ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 36 : การปรากฏตัวของซูอาน

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ตอนที่ 36 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 36 : การปรากฏตัวของซูอาน

เวลานี้ทุกคนต่างก็พากันหักหลังพ่อของเธอ และตัวเธอที่ทุ่มเททำงานอย่างหนักได้อย่างที่เธอเองก็คิดไม่ถึง!

พวกคุณมันก็แค่สุนัขจรจัด ใครที่ยื่นกระดูกให้ พวกคุณก็พร้อมที่จะกระดิกหาง แล้วทำตามคำสั่งของพวกเขาทันที!”

ฉีเสี่ยวจือไม่สนใจกลุ่มผู้ถือหุ้นเหล่านี้อีก เธอต่อว่าทุกคนโดยไม่เห็นแก่หน้าใครอีกเลย!

ตอนนี้ผู้ถือหุ้นทั้งหมดที่อยู่ในห้องต่างก็พากันนั่งก้มหน้า และไม่มีใครกล้าเงยหน้าขึ้นมองฉีเสี่ยวจือที่กำลังโกรธเกรี้ยวอย่างมาก แต่เมื่อได้ยินฉีเสี่ยวจือเปรียบตนเองเป็นสุนัขจรจัดที่หิวกระดูก บรรดาผู้ถือหุ้นต่างก็หน้าแดงด้วยความโกรธ

ฉีเสี่ยวจือ อย่าให้มันเกินไปนัก!”

ต่อให้เธอเป็นประธานยู๋ไห่กรุ๊ปในเวลานี้ พวกเราก็มีสิทธิ์ปลดเธอได้เหมือนกัน!”

นั่นสิเธอพูดจาดูถูกเหยียดหยามพวกเราแบบนี้ พวกเราจะไม่ปล่อยให้ยู๋ไห่กรุ๊ปมีประธานบริษัทแบบนี้แน่!”

คนกลุ่มนี้ล้วนแล้วแต่ไร้ยางอายสิ้นดี ถึงกับข่มขู่ว่าจะปลดฉีเสี่ยวจือทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายทำเรื่องชั่วช้า..

ฉีเสี่ยวจือถึงกับนิ่งอึ้งไป หากเธอถูกผู้ถือหุ้นทั้งหมดในห้องนี้รวมหัวกันปลดเธอออกจากตำแหน่งประธาน เธอก็จะต้องยิ่งเหนื่อยหนักกว่านี้เป็นหลายเท่า เวลานี้ฉีเสี่ยวจือจึงได้แต่นึกหวั่นใจและไม่กล้าพูดอะไรมากไปกว่านั้น

บรรยากาศภายในห้องประชุมอึมครึมไปครู่หนึ่ง แต่เพียงไม่นานเว่ยฉีหยวนก็ปรบมือพร้อมกับพูดทำลายความเงียบขึ้น

ทำได้ดีทำได้ดีมาก!”

เว่ยฉีหยวนกวาดสายตามองกลุ่มผู้ถือหุ้นพร้อมกับเอ่ยชม..

เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ยิ่งทำให้เว่ยฉีหยวนไร้ซึ่งความกดดัน เวลานี้ยู๋ไห่กรุ๊ปไม่ต่างจากไม้ใหญ่ที่เป็นโพรง และยากที่จะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นรายใดอีก

ในเมื่อเป็นเช่นนี้การที่เขาจะได้ยู๋ไห่กรุ๊ปมาไว้ในครอบครองก็ยิ่งง่ายขึ้น แต่ตอนนี้เว่ยฉีหยวนไม่ได้ต้องการเพียงแค่ยู๋ไห่กรุ๊ป แต่เขาต้องการมากกว่านั้น!

เว่ยฉีหยวนหันไปมองฉีเสี่ยวจือพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ที่แท้คุณก็ชื่อฉีเสี่ยวจือ คนก็สวยชื่อก็ไพเราะ!”

ฉีเสี่ยวจือไม่แม้แต่จะปรายตามองเว่ยฉีหยวน เธอรังเกียจเขายิ่งกว่าอะไรดี..

ฉีเสี่ยวจือ.. คุณเองก็เป็นถึงนักศึกษาในมหาวิทยาลัยชื่อดัง มิหนำซ้ำยังเป็นผู้ที่ทำคะแนนได้สูงสุดมาตลอด ในเมื่อคุณเป็นคนที่มีไอคิวสูงแบบนี้ ก็น่าจะดูออกว่าเพราะเหตุใดผู้ถือหุ้นจึงต้องการขายหุ้นของตัวเอง..”

เว่ยฉีหยวนเคยได้ยินมาก่อนหน้าว่า ฉีเสี่ยวจือนั้นเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง อีกทั้งยังเป็นคนที่มีไอคิวสูงแล้วก็เรียนเก่งมากด้วย

หึคิดว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากแผนการที่ชั่วช้าของตระกูลเว่ย!”

เมื่อพูดถึงตระกูลเว่ย ฉีเสี่ยวจือก็ถึงกับสั่นเทิ้มไปด้วยความโกรธ ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นการสมรู้ร่วมคิดของเว่ยฉีกรุ๊ปกับผู้ถือหุ้นในห้องนี้ทั้งสิ้น!

ยังไงเหรอลองเล่าให้ผมฟังหน่อยสิ!” เว่ยฉีหยวนแสร้งทำเป็นถามขึ้นด้วยความประหลาดใจ

ฉีเสี่ยวจือตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พ่อของฉันถูกรถชนนอนเป็นผักอยู่ตอนนี้ คงจะไม่ปฏิเสธว่าเป็นฝีมือของตระกูลเว่ยสินะ?”

ตระกูลเว่ยส่งคนไปจัดการกับพ่อของฉีเสี่ยวจือ จัดฉากให้ดูเหมือนว่าเกิดอุบัติเหตุถูกรถชน จากนั้นก็ฉวยโอกาสในเวลาที่ยู๋ไห่กรุ๊ปเป็นมังกรไร้หัวอยู่นี้ แย่งชิงตลาดของยู๋ไห่กรุ๊ปมาเป็นของตัวเอง และในช่วงที่ฉีเสี่ยวจือเข้ามาบริหารแทนพ่อของเธอ บริษัทก็เข้าสู่ภาวะตกต่ำอย่างมากแล้ว

จากนั้นฉีเสี่ยวจือก็ยกมือขึ้นชี้ไปทางกลุ่มผู้ถือหุ้นพร้อมกับพูดต่อทันทีว่า “จากนั้นตระกูลเว่ยก็ใช้เงินฟาดหัวคนพวกนี้ คิดว่าฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้หรือยังไง?”

ผู้ถือหุ้นต่างพากันนั่งก้มหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของฉีเสี่ยวจือ เพราะคิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังได้ลึกซึงถึงเพียงนี้!

และต่อให้คนพวกนี้จะหน้าหนาสักแค่ไหน ก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองฉีเสี่ยวจือในตอนนี้แน่!

แต่เว่ยฉีหยวนยังคงมีสีหน้ายิ้มแย้มในขณะที่ตอบฉีเสี่ยวจือกลับไปว่า “ก็แค่การคาดเดา คุณมีหลักฐานมั๊ยล่ะ ถ้าไม่มีหลักฐานผมมีสิทธิ์ฟ้องคุณข้อหาหมิ่นประมาทได้นะ!”

คุณย่อมต้องรู้อยู่แก่ใจดี!”

ใบหน้างดงามของฉีเสี่ยวจือนั้นเย็นชายิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็ง ทำให้เว่ยฉีหยวนอดใจหายไม่ได้ แต่แล้วก็พูดขึ้นว่า

ป่วยการที่จะพูดหากไม่มีหลักฐานประธานฉี คุณดูสัญญาฉบับนี้ก่อน ถ้าคุณตัดสินใจเซ็นต์ก็จะเป็นการดีกับทุกฝ่ายอย่างมาก!”

ฉีเสี่ยวจือเหลือบมองสัญญาฉบับนั้น เธอรู้ดีว่ามันคือสัญญาซื้อขายบริษัทยู๋ไห่กรุ๊ป แต่ที่ทำให้เธอประหลาดใจอย่างมากคือ ราคาที่เว่ยฉีกรุ๊ปต้องการซื้อกิจการของยู๋ไห่กรุ๊ปนั้นเป็นจำนวนเงินเพียงแค่ห้าร้อยล้านหยวนเท่านั้น!

ห้าร้อยล้านหยวนตระกูลเว่ยคิดว่าจะสามารถซื้อยู๋ไห่กรุ๊ปด้วยเงินจำนวนแค่นี้ได้จริงๆเหรอ?”

ห้าร้อยล้านหยวนก็ไม่ได้ต่ำไปไม่ใช่เหรอครับหากเป็นเมื่อก่อนแน่นอนว่าต้องไม่ใช่ราคานี้แน่ แต่สถานการณ์ของยู๋ไห่กรุ๊ปในเวลานี้ ราคาห้าร้อยล้านหยวนนับว่าเหมาะสมมากแล้ว!”

อย่าได้ฝันไปเลยหากฉันยังมีลมหายใจ คุณอย่าหวังว่าจะได้ยู๋ไห่กรุ๊ปไปครอบครอง!”

เว่ยฉีหยวนยังคงไม่มีทีท่าขุ่นเคืองใจ เขาลุกขึ้นยืน และเดินบีบฉีเสี่ยวจือให้ถอยไปยืนที่มุมห้อง สายตาของเขาที่จ้องมองฉีเสี่ยวจือนั้นบ่งบอกถึงความต้องการภายในจิตใจ และหากไม่ใช่เพราะเขายังสามารถครองสติได้อยู่แล้วล่ะก็ เว่ยฉีหยวนคงต้องแสดงธาตุแท้และความปรารถนาตามสัญชาติญาณของตนออกมาแล้วอย่างแน่นอน!

ฉีเสี่ยวจือ.. เห็นแก่หน้าคุณ หากคุณยอมรับเงื่อนไขของผมหนึ่งข้อ ผมจะเพิ่มราคาซื้อกิจการให้เป็นหนึ่งพันล้านหยวนทันที หรือสองพันล้านก็ย่อมได้หากคุณต้องการ!”

สีหน้าของผู้ถือหุ้นถึงกับเปลี่ยนไปทันที หนึ่งถึงสองพันล้านพวกเขาไม่เข้าใจว่าเว่ยฉีหยวนกำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?

และคำพูดประโยคถัดมาของเว่ยฉีหยวนก็ทำให้สีหน้าของฉีเสี่ยวจือเปลี่ยนไปทันทีเช่นกัน!

มาเป็นผู้หญิงของผม!”

เว่ยฉีหยวนพูดกับฉีเสี่ยวจือด้วยแววตาที่เปิดเผยให้เห็นถึงความต้องการที่แท้จริงของตนซึ่งไม่อาจเก็บซ่อนไว้ได้อีกต่อไป เวลานี้เขาแทบอยากจะยื่นมือไปโอบกอดร่างของฉีเสี่ยวจือไว้ใจจะขาด..

พวกเราสองคนต่างก็เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อได้ฟังข้อเสนอของเว่ยฉีหยวน ฉีเสี่ยวจือก็ถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง มือของเธอกำแน่น และเวลานี้ได้แต่นึกเสียดายว่าตนเองเป็นเพียงแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งเท่านั้น หากเธอเป็นผู้ชาย เวลานี้เว่ยฉีหยวนคงต้องไปนอนหยอดน้ำเกลือที่โรงพยาบาลหลายคืนแน่!

บรรดาผู้ถือหุ้นต่างพากันหันไปมองหน้ากันด้วยความงุนงง พวกเขาต่างก็มีท่าทีกระอักกระอ่วน เพราะคิดไม่ถึงว่าเว่ยฉีหยวนจะตกหลุมรักฉีเสี่ยวจือทันทีที่พบหน้าเช่นนี้!

นั่นเพราะผู้ถือหุ้นในห้องนี้ต่างก็รู้กันดีว่า ฉีไคเล่ยพ่อของฉีเสี่ยจือกับตระกูลเว่ยนั้น ล้วนเป็นคู่แข่งทางธุรกิจกันมานานแล้ว!

จู่ๆเกิดอุบัติเหตุทางรถกับฉีไคเล่ยเช่นนี้ แม้แต่คนโง่ยังรู้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ต้องเป็นฝีมือของคนตระกูลเว่ย..

แต่ถึงอย่างนั้น คนพวกนี้กลับดีใจหากฉีเสี่ยวจือกับเว่ยฉีหยวนจะลงเอยกันจริงๆ เพราะนั่นย่อมหมายถึงการซื้อขายยู๋ไห่กรุ๊ปจะยิ่งเป็นไปได้อย่างง่ายดาย

ระหว่างนั้น เว่ยฉีหยวนก็เหลือบมองไปทางกลุ่มของผู้ถือหุ้นเพื่อให้พวกเขาสนับสนุน และแน่นอนว่าทุกคนยินดีที่จะช่วยเหลืออย่างมาก เพราะนั่นหมายถึงผลประโยชน์มากมายที่พวกเขากำลังจะได้รับ

หนึ่งในนั้นรีบพูดขึ้นมาว่า “คิดไม่ถึงว่าคุณชายเว่ยจะชื่นชอบในตัวท่านประธานของพวกเรา!”

ทั้งคู่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก คุณชายเว่ยเป็นคนมีพรสวรรค์ ส่วนประธานฉีก็เป็นผู้หญิงเก่งที่หาได้ยาก!”

ชายร่างผอมพูดสมทบต่อทันที “ถือซะว่าการพบกันวันนี้เป็นเดทแรกของพวกคุณชายเว่ยกับท่านประธานก็ได้!”

เว่ยฉีหยวนจ้องมองฉีเสี่ยวจือที่เสมือนลูกไก่ในกำมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

ยู๋ไห่กรุ๊ปตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ จึงยากที่จะหลีกหนีการขายกิจการได้พ้น เพราะเวลานี้ตัวเธอเองก็เป็นหนี้มากมายที่กู้มาลงทุนเพิ่มในบริษัทยู๋ไห่ ดูเหมือนเธอจะไม่มีทางออกอื่นเลยแม้แต่น้อย!

และดูเหมือนว่าเว่ยฉีหยวนก็รู้ดีว่าฉีเสี่ยวจือไม่มีทางเลือกอื่นเช่นกัน แต่ถึงแม้เธอจะไม่ยอมรับข้อเสนอ เขาก็ยังมีวิธีอีกมากมายที่จะทำให้ฉีเสี่ยวจือยอมเป็นของเขาให้ได้

ประธานฉี คุณควรคิดให้ดี สองพันล้านเชียวนะ เป็นข้อเสนอที่ไม่เลวเลย”

เวลานี้ขอบตาของฉีเสี่ยวจือแดงก่ำ และแทบจะร้องไห้ออกมา แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะสู้ให้ถึงที่สุด!

คุณชายเว่ย.. กรุณาให้เกียรติตัวเองด้วย!”

ฉีเสี่ยวจือตอบกลับด้วยใบหน้าเย็นชาเช่นเคย ไม่มีแม้แต่ความโกรธเกรี้ยว และคำพูดประโยคนี้ก็นับว่ามีพลังอย่างมาก เพราะสีหน้าของเว่ยฉีหยวนเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันที พร้อมกับถามออกมาอย่างไม่พอใจ

คุณไม่ตกลงงั้นเหรอ?”

แน่นอนเหตุผลข้อแรกคือฉันไม่ได้ชอบคุณ ข้อสอง.. ระหว่างคุณกับฉันไม่มีทางเป็นไปได้ และข้อสาม.. ฉันจะไม่ยอมให้ยู๋ไห่กรุ๊ปตกไปเป็นของตระกูลเว่ยแน่!”

ฉีเสี่ยวจือยืนกรานเสียงแข็ง..

กลุ่มผู้ถือหุ้นต่างก็จ้องมองฉีเสี่ยวจือพร้อมกับตำหนิออกมา แต่เธอไม่คิดใส่ใจเลยแม้แต่น้อย..

ฉีเสี่ยวจือ เธอต้องคิดให้รอบครอบกว่านี้ สถานการณ์ของตระกูลฉีเวลานี้กำลังย่ำแย่ ตัวเธอเองก็ไม่มีเงินแล้ว จะหาเงินจากที่ไหนมากกอบกู้ยู๋ไห่กรุ๊ปได้!”

เรื่องนั้นพวกคุณไม่จำเป็นต้องกังวลใจ!” ฉีเสี่ยวจือตอบกลับอย่างไม่แยแส

เว่ยฉีหยวนจ้องมองฉีเสี่ยวจือด้วยความโมโห พร้อมกับพูดออกมาอย่างเย้ยหยัน “หึสถานการณ์ของคุณเวลานี้ไม่ใช่มาแข็งข้อกับผม แต่ต้องมาอ้อนวอนขอร้องผมต่างหาก!”

ให้ฉันขอร้องคุณน่ะเหรอ?” ฉีเสี่ยวชิงพูดต่อด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันเช่นกัน “มีเรื่องเดียวเท่านั้นที่ฉันจะขอร้องคุณ ได้โปรดไปให้พ้นหน้าฉัน!”

เว่ยฉีหยวนหมดความอดทน และเริ่มเผยธาตุแท้ของตัวเองออกมา เขาบอกกับฉีเสี่ยวจือด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าบีบบังคับผมให้มากนัก!”

ฉันจะไม่ขายยู๋ไห่กรุ๊ปให้กับตระกูลเว่ยแน่!”

ฉีเสี่ยวจือไม่ยอมอ่อนข้อให้เว่ยฉีหยวนเลยแม้แต่น้อย เธอจะขายกิจการที่พ่อของเธอทุ่มเททำงานอย่างหนักมาให้กับศัตรูไปได้อย่างไร ต่อให้ฆ่าเธอตาย เธอก็ไม่ยอมตกลงแน่!

ได้ถ้าอย่างนั้นก็ตาต่อตาฟันต่อฟัน!”

เว่ยฉีหยวนร้องตะโกนออกมาด้วยความโมโห เพราะไม่เพียงฉีเสี่ยวจือจะไม่ยอมขายบริษัท แต่เธอยังไม่ยินยอมเป็นของเล่นให้กับเขาด้วย!

จากนั้นเว่ยฉีหยวนก็หันไปมองกลุ่มผู้ถือหุ้นด้วยแววตาเย็นชา ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นยืน และจ้องมองฉีเสี่ยวจือราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

ฉีเสี่ยวจือ พวกเราเจรจากับเธอดีๆแล้ว จากนี้ไปก็อย่าได้ตำหนิว่าพวกเราใจดำก็แล้วกัน!”

พวกคุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”

ฉีเสี่ยวจือจ้องมองสุนัขจรจัดหิวโหยพวกนั้นด้วยแววตาที่ดุดัน พร้อมกับถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา..

อย่าลืมว่าเวลานี้ตัวเธอเองถือหุ้นเพียงแค่ 20% ส่วนพวกเราทั้งหมดถือหุ้นรวมกัน 60%!”

สีหน้าของฉีเสี่ยวจือเปลี่ยนไปทันที และรู้ว่าคนพวกนี้กำลังคิดที่จะทำอะไร?

ฉีเสี่ยวจือ ถึงเธอจะไม่เห็นด้วยกับการขายยู๋ไห่กรุ๊ป แต่พวกเราเห็นด้วย!”

ใช่แล้วพวกเราทั้งหมดเห็นด้วยกับการขายยู๋ไห่กรุ๊ป!”

ในเมื่อผู้ถือหุ้นทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องฟังความเห็นของเธอในฐานะประธานอีกแล้ว!

เมื่อครั้งที่ฉีไคเล่ยดำรงตำแหน่งประธานของยู๋ไห่กรุ๊ปนั้น คนพวกนี้ยังคงเกรงใจและไม่กล้าทำเรื่องเช่นนี้ แต่เมื่อฉีไคเล่ยนอนเป็นผักอยู่อย่างนี้ และฉีเสี่ยวจือก็เพิ่งจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนพ่อของเธอ พวกเขาจึงไม่เหลือความเกรงใจใดๆอีกต่อไป

พวกคุณกล้าเหรอ?”

ทำไมจะไม่กล้าพวกเราไม่เพียงจะขายยู๋ไห่กรุ๊ป แต่ยังจะปลดเธอด้วย!””

นั่นสิปลดเธอเลย!”

กลุ่มคนเหล่านั้นต่างก็ร้องตะโกนออกไปอย่างเห็นแก่ตัว ต่างคนต่างก็นึกถึงเพียงผลประโยชน์ที่ตนจะได้รับเท่านั้น!

เวลานี้ฉีเสี่ยวจือรู้สึกเคว้งคว้าง ว่างเปล่า ความโกรธต่างๆล้วนมลายหายไปสิ้น กลุ่มผู้ถือหุ้นปลดเธอออกจากตำแหน่งประธาน ย่อมหมายความว่าเธอจะไม่มีสิทธิ์บริหารยู๋ไห่กรุ๊ป และจะมีสิทธิ์เพียงแค่หุ้น 20% ในส่วนของตนเองเท่านั้น

พ่อคะ.. ดูสุนัขหิวโหยพวกนี้ทำกับพ่อสิคะ!”

ดวงตาของฉีเสี่ยวจือแดงก่ำและบวมช้ำขณะที่รำพึงรำพันออกมา เธอไม่อาจยืนหยัดอดทนได้อีกต่อไป เวลานี้น้ำใสๆได้ไหลอาบแก้มทั้งสองข้างของเธออย่างไม่อาจที่จะอดกลั้นไว้ได้อีกต่อไป ร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานหนักทุกวัน ประกอบกับจิตใจที่อ่อนโรยและเจ็บปวดกับสิ่งที่เผชิญอยู่ ทำให้เวลานี้มีเหงื่อผุดขึ้นเต็มหน้าผากของเธอมากมาย

แต่ภาพที่น่าสะเทือนใจนี้กลับไม่ได้ทำให้คนที่เห็นแก่ได้เหล่านี้นึกเห็นใจฉีเสี่ยจือเลยแม้แต่น้อย ตรงข้ามพวกเขากลับพูดจาดูถูกเหยียดหยามเธอหนักขึ้น

ในเมื่อมีหุ้นในมือแค่ 20% ส่วนแบ่งที่จะได้ไปก็ไม่น่าเกินหนึ่งร้อยล้าน!”

เฮ้อ.. หนึ่งร้อยล้านแม้จะไม่มากนัก แต่ก็พอให้เธอหาผู้ชายรวยๆสักคนได้!”

ถ้าแต่งงานกับคุณชายเว่ย เรื่องราวคงไม่จบลงแบบนี้..”

ฉีเสี่ยวจือรู้สึกปวดท้องน้อยขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน ในขณะเดียวกันหัวสมองของเธอก็หนักอึ้ง และภาพต่างๆที่เห็นก็เริ่มเลือนลาง..

แต่ในระหว่างที่ฉีเสี่ยวจือกำลังจะเป็นลมล้มพับลงไปนั้น ร่างของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นภายในห้องประชุม!

และคนแปลกหน้าที่วิ่งเข้ามาในห้องประชุมนั้นก็หาใช่ใครไม่.. แต่เป็นซูอานนั่นเอง!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด