จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来) – บทที่ 101 ถ่ายทอดสดบนอินเทอร์เน็ต[รีไรท์]

อ่านนิยายจีนเรื่อง จักรพรรดิเซียนหวนคืน 仙帝归来 ตอนที่ 101 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 101 ถ่ายทอดสดบนอินเทอร์เน็ต[รีไรท์]

ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ทั้งห้องประชุมเงียบลง ไม่ต้องรอให้ใครเอ่ยปากพูด ประตูก็ถูกผลักมาจากด้านนอก

มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นพร้อมด้วยใบหน้าที่แสนเย็นชา แต่งดงามราวกับเทพบุตรก็เดินเข้ามา ด้านหลังของเขามีชายชราท่านหนึ่งที่แววตาดุร้ายและมีรังสีที่อันตรายรินไหลอยู่

“นายท่าน!” ฉินหวนยวี่ดีใจและรีบเข้ามาทำความเคารพ

นายท่านคนนี้ก็คือ ฉู่ชวิ๋น ส่วนชายชราก็คือ โม่ซิงเหอ เขาสั่งให้เฉินฮั่นหลงไปสืบหาข้อมูลของหลิวเจี่ยเฟยต่อ เรื่องแบบนี้โม่ซิงเหอช่วยได้มากกว่า

ฉู่ชวิ๋นพยักหน้าให้ฉินหวนยวี่เล็กน้อยแต่สายตากลับกวาดมองรอบ ๆ และอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่คุ้นเคย

ฉู่ชวิ๋นคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกลุ่มนักษัตรและฉีหวงที่นี่

โม่ซิงเหอก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน เขาจำไอ้อ้วนกับปีศาจหนูได้ เมื่อชายร่างอ้วนเห็นฉู่ชวิ๋นคอของเขาติดอยู่ในลำคอ และน้ำตาก็ไหลพรั่งพรูออกมา

ปีศาจหนูเองก็ตกใจกับการปรากฏตัวที่กะทันหันของฉู่ชวิ๋น เขาคิดว่าชายคนนี้มาที่นี่ได้ยังไง? ก็เลยหันไปมองชายอ้วนที่น้ำตานองเต็มหน้า หันหน้าไปมองชายอ้วนที่ฉีกยิ้มแปลก ๆ นี่กลัวจนร้องไห้เหรอ?

เมื่อเห็นฉู่ชวิ๋นเข้ามา ทุกคนก็นั่งไม่ติดและยืนขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยการแสดงออกที่แตกต่างกัน

โดนเฉพาะลิงทองคำที่ฟันกำลังสั่นระริก ตอนนี้เขารู้แล้วคนที่ฉินหวนยวี่ต้องไปรับเป็นใคร แอบด่าตัวเองที่พูดไม่รู้จักกาลเทศะแทบอยากจะตบหน้าทั้งสองข้างของตัวเองจริง ๆ!

โดยเฉพาะสายตาที่แข็งทื่อของฉู่ชวิ๋นที่กวาดมองไปยังเขา ทันใดนั้นก็ทำให้เขารู้สึกขนลุกขึ้นมา

“บังเอิญจริง ๆ!” ฉู่ชวิ๋นพูดอย่างเย็นชา

“สวัสดีครับท่านผู้อาวุโส!”

“บังเอิญจริง ๆ ที่ได้พบกับผู้อาวุโสที่นี่!”

“ได้เจอผู้อาวุโสอีกครั้ง นั่นช่างโชคดีจริง ๆ!”

ทุกคนพูดต้อนรับอย่างกระตือรือร้นทันที แต่ใบหน้าของพวกเขายิ้มได้ทุเรศกว่าร้องไห้เสียอีก ไม่ว่าใครก็ตามหลังจากที่ได้เจอกับวิธีการจัดการของคนที่เหี้ยมโหดท่านนี้แล้วยังทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ คนคนนั้นไม่ใช่คนบ้าแต่เป็นคนโง่

ในสายตาของชวีห่าวเลี่ยงและฉินหวนยวี่ พวกเขาคือคนโหดเหี้ยม ไม่คิดเลยว่าเมื่อเปรียบเทียบกับฉู่ชวิ๋นจะแตกต่างกันได้ราวฟ้ากับเหวจริง ๆ

ชวีห่าวเลี่ยงก็มองพิจารณาฉู่ชวิ๋นอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาก็เป็นคนที่มีประสบการณ์และไหวพริบในวงการนี้เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคนอื่น ๆ เขาก็รู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา

เขาเป็นผู้บังบัญชาการของสำนักงานตำรวจจังหวัด มีตำแหน่งและอำนาจสูง แต่ในสายตาพวกคนโหดเหี้ยมพวกนั้นเขาไม่ได้ใหญ่โตอะไรเลย

แต่ตอนนี้พวกคนโหดเหี้ยมเหล่านี้กลับเรียกเด็กหนุ่มคนนั้นด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่าผู้อาวุโส

เป็นความรู้สึกเหมือนหนูเจอแมวอย่างชัดเจน น้ำเสียงที่มีความเอาใจใส่ ถึงเขาจะโง่ เขาก็รู้ว่าทิศทางการเปลี่ยนแปลงมันไม่ถูกต้อง อยู่ในวงการแบบนี้ การพิจารณาและสังเกตสีหน้าของคนคือความรู้พื้นฐาน ชวีห่าวเลี่ยงรีบลุกจากที่นั่งตำแหน่งของตัวเองทันที

“ผู้อาวุโส เชิญครับ!”

มังกรเขียวถอยหลังไปสองก้าวและให้ฉู่ชวิ๋นมานั่งที่ตำแหน่งของเขา

สีหน้าของเขาค่อนข้างซับซ้อนเล็กน้อย เมื่อคืนอาจารย์ของเขาไปหาฉู่ชวิ๋นและตอนที่กลับมาคาดไม่ถึงว่าจะได้รับบาดเจ็บ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่หัวไหล่และยังมีก้นที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยก็ตาม

แต่ถ้าหากว่าเรื่องนี้ถูกพูดออกไป เกรงว่าคนที่คุมอำนาจเบื้องบนพวกนั้นจะนั่งไม่ติด

50 ปีก่อนอาจารย์ของเขาได้สร้างชื่อเสียง ตอนนี้เก่งมากขนาดไหนก็ไม่มีคนรู้แต่กลับได้รับบาดเจ็บเพราะฉู่ชวิ๋น

เรื่องนี้พอที่จะทำให้ทุกคนตกใจกลัวได้

ฉู่ชวิ๋นไม่ได้เกรงใจอะไรก็เดินเข้ามานั่งบนตำแหน่งของมังกรเขียว เขากวาดสายตาไปรอบ ๆ แล้วหยุดลงตรงที่กลุ่มหมาป่าทองคำ แล้วตาของเขาก็ยิ้ม

โม่ซิงเหอยืนอยู่ด้านหลังฉู่ชวิ๋นโดยไม่พูดอะไรสักคำ! ชายอ้วนและคนอื่น ๆ ก็คอหด เกรงว่านอกจากมังกรเขียวและนักรบเสือแล้วที่นี่ก็ไม่มีใครเป็นคู่ต่อสู้ของโม่ซิงเหอได้

ฉินหวนยวี่เช็ดเหงื่อบนหน้าผากตัวเองอยากเงียบ ๆ เขารู้สึกว่าหลังจากที่ฉู่ชวิ๋นมาแล้ว บรรยากาศที่นี่ราวกับว่าแข็งตัวไปแล้ว แต่เขาดูออกว่าคนพวกนี้กลัวฉู่ชวิ๋นมาก ในใจหวาดกลัวเป็นพิเศษ แม้แต่คนของประเทศชาติยังกลัวฉู่ชวิ๋น งั้นตัวตนของเขาเป็นอะไรกันแน่?

“ผมขอถามได้ไหมครับผู้อาวุโสว่าทำไมคุณถึงมาที่นี่?” มังกรเขียวประสานกำปั้นแล้วถามขึ้น

คนคนนี้และอาจารย์ของเขาคือคนที่มีฝีมือระดับเดียวกัน ควรจะมีสัมมาคารวะต่อเขาไว้

ฉู่ชวิ๋นมองไปที่ฉินหวนยวี่

ฉินหวนยวี่รู้ว่าตัวเองควรจะแสดงออกยังไงก็พูดขึ้นมาทันทีอย่างไม่สะทกสะท้านใด ๆ ว่า “คุณถางโร้วเป็นน้องสาวของนายท่าน”

สีหน้าของมังกรเขียวและคนอื่น ๆ เต็มไปด้วยความตกตะลึง นักรบเสือบอกใบ้ฉินหวนยวี่ว่าไม่ต้องพูดแล้ว ถางโร้วเป็นน้องสาวของฉู่ชวิ๋นประโยคนี้ก็เพียงพอแล้ว ในใจของทุกคนทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ

กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าทองคำ เกรงว่าเป็นกลุ่มรับจ้างที่โชคร้ายที่สุดในโลก พวกเขาไม่มีทางไม่รู้เลยว่า การลักพาตัวถางโร้วไปคือการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ และที่โง่ที่สุด

ในจิตใจของกลุ่มสิบสองนักษัตรและฉีหวงรู้สึกเศร้าโศกแทนกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าทองคำมาก

“ผมจะแนะนำให้นายท่านรู้จักเอง” มังกรเขียวชี้ไปยังหมาป่าเลือดที่อยู่บนหน้าจอโปรเจคเตอร์และพูดขึ้นว่า “คนนี้คือหัวหน้าของกลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าทองคำ  ชื่อ หมาป่าเลือด หรือ เสว่หลาง ครับ”

“ไม่ต้องแนะนำแล้ว พวกมันอยู่ที่ไหน?”

ฉู่ชวิ๋นใช้นิ้วเคาะโต๊ะอย่างตั้งใจ น้ำเสียงฟังไม่ออกว่าจะเกิดคลื่นลูกใหญ่อะไร แต่คนที่อยู่ในนี้ในใจกลับรู้สึกแปลกประหลาด และรู้สึกว่าตกลงไปในหลุมน้ำแข็ง

มังกรเขียวมองเวลาสักพักก็พูดอย่างเคารพนบนอบว่า “โปรดรอสักครู่ครับ รอให้ผ่านไปอีก 15 นาทีเราก็จะรู้”

ฉู่ชวิ๋นก็พยักหน้าเล็กน้อย ทั้งห้องประชุมก็ตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงลมหายใจของทุกคน มังกรเขียวลุกขึ้นและหันไปคำนับฉู่ชวิ๋น หลังจากนั้นก็เดินไปด้านนอกประตูกดโทรศัพท์หาใครสักคน

หลังจากผ่านไป 10 นาทีเขาก็เดินเข้ามาและประกาศเสียงดังว่า “ปฏิบัติการในครั้งนี้ ให้ท่านผู้อาวุโสเป็นคนออกคำสั่ง”

นักรบเสือและคนอื่นก็มองไปที่มังกรเขียวอย่างประหลาดใจ ฉู่ชวิ๋นก็รู้สึกงุนงง

“นี่คือคำสั่ง” มังกรเขียวพูดย้ำ

“ครับ/ค่ะ!” ทุกคนก็พูดออกมาพร้อมกัน

อันที่จริง การทำตามคำสั่งฉู่ชวิ๋นพวกเขาไม่ได้มีความคิดเห็นคัดค้านใด ๆ กลับจะดีใจเสียด้วยซ้ำ

ฉู่ชวิ๋นกลับไม่ได้ถามอะไรมาก บางเรื่องเขาก็สามารถเดาได้ เช่น เขาฆ่ากลุ่มสิบสองจักรราศีไป แต่กลับไม่มีใครตามล่าเขา นอกจากนี้ลมปราณของมังกรเขียวนั้นเหมือนกับชายชราที่ต่อสู้กับเขาเมื่อคืนมาก!

ดูเหมือนว่าจะมีคนออกแรงอยู่เบื้องหลังแฮะ

……

……

เวลาผ่านไปไวมาก ถึงเวลาที่กลุ่มทหารรับจ้างหมาป่าทองคำกำหนดมาแล้ว หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่หันไปรอบ ๆ ต้นไม้เขียวชอุ่มปรากฏขึ้นซึ่งเป็นป่าทึบ

ต่อมาเลนส์กล้องก็เปลี่ยนไปทางฝั่งตะวันตกที่มีรูปหน้าของคน คือ เป็นหมาป่าเลือด

“ไฮ เพื่อน ๆ ชาวจีน ฉันคือหมาป่าเลือด อ่ะหรือจะเรียกเสว่หลางก็ได้นะ ฉันดีใจมากที่ได้พบกับพวกคุณอีกครั้ง เกมได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว พวกคุณเตรียมตัวพร้อมหรือยัง?”

สิ่งที่หมาป่าเลือดพูดเป็นภาษาอังกฤษ ฉู่ชวิ๋นฟังไม่ออก แต่ไม่นานรูปภาพก็ปรากฏใบหน้าที่อยู่ทิศตะวันออก เขาแปลคำพูดของหมาป่าเลือด

นี่คือการถ่ายทอดสด ในเวลานี้ทุกคนทุกประเทศสามารถมองเห็นได้ แม้แต่ประเทศที่อยู่ฝั่งตะวันตกก็กำลังติดตาม โดยเฉพาะราชสำนักประเทศเอฟที่รู้สึกเป็นกังวลมาก

กระต่ายหยกใช้นิ้วทั้งสิบพิมพ์ลงบนคีย์บอร์ดหลังจากผ่านไป 2-3 นาที จากนั้นเธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า “มังกร สนทนาโต้ตอบได้แล้ว”

มังกรเขียวมอบไมโครโฟนให้ฉู่ชวิ๋น

“สามารถหาตำแหน่งของพวกเขาได้ไหม?” ฉู่ชวิ๋นถาม

กระต่ายหยกพยักหน้าและพูดว่า “ได้ค่ะ แต่ว่าต้องใช้เวลา”

“5 นาทีพอไหม?”

“พอค่ะ!”

ฉู่ชวิ๋นมองไปยังลิงทองคำและพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “นายมาคุยกับมัน ถ่วงเวลาออกไป น้อยที่สุด 5 นาที”

ทันใดนั้นสีหน้าของลิงทองคำก็เปลี่ยนไปอย่างขมขื่น การเผชิญหน้ากับสายตาของฉู่ชวิ๋นนั้นเขาทำได้เพียงแค่พยักหน้า คนอื่นที่อยู่ด้านข้างก็แอบดีใจและพูดในใจว่า ‘รอดแล้วเรา!’

เริ่มการสนทนา

“เฮ้คุณหมาป่าเลือดที่รัก ฉันคือตัวแทนประเทศจีนที่จะมาเจรจาต่อรองกับคุณ พูดเงื่อนไขของคุณมา” ลิงทองคำพูด

หมาป่าโลหิตในหน้าจอดูเหมือนจะไม่แปลกใจกับเสียงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเขามองไปที่กล้องและยิ้ม “ชาวจีนที่เคารพ ผมดีใจที่ได้ติดต่อกับคุณ ผมคือหมาป่าเลือด”

“ไร้สาระ รู้ว่าแกชื่อหมาป่าเลือดอยู่แล้ว ไม่ได้มีใครพูดว่าแกคือหมาเลือดหมูเลือด”

ทันใดนั้นหัวข้อสนทนาก็เปลี่ยนไป หลังจากนั้นหมูฮันและสุนัขสวรรค์ก็จ้องมองลิงทองคำเขม็ง คนอื่น ๆ จ้องมองไปยังภาพอย่างเป็นกังวล กลัวว่าหมาป่าเลือดจะโมโหและปิดการถ่ายทอดสดไป

โชคดีที่นักแปลคือคนจีน เขาไม่กล้าแปลประโยคด้านหลัง แปลเพียงแค่ประโยคที่พูดด้านหน้า

หมาป่าเลือดภูมิใจมากและหัวเราะอย่างสุด ๆ แล้วพูดขึ้นมาว่า “ดูเหมือนว่าชื่อของฉันจะมีชื่อเสียงมากในประเทศจีนพวกคุณนะ ฮ่า ๆ”

“มีชื่อเสียงบ้านพ่อแกสิ? 1 ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ฉันยังไม่รู้เลยว่าแกเป็นตัวอะไร?” ลิงทองคำพูดอย่างเหยียดหยาม

“คุณหมาป่าเลือด พวกเขาบอกว่าได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้ว” นักแปลก็เช็ดเหงื่อบนหน้าผากแล้วพูดขึ้นมา

หมาป่าเลือดยิ้มออกมาอย่างพอใจ หัวเราะและพูดว่า “คนจีน คุณชื่ออะไร?”

“ฉันชื่อลิงทองคำ เรียกว่าท่านลิงก็ได้” ลิงทองคำพูดอย่างโมโห

“ท่านลิงคือคนในพระราชสำนักจีนของพวกเรา เป็นพระราชวงศ์ ตัวตนของเขามีค่า เห็นได้ชัดว่าทางจีนให้ความสำคัญกับการเจรจาครั้งนี้มาก” นักแปลก็เหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากอย่างบ้าคลั่ง

คนทั่วประเทศกำลังดูฉากนี้

มันเป็นเหตุการณ์ที่น่าเสียใจมาก แต่หลังจากการแปลเรื่องไร้สาระให้กลายเป็นเรื่องที่จริงจังไปแล้วมันก็กลายเป็นไหวพริบ

คาดว่าในใจของนักแปลก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยาก ชีวิตเล็ก ๆ ที่อยู่บนมือคนอื่น เขาก็จำใจต้องยอม แม้ว่าผู้ชมจะไม่สามารถพูดต่อได้แต่สามารถพิมพ์บนอินเทอร์เน็ตพูดคุยถกเถียงกันได้

“นักแปลคนนี้ ยอมเขาเลยจริง ๆ”

“บ้าน่า พูดซี้ซั้วได้จริงจังมาก ยอมเขาจริง ๆ”

“ทุกคนอยู่ในความสงบเถอะ ยังไงชีวิตของพวกเขาก็ตกอยู่กับคนน่ากลัวพวกนั้น ถูกบีบให้จำใจต้องพูดเช่นนี้ ทุกคนมาภาวนาให้พวกเขาแคล้วคลาดปลอดภัยด้วยกันเถอะ”

“หวังว่าครั้งนี้ประเทศจะสามารถแข็งแกร่งเข้มแข็งได้ ไม่ต้องพูดถึงการลงโทษประณามใด ๆ ถ้าหากว่านี้คือการพูดน้ำไหลไฟดับแล้ว ล้างบางพวกมันเลย”

บนอินเทอร์เน็ตก็เริ่มดุเดือด คนมากมายมหาศาลเริ่มพูดคุยถกเถียงกันอย่างดุเดือดเผ็ดร้อน ผู้คนมากมายติดตามการพัฒนาของสถานการณ์

ตอนนี้เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ช่วยตัวประกันแล้ว แต่เป็นการมองทัศนคติที่มีต่อ ประเทศชาติหนึ่ง

แม้ว่าฉู่ชวิ๋นจะฟื้นคืนชีพกลับมาแต่ธาตุแท้ของเขาก็เป็นสายเลือดของคนจีน ยิ่งกว่านั้น พวกมันจับถางโร้วไป เขาหรี่ตาลงปกปิดความคิดที่อยากจะฆ่าอย่างเยือกเย็น

หมาป่าเลือดเริ่มพูดสิ่งที่ต้องการแล้ว

“คนจีนที่เคารพ ฉันมีเพียงแค่ 2 อย่าง อย่างแรกคือปล่อยฮาเอ่อร์ที่ถูกพวกคุณจับไปเมื่อ 3 ปีก่อน”

ประโยคที่หมาป่าเลือดพูดออกมาทำให้มังกรเขียวและคนอื่น ๆ หน้าเคร่งขรึมกันทันที บนอินเทอร์เน็ตก็ยิ่งเกิดความวุ่นวายบานปลายขึ้น

“ฮาเอ่อร์? 3 ปีก่อนไม่ใช่ว่าถูกประหารด้วยการยิงเป้าแล้วเหรอ?”

“ฮาเอ่อร์ ไอ้ผู้ชายเลวทรามคนนี้ยังมีชีวิตอยู่!? การประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าในปีนั้นเป็นเพียงแค่เล่นละครตบตา!?”

“ประเทศชาติกำลังทำอะไรอยู่? ทำให้คนผิดหวังมากจริง ๆ ฮาเอ่อร์ปีศาจร้ายที่ฆ่าคนแบบนี้ควรประหารชีวิตให้ตายไปตั้งแต่แรก ให้ลงไปขุมนรกชั้นสิบแปด ทำไมถึงยังเก็บเขาไว้อยู่?”

เมื่อ 3 ปีก่อน ฮาเอ่อร์ปล้นรถโรงเรียนที่มีนักเรียนบรรจุอยู่ 50 คนและติดตั้งระเบิด

สุดท้ายรถก็ระเบิด ทำให้ชีวิตของนักเรียนชายนักเรียนหญิง 50 คนตายไปในทะเลเพลิง ทุกคนคิดไม่ถึงว่าปีนั้นที่ฮาเอ่อร์ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้าจะยังมีชีวิตอยู่

ในตอนนี้ ความโกรธของทุกคนก็ถูกจุดไฟขึ้นและเริ่มมุ่งเป้าโจมตีไปยังประเทศชาติ

ปัง!

แก้วน้ำที่ทำด้วยดินเผาที่อยู่ในมือนักรบเสือถูกเขาบีบจนแตกเป็นเศษละเอียด

คนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าท่าทางผิดไปจากปกติและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อยากจะฆ่า เพราะว่าข้อมูลข่าวสารจำนวนมากที่อยู่กับฮาเอ่อร์มีมูลค่าสูงมาก ปีนั้นเพื่อชี้แจงประชาชน พวกเขาเลยจัดฉากสถานการณ์ปลอมประหารชีวิตยิงเป้าฮาเอ่อร์

เรื่องนี้ถูกเก็บเป็นความลับสุดยอดระดับเอส คนที่รู้กลับไม่ค่อยเยอะ ทำไมหมาป่าเลือดถึงรู้? แถมเขายังมีความมั่นใจมากว่าฮาเอ่อร์ยังมีชีวิตอยู่และไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อย พูดได้อย่างเดียวเลยว่ามีคนเผยความลับและทรยศหักหลัง

ลักษณะท่าทางฉู่ชวิ๋นดูเงียบสงบแต่บรรยากาศที่อยู่รอบ ๆ กลับเริ่มแข็งตัว แรงกดดันอำนาจที่น่าเกรงขามปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้ตัวเหมือนกระแสน้ำที่เริ่มลุกลาม คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีและเริ่มหายใจอย่างอยากลำบาก

“พวกแกสมควรตายจริง ๆ!”

สายตาของฉู่ชวิ๋นเย็นยะเยือก ในปีนั้นเขารู้เรื่องที่ฮาเอ่อร์ปล้นรถโรงเรียนแล้ว ตอนนั้นเขาเพิ่งจะขึ้นปีหนึ่งและเรื่องนี้เขาก็ยังทำเหมือนกันกับคนอื่น

ทั้งการวาจาและพิมพ์ลงบนอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับการกระทำของฮาเอ่อร์ หลังจากที่ฮาเอ่อร์ถูกประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า ทุกคนก็ตบมือตะโกนร้องสะใจ เรื่องนี้ค่อย ๆ สงบลง

สุดท้ายก็ถูกคนลืม น้อยมากที่จะมีคนพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้

เพราะว่าไม่มีคนอยากจำผู้ก่อการร้ายที่โหดเหี้ยม ไม่คิดเลยว่าประเทศชาติจะโกหกหลอกลวงประชาชนได้ลง หลอกลวงและตบตาทุกคนมาหลายปีแล้ว

มิน่าล่ะเรื่องนี้หลังจากที่ถูกหมาป่าเลือดเปิดเผยความลับ ทุกคนในประเทศก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจ!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด