ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 24 : ปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ!

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ตอนที่ 24 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 24 : ปล่อยผู้หญิงคนนั้นซะ!

เสียงร้องตะโกนของชายร่างสูงทำให้คนอื่นที่อยู่ในห้องสนใจ และหันไปมองซูอานทันที!

หนึ่งในนั้นเป็นชายฉกรรจ์ร่างใหญ่และแข็งแกร่งมาก รูปร่างของเขานั้นดูเผินๆจะคล้ายกับพวกบอดี้การ์ดที่หลายคนเคยพบเห็นมาจนคุ้นตา

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ทั้งกัวเว่ยและคนอื่นๆต่างก็หันมองไปทางซูอานเช่นกัน และนอกจากกัวเว่ยแล้ว คนอื่นๆก็ล้วนแล้วแต่มีใบหน้าปูดบวมและเขียวช้ำ เห็นได้ชัดว่าผ่านการถูกซ้อมมาอย่างหนัก

เพียงแค่กวาดตามอง ซูอานก็พอที่จะคาดเดาเหตุการณ์ได้ เขาคิดในใจว่าน่าจะเป็นกัวเว่ยกับกลุ่มของเขาที่ไปหาเรื่องคนของแก๊งอันธพาลที่ชื่อว่าแก๊งพยัคฆ์นี้เข้า จึงได้ถูกซ้อมจนหน้าตาปูดบวมกันหมดเช่นนี้

ชายที่นั่งอยู่บนเก้าอี้โยก และมีสีหน้าท่าทางสงบนิ่งมาโดยตลอดนั้น ค่อยๆหันหลังมองไปทางซูอาน

ชายผู้นี้มีคิ้วที่เข้มเป็นเส้นตรงราวกับกระบี่ สายตาของเขาเย็นชา ปลายจมูกงุ้มลงคล้ายตะขอ ศรีษะโล้นไร้ซึ่งผมแม้แต่เส้นเดียวจึงเป็นที่สะดุดตาผู้คนยิ่งนัก แต่นั่นกลับทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกเย็นยะเยือกได้

แกเป็นพวกเดียวกันกับเด็กพวกนี้รึ?”

ก็ไม่ใช่เช่นนั้นซะทีเดียว!”

แกรู้มั๊ยว่าผลของการบุกเข้ามาในที่ส่วนตัวของฉันจะเป็นยังไง?”

ข้าไม่รู้ แล้วก็ไม่ต้องการจะรู้ด้วยแต่มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่ข้าอยากรู้..”

โอ้ว!”

ชายผู้นี้มีฉายาว่าเสือหัวโล้น เขาร้องอุทานพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างใจเย็น ก่อนจะถามซูอานกลับไปว่า

แล้วแกอยากรู้เรื่องอะไรล่ะ?”

ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะปล่อยเพื่อนของข้าได้หรือยัง?”

ฮ่าๆๆๆ น่าสนใจๆ ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดกับฉันแบบนี้มาก่อนเลย นับว่าแกเป็นคนแรก!”

เด็กสาวผู้นี้เป็นเพื่อนของข้า ปล่อยนางไปซะส่วนคนอื่นๆข้าไม่ใส่ใจ..”

ซูอานร้องบอกพร้อมกับยกมือขึ้นชี้ไปทางเจียงเหวินเหวิน เวลานี้เจียงเหวินเหวินถูกชายร่างใหญ่ผู้หนึ่งลวนลาม และได้แต่ร้องไห้จนดวงตาทั้งสองข้างบวมและแดงก่ำ เธอเงยหน้าขึ้นมองซูอาน ในแววตาคู่นั้นบ่งบอกถึงความกังวลใจเป็นอย่างมาก

แกรู้มั๊ยว่าเด็กพวกนี้เป็นฝ่ายไปหาเรื่องหัวหน้าคิมก่อน?”

เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับข้าข้าแค่ต้องการให้เจ้าปล่อยผู้หญิงคนนั้นไปเท่านั้น!”

เจ้าหนูแกบังอาจมากไปแล้ว กล้าออกคำสั่งกับฉันเชียวเรอะ!”

ในเวลานั้นเอง กัวเว่ยที่ยืนอยู่ก็รีบพูดแทรกขึ้นว่า “เสือหัวโล้น เขาไม่ใช่แก๊งเดียวพวกฉัน อย่ายุ่งกับเขา!”

เสือหัวโล้นหันไปมองกัวเว่ยด้วยสายตาเย็นชาพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน “กัวเว่ย.. ฉันให้หน้านายมามากพอแล้วนะ ขืนนายยังพูดมากกว่านี้ ฉันจะทำให้นายไปคุกเข่าพร้อมกับพวกมันด้วย!”

ใบหน้าของกัวเว่ยเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ เส้นเลือดตามขมับโป่งพองขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด บ่งบอกว่าเขากำลังโกรธอย่างมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้!

….

ปรากกฏว่า.. จางเฉียงที่เดินออกไปจากห้องคาราโอเกะเพื่อไปหาแฟนสาว และต้องการจะออกไปเดินให้หายอารมณ์เสียนั้น กลับพบว่าชายร่างอ้วนลงพุงคนหนึ่งกำลังลวนลามแฟนสาวของตัวเองอยู่พอดี จึงรีบเดินดุ่มตรงเข้าไปหาพร้อมกับร้องตะโกนถามด้วยความโมโห

ใครกล้าลวนลามผู้หญิงของฉัน?”

จางเฉียงจ้องมองชายอ้วนลงพุงด้วยสีหน้าและแววตาเอาเรื่อง

แก.. แกกล้าลวนลามผู้หญิงของฉัน แล้วยังกล้าจ้องหน้าฉันอีกงั้นเรอะฉันจะฆ่าแกให้ตาย!”

จางเฉียงร้องตะโกนออกไปด้วยความโมโห และตรงเข้าชกใส่ชายอ้วนลงพุงนั้นไม่ยั้ง จนอีกฝ่ายต้องรีบทรุดลงไปกับพื้น และได้แต่คุกเข่าอ้อนวอนร้องขอความเมตตาจากจางเฉียง

จางเฉียงเห็นเช่นนั้นจึงได้ถุยน้ำลายใส่ร่างของชายอ้วนลงพุงพร้อมกับจ้องมองด้วยแววตาเหยียดหยัน ก่อนจะดึงแขนแฟนสาวของตนเออกไปจากที่นั่น

หลังจากนั้นไม่นาน ระหว่างที่จางเฉียงกำลังจะเดินกลับไปที่ห้องคาราโอเกะนั้น ก็มีชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่กลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาล้อมเขาและแฟนสาวไว้ ก่อนจะพากันรุมกระทืบจางเฉียงทันที

หลังจากที่จางเฉียงถูกชายฉกรรจ์รุมกระทืบจนมีสภาพปางตายแล้ว พวกมันก็จากไปและปล่อยให้จางเฉียงนอนหายใจรวยรินกองอยู่กับพื้นแบบนั้น กลุ่มของเด็กหนุ่มที่พากันวิ่งออกมาจากห้องคาราโอเกะซึ่งนำโดยกัวเว่ยก็มาเห็นเข้าพอดี

กัวเว่ยกับจางเฉียงนั้นนับว่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาก เมื่อเห็นน้องชายถูกรุมทำร้ายสาหัสเช่นนั้น และหลังจากที่รู้เรื่องราวก็พอจะเดาได้ว่าชายฉกรรจ์พวกนั้นต้องเป็นชายร่างอ้วนลงพุงสั่งมา จึงรีบนำกลุ่มของตนเข้าไปหาเรื่องชายอ้วนลงพุง และจัดการเอาคืนอย่างสาสม

เรื่องราวควรจะจบลงเพียงเท่านั้น…

แต่เมื่อกัวเว่ยและคนอื่นๆกำลังจะช่วยกันพาจางเฉียงออกไปจากร้าน พวกเขาก็ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยของร้านมานำตัวไป

พวกเขาทั้งหมดถูกนำตัวเข้าไปในห้องคาราโอเกะห้องหนึ่ง จึงได้รู้ว่าชายร่างอ้วนลงพุงที่พวกเขารุมกระทืบนั้น แท้ที่จริงก็คือนักธุรกิจซึ่งเป็นแขกของเสือหัวโล้น!

ทั้งหมดต่างก็ได้แต่ตกใจ พวกเขาเพิ่งได้พบเจอเสือหัวโล้นเป็นครั้งแรก และเพิ่งรู้ตัวว่าพวกตนกำลังมีเรื่องอยู่กับแก๊งพยัคฆ์!

เสือหัวโล้นผู้นี้นอกจากจะเป็นเจ้าของร้านซิงยู๋ KTV นี้แล้ว ยังเป็นเจ้าของร้านสถานบันเทิงในแถบถนนด้านใต้อีกด้วย

แต่กัวเว่ยกลับไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวแก๊งพยัคฆ์มากนัก เพราะพ่อของเขาเป็นถึงนายกเทศมนตรีของซิงเฉิง และอย่างน้อยเสือหัวโล้นผู้นี้ก็ควรจะต้องเกรงใจพ่อของเขาบ้าง

แต่ดูเหมือนกัวเว่ยจะคิดผิดไป เพราะที่นี่คือเขตตงเฉิงไม่ใช่ซิงเฉิง แต่ถึงอย่างนั้นเสือหัวโล้นก็ยังปฏิบัติต่อกัวเว่ยในฐานะที่เป็นลูกชายของนายกเทศมนตรีซิงเฉิงแตกต่างจากคนอื่นๆในกลุ่ม

เมื่อเห็นเสือหัวโล้นพูดจาไม่ไว้หน้าตนเองเช่นนี้ กัวเว่ยก็ได้แต่โกรธมาก แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของพ่อเขา แต่ต่อให้เป็นถิ่นของพ่อตัวเอง กัวเว่ยก็ยังไม่มั่นใจว่าเสือหัวโล้นจะเกรงกลัวหรือไม่?

เสือหัวโล้น.. คุณเองก็ทำโทษทุกคนมากพอแล้ว เรื่องนี้ก็ให้จบแค่นี้เถอะนะ!”

กัวเว่ยพยายามต่อรองด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล และเขาเองก็ไม่ต้องการที่จะเป็นปฏิปักษ์กับแก๊งพยัคฆ์

แต่ไม่ว่าอย่างไรเสือหัวโล้นก็ไม่ยอมเลิกรา เพราะหุ้นส่วนธุรกิจของเขาถูกทำร้ายร่างกายบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ เขาเองก็โกรธมากทีเดียว หากเขาไม่สามารถทำให้หุ้นส่วนพอใจได้ ก็อาจมีผลต่อธุรกิจของตัวเองได้เช่นกัน

และที่สำคัญ.. เวลานี้หัวหน้าคิมยังคงลืมตาไม่ขึ้น และเขาก็ยังคงโกรธมากด้วย!

ถ้าอย่างนั้นก็ลองถามหัวหน้าคิมเอาเอง..”

ดูเหมือนเสือหัวโล้นเองก็ไม่ต้องการปล่อยซูอานไป เพราะคำพูดของซูอานเมื่อครู่ยังทำให้เขาขุ่นเคืองใจอยู่มาก!

กัวเว่ยหันไปทางหัวหน้าคิมพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “หัวหน้าคิม.. น้องชายของผมยังเด็ก จึงดูไม่ออกว่าใครเป็นใครจนไปล่วงเกินหัวหน้าคิมเข้า ถ้ายังไงปล่อยเขาไปสักครั้งเถิดนะ วันหน้าหากคุณคิมไปที่ซิงเฉิง ผมจะเลี้ยงข้าวเป็นการไถ่โทษ!”

กัวเว่ยไม่สนใจซูอานอีก ตอนนี้เขากำลังทำทุกอย่างเพื่อช่วยจางเฉียงกับทุกคน..

หัวหน้าคิมนั้นเป็นนักธุรกิจ และรู้ว่ากัวเว่ยเป็นลูกชายของนายกเทศมนตรีเขตซิงเฉิง เขาจึงไม่ต้องการมีปัญหากับกัวเว่ยมากนัก และต้องการเปลี่ยนความบาดหมางในครั้งนี้ให้เป็นเส้นทางสายไหมในธุรกิจของตนเองต่อไปแทน

แต่เมื่อเหลือบไปเห็นหญิงสาวที่นั่งขดอยู่มุมห้อง ภายในใจก็ลุกโชนด้วยไฟราคะและโทสะ จึงได้แต่ตอบกัวเว่ยไปว่า

ได้.. เห็นแก่หน้าของเธอ ฉันจะปล่อยน้องชายของเธอกับเพื่อนๆไป แต่ต้องให้ผู้หญิงคนนั้นอยู่ที่นี่!”

หัวหน้าคิมพูดพร้อมกับชี้ไปทางหญิงสาวที่นั่งขดอยู่มุมห้อง เรื่องทุกอย่างในคืนนี้เกิดขึ้นเพราะผู้หญิงคนนั้น เขาจึงต้องการจัดการทำโทษเธอให้สาสม

กัวเว่ยขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เพราะผู้หญิงที่หัวหน้าคิมพูดถึงนั้นก็คือแฟนสาวของจางเฉียง หากปล่อยเธอไว้ที่นี่เพียงลำพัง ไม่เท่ากับว่าปล่อยลูกแกะไว้กับเสืออย่างนั้นหรือ?

จางเฉียงที่นั่งคุกเข่าอยู่กับพื้นเงยหน้าขึ้นมองกัวเว่ยพร้อมกับอ้อนวอนว่า “พี่เว่ย.. นั่นมันแฟนของฉันนะ!”

สีหน้าของหัวหน้าคิมเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก “เธอเลือกเอาเอง.. นี่ก็นับว่าฉันใจกว้างมากแล้วนะ!”

เวลานี้กัวเว่ยตกอยู่ในสภาพที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าจะเลือกทางไหนดี สีหน้าของเขาเวลานี้บ่งบอกว่ากำลังลำบากใจอย่างมากในที่สุดจึงตัดสินใจพูดออกไปว่า

หัวหน้าคิม.. ได้โปรดปล่อยทุกคนไปพร้อมๆกันเถอะ ผู้หญิงคนนี้เป็นแฟนของน้องชายผม ถือซะว่าช่วยผมสักครั้ง!”

กัวเว่ยยอมเสียหน้า และเอ่ยปากขอร้องหัวหน้าคิม และพยายามอ้อนวอนให้เขาปล่อยแฟนสาวของจางเฉียง

เลิกต่อรองได้แล้วเลือกมาว่าจะทิ้งผู้หญิงคนนี้ไว้ หรือจะให้อยู่ที่นี่ด้วยกันต่อทั้งหมด!”

เวลานี้ใบหน้าบวมช้ำของหัวหน้าคิมแดงก่ำ และน้ำเสียงก็สั่นสะท้าน บ่งบอกว่ากำลังโกรธอย่างที่สุด!

กัวเว่ยไม่รู้ว่าควรทำเช่นใด จึงได้แต่หันไปมองเสือหัวโล้นเพื่อขอให้เขาช่วย แต่เสือหัวโล้นกลับไม่แม้แต่จะปรายตามองมา เขาจึงได้แต่หันไปมองหัวหน้าคิมด้วยสีหน้าอ้อนวอน..

บรรยากาศเวลานี้มีเพียงความเงียบสงัด และดูเหมือนทุกคนจะปฏิเสธคำขอร้องของกัวเว่ย จนกระทั่งผ่านไปครู่ใหญ่ เสือหัวโล้นจึงได้แต่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ใช้เวลาคิดนานไปแล้ว.. รีบๆตัดสินใจซะก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนใจ!”

กัวเว่ยได้แต่หันไปมองจางเฉียงพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง “น้องชาย.. พี่เว่ยไม่สามารถช่วยนายได้!”

จางเฉียงแทบอยากจะลุกขึ้น และกระโจนเข้าไปฆ่าหัวหน้าคิมให้รู้แล้วรู้รอด แต่เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้เลยในตอนนี้

แต่ในระหว่างนั้นเอง.. จู่ๆซูอานที่นิ่งเงียบมานานก็พูดโพล่งขึ้นมาว่า “ข้าต้องการให้ปล่อยผู้หญิงคนนั้นด้วย!”

ทุกคนได้แต่หันไปมองซูอานด้วยความตกตะลึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจียงเหวินเหวินที่มีสีหน้ากังวลและกระวนกระวายใจมากกว่าเดิม เพราะหากแม้แต่กัวเว่ยยังช่วยไม่ได้ คนอย่างซูอานจะทำอะไรได้!

หัวหน้าคิมได้ยินคำพูดของซูอานก็ถึงกับฉุนเฉียวมากยิ่งกว่าเดิม เขาหันไปจ้องมองซูอานพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า

หึพูดจาใหญ่โตนัก ฉันเปลี่ยนใจแล้ว พวกแกทุกคนอยู่ในห้องนี้ต่อไปใครก็ไม่มีสิทธิ์ออกไปทั้งนั้น!”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด