ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 36.1

อ่านนิยายจีนเรื่อง ยอดหญิงแห่งวังหลัง ตอนที่ 36.1 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 36-1 ศัตรูมารวมตัวกัน

เมื่อชายหนุ่มแปลกหน้าผู้มาเยือนเดินเข้าใกล้ ทุกอย่างรอบข้างจึงค่อย ๆ เงียบงันลง

ราวกับว่า มิได้มีการโต้เถียงกันเกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ดวงตาของหลี่เว่ยหยางจ้องมองไปยังบุคคลนั้นอย่างพิจารณา

ในขณะที่เขาค่อย ๆ เดินเข้ามาหาอย่างเชื่องช้าละสง่างาม

และด้วยเหตุผลบางประการ นางรู้สึกราวกับว่า การหายใจของตนเองได้หยุดลงชั่วขณะ

รูปลักษณ์ของชายหนุ่มผู้นี้มีความโดดเด่นจนแทบมิต้องการจะละสายตาไปจากเขา

ใบหน้าของเขาคมคายและหล่อเหลายิ่งนัก

ภายในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นมีความจริงจัง และเย็นชาแฝงอยู่

ความเงียบที่ถูกระงับไว้ราวกับความสง่างามที่ได้เห็นสามารถสะกดวิญญาณของมวลมนุษย์ได้

เขาคือองค์ชายสาม ทัวเป่าเจิ้น ผู้ซึ่งน่าประทับใจอย่างมิต้องสงสัย

หลี่เว่ยหยางค่อย ๆ รวบมือทั้งสองมาประสานเอาไว้ที่ด้านหน้าของตนเอง

และทันใดนั้นภาพในอดีตได้ผุดขึ้นมาในมโนนึกทันที

มันเป็นเสียงหัวเราะจอมปลอมของ

ฮูหยินใหญ่ซึ่งทุกวันนี้ยังคงดังก้องอยู่ในหัวใจของนาง:

“เว่ยหยางเป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่ายและเฉลียวฉลาด แม่ใหญ่จึงต้องการช่วยเจ้าหาสามีที่ดี

องค์ชายสาม ทัวเป่าเจิ้นเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลา เขาและเจ้าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากที่สุด

เว่ยหยาง เมื่อเจ้าได้แต่งงานกับเขาและได้อยู่เคียงข้างเขา เจ้าจะมีอนาคตที่ดี”

ในตอนนั้นหลี่จางเล่อยังยิ้มหวานและกล่าวเสริมว่า:

“ใช่แล้ว ผู้หญิงในชนชั้นสูงทุกคนซึ่งอยู่ในวัยที่แต่งงานได้

ต่างก็ต้องการที่จะเป็นชายาขององค์ชายสามกันทั้งนั้น เว่ยหยางนับว่าเจ้านั้นโชคดีมาก”

แต่ในที่สุดปีกของนกตัวนั้นก็ต้องหักอย่างแรง ซึ่งเลือด และความเจ็บปวดนี้ นางจะมิมีวันลืม……

หลี่เว่ยหยางจิกตาและเบ้ปากของตนเอง ซึ่งเผยให้เห็นถึงความเย้ยหยันในใจนั้น นางหายใจเข้าลึก ๆ

จากนั้นทุกคนจึงแสดงความเคารพอย่างพร้อมเพรียงกัน

โดยหลี่เหว่ยหยางเดินตามไปและก้มศีรษะลง แต่นางยังคงรู้สึกได้ถึงความต้องการที่จะเห็นภาพตรงหน้าตนเอง

“พวกเจ้าสนทนากันเสียงดังจนน่าสนใจ กำลังสนทนากันเกี่ยวกับเรื่องอันใดหรือ?” หลี่หมินเฟิงเอ่ยถามอย่างยิ้ม ๆ

“มิมีอันใดมาก…น้องสามกล่าวเพียงเพราะนางมิพอใจบางอย่าง

พี่ชายใหญ่ได้โปรดอย่าเล่าให้ท่านพ่อและท่านแม่ฟัง

มิฉะนั้นน้องสามจะต้องถูกลงโทษ”

หลี่จางเล่อกล่าวพร้อมกับดวงตาที่เต็มไปด้วยประกายสดใส จึงเผยให้เห็นความงามที่มิอาจพรรณนาได้

เมื่อมองผ่านขนตาของนางดูเหมือนว่าหยดน้ำตากำลังจะร่วงหล่น

ซึ่งดูเหมือนดอกสาลี่ในฤดูฝน ยิ่งทำให้นางดูมีความงดงามและบอบบางมากยิ่งขึ้น

ในฐานะสาวงามที่กำลังกล่าวสิ่งเหล่านี้ หากผู้ใดก็ตามที่ได้ยินจะเชื่อว่า

หลี่เว่ยหยางได้ทำความผิดที่มิอาจให้อภัยได้ ทำให้นางต้องเดือดร้อน โดยการขอร้องพี่ชายให้ช่วยปกปิด

แม้ว่าจะเกลียดชังหญิงผู้นี้อยู่ในส่วนลึกของหัวใจตนเอง แต่หลี่เว่ยหยางก็ต้องยอมรับว่า

หากจะกล่าวถึงรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์ของหลี่จางเล่อแล้ว นับได้ว่านางช่างสมบูรณ์แบบในด้านนี้

ในฐานะผู้ที่สามารถแสดงบทบาทพี่สาวที่แสนดี และคอยปกป้องน้องสาวอันเป็นที่รักนั้น นางแสดงได้อย่างสมบทบาท และน่าชื่นชมยิ่งนัก

ดังนั้น คงมิมีชายผู้ใดที่มิหลงใหลเมื่อได้เห็นภาพนี้

“เจ้าคือน้องสามเช่นนั้นหรือ?”

นี่เป็นครั้งแรกของหลี่หมินเฟิงที่ได้พบกับหลี่เว่ยหยาง จากนั้นเขาจึงมองนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า

เมื่อเห็นดังนั้น หลี่เว่ยหยางจึงกล่าวออกมา พร้อมกับแสดงสีหน้าเบื่อหน่าย:

“พี่ชายใหญ่ มันเป็นเพียงแค่การโต้เถียงกันระหว่างพี่น้องเท่านั้น”

เนื่องจากเป็นการทะเลาะวิวาทของเด็กผู้หญิง เขาจึงมิต้องการที่จะเข้าไปข้องเกี่ยวด้วย!

หลี่เว่ยหยางเย้ยหยันเขาด้วยสายตา แต่เมื่อหลี่หมินเฟิงมองกลับมา นางจึงแสร้งทำหน้าตาเป็นเด็กไร้เดียงสา

นางทำเป็นเฉยเมยเหมือนมิมีสิ่งใดเกิดขึ้น ซึ่งทำให้ดูเหมือนว่า หลี่จางเล่อกำลังเอะอะในเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ

หลี่จางเล่อเก็บงำความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจ และดวงตาที่งดงามของนางได้กระพริบ ขณะที่กล่าวว่า:

“ใช่แล้ว เราเพียงแค่ถกเถียงกันเล็กน้อยเท่านั้น มิมีอันใดที่น่าสนใจเลย”

หลี่หมินเฟิงเปล่งเสียงเบา ๆ :

“ดี! น้องสาวของข้าต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจกว้างขวาง ซึ่งมิเหมือนกับผู้หญิงทั่วไป”

เว่ยหยางแสร้งทำเป็นมิเข้าใจ ขณะที่ใบหน้าของนางเผยรอยยิ้มออกมา

เกาหมินลืมเรื่องหลี่เหว่ยหยางไปจนหมดสิ้น และในตอนนี้นางได้หันมามองด้วยแววตาที่มีประกาย และเอ่ยถามว่า:

“องค์ชายสาม ท่านกลับมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่?”

ทัวเป่าเจิ้นยิ้มเล็กน้อย:

“ข้ากลับมาพร้อมหลี่หมินเฟิง”

หลี่หมินเฟิงยิ้มอย่างอบอุ่น:

“น้องหมินเอ๋อ, องค์ชายสามมาเยี่ยมท่านพ่อของพี่”

ในตอนที่พวกเขากำลังสนทนากันอยู่นั้น หลี่เว่ยหยางได้ยืนอยู่ด้านข้าง

ในขณะที่ดวงตาของนางจ้องมองไปยังทัวเป่าเจิ้นอย่างเกลียดชังเช่นเดิม

องค์ชายสามผู้นี้ยังคงเหมือนเดิมมิเปลี่ยนแปลง ริมฝีปากของเขายังคงมีรอยยิ้มที่นุ่มนวลและอ่อนโยนเสมอ

ครั้งหนึ่งนางเคยคิดว่า เขาเป็นเทพบุตรที่มีเสน่ห์ที่สุดในโลก

แต่ตอนนี้ เมื่อมองให้ดีแล้ว เขาช่างน่ารังเกียจยิ่งกว่าแมลงสาบที่อาศัยอยู่ในท่อระบายน้ำเสียอีก

ตอนนี้หลี่จางเล่อ ผู้ซึ่งยืนอยู่ด้านข้างได้จ้องตรงไปยังทัวเป่าเจิ้น ด้วยดวงตาที่งดงามของนาง โดยมิได้ละสายตา

และดวงตาคู่นั้นของทัวเป่าเจิ้นได้เคลื่อนผ่านร่างของหลี่จางเล่อผู้งดงามมาหยุดที่หลี่เว่ยหยางโดยที่ผู้ถูกจ้องมองยังมิทันตั้งตัว

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด