเข้าไปในร้านก๋วยเตี๋ยวและสั่งบะหมี่สองชาม พวกเขานั่งที่โต๊ะเล็กและรอให้ก๋วยเตี๋ยวมาเสิร์ฟ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด