ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠) – ตอนที่ 24 ข่าวลือ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนเวลาแค้น 重生之千金有点狠 ตอนที่ 24 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 24 ข่าวลือ

เช้าวันต่อมาที่โรงเรียนมัธยม
เมื่อมู่หรงเสวี่ยเดินตรงเข้าไปในโรงเรียนแต่เช้าตรู่ เธอก็พบว่าบรรยากาศรอบๆดูแปลกไป ทุกคนต่างชี้และพูดซุบซิบกันมาที่เธอตลอดทางเดิน
“ดูสิ นั่นไงคุณหนูมู่หรง”
“เธอสวยจังเลยนะ ไม่คิดเลยว่าเธอจะเป็นคนแบบนั้น”
“รู้อะไรไหม คนเราน่ะตัดสินกันแค่ภายนอกไม่ได้หรอกนะ”
“เขาว่ากันว่าตอนนี้เธอคบผู้ชายหลายคนเลยนะ”
“เธอยังเด็กอยู่เลยนะ”
“พวกคนรวยๆก็พร้อมที่จะจ่ายตังค์”
“ได้ไปกับรุ่นพี่หยางแล้วยังจะไปอยู่กับผู้ชายคนอื่นอีก เธอนี่แรดจริงๆ”
“เธออายุเท่าไรถึงได้ไปอยู่กับผู้ชาย ไม่เห็นแก่หน้าตระกูลมู่หรงเลยจริงๆ”
“…”

มู่หรงเสวี่ยได้ยินคำนินทาอยู่ในหู สีหน้าของเธอเปลี่ยนและรีบเดินตรงเข้าไปตรงป้ายที่ฝูงชนยืนล้อมรอบอยู่

ทันทีที่ฝูงชนเห็นคนที่พวกเขากำลังนินทาอยู่เดินเข้ามาใกล้ๆ ทุกคนต่างก็แหวกทางเป็นสองฝั่ง

มู่หรงเสวี่ยมองดูรูป 2-3 รูปที่ติดอยู่ที่บอร์ด

รูปแรกคือรูปที่เธอกำลังยืนอยู่สถานพนันหินตอนที่เธอไปซื้อหินพนันกับพี่กู่ แต่มุมของรูปมันดีมากๆ ในเวลานั้น เธอกำลังเงยหน้าขึ้นไปคุยกับพี่กู่ โดยที่พี่กูก้มหัวลงมานิดหน่อยเพราะความสูงของเขา ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่าเธออยากที่จะจูบกับเขา

อีกรูปเป็นรูปของชูอี้เสิ่นกำลังจูบที่หน้าผากเธอตรงบริเวณหน้าอะพาร์ตเมนต์ของเธอเมื่อคืน

อีกรูปคือวันนั้นที่ทั้งสามคนออกไปทานอาหารค่ำพร้อมกัน เธอออกไปกับโม่อ้ายลี่และหยางเฟิง อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าตากล้องมีฝีมือมากจริงๆ ในรูปไม่มีโม่อ้ายลี่เลยแต่ในรูปมีเพียงเธอและหยางเฟิงที่กำลังทานอาหารค่ำกันอย่างใกล้ชิด สิ่งที่มากกว่านั้นคือเธอบังเอิญหยิบชิ้นอาหารทะเลขึ้นมาและพูดคุยกับหยางเฟิงถึงเรื่องเทคนิคการทำอาหารของร้านอาหารเขา แต่ตอนนี้สิ่งที่มันออกมามันทำให้รู้สึกว่าเธอกำลังป้อนอาหารให้หยางเฟิงอยู่

ที่ใต้รูปมีข้อความเขียนไว้ว่า “ผู้ชายกี่คนกันแน่ที่คุณหนู มู่หรงกำลังคบ? ไปออกเดตในวัยเรียนงั้นเหรอ? มีเงินแล้วไม่ต้องสนใจกฎของโรงเรียนก็ได้เหรอ? เป็นเด็กนี่ดีจริงๆเลยเนอะ? พวกคนรวยไม่ต้องสนใจเรื่องการเรียนก็ได้เหรอ?” และอื่นๆอีก ทุกคำแรงและทุกประโยชน์ก็มีแต่คำตำหนิ

เมื่อมู่หรงเสวี่ยมองไปที่ผู้คนรอบๆที่กำลังชี้นิ้วมาที่เธอ เธอแอบกำหมัดอยู่เงียบๆและเก็บกดความโกรธไว้ในหัวใจ เธอจะโมโหไม่ได้ ตอนนี้เธอจะแสดงอาการอะไรมากไม่ได้ เพราะมีแต่จะยิ่งทำให้ข่าวลือมันแย่ลงไปอีก เธอต้องใจเย็นๆ

อย่าไปคิดเรื่องนี้ เธอรู้ว่านี่เป็นฝีมือใคร เธอฝีมือดีไม่เปลี่ยน แม้แต่เทคนิคก็แทบจะเหมือนเดิม ในชีวิตที่แล้วเธอก็เคยโดนติดรูปของเธอไว้ที่บอร์ดโรงเรียนแบบนี้เหมือนกัน สิ่งที่แตกต่างจากตอนนี้คือเป็นรูปของเธอที่กำลังสนุกอยู่ที่บาร์ในชีวิตที่แล้ว ในชีวิตนี้เธอไม่ไปในที่แบบนั้นแต่เรื่องก็ยังออกมาในแนวเดียวกันอีก

ดูเหมือนจะมีบางคนที่ไม่ชอบเธอ
เมื่อพูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา
“เสี่ยวเสวี่ย เกิดอะไรขึ้นเหรอ?” เสี่ยวเข่อลี่ถามออกมาพร้อมด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

มู่หรงเสวี่ยแสยะ “ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น? เมื่อวานเธอก็อยู่ที่ร้านพนันหิน ไม่ใช่เหรอ? พี่กู่กับฉันเป็นคู่รักกัน นี่ฉันไม่รู้เลยนะเนี่ย”

ดวงตากลมโตของเสี่ยวเข่อลี่เปลี่ยนเป็นเอ่อล้นไปด้วยน้ำตาใสๆรินๆอยู่ตรงหัวตาทันที แต่กลับไม่ไหลลงมาพร้อมทั้งทำท่าทางบอบบางราวกับเป็นดอกไม้ที่ถูกเด็ดออกมา “เสี่ยวเสวี่ย เมื่อวานเธอบอกว่าคุณป้าขอให้เธอไปเรียนรู้กับพี่กู่ แล้วทำไมฉันถึงไม่เจอพี่กู่ที่บ้านมู่หรงเลยล่ะ?”

เธอพยายามเถียงอย่างไม่ลดละเมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังเจอปัญหา มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเย็นที่หัวใจนิดหน่อย “โอ้ ตระกูลมู่หรงทำอะไรต้องรายงานเธอตั้งแต่เมื่อไรกัน? ในอนาคตเธออยากจะครอบครองตระกูลมู่หรงงั้นเหรอ? เธอนี่ทะเยอทะยานจริงๆนะ ถ้าเธอได้เข้ามาในตระกูลมู่หรง พ่อแม่เธอคงมีความสุขมากๆเลยนะ เธอคิดว่างั้นไหม?”

เสียงซุบซิบรอบข้างยิ่งดังขึ้นกว่าเดิม ครั้งนี้มีคำพูดประมาณว่า “เด็กกำพร้า” และ “ทะเยอทะยาน”
สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่เปลี่ยนไป เธอเกลียดที่จะต้องพูดถึงตัวตนของตัวเอง เธอมักจะรู้สึกอับอายเสมอที่ต้องมาอยู่กับตระกูลมู่หรง แน่นอนว่ามันคงจะแตกต่างออกไปถ้าเธอสามารถเข้ามาอยู่ในตระกูลมู่หรงได้

อย่างไรก็ตามช่วงนี้ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับมู่หรงเสวี่ย เธอทำตัวเย็นชาและห่างเหินกับเธอตลอดซึ่งทำให้ผู้คนยิ่งคาดเดาไม่ได้เข้าไปอีก ซึ่งเดิมแล้วเธออยากที่จะใช้เสี่ยวเสวี่ยเพื่อเป็นเครื่องมือในการเข้าถึงตระกูลนี้ แต่เธอรู้ดีว่าการที่จะกลับไปพูดเรื่องนี้คงไม่เป็นเรื่องที่ดี เสี่ยวเข่อลี่จึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “แต่เสี่ยวเสวี่ยใครกันเหรอที่จูบกับเธอที่ตรงประตูน่ะ? เธอมีแฟนตั้งแต่เมื่อไรกันเหรอ?”

“ไม่ใช่ ใช่ไหม? แต่พวกเธอดูสนิทกันมากเลยนะ”
“นั่นพี่ชายฉันเอง เขาแค่ยืนคุยกับฉัน” มู่หรงเสวี่ยยิ้มอย่างใจเย็น เสี่ยวเข่อลี่กัดฟันและพูดออกไปอีกว่า “เป็นไปได้ยังไง? ใครๆก็รู้ว่าคุณป้ามีเธอเป็นลูกสาวอยู่คนเดียว”

“ความจริงก็คือความจริง อีกไม่กี่วันเธอก็จะรู้คำตอบเอง ส่วนคนที่อยู่เบื้องหลังข่าวลือพวกนี้ก็รอดูความน่ากลัวของตระกูลมู่หรงก็แล้วกัน”

เมื่อพูดจบ มู่หรงเสวี่ยไม่สนใจว่าคนรอบข้างจะพูดอะไรกัน เธอมองไปที่ใบหน้าเสแสร้งของเสี่ยวเข่อลี่และไม่อยากที่จะเห็นหน้าเธอไปสักพัก จึงหันหลังและรีบเดินตรงไปที่ห้องเรียนทันที

ไม่นานหลังจากนั้น โทรศัพท์ของมู่หรงเสวี่ยก็ดังขึ้น เธอจึงกดปุ่มรับสายพร้อมทั้งเสียงคำรามดังลอดออกมา “เสี่ยวเสวี่ย ออกไปสร้างเรื่องอะไรมา วันนี้หลังจากเลิกเรียนแล้วรีบตรงกลับมาที่บ้านเลยนะ”

โดยไม่รอให้มู่หรงเสวี่ยตอบอะไร “พ่อ” ที่อยู่ปลายสายก็วางสายไป มู่หรงเสวี่ยรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีและคืนนี้เธอต้องไปอธิบายให้พ่อแม่สบายใจอีก ดูเหมือนว่าทุกคนในครอบครัวจะรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว โดยฟังจากคนอื่น!

ทันทีที่มาถึงห้องเรียน มู่หรงเสวี่ยยังไม่ทันที่จะได้นั่งก็โดน โม่อ้ายลี่ล้อเลียน
“เธอกล้าดียังไงไม่ยอมบอกฉันเรื่องที่มีแฟนแล้วเนี่ย!!! ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
มู่หรงเสวี่ยรู้สึกเวียนหัว “พอก่อน ฉันปวดหัวอยู่”

สักพักต่อมา เธอก็พูดยั่วขึ้นมาอีก “เร็วเข้าสิ มันเกิดอะไรขึ้น? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลย”
“อย่าไปสนใจพวกคนที่ไม่หวังดีพวกนั้นเลย เดี๋ยวฉันจะจัดการพวกนั้นเอง” มู่หรงเสวี่ยปวดหัวมากจริงๆ มีเรื่องไม่ดีมากมายจนแทบจะควบคุมไม่ได้

โม่อ้ายลี่เห็นท่าทางไม่สู้ดีของมู่หรงเสวี่ย “อยากให้ฉันช่วยจัดการพวกสารเลวพวกนั้นไหม ฉันช่วยจัดการได้นะ?”

“ไม่ต้องหรอก ฉันรู้ว่าเป็นฝีมือใคร” สายตาของ มู่หรงเสวี่ยเย็นชา
“ใครเหรอ?” โม่อ้ายลี่แทบจะกระโดดขึ้นมา
“ไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนั้นหรอก ฉันก็แค่เดา เธอไม่ต้องสนใจหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเอง” มู่หรงเสวี่ยลูบไปที่หน้าผาก
ทำไมอารมณ์ถึงแปรปรวนแบบนี้นะ

โม่อ้ายลี่มองมู่หรงเสวี่ยด้วยความสงสัย “เธอเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมเธอถึงมีสายตาที่ดูเหมือนรังเกียจใครสักคนเช่นนี้? เธอไม่พอใจอะไรฉันหรือเปล่า?” มู่หรงเสวี่ยรีบส่ายหัวด้วยความรวดเร็ว

หลังจากนั้นสักพัก ฟางฉีฮัวก็เดินเข้ามาพร้อมทั้งพูดว่า

“เสี่ยวเสวี่ยไม่ต้องห่วงนะ ฉันเชื่อเธอ”

มู่หรงเสวี่ยที่กำลังเล่นอยู่กับโม่อ้ายลี่พร้อมด้วยใบหน้าที่กำลังยิ้มก็ต้องหุบลงในทันที

“เพื่อนร่วมชั้นฟาง ฉันต้องให้นายเชื่อเรื่องอะไรงั้นเหรอ?”
ฟางฉีฮัวพูดอย่างสุภาพกับมู่หรงเสวี่ย “ฮ่า ฮ่า ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องอะไร ฉันก็จะอยู่ข้างเธอนะ”

ท่าทางของฟางฉีฮัวทำให้นักเรียนสาวๆที่อยู่รอบๆห้องต่างก็ซุบซิบมาที่มู่หรงเสวี่ย ยิ่งทำให้ตอนนี้มันยิ่งแย่ลงไปอีก รูปร่างที่โดดเด่นและท่าทางของฟางฉีฮัวที่ดูพิเศษกว่าปกติในตอนนี้ไปดึงดูดสาวๆที่ชื่นชอบเขาอยู่มากมาย นอกจากนี้เขาก็เป็นคนที่สุภาพและใจดีกับเพื่อนๆในชั้นเรียนด้วย เลยยิ่งทำให้เขาเป็นที่นิยมในชั้นเรียนมากขึ้นไปอีก มีเพียงมู่หรงเสวี่ยคนเดียวที่เป็นข้อยกเว้นแต่เขาเชื่อว่าด้วยรูปร่างหน้าตาและเสน่ห์ของเขาจะทำให้มู่หรงเสวี่ยตกหลุมรักเขาได้ในไม่ช้านี้แน่ๆ

มู่หรงเสวี่ยมองไปที่เสี่ยวเข่อลี่ที่เพิ่งรีบเดินเข้ามาจากอีกฝั่ง พร้อมทั้งพูดเหน็บออกไปว่า “นายน่าจะรีบกลับไปนั่งที่ได้แล้วนะ ตรงนี้ไม่มีสาวน้อยที่ตกหลุมนายมาคอยเดินตามหรอกนะ”

ฟางฉีฮัวมองไปที่สายตาเย็นชาของมู่หรงเสวี่ยและพูดพร้อมรอยยิ้มที่จางลง “เธอหึง ฉันเข้าใจ เราเป็นแค่เพื่อนกัน วันนั้นเราแค่บังเอิญเจอกันเฉยๆนะ”

เดี๋ยวนะ เมื่อกี้เธอได้ยินอะไรนะ!!! นี่สมองของฟางฉีฮัวมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?!! ถึงได้บอกว่าเธอหึงเนี่ย!!! ดวงตาของ มู่หรงเสวี่ยเบิกกว้าง

“นายกับเสี่ยวเข่อลี่มีความสำคัญอะไรกับฉันงั้นเหรอ!? ฉันจำเป็นต้องมาหึงด้วยงั้นเหรอ?”

“ฉันไม่ได้หึง ฉันอยากจะบ้าจริงๆ” ฟางฉีฮัวรู้สึกว่าสายตาของมู่หรงเสวี่ยช่างน่ารักมากจริงๆ ผมสีดำเงาของเธอยาวระอยู่บนผิวขาวผ่อง และดวงตากลมโตบนใบหน้าขาวนวลราวกับเอลฟ์ หัวใจของฟางฉีฮัวเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ มู่หรงเสวี่ยมองเขาด้วยสายตารังเกียจราวกับว่าเป็นแมลงวันที่กำลังตอมอาหารแสนอร่อยที่อยู่ตรงหน้า “นายนี่หน้าด้านจริงๆ”

โม่อ้ายลี่ดึงมู่หรงเสวี่ยไว้ “ขอบอกนะเพื่อนร่วมชั้นฟาง นายควรจะคิดให้มากกว่านี้ แค่เรื่องรูปบ้าบอที่บอร์ดก็ทำให้เพื่อนรักของฉันปวดหัวจะตายอยู่แล้ว ว่าจะอธิบายกับครอบครัวยังไง แล้วนี่นายยังมาสร้างปัญหาเพิ่มอีก นักเรียนหญิงในห้องนี้นินทาเพื่อนรักของฉันกันสนุกไปกันใหญ่แล้ว” โม่อ้ายลี่ไม่ชอบเลยที่เห็นคนโดยรอบให้ความสนใจเพราะฟางฉีฮัวเข้ามาสร้างปัญหาเพิ่มอีก

เสี่ยวเข่อลี่ที่เดินเข้ามาเมื่อได้เห็นสายตาอ่อนหวานที่ฟางฉีฮัวมองมู่หรงเสวี่ย ทันใดนั้นเธอก็ต้องกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อที่ฝ่ามือ

ตั้งแต่เด็กจนโต เด็กผู้ชายทุกคนต่างก็อยากที่จะเข้ามาใกล้เพื่อตามจีบเธอ เธอมักจะใช้เสน่ห์ของตัวเองได้อย่างดี มีบ้างบางครั้งที่ต้องบีบน้ำตาเพื่อที่จะเรียกร้องความสนใจ อย่างไรก็ตามเธอตกหลุมรักฟางฉีฮัว แต่เขากลับทำตัวแปลกๆกับเธอเสมอ ถึงแม้เขาจะสุภาพแต่ก็ยังไม่ยอมเข้าใกล้เธอ เขาไม่ตอบรับท่าทางของเธอที่พยายามจะเข้าใกล้เขาเลย

มู่หรงเสวี่ย นังแรดที่ทำเรื่องฉาวไปทั่วโรงเรียน แต่กลับยังทำให้ฟางฉีฮัวเข้าข้างเธอได้อยู่อีก เธอไม่เคยรู้สึกเกลียด มู่หรงเสวี่ยมากเท่าตอนนี้มาก่อนเลย อย่างไรก็ตามมู่หรงเสวี่ยคิดว่าข่าวลือมันจบไปแล้ว แต่มันคงไร้เดียงสาเกินไปถ้าคิดว่าเธอจะปล่อยมู่หรงเสวี่ยไปง่ายๆ เธอจะยึดเอาทุกอย่างที่เป็นของ มู่หรงเสวี่ยมาให้หมด เธอจะต้องทำให้ได้

เสี่ยวเข่อลี่รีบเก็บซ่อนอาการของสายตา แล้วเดินตรงไปยืนอยู่ข้างๆฟางฉีฮัวด้วยท่าทางน่าสงสัย

มู่หรงเสวี่ยไม่อยากที่จะเห็นสองคนนี้เลยจริงๆ แต่ก็มีบางครั้งที่บังเอิญไปเจอแบบห้ามไม่ได้ เธอจึงพูดออกไปว่า “กำลังจะเริ่มเรียนแล้ว เธอมาทำอะไรตรงนี้?”

ทันใดนั้นดวงตาของเสี่ยวเข่อลี่ก็เอ่อล้นไปด้วยน้ำตาขึ้นมาทันที “เสี่ยวเสวี่ย เธอไม่อยากที่จะเห็นฉันเหรอ?”

น้ำตาของเสี่ยวเข่อลี่ทำให้เสียงของผู้คนรอบข้าง มู่หรงเสวี่ยยิ่งดังขึ้นไปอีก โดยเฉพาะจากพวกเด็กผู้ชายในห้อง ธรรมดาแล้วเสี่ยวเข่อลี่เป็นผู้หญิงที่สวยมากๆ แถมยังอบอุ่นและนุ่มนวลด้วย ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเธอบอบบางและพวกเด็กผู้ชายก็รู้สึกอยากที่จะปกป้องเธออย่างมาก

ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะสวยกว่าเสี่ยวเข่อลี่และมีรูปร่างท่าทางที่น่าสนใจกว่า แต่ไม่มีใครเข้าใกล้เธอได้สำเร็จเลยยกเว้นก็แต่โม่อ้ายลี่ ซึ่งทำให้เพื่อนๆในชั้นเรียนต่างก็รู้สึกว่าเธอเข้าถึงได้ยากมากๆ

เมื่อฟางฉีฮัวเห็นท่าทางของเสี่ยวเข่อลี่ เขาคิดว่า มู่หรงเสวี่ยโกรธเธอเพราะเขา เขาจำได้ว่าเขาเคยถามคนอื่นเกี่ยวกับทุกเรื่องที่เกี่ยวกับมู่หรงเสวี่ย ก่อนหน้านี้มู่หรงเสวี่ยและเสี่ยวเข่อลี่สนิทกันมาก แต่พอเขาเข้ามามู่หรงเสวี่ยก็ไม่ค่อยสนใจเสี่ยวเข่อลี่มากเหมือนเดิม นี่ยังไม่ยอมรับอีกเหรอว่าเธอชอบเขาเนี่ย?!

คงจะเป็นเพราะเมื่อเร็วๆนี้ที่เขากับเสี่ยวเข่อลี่พูดคุยกันแล้วมู่หรงเสวี่ยมาเห็นเข้า ซึ่งทำให้เธอไม่พอใจแน่ๆเลย
ต้องพูดว่านี่คือความหลงตัวเองของฟางฉีฮัว ถ้า มู่หรงเสวี่ยรู้ว่าเขากำลังคิดแบบนี้ สิ่งแรกที่เธอต้องทำคือการแก้ไขเรื่องที่ผิดพลาดนี้โดยด่วน

มู่หรงเสวี่ยทนไม่ได้จริงๆและไม่อยากที่จะพูดดีกับคนหลอกลวงพวกนี้เลย

“รู้อะไรไหม เธอมักจะมาอยู่ตรงหน้าฉันพร้อมน้ำตาตลอด ทำยังกับฉันรังแกอะไรเธอ ฉันไม่ชอบเลยที่คนอื่นพูดกันว่าฉันรังแกเธอ”

เสียงของมู่หรงเสวี่ยไม่เบาเลย ผู้คนต่างก็ยืนฟังและคิดตามไปด้วย ทุกครั้งพวกเขาจะคิดเสมอว่ามู่หรงเสวี่ยรังแกเสี่ยวเข่อลี่ แต่วันนี้เพราะข่าวลือของมู่หรงเสวี่ย พวกเขาจึงต่างก็ให้ความสนใจกับฝั่งนี้เป็นพิเศษ ตั้งแต่ต้นจนจบมู่หรงเสวี่ยไม่ได้พูดอะไรที่จะทำให้พวกเขาเสียหายเลย นี่พวกเขาเข้าใจเธอผิดหรือเปล่ากันนะ?!

เสี่ยวเข่อลี่เห็นว่าอยู่ดีๆทุกคนก็มองจ้องตรงมาที่เธอและสีหน้าของทุกคนก็แสดงอาการสงสัย เดิมทีเธอมีสีหน้าเศร้านิดหน่อย มือทั้งสองข้างกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปที่เนื้อและในไม่ช้าก็ผ่อนคลายอีกครั้ง

“เสี่ยวเสวี่ย ฉันเปล่าเลยนะ ฉันแค่เสียใจที่ช่วงหลังนี้เธอไม่สนใจฉันเลย”

มู่หรงเสวี่ยแสยะออกมา “เธอจะบอกว่าพวกเราเคยสนิทกันงั้นเหรอ? เธอเป็นเด็กดีไม่ใช่เหรอ?” เมื่อเสี่ยวเข่อลี่ได้ฟังก็รีบตอบออกไปทันที

“เราเป็นเพื่อนที่ดีกันมาเสมอ เราเข้าเรียนด้วยกันทุกวันแล้วหลังเลิกเรียนก็เล่นด้วยกันตลอด เธอจำไม่ได้เหรอ? เธอไม่สนใจฉันเพราะฉีฮัวงั้นเหรอ? เธอเข้าใจฉันผิดแล้วนะ เราเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆนะ ฉันมีปัญหาเรื่องเรียน ฉีฮัวจึงมาช่วยติวให้ฉัน มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเลยนะ”

ทันทีที่ฟางฉีฮัวได้ยินคำอธิบายของเสี่ยวเข่อลี่ เขาก็โล่งใจ เขารู้สึกได้ทันทีว่าเสี่ยวเข่อลี่เป็นคนที่เข้าใจอะไรง่ายและสุภาพมาก เขาหันไปหามู่หรงเสวี่ยและพูดออกไปว่า “ตอนนี้เธอก็เชื่อฉันได้แล้วสินะ”

โดยไม่สนใจคำพูดของฟางฉีฮัว มู่หรงเสวี่ยถาม เสี่ยวเข่อลี่ออกไปว่า “เพื่อนที่ดีควรที่จะรู้ว่าอีกฝ่ายชอบอะไร ฉันรู้ว่าเธอชอบกินไซรัปลูกแพร, ชอบสีขาว, ชอบเล่นกอล์ฟแล้วก็อื่นๆอีก แล้วเธอล่ะ? เธอรู้ไหมว่าฉันชอบอะไร? หรือมีแต่ฉันคนเดียวที่ทำกับเธอเหมือนเพื่อนที่ดี แต่เธอกลับไม่เคยทำแบบนั้นกับฉันเลยใช่ไหม?”

โม่อ้ายลี่กระโดดมาอยู่ข้างๆเช่นกัน “ใช่ แม้แต่ฉันยังรู้เลยว่างานอดิเรกของเสี่ยวเสวี่ยคืออะไร แต่เธอกลับไม่รู้!”

สีหน้าของเสี่ยวเข่อลี่เปลี่ยนทันที เธอไม่รู้ว่าจะตอบยังไง เมื่อระฆังดัง เสี่ยวเข่อลี่มีความสุขมาก เสียงระฆังดังช่วยไว้พอดี เธอรีบหันหัวและบอกว่าจะกลับไปเรียนก่อน แต่ก็ทันได้เห็นสีหน้ารอยยิ้มเหน็บแนมบนใบหน้าของมู่หรงเสวี่ยพอดี

ไม่ว่าจะยังไง ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด