ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 37.1

อ่านนิยายจีนเรื่อง ยอดหญิงแห่งวังหลัง ตอนที่ 37.1 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 37-1 พี่ชายและน้องสาวร่วมมือกัน

ในห้องนั้น หลี่จางเล่อกำลังยกน้ำชามาให้หลี่หมินเฟิง ด้วยตัวของนางเอง:

“ท่านพี่ ท่านคงเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล”

หลี่หมินเฟิงยิ้มเล็กน้อยและกล่าวว่า:“

น้องสาวเรามิได้พบกันเพียงแค่หกเดือน แต่เจ้างดงามขึ้นมาก จนทำให้องค์ชายสามจ้องมองเจ้าโดยมิใส่ใจสิ่งอื่นเลย!”

หลี่จางเล่อยิ้มออกมาเล็กน้อย

เป็นความจริงที่ทัวเป่าเจิ้นนั้นหล่อเหลาและมีเสน่ห์ แต่มารดาของเขานั้นมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย

ด้วยเหตุนี้เขาจึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิ

แต่เป็นโชคดีที่มารดาของเขาจากไป ดังนั้นในที่สุด เขาจึงถูกรับเลี้ยงโดย

อู๋เซียนเฟย ผู้ซึ่งมิมีทายาท

ในฐานะองค์ชายที่มีภูมิหลังเช่นนี้ เขาจึงมิสามารถขึ้นครองบัลลังก์มังกรได้

เมื่อนึกถึงใบหน้าอันหล่อเหลาของ

ทัวเป่าเจิ้นแล้ว หลี่จางเล่อจึงเกิดรอยยิ้มแห่งความเห็นใจออกมาโดยมิรู้ตัว

หลี่หมินเฟิงมองไปยังผู้ที่เป็นน้องสาวของตนเอง และรู้ว่านางกำลังคิดอันใดอยู่:

“อย่าเชื่อท่านแม่มากเกินไป การเมืองในราชสำนักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

องค์ชายสามผู้นี้มิใช่ผู้ที่จะสามารถมองข้ามได้โดยง่าย…“

เมื่อหลี่จางเล่อได้ยินเช่นนี้จึงกล่าวอย่างครุ่นคิดว่า:

“แต่ตอนนึ้เขายังคงต้องพึ่งพาองค์รัชทายาทอยู่เลย…”

หลี่หมินเฟิงยิ้มออกมา แต่เขามิได้ตอบกลับ

ในสายตาของเขานั้น แม้ว่าน้องสาวของเขาจะมีความงดงามราวกับเทพธิดา

แต่ท้ายที่สุด นางก็เป็นเพียงหญิงสาวที่มิมีวิสัยทัศน์ และมิได้มีมุมมองที่กว้างไกลดังเช่นผู้ชาย

ในตอนนี้ดูเหมือนว่า เขาและองค์ชายสามจะสามารถดำเนินตามตามแผนได้อย่างไร้กังวล

ในความเป็นจริง เขาถูกส่งไปยังเมืองฉางโจวโดยจักรพรรดิ

เพื่อสอบสวนคดีที่เกี่ยวข้องกับ’จางกวน’ ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดฉางโจว

เมื่อองค์ชายสามเดินทางมาถึงเมืองฉางโจว เขาได้พยายามสืบหาหลักฐานที่จางกวนพยายามปกปิดเอาไว้

และเขาได้สอบสวนพ่อบ้านคนสนิทของจางกวน จึงสามารถค้นพบหลักฐานที่ทำให้จางกวนต้องยอมจำนน

เป็นเพราะชายผู้นี้มีความเฉลียวฉลาดและมีประสบการณ์มากพอ จึงเลือกที่จะสารภาพผิดในคดีอาชญากรรมของตนเอง

ตั้งแต่ได้รับมอบหมายงานไปจนถึงรายงานอาชญากรรมของจางกวนสำเร็จ

ทั้งหมดใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น

หลังจากนั้น ทัวเป่าเจิ้นได้พักอยู่ในเมืองฉางโจวเพื่อจัดระเบียบการปกครองที่วุ่นวายให้เรียบร้อย

และทุกอย่างแล้วเสร็จภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน

ในงานที่ได้รับมอบหมายนี้ ทัวเป่าเจิ้นได้สร้างผลงานที่โดดเด่นเป็นอย่างมาก

ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ และความสามารถของเขา จึงทำให้เขาได้รับการยกย่องจากจักรพรรดิ

ในสายตาของหลี่หมินเฟิงผู้หยิ่งผยอง

เขาต้องยอมรับว่า ทัวเป่าเจิ้นนั้นมีความมุ่งมั่นและมีความชาญฉลาด

อีกทั้งยังสามารถจัดการกับทุกอย่างได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งแสดงให้เห็นว่า เขามิใช่คนธรรมดาเลย

หมินเฟิงมิรู้ว่าควรเอ่ยสิ่งเหล่านี้กับ

หลี่จางเล่อดีหรือไม่ ด้วยเหตุนี้เขาจึงกล่าวเพียงว่า:

“หากเจ้ามิเชื่อ ก็จงรอดู”

เมื่อหลี่จางเล่อได้ยินสิ่งนี้แล้ว หัวใจของนางก็พองโตด้วยความสุข

ในขณะที่นางยังคงต้องการจะซักถามเรื่องราวเกี่ยวกับองค์ชายสามกับพี่ชายต่อ

แต่หลี่หมินเฟิงก็มิเต็มใจที่จะกล่าวอันใด และรีบเปลี่ยนเรื่องสนทนา:

“น้องสาว เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เหตุใดเจ้าจึงยอมให้เด็กสาวผู้นั้นทำให้เจ้าขุ่นเคืองใจ”

ในสายตาของเขานั้น ตัวเขาและน้องสาวผู้นี้จะต้องมีสิทธิพิเศษเหนือผู้อื่นในบ้านตระกูลหลี่

สิ่งที่เขาเห็นคือ เว่ยหยางและคนอื่น ๆ เป็นเพียงบุตรของหยินเหนียง ที่มีสถานะต้อยต่ำ

ในบ้านตระกูลหลี่แห่งนี้ พี่น้องทุกคนจะต้องปฏิบัติต่อหลี่จางเล่อด้วยความเคารพและความอ่อนน้อมถ่อมตน

เมื่อเขาเห็นว่า มีเพียงหลี่เว่ยหยางผู้นี้ที่มิแสดงความเคารพแม้แต่น้อย

ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขาเกิดความรู้สึกประหลาดใจ

เพราะตามวิธีการของท่านแม่ นางจะทนต่อการมีเด็กสาวเช่นนี้อยู่ในบ้านได้อย่างไร?

เมื่อกล่าวถึงหลี่เว่ยหยาง มันทำให้ใบหน้าของหลี่จางเล่อเริ่มซีดลงอย่างที่มิสามารถควบคุมได้:

“ตอนนี้ยังมิสามารถทำอันใดนางได้! เพราะนางกำลังได้รับความโปรดปรานจากท่านย่าใหญ่

และท่านพี่น่าจะรู้นิสัยของท่านย่าดี นางเอ็นดูฮูหยินสาม แต่มิได้สนิทสนมกับท่านแม่และพวกเรามาตั้งนานแล้ว

ซึ่งหากนางยืนยันที่จะปกป้องเว่ยหยาง ท่านแม่ของเราก็มิสามารถทำอันใดได้

“นอกจากความล้มเหลวในการใส่ร้ายนางแล้ว พวกนังเด็กนั่นยังทำให้ท่านพ่อเกิดความสงสัย

ดังนั้นพวกเราจึงมิสามารถทำอันใดโดยประมาทได้อีกต่อไป”

หลี่หมินเฟิงครุ่นคิดและกล่าวว่า:

“แต่ในฐานะบุตรของหยินเหนียงที่เติบโตในบ้านโดยมิมีความรู้หรือการศึกษาใด ๆ น้องสาวก็มิควรเสียเวลาไปข้องเกี่ยวกับนาง!”

ดวงตาของหลี่จางเล่อเบิกกว้างขึ้นจนทำให้หยกและไข่มุกที่เกาะอยู่บนผมของนางค่อย ๆ สั่นไหว

ราวกับว่า นางกำลังสะกดกลั้นอันใดบางอย่าง และเสียงที่ดังขึ้นของนางนั้น เต็มไปด้วยความโกรธและความเกลียดชัง

“พี่ชายใหญ่ ท่านกล่าวเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ตอนนี้น้องสาวของท่านกำลังถูกนางรังแก ท่านรู้หรือไม่?!

ข้าเฝ้ารอการกลับมาของท่าน เพื่อที่จะได้มาช่วยข้าหาทางแก้แค้นมัน!”

หลี่หมินเฟิงจึงกล่าวออกมาอย่างแข็งกร้าวว่า:

“การจะสั่งสอนเด็กสาวผู้นี้นั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ

มิจำเป็นต้องให้น้องสาวโกรธและอารมณ์เสีย

แค่คอยดูพี่ชายใหญ่ของเจ้า เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าหาทางแก้แค้นเอง!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด