Immortal and Martial Dual Cultivation – บทที่ 170 ชื่อเสียงเลื่องลือไปใต้สวรรค์

อ่านนิยายจีนเรื่อง Immortal and Martial Dual Cultivation ตอนที่ 170 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 170 ชื่อเสียงเลื่องลือไปใต้สวรรค์

 

เมื่อสตรีผู้นั้นได้ยินเช่นนั้น,นางก็ตกตะลึงก่อนที่จะหัวเราะคิกคักออกมา นางดูราวกับเทพธิดาอย่างแท้จริงมันทําลชให้ผู้หนึ่งถึงกับตกหลุมรักและยอมตายถวายหัวให้กับนาง

 

“ต้องมาให้ได้นะอย่าได้ลืม,ข้าต้องขอตัวก่อน!” หลังจากที่สตรีผู้นั้นพูดจบ,นางก็ลอยตัวออกไปและกลับไปที่เรือหยก เสียงดนตรีแห่งท้องฟ้าบรรเลงออกมาอีกครั้ง นางฟ้าได้กลับขึ้นเรือที่ล้อมรอบไปด้วยหมู่เมฆหมอกและหายลับไปจากสายตาของทุกคน

 

มองดูสีหน้าของทุกคน,เซี่ยวเฉินรู้สึกเหมือนว่าเขาได้พูดอะไรผิดไป อย่างไรก็ตาม,เขาก็คิดไม่ตกว่าเขาได้ผิดอะไรผิดไป เขามองไปที่หลิวสุยเฟิงอย่างช่วยไม่ได้

 

หลิวสุยเชิงขยับเข้ามาที่หูของเขาและพูดขึ้นด้วยเสียงค่อยพร้อมกับรอยยิ้ม “นางคือบรรพบุรุษอาจารย์หญิงของพวกเรา นางอายุมากกว่า 200 ปีแล้ว นางเปรียบเสมือนองค์เทพที่ประทับอยู่ภายในศาลากระบีสวรรค์”

 

แม้ว่าหนังหน้าของเซี่ยวเฉินจะหนายิ่งกว่ากําแพงเมือง,เขาก็หน้าแดงในสถานการณ์เช่นนี้ บรรพบุรุษอาจารย์หญิงที่อายุมากกว่า 200 ปี และเขาก็กล่าวกับนางเหมือนเป็นพี่สาว ช่างเป็นเรื่องตลกขบขัน

 

หลิวสุยเพิ่งยังกล่าวต่อไป “บรรพบุรุษอาจารย์หญิงยังส่งมอบเม็ดยาให้กับข้า นางต้องให้ค่าข้าไว้สูง! เมื่อข้าไล่ตามแม่นางชินอวิ๋นในอนาคต เรื่องก็จะง่ายยิ่งขึ้น”

 

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นเซี่ยวเฉินเก็บนามบัตรของนางเข้าไป ความภาคภูมิอันเล็กน้อยนั่นก็ถูกลบหายไปในทันที เขาทําได้เพียงถอนหายใจกับตัวเองและครุ่นคิดเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นมีแต่จะทําให้อารมณ์เสีย

 

เมื่อสานุศิษย์โดยรอบเห็นว่าไม่มีอะไรน่าสนใจให้ดูอีกต่อไป,พวกเขาก็จากไป หลังจากการต่อสู้ในครั้งนี้, ชื่อเย่เฉินจักต้องแพร่กายจายไปทั่วศาลากระบี่สวรรค์

 

ไม่เพียงแค่ที่เขาต่อสู้น้ำนั่นกับระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธขั้นสูงสุดต่อหน้าทุกคนเขายังได้รับการเชื้อเชิญเป็นการส่วนตัวจากบรรพบุรุษอาจารย์หญิงแห่งยอดเขาสตรีหยก ในช่วงหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมาไม่มีผู้ใดที่น่าประทับใจได้เท่ากับเซี่ยวเฉินอีกแล้ว

 

หลังจากที่ทุกคนจากไป,เซี่ยวเฉินและหลิวสุยเพิ่งก็ยืนอยู่ข้างหลังค่อยดูแลหลิวหรูเยวที่กําลังควบคุมพลังงานของนาง

 

ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า,และในที่สุดค่ำคืนก็มาถึง อาการบาดเจ็บของหลิวหรูเยว่เห็นชัดว่าสาหัสเป็นอย่างมาก นอกจากอาการบาดเจ็บภายในยังมีอาการบาดเจ็บภายนอกที่น่ากลัว นางเต็มไปด้วยบาดแผลจากกระบี่ที่รุนแรงแตกต่างกันไปพวกมันมองดูน่ากลัว

 

มีแนวโน้มว่านางอาจจะฟื้นตัวได้ไม่สมบูรณ์ภายในครึ่งเดือน นอกจากนั้น,หลังจากที่นางฟื้นตัว,นางอาจจะมีแผลเป็นหลงเหลือเอาไว้ มันเป็นเรื่องยากสําหรับหญิงสาวที่จะรับได้

 

ทันใดนั้นเซี่ยวเฉินนึกขึ้นได้ว่าเม็ดยาบํารุงโฉมที่ผู้หญิงใช้กัน มันถูกบันทึกอยู่ในตําราบ่มเพาะพลัง หลังจากที่กินมันเข้าไป,มันจะลบรอยแผลเป็นทั้งหมดออกไปมันมีผลกับความงามเพียงเท่านั้น

 

สิ่งที่สําคัญที่สุดคือมันจะทําให้ผิวพรรณของหญิงสาวดูราวกับผิวน้ำมันจะนุ่มลื่นและกระจ่างใสเป็นอย่างมาก นอกจากนั้น ผลของมันสามารถอยู่ได้ถึงสี่สิบปี

 

อย่างไรก็ตาม มันต้องการสมุนไพรมากมายเกินไป มันเป็นปัญหาที่จะค้นหาสมุนไพรเหล่านั้น เซี่ยวเฉินนึกขึ้นได้ว่าหลิวสุยเพิ่งเคยกล่าวว่ามีร้านยาขนาดใหญ่ที่ศาลากระบี่สวรรค์

 

เขาถามขึ้น “สุยเฟิง,ก่อนหน้านี้,ร้านยาที่เจ้าเคยพูดถึงมันอยู่ที่ใด?”

 

หลิวสุยเฟิงตอบกลับ “มันอยู่ที่ยอดเขาสตรีหยก มันมีทุ่งสมุนไพรขนาดใหญ่ที่นั้น มีสมุนไพรทุกชนิดภายใต้ดวงอาทิตย์ เจ้าถามขึ้นทําไม?”

 

เมื่อเซี่ยวเฉินได้ยินเช่นนั้นเขารีบถามขึ้น “ข้าจะซื้อมันได้เช่นไร? ข้าสามารถใช้หินวิญญาณได้หรือไม่?”

 

“เจ้าไม่อาจใช้หินวิญญาณ เจ้าสามารถใช้เพียงแต้มสนับสนุน สมุนไพรเป็นรายได้สําคัญของศาลากระบีสวรรค์ ส่วนแบ่งจากการขายจะส่งให้พ่อค้าที่มีความร่วมมือกับศาลากระบี่สวรรค์”

 

หลิวสุยเฟิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว นี่มันเป็นข้อมูลพื้นฐานของศาลากระบี่สวรรค์ หลังจากที่เซี่ยวเฉินอยู่ไปเรื่อยๆ เขาจะรู้เกี่ยวกับมัน

 

“แต้มสนับสนุนนิกาย?” เซี่ยวเฉินพูดอย่างงุนงงในใจ “มันคืออะไร? ข้าอยู่ที่นี่มาพักหนึ่งแล้วทําไมข้าไม่เห็นรู้เรื่อง?”

 

หลิวสุยเฟิงยิ้มบางเบา “พักหนึ่งของเจ้าเจ้าก็อยู่ที่พื้นที่ประลองตลอดเวลา เจ้าจะรู้ได้เช่นไรเมื่อเจ้าไม่เคยออกไปข้างนอก? ที่ห้องโถงบนฐานส่องสวรรค์จะมีการแจกจ่ายภารกิจ หลังจากที่ศิษย์ชั้นในทําภารกิจเสร็จสิ้น พวกเขาจะได้รับแต้มสนับสนุนมา”

 

“เจ้าสามารถนําแต้มสนับสนุนไปแลกกับหินวิญญาณ,เม็ดยา,สมุนไพร,ชุดเกราะศึก,อาวุญวิญญาณ,ทักษะเคลื่อนไหว,หรือทักษะต่อสู้ เจ้าสามารถนํามันไปแลกได้กับทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการบ่มเพาะพลัง”

 

“หากเจ้าสามารถรวบรวมแต่มสนับสนุนได้มากพอเจ้าสามารถตรงไปที่ยอดเขาสตรีหยกและแลกเปลี่ยนสมุนไพรที่เจ้าต้องการ อย่างไรก็ตาม,บรรพบุรุษอาจารย์หญิงดูเหมือ นจะให้ความสําคัญกับเจ้า ใครจะรู้เจ้าอาจจะขอให้นางช่วยเหลือก็ได้”

 

หลังจากที่พวกเขาทั้งสองหยุดพูดคุย เซี่ยวเฉินจมไปกับความคิด ดูเหมือนศาลากระบีสวรรค์จะไม่ได้เรียบง่ายอย่างที่ข้าคิดเอาไว้ มันมีการทํางานเป็นระบบอย่างสมบูรณ์

 

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่ได้แปลกอะไร นี่คือนิกายที่สืบทอดกับมาหลายหมื่นปี หากมันไม่มีระบบสมบูรณ์เช่นนี้นั้นสิน่าแปลก

 

มันได้ตกดึกแล้ว และหลิวสุยเฟิงเหนื่อยล้าจนไม่สามารถตื่นอยู่ได้อีกต่อไป เซี่ยวเฉินเห็นว่าที่ตีนเข้าไม่ได้มีอะไรอันตราย ดังนั้นเขาจึงให้หลิวสุยเฟิงขึ้นไปพักผ่อนบนภูเขา,ให้เซี่ยวเฉินเฝ้ายามอยู่คนเดียว

 

ลมหนาวพัดมาบางเบา ไม่มีอะไรที่จะทํา เซี่ยวเฉินยืนนิ่งอยู่ข้างหลิวหรูเยาและมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยผืนดาว จากนั้นเขาก็ใช้แสงอ่อนจากดวงดาว,หยิบคัมภีร์กระแสเมฆาที่อู่เฉินมอบให้ขึ้นมาพลิกอ่าน

 

แสงอ่อนของดวงดาวไม่ได้เป็นอุปสรรคในการอ่านของเซี่ยวเฉิน หลังจากที่เขาเลื่อนขึ้นมาระดับขอบเขตปรมาจารย์เขาค้นพบว่าพลังปราณของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อก่อน

 

แม้ว่าแสงดาวจะไม่ได้อ่อนเหมือนในคืนนี้ มันก็ยังเป็นเรื่องง่ายสําหรับเขาที่จะอ่านตัวหนังสือได้อย่างชัดเจน

 

คัมภีร์กระแสเมฆาสืบทอดมาจากคัมภีร์ยุทธโบราณ มันมีความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงระหว่างสิ่งที่เรียกว่าคัมภีร์ยุทธ,ทักษะต่อสู้และทักษะบ่มเพาะพลัง มันไม่สามารถใช้ในการต่อสู้

 

มันไม่เหมือนทักษะต่อสู้ที่จะสําแดงการบ่มเพาะพลังออกมาในขณะที่ต่อสู้ มันไม่เหมือนทักษะบ่มเพาะพลังที่สามารถช่วยให้ผู้บ่มเพาะพลังสามารถดูดซับพลังงานจิตวิญญาณและปรับปรุงการบ่มเพาะพลังของพวกเขา

 

คัมภีร์ยุทธนั้นเหมือนกับคัมภีร์บํารุงสุขภาพในชีวิตก่อนของเขา วัตถุประสงค์หลักของมันคือควบคุมพลังปราณในร่างของผู้บ่มเพาะพลัง พูดตามตรงก็คือ มันป้องกันไม่ให้พลังปราณของผู้บ่มเพาะพลังปั่นป่วนหลังจากที่ผู้บ่มเพาะพลังเลื่อนระดับการบ่มเพาะพลังของเขา และเข้าสู่สภาวะพลังฉีแตกคลั่ง

 

TLะคัมภีร์บํารุงสุขภาพที่พูดถึงมันเหมือนหนังสือที่เกี่ยวกับวิถีชีวิต Lifestyle รวมถึงอาหารเสริม การเสริมสร้างร่างกาย การกิน บลาๆ

 

คัมภีร์ยุทธจะไร้ประโยชน์เมื่อผู้บ่มเพาะพลังขึ้นไปถึงระดับขอบเขตกษัตริย์ยุทธ มันเป็นเพราะพลังปราณในร่างของพวกเขาจะไม่เข้าสู่สภาวะพลังฉีแตกคลั่งอีก

 

อย่างไรก็ตาม สําหรับเซี่ยวเฉิน,มันมีประโยชน์เป็นอย่างมาก เขาใช้ทักษะแปรลักษณ์ของต้นกําเนิดปัญญายุทธเลียนแบบทักษะต่อสู้มากขึ้นและมากขึ้นไปเรื่อยๆ พวกมันจะส่งผลกับเขาเป็นอย่างมาก

 

เมื่อผ่านไปเป็นเวลา และหากเขาไม่สามารถควบคุมทักษะต่อสู้ที่เขาร่ำเรียนได้,มันจะเป็นปัญหาอย่างมาก หากเขาจัดการกับปัญหาไว้ก่อน,มันจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลที่หลัง 

 

“ฮ่ะ!”

 

หลังจากผ่านไปอย่างไม่รู้เวลา,ขณะที่เซี่ยวเฉินกําลังเริ่มเหนื่อยล้า, ทันใดนั้นหลิวหรูเยว่ก็ลืมตาและยืนขึ้น เซี่ยวเฉินก็ตอบสนองโดยทันทีและพูดขึ้นอย่างเป็นสุข “พี่สาวหรูเยว่ อาการบาดเจ็บภายในของเจ้าทุเลาลงแล้วใช่หรือไม่?”

 

หลิวหรูเยว่ยิ้มบางๆ “มากับข้า”

 

เซี่ยวเฉินพยักหน้าอย่างนุ่มนวลและเดินตามหลังหลิวหรูเยว่ไป หลิวหรูเยว่เดินนําเซี่ยวเฉินไปที่จุดบนสุดของยอดเขา มีทางคดเคี้ยวมากมาย;พวกเขาเดินผ่านเส้นทางลับที่เขาไม่เคยรู้จัก ในที่สุด,พวกเขาก็มาหยุดที่ปากถ้ำ

 

นากนั้นเขาก็ติดตามหลิวหรูเยว่เข้าไปในถ้ำ หลังจากที่พวกเขาเดินเข้าไปครู่หนึ่ง,พวกเขาได้ยินเสียงน้ำที่กําลังเดือด มีความอบอุ่น และความชื้นลอยอยู่ในอากาศ

 

นี่น่าจะเป็นบ่อน้ำพุร้อน,เซี่ยวเฉันคิดในใจ อย่างไรก็ตาม,หลิวหรูเยวจะนําข้ามาที่นี่ทําไม? การกระทําของหลิวหรูเยว่ทําให้เซี่ยวเฉินงุนงง

 

แน่แล้ว หลังจากผ่านไปอีกครู่หนึ่ง,บ่อน้ำพุร้อนก็ปรากฏตรงหน้าของพวกเขา ไอน้ำแพร่กระจายไปทั่วพื้นผิวของบ่อน้ำบางครั้งก็มีฟองเดือดขึ้นมาบนผิวน้ำ

 

“หันหลังไป!” หลิวหรูเยว่กล่าวเสียงนุ่มนวล เซี่ยวเฉินเขินอาย,เหมือนกันว่าเขาพอจะเดาอะไรได้

 

หลิวหรูเยว่ปลดเสื้อผ้าของนางออกทีละชิ้น จากนั้นก็มีเสียง “ปุทง” พร้อมกับนางทําให้เกิดคลื่นสาดกระเซ็น,ลงไปในบ่อน้ำพุร้อน

 

TL:เป็นเสียงโดดลงน้ำนะครับประมาณเสียง “จุ๋ม” แต่ผมชอบเสียงนี้ตามอิ้ง

 

หลิวหรูเยว่พบจุดที่นั่งสบายและเอนตัวลง จากนั้น,นางก็กล่าวขึ้น “เจ้าหันกลับมาได้แล้ว”

 

เซี่ยวเฉินไม่รู้ว่าหลิวหรูเยว่กําลังคิดอะไรอยู่เขาไม่อาจเข้าใจได้ หลังจากที่เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง,เขาก็หันกลับไปช้าๆ ไม่ช้า,เขาก็เห็นฉากที่ทําให้เขาต้องเลือดกําเดาไหล ทั่วทั้งร่างของเขาร้อนผ่าวและเลือดของเขาสูบฉีด

 

ภายในไอน้ำที่ร่องลอยอย่างช้าๆ เลือดโลหิตถูกชะล้าง,เผยให้เห็นร่างกายที่ร้อนแรงของนาง มันดึงดูดและกระตุ้นให้ผู้ใดก็ตามพุ่งเข้าไปก่ออาชญากรรม

 

“ลงมาแช่ด้วยกันกับข้า” น้ำเสียงของหลิวหรูเยว่ฟังดูเปล่าเปลี่ยวมันทําให้ผู้ใดก็ตามรู้สึกเศร้าโศกเมื่อพวกเขาได้ยิน

 

สิ่งนี้มันจุดเปลวเพลิงให้ลุกไหม้อย่างไม่หยุดหย่อนในใจของเขา เซี่ยวเฉินกระโดดลงไปในน้ำพร้อมกับเสียง “ปุทง” เกิดเป็นคลื่นสาดกระเซ็น จากนั้นเขาก็ค่อยๆนั่งลงตรงข้ามกับหลิวหรูเยว่

 

เมื่อหลิวหรูเยว่เห็นดังนั้น,นางหัวเราะคิกคัก “ตอนเจ้าแช่น้ำพุร้อนเจ้าไม่ถอดเสื้อผ้าของเจ้าหรือ?”

 

เซี่ยวเฉินยิ้มขมๆกับตัวเอง,ข้าอยากจะถอดแต่ข้าจะถอดออกต่อหน้าของเจ้าได้รึ? เขาได้แต่พูดบางอย่างที่เขาไม่ได้รู้สึกจริงๆออกไป “ข้าไม่เป็นไร,ข้าเคยแช่น้ำพุร้อนเช่นนี้ หากข้าถอดเสื้อผ้า,ข้าจะรู้สึกไม่สบายตัว”

 

หลังจากที่ได้ปรับอารมณ์,หลิวหรูเยว่ดูเหมือนจะรู้สึกดีขึ้นนางกล่าว “น้ำพุร้อนแห่งนี้ไม่ใช่น้ำพุร้อนธรรมดา มันมีต้นกําเนิดลงมาจากน้ำพุสมุนไพรของยอดเขาสตรีหยก การลงแช่ในนี้จะช่วยรักษาบาดแผลบนร่างกายได้อย่างรวดเร็ว”

 

“ข้าชื่นชอบการแช่น้ำพุร้อนในตอนที่ข้ายังเด็ก ในตอนนั้นมันไม่ได้มีนามากมายในบ่อน้ำพุ นานครั้งข้าจะมาสักที แต่ข้าก็มีความสุขทุกครั้งที่มา”

 

หลิวหรูเยว่เผยรอยยิ้มอันอบอุ่น,ราวกับว่านางได้นึกถึงเหตุการณ์ที่มีความสุขในอดีต อย่างไรก็ตาม ผ่านไปครู่หนึ่ง,นางก็กลับมาดูเปล่าเปลี่ยว

 

“หลังจากที่ยอดเขาฉิงหยุนล่มสลาย,ข้าก็ได้มาที่นี่บ่อยขึ้น ในตอนนั้น,ข้าได้สู้รบประมือทุกวัน เมื่อสุยเฟิง,ช่าวหยาง,และพวกที่เหลือยังเยาว์,พวกเขามักจะถูกคนอื่นรังแกอยู่เสมอ”

 

“ทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น,ข้าจะรีบตรงเข้าไปในทันที ไม่ว่าผู้ใดที่รังแกพวกเขา,ข้าจะเอาคืนให้เป็นสิบเท่าหรือแม้แต่เป็นร้อยเท่า ไม่ว่าข้าจะบาดเจ็บถึงเพียงใด,ข้าจะทําให้แน่ใจว่าพวกมันต้องชดใช้”

 

“ตั้งแต่ที่ข้ายังเด็ก,คนพวกนั้นไม่เคยที่จะยอมแพ้ในการกลืนกินยอดเขาฉิงหยุน พวกเขาคุกคามและใช้ทุกวิธีที่น่ารังเกียจ ข้าแบกรับมันจนมาถึงวันนี้ มีการต่อสู้อยู่ทุกครั้ง ดังนั้นข้าจึงต้องฝืนบังคับให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้น,ทีละก้าวทีละก้าวจนมาเป็นตัวข้าในวันนี้”

 

มันเหมือนกับหลิวหรูเยว่เปิดใจและกลายเป็นคนช่างพูด:นางพูดถึงหลายสิ่งในเวลาสั้นๆ นอกจากความคับแค้นที่นางประสบเมื่อยังเยาว์,นางยังกล่าวถึงความรุ่งเรืองของยอดเขาฉิงหยุนในอดีต

 

เมื่อตอนที่นางยังเยาว์,ยอดเขาฉิงหยุนคือยอดเขาชั้นยอดในหมู่ยอดเขาทั้งหมด ในทุกวัน พื้นที่ประลองเต็มไปด้วยผู้คน ที่ตีนเขาเต็มไปด้วยผู้เยี่ยมเยือนมากมายมันคึกคักเต็มไปด้วยผู้คนที่เข้ามาและจากไปไม่หยุดหย่อน

 

จากนั้นนางก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงตรั้งใหญ่ของยอดเขาฉิงหยุนด้วยตัวเอง ผู้คนที่เคยประจบประแจงพวกเขา,ล้วนหันหลังกลับและเหยียบย่ำพวกเขาอย่างไม่ใยดี การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทําให้เกิดเป็นแผลในหัวใจอันเยาว์วัยของนาง

 

เซี่ยวเฉินรู้สึกทุกข์ใจเมื่อเขารู้สึกว่าเขาเข้าใจนาง เมื่อเขายังเยาว์,เขาก็ได้ร่วงจากสุดสูงสุดลงไปที่ก้นบึงเช่นกันได้รับสายตาที่เย็นชาและถูกทําให้ต้องอับอาย

 

อย่างไรก็ตาม เซี่ยวเฉินในตอนนั้นเลือกที่จะจมลงไปในความเลวทราม จากตอนนั้นเป็นต้นมา,ความพ่ายแพ้ของเขาก็นําไปสู่ความล่มสลาย หากไม่ใช่เพราะการมาของเซี่ยวเฉินคนนี้เขาคงจะเป็นเพียงคนธรรมดาไปตลอดกาล 

 

อย่างไรก็ตาม,หลิวหรูเยว่เลือกที่จะเด็ดเดี่ยว,แบกทุกอย่างไว้ด้วยตัวนางเอง,กลายเป็นกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามแหลม บุคลิกของนางกลายเป็นแหลมคมราวกับกระบี่โหดร้ายกับศตรูแต่กลับโหดร้ายกับตัวเองยิ่งกว่า

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด