ยอดหญิงแห่งวังหลัง – ตอนที่ 69.2

อ่านนิยายจีนเรื่อง ยอดหญิงแห่งวังหลัง ตอนที่ 69.2 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ฮูหยินสามจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยาง ผู้ซึ่งกําลังนั่งอยู่ด้านข้างด้วยสายตาที่ปวดร้าว

ทันใดนั้นนางได้หัวเราะออกมา แต่นเสียงนั้นแฝงไปด้วยความเจ็บปวดในหัวใจของนาง

ตอนนี้นางคงรู้สึกเสียใจมากที่ไว้ใจฮูหยินใหญ่มากเกินไปในตอนนั้น

จนทําให้ความเกลียดชังในใจของนางยังคงท่วมท้นมาจนถึงทุกวันนี้?

หลี่เว่ยหยางเฝ้าดูด้วยความสงสาร และอดมิได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจแทนนาง

ฮูหยินสามต้องการที่จะลืมทุกอย่างแต่อีกใจหนึ่งนั้นก็ยังคงต้องการที่จะแก้แค้นฮูหยินใหญ่ให้สาสม

คนอื่นอาจจะมีเข้าใจ แต่หลี่เว่ยหยางเข้าใจดีถึงความรู้สึกนี้

ฮูหยินสามยิ้มเล็กน้อยอย่างเศร้าโศก และทันใดนั้นเสมหะก็ติดที่ลําคอของนางทําให้นางเกิดอาการไออย่างรุนแรง

หลี่เว่ยหยางรีบตบหลังนางด้วยความตื่นตระหนก ส่วนหลี่หมินเต๋อรีบไปเรียกสาวใช้ให้หยิบกระโถนมาให้

ฮูหยินสามยังคงถ่มน้ำลายใส่กระโถนที่สาวใช้ถือเอาไว้และยืนอยู่ด้านข้าง

หลังจากนั้นมินานนัก นางได้กล่าวออกมาว่า

“ข้าคิดว่า ข้าคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกมินาน”

ฮูหยินสามนกล่าวกับกับหลี่เว่ยหยาง ขณะที่เด็กสาวอ้าปากค้างคิ้วยความตกใจ

“ตอนนี้ดูเหมือนว่า เวลาของข้าจะเหลือน้อยเต็มที่”

ในชาติที่แล้วฮูหยินสามได้จากไปมินาน หลังจากเหตุการณ์ร้ายของหลี่หมินเต๋อ

ตอนนี้หมินเต๋อได้รับการช่วยเหลือให้รอดชีวิตแล้ว แต่นางกลับติตโรคระบาดโดยมิคาดคิด

เป็นไปได้หรือไม่ว่า นี่คือสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้?

หลี่เว่ยหยางกําหมัดแน่นด้วยความคับแค้นใจ และยิ้มอย่างอ่อนโยนบนใบหน้า

“ไม่ เป็นไปมิได้ ทํานอาสะใภ้สามจะต้องมีชีวิตที่ยืนยาวอย่างแน่นอน”

ฮูหยินสามส่ายหัวอย่างอ่อนแรง

“มิต้องปลอบใจ ข้ารู้ตัวเองดี”

นางจ้องมองไปยังหลี่เว่ยหยาง ขณะที่มีความรุ่มร้อนปรากฏขึ้นในดวงตาอิดโรยของนาง

ฮูหยินสามยิ้มอย่างขมขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

บางทีหัวใจของเด็กสาวผู้นี้อาจเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อฮูหยินใหญ่

เมื่อนึกย้อนไปถึงตอนที่นางแต่งงานเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลหลในครั้งนั้น และสามีกับลูกในครรภ์ของนางได้ตายจากไปที่ละคน

จึงทําให้เกิดความรู้สึกที่มิอาจพรรณนาได้ท่วมท้นอยู่ในใจของนาง

สําหรับนางแล้ว ความคับแค้นใจที่มีต่อฮูหยินใหญ่นั้นทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน และนี่คือเหตุผลที่แท้จริงว่าเหตุใดนางจึงต้องการช่วยหลี่เว่ยหยาง

อย่างไรก็ตามความรุนแรงของอาการเจ็บปวยของนางได้หลอมละลายทุกอย่างไปหมดสิ้นแล้ว ทั้งบุญคุณและความแค้นที่มีทั้งหมดในหัวใจ

สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะมีสําคัญอีกต่อไปแล้ว แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่นางมิสามารถปล่อยวางได้

ฮูหยินสามจับมือของหลี่เว่ยหยางเอาไว้แน่นและขอร้องว่า

“อาสะใภ้สามผู้นี้ช่วยเจ้ามามากแล้ว ตอนนี้ข้าต้องการขอร้องเจ้าเพียงแค่เรื่องเดียวเท่านั้น”

หลีเว่ยหยางจ้องมองเข้าไปในดวงตาของฮูหยินสาม จึงเห็นร่องรอยของคําวิงวอนที่จริงจังปรากฏในดวงตาที่งดงามคู่นั้น

ในขณะนั้นหลี่เว่ยหยางเข้าใจถึงความหมายของนางแล้ว

“ช่วยข้าดูแลหมินเต๋อด้วย”

เด็กชายผู้นี้มิใช่เลือดเนื้อเชื้อไขของบ้านตระกูลหลี และหากมิได้รับการดูแลจากมารดาบุญธรรมของเขาแล้ว ต่อไปเขาจะต้องได้รับชะตากรรมที่ยากลําบากอย่างแน่นอน

หลี่เว่ยหยางสามารถจินตนาการถึงสิ่งเหล่านั้นได้อย่างชัดเจนแต่

เพื่อยอมรับคําขอดังกล่าว ความหมายก็คือ นับจากนี้เป็นต้นไปนอกจากใหยินเหนียงแล้วยังจะมีเด็กน้อยผู้นี้อีกคนที่นางจะต้องนึกถึงตลอดเวลา

หลี่หมิ่นเต๋อจะกลายเป็นความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ของนาง

หลี่เว่ยหยางลังเลใจอยู่ครู่หนึ่ง แต่เมื่อนึกถึงความช่วยเหลือที่ฮูหยินสามมอบให้นางในทุกๆเรื่องแล้ว นางก็มิสามารถปฏิเสธคําขอดังกล่าวได้

ตอนนี้ศีรษะของหลี่หมินเต๋อก้มลงต่ำมากจึงมีมีผู้ใดเป็นการแสดงออกของเขาว่ามันเศร้าเสียใจมากสักเพียงใด

หลี่เว่ยหยางมิได้กล่าวอันใดอีกเป็นเวลานาน ฮูหยินสามจึงรีบจับมือของนางด้วยสายตาที่วิ่งวอน

หลี่เว่ยหยางกระพริบตาของตนเองถี่ยิบ และจ้องมองไปยังหลี่หมินเต๋อที่อยู่ด้านข้าง จากนั้นได้พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

“ข้าอาจจะมีสามารถปกป้องเขาได้อย่างสมบูรณ์ แต่ข้าจะทําให้ดีที่สุด” นางตอบอย่างเด็ดเดี่ยว

ฮูหยินสามยิ้มด้วยความซาบซึ้งใจและกล่าวว่า

“ขอบคุณ”

เมื่อเด็กสาวกลับมายังตําหนักหยวนซีและก้าวเดินเข้าไปในห้องนอนของตนเองโดยที่มิได้กล่าวอันใดออกมาเลย ขณะที่ใบหน้าของนางนั้นมีแต่ความเศร้าหมอง

ไปซื้อและไม่ดูจึงจ้องมองดูด้วยความมสบายใจเป็นอย่างมาก

แม้ว่าพวกนางจะมิทราบรายละเอียดเกี่ยวกับอาการความเจ็บปวยของฮูหยินสาม แต่เมื่อเห็น สภาพของคุณหนูของพวกนางแล้วจึงสามารถเดาได้ว่าอาการของนางคงจะหนักหนาเอาการอยู่

และพวกนางสามารถเข้าใจได้อย่างชัดเจนว่า ฮูหยินสามผู้นี้คือมิตรแท้คนสําคัญของคุณหนูสามในบ้านตระกูลหลี่แห่งนี้

หากนางเป็นอันใดไป แน่นอนว่ามันจะมิใช่เรื่องที่สําหรับคุณหนูสาม

กลางดึกคืนนั้นเกิดฝนตกอย่างหนัก และภายใต้ความเงียบสงบมีเพียงเสียงฝนตกลงมากระทบหลังคาของตําหนักหยวนซีเท่านั้น

หลี่เว่ยหยางเอนตัวลงพิงเตียงด้วยความรู้สึกกระวนกระวายใจโดยมิทราบสาเหตุ จึงมิสามารถหลับตาลงเพื่อพักผ่อนได้

ทันใดนั้นด้านนอกหน้าต่างมีเสียงแผ่วเบาเกิดขึ้น ซึ่งทําให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด