เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] – ตอนที่ 51 ไม่ยอมรับแอดนางฟ้า

อ่านนิยายจีนเรื่อง เซียนอมตะ 2,500 ปี 我只有两千五百岁 ตอนที่ 51 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 51 ไม่ยอมรับแอดนางฟ้า

“ให้ตายสิ!”

“นี่มันอะไรกัน…” เมื่อได้ยินคำถาม ซูชือก็ลุกขึ้นยืนด้วยความเดือดดาล จินฟานต้องรีบดึงเพื่อนให้กลับลงมานั่งตามเดิม เพราะนี่ยังไม่ถึงเวลาที่พวกเขาจะมีเรื่อง

ทั้งสองหนุ่มได้แต่ทนอดกลั้นความหงุดหงิดใจเอาไว้และจ้องมองไปยังฝ่ายผู้ท้าชิง

ชาวเน็ตก็เดือดดาลไม่แพ้พวกเขาเช่นกัน

ไม่มีคำถามไหนจะไร้ยางอายมากไปกว่านี้อีกแล้ว!

มันไร้ยางอายยิ่งกว่าคำถามหลายคำตอบก่อนหน้านี้หลายเท่า!

จะมีใครตอบได้บ้าง?

ไม่ว่าคนเก็บขยะจะเคยดูการ์ตูนเรื่องแมวกับหนูหรือไม่ แต่เขาย่อมไม่รู้อยู่แล้วว่าตัวละครเจ้าของบ้านปรากฏตัวออกมาในตอนที่เท่าไหร่!

“นี่มันคำถามบ้าบออะไรกันเนี่ย?”

“เขาเข้าใจหรือเปล่าว่าการถามคำถามที่แท้จริงมันคืออะไร?”

“ชักจะไร้สาระขึ้นไปทุกทีแล้ว คำถามแบบนี้ใช้ได้ที่ไหนกัน?”

“ถามแบบนี้มันไม่อยากให้อีกฝ่ายตอบถูกนี่หว่า ถ้าจะเล่นกันถึงขนาดนี้ไม่ถามเลยล่ะว่าตัวละครเจ้าของบ้านมีขนหน้าแข้งทั้งหมดกี่เส้น!”

“คิดไม่ถึงเลยนะว่าลูกพี่จะเป็นคนหน้าด้านขนาดนี้ เล่นสับขาหลอกว่าคำถามที่แล้วมีหลายคำตอบก็ว่าชั่วมากแล้วนะ แต่พอเจอคำถามนี้เข้าไป นี่มันนิสัยของพวกขี้แพ้ชวนตีนี่หว่า”

ชาวเน็ตที่รับชมการถ่ายทอดสดพร้อมใจกันพิมพ์ข้อความต่อว่าเจ้าของบัญชี “คำพูดที่ไม่เคยคิด ที่จริงก็คือยาพิษ” อย่างสามัคคี

แต่ในเวลาเดียวกันนี้ สายตาทุกคู่ก็จ้องมองไปที่ซูเย่

คำถามถูกถามออกมาแล้ว ถึงด่าทอต่อไปก็ไร้ประโยชน์

สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ล้วนขึ้นอยู่กับคนเก็บขยะเท่านั้น

เขาจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกครั้งหรือไม่?

ซูเย่ใช้ตะเกียบคีบเนื้อชิ้นสุดท้ายเข้าปาก หยิบกระดาษทิชชูขึ้นมาเช็ดปาก ก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยความใจเย็น

เขายิ้มให้อีกฝ่าย

“ตอนที่ 21”

เมื่อตอบออกมาแล้ว ซูเย่ก็ไม่รอช้าเอื้อมมือไปกวาดเงิน 300,000 หยวนนั้นเข้ามาหาตัว

หลังจากนั้น เขาก็เดินออกไปจากร้านอาหารพร้อมด้วยซูชือและจินฟาน

ขณะนี้มีเพียงเน็ตไอดอลหนุ่มแต่เพียงคนเดียวที่ยังนั่งอึ้งอยู่ที่เดิมด้วยความตกตะลึง

ในหัวของเขามีเพียงคำถามเดียวเท่านั้นว่า

หมอนั่นตอบถูกได้ยังไง?

หมอนั่นรู้คำตอบได้ยังไง?

ในเพจถ่ายทอดสด

คนดูกว่า 400,000 คนต่างก็พร้อมใจกันส่งคอมเมนต์เข้ามารัว ๆ

“เชี่ย! นี่มันอะไรกันเนี่ย? เขาตอบถูกได้ยังไง?”

“สรุปว่าตอบถูกจริง ๆ ใช่ไหม?”

“ให้ตายสิ คำตอบคือตอนที่ 21 จริง ๆ ด้วย ฉันลองหาข้อมูลในเน็ตดูแล้ว คำตอบคือตอนที่ 21 จริง ๆ ว่าแต่คนเก็บขยะรู้คำตอบได้ยังไงกันนะ?”

“แบบนี้มันเก่งเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคำถามเกี่ยวกับแวดวงดาราศาสตร์ ธรณีวิทยา วงการบันเทิง วิทยาศาสตร์ หรือกฎหมาย ทั้งหมดนี้ไม่มีคำถามไหนจะหยุดยั้งเขาได้เลย!”

“คนอะไรวะเก่งถึงขนาดนี้!”

ชาวเน็ตผู้รับชมการถ่ายทอดสดต่างก็ตกตะลึงไปกับความเก่งกาจของซูเย่

ในตอนแรกนั้น

พวกเขามั่นใจว่าเจ้าของบัญชี “คนเก็บขยะ” จะต้องเป็นหุ่นยนต์คอมพิวเตอร์ หรือไม่ก็เป็นคนวงในของทางรายการที่ปลอมตัวเข้ามาเล่นเกมนี้เสียเอง

แต่เมื่อชายหนุ่มปรากฏตัวในคืนแห่งการเดิมพันครั้งนี้ ข่าวลือเรื่องที่ว่าเขาเป็นหุ่นยนต์คอมพิวเตอร์นั้นก็เป็นอันปัดทิ้งไปได้หนึ่ง

ทีนี้ก็เหลือแต่ว่าเขาเป็นคนวงในของทางรายการที่ปลอมตัวเข้ามาเล่นเกม

แต่แล้วชายหนุ่มกลับสามารถตอบคำถาม 10 ข้อแรกของ “คำพูดที่ไม่เคยคิด ที่จริงก็คือยาพิษ” โดยไม่ผิดเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ใช้เวลาเพียงไม่นาน เจ้าของบัญชีคนเก็บขยะก็ได้พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ใช่คนวงในของทางรายการ และเขาไม่เคยรู้คำตอบล่วงหน้า แต่ที่เขาสามารถตอบคำถามได้ทั้งหมด ล้วนมาจากความสามารถของเขาเอง

แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น

ในการตอบคำถามรอบที่ 2 ชายหนุ่มได้เลื่อนระดับขึ้นจากเทพเจ้าแห่งเกมตอบคำถาม

กลายเป็นสารานุกรมที่มีชีวิต!

ไม่ว่าคำถามนั้นจะเกี่ยวข้องกับสิ่งใด หรือวงการไหน เขาก็ตอบถูกต้องหมดทั้งสิ้น!

ยอดเยี่ยม!

ยอดเยี่ยมที่สุด!

ข้อความชื่นชมคนเก็บขยะยังคงปรากฏขึ้นในเพจถ่ายทอดสดอย่างต่อเนื่อง

ในที่สุดเจ้าของนามแฝงก็สามารถสลัดความมึนงงออกไปได้

ห้องอาหารในขณะนี้ว่างเปล่าแล้ว

เขารีบวิ่งออกไปตะโกนไล่หลังซูเย่ด้วยความไม่ยอมแพ้

“ฉันยังไม่ได้หักค่าภาษีเลยนะ!”

ซูเย่ใช้มือข้างที่ถือปึกเงินยกขึ้นบ๊ายบายอีกฝ่าย เขายิ้มแย้มและเดินลงจากภูเขาไปโดยไม่พูดคำใด

เขาจะเอาเงินไปบริจาค จะต้องหักค่าภาษีทำไมล่ะ

“ซูเย่ นายโคตรเจ๋งเลยว่ะ!” เมื่อเดินลงมาจากภูเขาได้ครึ่งทาง ซูชือก็หลุดออกจากภวังค์แห่งความตกตะลึง และยกมือตบไหล่ซูเย่ด้วยความตื่นเต้น “นายรู้คำตอบพวกนั้นได้ยังไง?”

จินฟานก็กำลังมองหน้าซูเย่ด้วยความสงสัยเช่นกัน

“ฉันเป็นคนอ่านหนังสือเยอะ ก็เลยจำเรื่องพวกนี้ได้แบบอัตโนมัติน่ะ”

ซูเย่ตอบกลับมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“โม้อีกแล้ว”

ซูชือตบไหล่ซูเย่อีกครั้ง จากนั้นจึงพูดว่า “หลังจากนี้ถึงตอนที่ต้องสอบเมื่อไหร่ ฉันขอนั่งข้างนายนะ จะได้ทำคะแนนออกมาสูง ๆ เหมือนคนอื่นเขาบ้าง”

แต่เมื่อพูดจบ จินฟานก็รีบส่ายหน้าทันที “ไม่ได้! นายอย่าลืมสิว่าพวกเราเรียนเกี่ยวกับการช่วยชีวิตผู้คน จำเป็นต้องมีความรู้เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนให้ได้เยอะ และแม่นยำที่สุด นี่คือความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และผู้ป่วยในอนาคตของพวกเราเชียวนะ”

หลังจากนั้นจินฟานก็หันมามองหน้าซูเย่ “ทำไมพวกเราถึงไม่เจอนายให้เร็วกว่านี้วะ”

“จะเจอหรือไม่เจอมันก็เป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว เรามองถึงอนาคตข้างหน้าดีกว่า ซูเย่เราไปหาอะไรกินกันดีมะ”

ดวงตาของจินฟานเป็นประกายขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินคำชักชวนของซูชือ

“ระหว่างที่นายแข่งตอบคำถามเมื่อกี้ ฉันต้องทนดูพวกนายนั่งกินหม้อไฟกันตาละห้อย ตอนนี้รู้สึกหิวชะมัดเลยว่ะ ได้เงินมาตั้งเยอะ พาพวกฉันไปเลี้ยงข้าวหน่อยสิ” ซูชือพูดพร้อมกับกระโดดโลดเต้นด้วยความร่าเริง

“ไม่มีปัญหา” ซูเย่พยักหน้า “ว่าแต่พวกนายอยากกินอะไร?”

ซูชือกับจินฟานหันมองหน้ากันและตอบออกมาอย่างพร้อมเพรียง “กุ้งเผาข้างมหาลัย!”

ซูเย่รู้ดีว่าเพื่อนทั้งสองกำลังพูดถึงอะไรอยู่ เขาจึงตอบรับพร้อมกับยิ้มกว้าง “ไปกันเถอะ”

แล้วทั้งสามหนุ่มก็รีบลงมาจากภูเขา ทันโบกรถแท็กซี่ได้คันหนึ่งก็โดยสารตรงไปยังร้านกุ้งเผาที่ตั้งอยู่ข้างมหาวิทยาลัย

ระหว่างทาง คนขับรถได้แต่จ้องมองปึกเงินในอ้อมแขนของซูเย่ครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความหวาดระแวง เขาได้แต่เก็บความสงสัยเอาไว้ไม่กล้าถามออกมา เพราะกลัวว่าสิ่งที่คิดมันจะเป็นความจริง

ชายหนุ่มทั้งสามคนนี้ไปปล้นเงินคนอื่นมาใช่หรือไม่?

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงย่านการค้าข้างมหาวิทยาลัย

ซูเย่ ซูชือ และจินฟานตรงดิ่งไปยังแผงรถเข็นขายกุ้งเผาที่ตั้งอยู่ข้างถนน

ร้านกุ้งเผาที่ขายข้างทางร้านนี้เป็นที่โด่งดังไปทั่วเมืองจี้หยาง หากใครได้ลองรับประทานสักครั้ง ก็ต้องกลายเป็นลูกค้าประจำทันที

เมื่อชายหนุ่มทั้งสามคนไปถึง

ก็มีคนจำนวนมากยืนต่อแถวเข้าคิวรอรับประทานกุ้งเผาสูตรพิเศษอยู่ยาวเหยียด

กลุ่มคนเหล่านั้นมีทั้งผู้ชายและผู้หญิง ส่วนใหญ่อยู่ในวัยนักศึกษา

สายตาของทุกคนหันมาจ้องมองปึกเงินในอ้อมแขนของซูเย่เป็นตาเดียว

ให้ตายสิ มากินกุ้งย่างต้องพกเงินเยอะขนาดนี้เชียวหรือ?

สามสหายไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง เมื่อพวกเขาสั่งอาหารเรียบร้อย ก็เดินไปนั่งรอที่โต๊ะประจำ

“แม่งเอ๊ย พวกเรากลายเป็นคนดังตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย” ซูชืออุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อหย่อนก้นนั่งลงที่เก้าอี้ตัวหนึ่งและเปิดโทรศัพท์มือถือเช็คข่าวในแอป Weibo

“มีอะไร?”

ซูเย่กับจินฟานขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

ซูชือยื่นโทรศัพท์ไปให้ซูเย่ดู

ซูเย่ก้มหน้ามองหน้าจอ

แล้วเขาก็ได้เห็นข้อความบนกระทู้หนึ่งของเว็บรวมมิตรมหาลัย

“ตะลึง! นักศึกษาหนุ่มรวมหัวกันทำเรื่องนี้กลางร้านหม้อไฟ สุดท้ายได้เงินมหาศาลกลับบ้าน!”

นั่นคือหัวกระทู้ที่มีคำโปรยเขียนเอาไว้

ซูเย่พูดอะไรไม่ออก

เขากดเข้าไปอ่านข้อความด้านในกระทู้

“จากข้อมูลที่ทางผู้เขียนได้รับแจ้ง ปรากฏว่าชายหนุ่มผู้มีนามว่าจางกงหมิง เน็ตไอดอลหนุ่มผู้ที่รู้จักกันดีในชื่อ “คำพูดที่ไม่เคยคิด ที่จริงก็คือยาพิษ” ทำการไลฟ์สดแข่งเกมตอบคำถามกลางร้านหม้อไฟ มีคนดูกดให้ของขวัญเขามากกว่า 50 ล้านชิ้น มีการแชร์ไลฟ์สดผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ อีก 55,000 ครั้ง และในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง เน็ตไอดอลหนุ่มผู้นี้ก็สามารถทำเงินได้ถึง 250,000 หยวน”

“หืม?”

เมื่อเห็นรายละเอียดในกระทู้ซูเย่ก็อดถามออกมาด้วยความประหลาดใจไม่ได้ “ไลฟ์สดในเน็ตนี่ทำเงินได้เยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”

“ก็ทำนองนั้นแหละ”

ซูชือพยักหน้า อธิบายต่อเนื่อง “คนเดี๋ยวนี้นิยมหันมาเป็นเน็ตไอดอลกันมากขึ้น ยิ่งคนรู้จักเยอะมากเท่าไหร่ เวลาไลฟ์สดก็ยิ่งทำเงินได้เยอะมากเท่านั้น ฉันว่าถ้าพวกเราหันมาเอาดีทางด้านไลฟ์สดบ้าง ก็น่าจะมีเงินทองไหลมาเทมาไม่แพ้ไอ้หมอนั่นหรอก”

“โห รู้งี้ฉันหันไปเรียนด้านสื่อสารมวลชนดีกว่า จะได้เอาความรู้ความสามารถมาพัฒนาวงการไลฟ์สด แบบนี้รวยเร็วกว่ากันเป็นไหน ๆ” จินฟานพูดด้วยความเสียดาย

หลังจากนั้น ซูชือก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้

“แต่จางกงหมิงบอกเอาไว้ตอนเริ่มไลฟ์สดไม่ใช่เหรอ ว่ารายได้จากการไลฟ์สดในครั้งนี้ เขาจะเอาไปบริจาคให้หมด ถ้าเขาไม่ทำตามที่พูดนะ ฉันจะตามไปแหกแม่งตอนไลฟ์รอบหน้าเลย คอยดูสิ”

ถึงจะได้ระบายอารมณ์ออกไปแล้ว แต่ชายหนุ่มลูกคุณหนูก็ยังรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ดี

“ไม่ได้การแล้ว ฉันจะปล่อยให้ตัวเองโมโหอยู่แบบนี้ไม่ได้ ฉันต้องดับความโมโหด้วยของอร่อยสักหน่อย”

พูดจบ ซูชือก็หันไปโบกมือตะโกนบอกเถ้าแก่เจ้าของร้านขายกุ้งเผาว่า “เถ้าแก่ครับ ขอน้ำจิ้มแบบแซ่บ ๆ ด้วยนะครับ แล้วก็ขอกุ้งแบบตัวใหญ่พิเศษสุดเท่าที่ทางร้านมีเลยนะ!”

ซูเย่กะพริบตาปริบ ๆ

ซูชือลืมไปหรือเปล่านะว่าคนที่จะต้องจ่ายเงินค่าอาหารในครั้งนี้คือเขา ไม่ใช่ตัวเองสักหน่อย

แต่เมื่อลองคิดดูดี ๆ แล้ว ถ้าการไลฟ์สดในเน็ตสามารถหาเงินได้เยอะขนาดนั้น คราวหน้าเวลาที่เขาร้อนเงิน ซูเย่ก็ว่าจะลองไลฟ์สดดูบ้างเหมือนกัน

ระหว่างที่คิดมาถึงตรงนี้ กุ้งเผาก็ถูกนำมาเสิร์ฟที่โต๊ะ

สามสหายรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย

เมื่ออิ่มหนำกันเรียบร้อย พวกเขาก็เดินกลับเข้าไปในเขตมหาวิทยาลัย

ระหว่างเดินกลับหอพัก ซูเย่แวะฝากเงินทั้งหมดที่ตู้เอทีเอ็ม

และเงินทั้งหมดนั้นก็มาอยู่ในโทรศัพท์ของเขาเรียบร้อยแล้ว

สถาบันดนตรีซิงเหมิง หอพักนักศึกษาหญิง

“ซูเย่อีกแล้วเหรอเนี่ย?”

ไป๋จือเหยียนกดเข้าไปดูกระทู้ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเว็บบอร์ดรวมมิตรมหาลัย และเธอก็พบว่ามันเป็นกระทู้เกี่ยวกับการแข่งตอบคำถามในร้านหม้อไฟของซูเย่

ใบหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความสับสนและประหลาดใจ

คนอะไรจะมีความสามารถรอบตัวขนาดนี้?

แล้วไป๋จือเหยียนก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้

เธอรีบกดออกมาจากเว็บบอร์ด จำได้ว่าซูเย่เคยเป็นหนึ่งในผู้ติดต่อของอาจารย์ลั่วตงหมิง จึงลองค้นหาบัญชีของเขาในแอปวีแชท เมื่อเจอเรียบร้อยแล้วเธอก็ไม่รอช้า ไป๋จือเหยียนก็กดแอดเพื่อนไปโดยไม่ลังเล

มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง

สามสหายกลับมาถึงหอพักของตนเอง

หลังจากอาบน้ำอาบท่าเรียบร้อย ซูเย่ก็เดินกลับมานั่งถือโทรศัพท์อยู่ที่เตียง เตรียมพร้อมสำหรับการโอนเงินบริจาค

ขอแค่บริจาคเงินให้ได้ยอดตามที่กำหนด แต้มศีลธรรมของเขาก็จะเพิ่มขึ้น และเขาก็จะสามารถเปิดจุดพลังลมปราณได้สำเร็จสักที

ทันใดนั้น

มีข้อความแจ้งเตือนเข้ามาว่าใครบางคนต้องการแอดเขาเป็นเพื่อนในแอปวีแชท

ซูเย่กดเข้าไปดูด้วยความสงสัย

ปรากฏว่าคนที่แอดมามีรูปโปรไฟล์เป็นหญิงสาวท่าทางแอ๊บแบ๊วคนหนึ่ง

ซูเย่กดปฏิเสธคำขอร้องเป็นเพื่อนทันที

ในเวลาเดียวกันนั้น

ไป๋จือเหยียนต้องขมวดคิ้วหน้ายุ่งเมื่อได้รับข้อความแจ้งเตือนว่าคำขอร้องเป็นเพื่อนของเธอถูกปฏิเสธ

“ไม่ยอมรับแอดฉันงั้นเหรอ?”

เธอลุกขึ้นยืนด้วยความเดือดดาล

“ก็ได้ ซูเย่ ในเมื่อนายไม่ยอมรับแอด ฉันขอแอดอีกรอบก็ได้!” ในใจเธอเดือดดาลแต่เธอพยายามคิดในแง่ดี เขาอาจมือลั่นกดผิดก็ได้ ฉันจะให้โอกาสเขาอีกครั้ง ไป๋จือเหยียนใบหน้าแดงก่ำด้วยความขุ่นเคืองใจขณะที่กดแอดเพื่อนชายหนุ่มไปอีกครั้ง

แต่ว่า

เพิ่งจะส่งคำขอไปเท่านั้น

ชายหนุ่มก็ปฏิเสธกลับมาอย่างรวดเร็ว

“อะไรเนี่ย!”

เมื่อเห็นว่าเขาไม่ยอมรับแอดอีกแล้ว ไป๋จือเหยียนก็ยิ่งเดือดดาลมากกว่าเดิม เธอโยนโทรศัพท์ทิ้งลงไปบนเตียงนอน และหยิบหมอนขึ้นมาทุบกับหัวเข่าระบายความโกรธแค้น ใบหน้ายิ่งแดงก่ำมากกว่าเดิมด้วยความแค้นใจ

“โมโหเรื่องอะไรจ๊ะ?”

ไป๋จือหรานเปิดประตูเดินเข้ามาในห้องพักและยิ้มให้แก่น้องสาว

“พี่จ๋า!”

ไป๋จือเหยียนลุกขึ้นวิ่งเข้าไปสวมกอดผู้เป็นพี่ทันทีที่เห็นหน้า และส่งเสียงฟ้องเหมือนเด็กตัวน้อย ๆ “ฉันแอดเพื่อนซูเย่ไปในแอปวีแชท แต่เขาไม่ยอมรับแอดตั้งสองรอบ ฉันไม่เคยเป็นฝ่ายต้องแอดใครก่อนเลยนะ รอบแรกที่เขากดปฏิเสธว่าพอทนแล้ว แต่นี่เขากดปฏิเสธถึงสองรอบ แบบนี้เท่ากับว่าเขาไม่ไว้หน้าฉันเลยนี่นา!”

“ไม่ต้องร้องไห้นะ ไม่ต้องร้อง”

ไป๋จือหรานปลอบใจน้องสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เขาไม่รู้หรือเปล่าว่าเป็นเธอ?”

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

ไป๋จือเหยียนกําหมัดแน่น

“แต่เรื่องนี้ฉันจะปล่อยผ่านไปไม่ได้เด็ดขาด ซูเย่ คอยดูเถอะ ฉันจะไปหานายถึงหอพักที่มหาลัย และจะต้องทำให้นายรับฉันเป็นเพื่อนให้ได้!”

พูดจบ

หญิงสาวก็ปล่อยมือออกจากพี่สาวและหยิบหมวก VR ขึ้นมาสวมใส่ เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการเล่นเกม

ไป๋จือหรานส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจพร้อมกับหัวเราะในลำคอด้วยความเอ็นดู

และเธอก็เข้าเล่นเกมด้วยเช่นกัน

มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง หอพักชาย

เมื่อเห็นว่าซูชือกับจินฟานนอนลงบนเตียงและเข้าสู่การเล่นเกมเรียบร้อยแล้ว

ซูเย่ก็เปิดแอปสมาคมสังคมสงเคราะห์ขึ้นมาเริ่มต้นการบริจาคเงินให้แก่ผู้คนที่เขาได้เลือกเอาไว้

ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนักศึกษายากจนที่ต้องการค่าเทอม

โดยเฉพาะเด็กหญิงผู้น่าสงสารจากต่างจังหวัด

เมื่อบริจาคเป็นจำนวนเงินครบ 50,000 หยวน ซูเย่ก็รอคอยอยู่ในความเงียบงัน

รอให้สัญญาณแจ้งเตือนการเพิ่มคะแนนศีลธรรมดังขึ้น

ขณะนี้เขามีคะแนนอยู่ 9 แต้มแล้ว ขออีกเพียงแต้มเดียวเท่านั้น เขาก็จะเปิดจุดพลังลมปราณได้สำเร็จ

“ติ้ง!”

เสียงสวรรค์ดังขึ้นในหัวอย่างที่คิด

ซูเย่รู้สึกหัวใจพองโต บางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถจับต้องได้เป็นรูปธรรมกำลังก่อเกิดขึ้นมา และเขารับรู้ได้ว่าบางสิ่งบางอย่างที่ว่านั้นมีอยู่จริง

แต้มศีลธรรม + 1!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด