I Found A Planet – ตอนที่ 35 ฉันค้นพบการทำธุรกิจ

อ่านนิยายจีนเรื่อง I Found A Planet ตอนที่ 35 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

หลังจากที่เฉินจินใช้เวลาเดินทางมานานถึงหกชั่วโมงตอนนี้พวกเขาและทีมก็ได้กลับมายังแคมป์ ในวินาทีที่พวกเขามาถึงแคมป์เฉินจินได้คว้ากระเป๋าและมุ่งตรงไปที่ประตูมิติอย่างรวดเร็วเพื่อที่จะกลับไปยังห้องนอนของเขาให้เร็วที่สุด

วาวาวาวา!

ในห้องนอนหุ่นยนต์วาวา โบกมือทักทายเขาจากมุมห้อง เฉินจินหยิบมือถือหัวเว่ย 2.0 ออกมาจากในลิ้นชัก แล้วรีบเปิดเครื่องโดยเขาไม่สนใจเรื่องอื่นๆเลย และมันเป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้มีสายเรียกเขาจากเฉาหลี่ที่โทรหาเขาถึง 124 สาย

ตอนนี้เป็นเวลา 4:16 น.ของวันที่ 9 ตุลาคม, แท้ที่จริงแล้วเฉินจินจะต้องกลับถึงบ้านเมื่อสองวันที่แล้ว และตอนนี้แม่ของเขากำลังนอนหลับอยู่ชั้นบน เพื่อที่จะปกปิดเรื่องของดาวเคราห์ไฮเออร์แอลฟาเฉินจินจึงแต่งเรื่องขึ้นมาโดยที่เขาโทรหาแม่ตอนตีห้า

กรี้งๆ …

เฉาหลี่นั้นรับสายทันทีเมื่อว่าเบอร์โทรนี้เป็นของเฉินจิน “ ลูก! ลูกหายไปไหนมา? ทำไมลูกไม่โทรหาแม่เลย ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหน? ลูกสบายดีหรือเปล่า!?” เฉาลี่ลุกขึ้นมาจากเตียงทันทีที่ เธอพยายามสาดคำถามใส่ลูกชายเธอไม่หยุด

“ ผมสบายดีครับแม่ ตอนนี้ผมมาถึงบ้านแล้ว. ช่วงวันหยุดอย่างงี้รถมันค่อนข้างจะติดดังนั้นพวกเพื่อนของผมจึงตัดสินใจอยู่ต่ออีกวันหนึ่ง ผมเลยไม่อยากปฏิเสธพวกเขานะครับ เลยจำเป็นจะต้องอยู่ต่อกับพวกนั้นด้วย…” เฉินจินพยายามอธิบายโดยแสร้งทำเป็นยิ้มตอนที่คุยโทรศัพท์ ตัดมาฝั่งของเฉาหลี่เธอเองก็กังวลอย่างมากเพราะกลัวว่าลูกชายเพียงคนเดียวของเธอจะเป็นอะไรไป

“ลูกไม่ใช่คนที่ไม่รับโทรศัพท์ แม่ไม่ว่าหรอกนะว่าลูกจะอยู่เที่ยวต่อแต่ลูกทำไมถึงไม่โทรบอกแม่บ้างเลย รู้ไหมแม่เป็นห่วงขนาดไหน?”

“ แม่ครับ คือย่างงี้…ที่ที่เราไปเที่ยวนั้น มันเป็น วัดและเป็นพุทธสถานที่ต้องการความเงียบสงบ และไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์เลย เพราะทางวัดต้อวการให้ คนที่มาเที่ยวสถานที่แห่งนี้ล้ำลึกถึงสัจจะธรรมของโลกได้ง่ายมากขึ้น พวกมือถือ หรือ คอมพิวเตอร์นั้นเหมือนมารผจญที่จะทำให้ไม่บรรลุถึงสัจจะธรรมของโลก ครับ… ”

“ โอเคไม่เป็นไร ยังงั้นลูกเปิดประตูให้หน่อย แม่อยากเห็นหน้าของลูก”

แอ๊ด! เสียงของประตูเปิดออก

ประตูห้องของเขาได้เปิดออกและแม่ของเขายืนอยู่ข้างนอกห้องในชุดนอน

อีกไม่กี่นาทีต่อมาเฉาหลี่เธอยิ้มกว้างออกมา ใบหน้าของเธอสว่างขึ้นด้วยความเบิกบานใจในขณะที่เฉินจินเล่าเรื่องการเดินทางของเขาให้กับเธอฟังสำหรับวันหยุดที่ผ่านมา จากนั้นเฉินจินก็มอบต่างหูมุกให้เธอหนึ่งคู่ มันทำให้เฉินจินยิ้มกว้างออกมาอีกครั้งด้วยความดีใจ

ในตอนเช้า พ่อแม่ของเฉินจินทั้งคู่ก็ได้ออกไปทำงาน เฉินจินกลับมาอยู่บ้านคนเดียวอีกครั้งเหมือนปกติ เฉินจินจึงเดินกลับไปที่ห้องแล้วเข้าไปงีบสักสองสามชั่วโมง หลังจากที่เข้าตื่นเขาก็ไม่ได้กลับไปที่ดาวไฮเออร์แอลฟาแต่อย่างใด เขาเริ่มเปิดคอมพิวเตอร์ที่ดูเหมือนไม่ได้เปิดมานาน มันเต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะอยู่เต็มเครื่อง เฉินจินเริ่มเปิดเว็บขึ้นมาเพื่อค้นหา“การเริ่มต้นทำร้านขายเครื่องประกับ” บน ไบตู้

เขาอ่านอย่างละเอียดและรอบคอบในแต่ละหน้าเว็บ ใช่เฉินจินจะเริ่มต้นสร้างร้านขายเครื่องประดับของเขาเองและเขาจะเป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ในร้านแห่งนี้เขาจะขายทองคำ ทองคำขาว เพชร หยกและทับทิม (ซึ่งพวกมันมีให้เลือกหลายสีมาก) นอกจากนี้เขาจะตั้งเคาน์เตอร์ขึ้นมาบนความหรูหราและขายนาฬิการะดับไฮเอน ในระยะแรกร้านของเขาจะมีทุกอย่างที่เกี่ยวกับเครื่องประดับทั้งหมด

ฉันอยากรู้จริงๆว่าธุรกิจประเภทนี้หารายได้มาจากไหนกัน และวิธีอะไรที่จะช่วยให้ฉันทำเงินได้จากเครื่องประดับเหล่านี้?

เฉินจินพอจะได้คำจบจากหน้าเว็บ“ ไบตู้โน” (เป็นเว็บไซต์ที่คล้ายกับ Google )

“ เขาพบสองวิธีในการที่จะนำมาใช้ขายเครื่องประดับได้โดย วิธีหนึ่งคือการขายหน้าร้าน และอีกวิธีคือการขายทองคำโดยอิงกำไรจากข่าวสารและบวกกำไรเข้าไปสำหรับลูกค้าที่ต้องการซื้อทองในเวลานั้น โดยทั่วไปช่องทางการซื้อขายสำหรับร้านขายเครื่องประดับนั้นจะเป็นโรงงานผลิตเครื่องประดับ ราคาโรงงานของพวกมันเหมือนกับราคาในท้องตลาดแต่มีค่าธรรมเนียมการจัดการเพิ่มขึ้น 50-70 % ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการก็ใกล้เคียงกัน แน่นอนขึ้นอยู่กับภูมิภาคที่อยู่อาศัยในตอนนั้นด้วย แต่โดยปกติมันจะมีราคาเกิน 70 % ราคาของเครื่องประดับทองที่ร้านค้าให้ลูกค้ามักจะขึ้นอยู่กับราคาตลาดของทองคำโดยมีค่าธรรมเนียมการจัดการเพิ่มอีกสามหยวนและอีกสามหยวนสำหรับค่าธรรมเนียมในการดำเนินการ … ซึ่งหมายความว่ากำไรที่จะทำได้อยู่นั้นอย่างน้อย 4.5 หยวนต่อกรัม และทองคำเป็นสินค้าที่สามารถขายได้แน่นอน ส่วนกำไรของการขายทองคำนั้นอย่างที่บอกไปมันขึ้นอยู่กับราคากลางร่วมถึงทองที่คุณได้มาจากโรงงานว่ามีต้นทุนแพงมากขนาดไหน อย่างไรก็ตามเจ้าของร้านเครื่องประดับส่วนใหญ่พยายามหลีกเลี่ยงการตั้งราคาเท่ากับราคาทุน อีกทั้งในโลกยุคปัจจุบันช่องทางการซื้อขายของพวกนี้มันมีอยู่เกลื่อนกลาด ของบางอย่างอาจถูกกฎหมาย แต่บางอย่างก็อาจไม่ มันขึ้นอยู่กับความชอบของลูกค้า ถึงแม้จะลูกค้าอยากจะซื้อของผิดกฏหมายก็ตาม แต่ทางทีดีทางเรานั้นแนะนำให้เจ้าของร้านหน้าใหม่หาของที่ถูกกฏหมายและจดทะเบียนร้านให้ถูกต้อนนั้นจะดีกว่า”

และมีอีกคำตอบหนึ่งที่เฉินจินค้นพบบนเว็บ “จริงๆแล้วคุณเองในฐานะเจ้าของร้านไม่ต้องไปคิดอะไรมาก คุณควรตั้งราคาของเครื่องประดับมีราคาแพงๆไว้ เนื่องจากคุณต้องลงทุนกับมันไปราวๆ 45,000 – 75,000 หยวน!และถ้าเป็นของประดับชิ้นใหญ่ราคามันอาจพุ่งสูงไปถึง 150,000 หยวนเลยนะสำหรับการลงทุนครั้งนี้ ผมเองแนะนำว่าคุณควรจะว่างแผนกลยุทธ์การตลาดให้ดีเสียก่อน ถึงแม้ว่าคุณอาจวางแผนแล้วแต่มันก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี ไม่มีร้านขายเครื่องประดับที่สามารถอยู่รอดได้ในการขายได้ในปริมาณน้อยๆ อีกทั้งร้านเครื่องประดับจำเป็นจะต้องผูกสัมพันธ์กับพวกมาเฟียเอาไว้ก่อนแต่ก็มีวิธีอื่นที่จะไม่ต้องไปผูกสัมพันธ์กับพวกมาเฟีย คือ การลงด้วยเม็ดเงินลงทุนมหาศาล เพราะราคาทองคำยังมีความผันผวนตามราคาของตลาดโลก ถ้าคุณไม่มีเงินทุนเพียงพอคุณควรจะหันไปทำอย่างอื่นดีกว่า … ”

หลังจากทำการค้นคว้าผ่านอินเทอร์เน็ตอีกเล็กน้อยเฉินจินมีความคิดดีๆเกี่ยวกับธุรกิจนี้ โดยอาจสรุปได้ว่ามีกฎบางอย่างในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ:

หนึ่ง: มันต้องลงทุนมหาศาล แม้แต่ในเมืองเล็ก ๆ ก็ต้องใช้เงินทุนถึง 45,000 – 75,000 หยวนขึ้นไป ในเมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้การลงทุนขั้นต่ำน่าจะอยู่ที่ 1.5 ล้านหยวน

สอง: มันสร้างกำไรได้ ธุรกิจนี้ทำกำไรได้แน่นอน แต่เขาจำเป็นต้องสร้างเส้นสายในแวดวงสังคมใต้ดิน

สาม: ทำให้ทุกส่วนของร้านถูกกฏหมายถึงแม้กำไรจะต่ำแต่ก็ยังดีความเสี่ยงก็ต่ำไปด้วยสำหรับสินค้าถูกกฏหมาย และสำหรับสินค้าผิดกฏหมายถึงแม้กำไรมันจะสูงแต่มันก็มาพร้อมความเสี่ยงสูงด้วย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าความเสี่ยงนั้นหมายถึงความเสี่ยงในการได้รับทองคำปลอม ทองคำขาวปลอมหรืออื่นๆ ฯลฯ มันอาจทำให้คุณล้มละลายด้ายในพริบตาก็เป็นได้

ตอนนี้เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเฉินจินมากที่สุดคือข้อกำหนดของกฏหมาย เพราะมันค่อนข้างเข้มงวดและทางภาครัฐไม่ยอมปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆแน่? เฉินจินเกิดคำถามว่าเขาจะต้องรายงานให้รัฐบาลทราบถึงแหล่งที่มาของเครื่องประดับหรือเปล่า? เขาได้ติดต่อกับฝ่ายบริการลูกค้าจากร้านเครื่องประดับหลายแห่งเกี่ยวกับข้อกังวลนี้แล้ว แต่คำตอบเดียวที่เขาได้รับคือ“ ทางเราไม่ทราบเช่นกัน”

“ แม่ของเราเป็นนักบัญชีที่สำนักภาษี ฉันน่าจะถามแม่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้” เฉินจินโทรหาแม่ และถามเธอเกี่ยวกับเรื่องที่เขาอยากรู้นี้

เฉาหลี่พูดพึมพำกับตัวเองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า“ ไม่มีทางที่รัฐบาลจะสามารถควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งหมดในสังคมของเราได้หรอก ตราบใดที่ลูกไม่ทำอะไรผิดกฎหมายก็จะไม่มีใครรายงานลูกให้ตำรวจหรอก และไม่ต้องกลัวตำรวจมาจับด้วยเพราะ พวกตำรวจจะต้องมีหลักเพียงพอที่จะชี้ตัวคนร้ายได้ถึงจะทำการจับกุม ลูกรู้ใช่ไหมว่าแม่กำลังหมายถึงอะไร สมมุตว่ามีคนหาเงินได้ 150 ล้านหยวนอย่างน่าสงสัย ก็จะเกิดคำถามขึ้นมาว่าคนๆนั้นเงินเยอะขนาดนั้นมากจากไหน? มันเป็นเงินผิดกฏหมายหรือเปล่า? ตำรวจไม่สามารถเข้ามาตรวจสอบได้ ตราบใดที่ไม่มีใครรายงานคนๆนั้นต่อเจ้าหน้าที่หรือถ้าหากเขาไม่ทำอะไรผิดกฎหมายจริงเขาก็สามารถเก็บเงินนั้นไว้ได้ อย่าลืมว่าเมืองจีนมันใหญ่ขนาดไหน เป็นไปไม่ได้ที่หรอกที่รัฐบาลจะสามารถรู้ความเคลื่อนไหวของคนทุกคนได้ ถึงแม้คิดจะทำมันก็ตามมาด้วยค่าใช้จ่ายที่มหาศาลอย่างมาก มันก็เหมือนกับการฟอกเงิน เจ้าหน้าที่พยายามที่จะปราบปรามมันมาหลายปี แต่พบว่ากับมีคดีเหล่านี้ออกสู่หน้าสังคมทุกปี รัฐบาลจะจัดการกับคดีเหล่านั้นเพื่อเป็นตัวอย่างและเตือนประชาชนให้ทราบ แต่ส่วนใหญ่เจ้าหน้าที่ก็จะรู้ดีว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน” เฉาหลี่เองก็พยายามจะไม่เปิดเผยข้อมูลสำคัญเช่นนี้ต่อสาธารณะ แต่เป็นเพราะลูกของเธอถามคำถามนี้มาเธอจึงจะต้องบอกรายละเอียดต่างๆไปเล็กน้อยเพียงเท่านั้น

“ แม่กำลังจะบอกว่ารัฐบาลเองไม่ได้สอดส่องดูแลทุกคนใช่ไหมครับ”

“ คงจะใช้ล่ะ”

“ แต่ถ้าผมเจอทองคำ 100 ตันล่ะ? ผมจะเก็บมันไว้ได้ไหม” เฉินจินถาม

“ ไม่ ในประเทศนี้ลูกจะไม่สามารถเก็บทองจำนวนมหาศาลเช่นนั้นไม่ได้” เฉาหลี่พยายามสร้างความเข้าใจให้ลูกชายของเธอ

“ แล้วผมต้องทำยังไงถึงผมจะเก็บมันไว้ได้” เฉินจินเริ่มมีอาการวิตกกังวล ถ้านำทองพวกนั้นกลับมายังโลก? ไม่มีทางอื่นเหลืออีกแล้วหรอ!

“ ลูกอย่าไปบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้”

“ผมเข้าใจแล้วครับแม่.” เฉินจินเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าแม่ของเขาหมายถึงอะไร

เขาต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอย่างแน่นอน! ฉันจะต้องไม่ยอมแพ้และจะไม่ยอมให้เกิดขอผิดพลาดใดกับเขา

จากนั้นเฉินจะนำเครื่องประดับทั้งหมดไปจากดาวไฮเออร์แอลฟามาขายยังโลกและนำพวกมันมาขายที่ร้านขายเครื่องประดับตด้วยตัวเองแล้วเปลี่ยนพวกมันเป็นเป็นเงินสด ตราบใดที่เขาเก็บมันไว้กับตัวเองและไม่ได้ทำอะไรที่จะทำให้เกิดความสงสัย มันจะทำให้เขาจะไม่เดือดร้อนแม้ว่ารัฐบาลจะตัดสินใจทำการสอบสวนที่ร้านของเขาก็ตาม

“ นอกจากนี้แม่เองก็ยังทำงานให้เป็นข้าราชการด้วย เธอเป็นหัวหน้างาน ทำไมพวกเขาต้องการตรวจสอบฉัน?” ดังนั้นในทางใดทางหนึ่งเฉินจินก็มีการเชื่อมต่อบางอย่าง สำหรับเงินทุนที่เขาต้องการสำหรับตั้งร้านค้า 1.5 ล้านหยวน ตอนนี้เรื่องเงินเป็นเรื่องที่น่ากังวลน้อยที่สุด

การเริ่มต้นร้านขายเครื่องประดับนั้นไม่ยากเกินไป มันเหมือนกับการเริ่มต้นร้านอาหารหรือร้านขายของชำมันเป็นเรื่องธรรมดามาก เขาเพียงแค่ต้องจัดทำข้อตกลงการเช่าใบอนุญาตประกอบธุรกิจใบรับรองการจดทะเบียนภาษีตลอดจนการอนุมัติจากแผนกดับเพลิงและกระทรวงสาธารณสุข เมื่อทุกอย่างได้รับการดูแลเฉินจินจะเปิดร้านขายเครื่องประดับของเขาอย่างยิ่งใหญ่!

มันเป็นความจริงขั้นตอนมันมีความซับซ้อนและน่าเบื่อเล็กน้อย แต่เฉินจินมุ่งมั่นที่จะทำให้มันเกิดขึ้น “ มีจำนวนทองคำ เงินและทับทิมชนิดต่าง ๆ มากมายจนถ้าคนอื่นเขามาเห็นพวกเขาก็อาจจะไม่เชื่อก็ได้ว่าสมบัติพวกนี้อยู่ในดาวไฮเออร์แอลฟา การที่จะนำสิ่งของราว 1,000 ชิ้นมาสู่โลกปัจจุบันมันเป็นไปได้ยาก ตอนนี้เฉินจินคิดว่าจะเริ่มจากการขายของเหล่านี้ในร้านของเขาก่อน และเฉินจินก็หยิบส่วนเล็ก ๆ ของเครื่องประดับที่มาจากไฮเออแอลฟา ฉันจะขายพวกมันพร้อมกับสินค้าชิ้นอื่น มันอาจจะทำกำไรคู่ล่ะ 30 ถึง 45ล้านหยวนต่อปีและ ร้านขายเครื่องประดับนี้จะสร้างเป็นเงินสดที่มีออกดอกออกผลเป็นกำไรให้กับเขาได้ และเมื่อรวมกับเงินทุนเดิมที่มีอยู่แล้ว หลังจากนั้นฉันจะใช้เงินทุนพวกนี้เพื่อเริ่มต้นธุรกิจใหม่ของฉัน ในอุตสาหกรรมไฮเทคมันจะสร้างผลกำไรมากขึ้นและทำให้ฉันไปสู่ความสำเร็จที่ฉันหวังสักที!”

ถึงอย่างไรก็ตาม เฉินจินนั้นเป็นเด็กใหม่ในวงการธุรกิจ การหาประสบการณ์ไปสักพักก็จะช่วยให้เขาเข้าใจสัจจะของวงจรธุรกิจทั้งหมดได้!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด