เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] – บทที่ 84 คนแบบนี้เนี่ยนะ

อ่านนิยายจีนเรื่อง เซียนกระบี่มาแล้ว!剑仙在此 ตอนที่ 84 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 84 คนแบบนี้เนี่ยนะ

“ให้ตายเถอะ อายุปูนนี้แล้วยังใส่ชุดนอนสีชมพูอยู่อีก…แม่งไม่ปกติแน่ๆ! แล้วในอ้อมแขนนั่น…กลางวันแสกๆ ก็ทำเรื่องบัดสีในห้องทำงานตัวเองได้หน้าตาเฉยเลยเหรอ?”

ยิ่งมองเด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกเสียสายตา จึงหันหลังกลับ เตรียมตัวเดินหนีออกมา

หลินเป่ยเฉินเข้าใจแล้วว่าทำไมฉู่เหินถึงผลักเขาเข้ามาคนเดียว ส่วนตัวเองทำหน้าที่แค่เคาะประตู “สงสัยครูใหญ่ของเราคงทำเรื่องแบบนี้จนเป็นเรื่องปกติไปแล้วแหงๆ”

เด็กหนุ่มกำลังจะถึงประตูแล้ว พลัน ได้ยินเสียงดังขึ้นจากเตียงนอนว่า “หยุดก่อน”

อาจารย์ใหญ่ที่นอนกรนอยู่เมื่อสักครู่นี้ตื่นขึ้นมาแล้ว

สองเท้าของหลินเป่ยเฉินหยุดลง

หลังจากนั้น เขาก็ได้ยินอาจารย์ใหญ่กล่าวว่า “ข้ามีธุระต้องจัดการ เจ้ากลับไปบอกฮูหยินไป๋ว่าคืนนี้ข้าจะจัดงานเลี้ยงที่เหลาสุราป่านหวง ข้าเหมาเอาไว้แล้วทั้งหลัง ช่วยจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่มให้พร้อมด้วย แต่ถ้าข้ายังไปไม่ถึง ห้ามเริ่มงานเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?”

“ดูเอาเถอะ ไม่อายบ้างหรือไงวะ?” หลินเป่ยเฉินแอบรู้สึกเหนื่อยหน่าย ‘เจ้าแห่งกิเลสตัณหา’ อยู่ในใจ

นี่คือครั้งแรกที่เด็กหนุ่มได้พบเจออาจารย์ใหญ่ผู้ไม่เอาไหนขนาดนี้

หญิงสาวนางนั้นลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรีบร้อน และเมื่อเรียบร้อยดีแล้ว นางก็เดินออกไปผ่านทางประตูลับที่อยู่อีกด้านหนึ่งของห้องทำงาน

เมื่อเหลือหลินเป่ยเฉินอยู่กับอาจารย์ใหญ่เพียงสองต่อสอง บรรยากาศจึงน่าอึดอัดเป็นอย่างยิ่ง

อาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวีลุกขึ้นมานั่งบิดขี้เกียจอยู่บนเตียง ก่อนจะมองหน้าหลินเป่ยเฉิน และตบมือลงบนที่ว่างข้างๆ ตัว “เจ้ามานี่สิ”

แบบนี้มัน…

หลินเป่ยเฉินรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

ในโลกมนุษย์ เป็นที่เล่าขานกันมาตั้งแต่ยุคโบราณว่า นอกจากจะมีหญิงสาวหน้าตางดงามมากมายให้เลือกสรรแล้ว บรรดาขุนนางชาวกรีกโบราณก็มักจะเลี้ยงเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาเอาไว้สนองตัณหาตนเองด้วยเช่นกัน อย่าบอกนะว่า ‘เจ้าแห่งกิเลสตัณหา’ ตรงหน้าเขาคนนี้ ก็มีรสนิยมอย่างนั้น?

“ข้าน้อยขอยืนอยู่ตรงนี้ดีกว่าขอรับ…” หลินเป่ยเฉินแอบชำเลืองมองระยะห่างของประตูห้อง เตรียมตัวพร้อมพุ่งไปหาประตูได้ตลอดเวลาหากเกิดเหตุฉุกเฉิน “ได้ข่าวว่าอาจารย์ใหญ่อยากเจอข้าน้อยหรือขอรับ”

หลิงไท่ซวีลุกขึ้นยืนในชุดนอนสีชมพู

เขาหยิบขวดสุราสีแดงสดออกมาจากชั้นวางแถวที่สาม ตามด้วยแก้วทรงสูงอีกสองใบ เมื่อรินของเหลวจากในขวดใส่แก้วเรียบร้อยแล้ว ชายชราก็เก็บแก้วหนึ่งไว้กับตัวเอง ส่วนอีกแก้วเพียงดีดนิ้วเล็กน้อย มันก็ลอยมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินเป่ยเฉินเหมือนกับว่าโลกนี้ไม่มีแรงโน้มถ่วง

ตาแก่นี่จะแอบวางยาฉันหรือเปล่าวะ?

หลินเป่ยเฉินรับแก้วเครื่องดื่มมาถืออย่างคิดหนัก กลิ่นสุราลอยขึ้นมาเตะจมูกฉุนกึก จึงตัดสินใจว่าไม่ดื่มดีกว่า

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร?”

หลิงไท่ซวียกแก้วสุราขึ้นจิบ ขากางเกงของเขาเลิกขึ้นสูงเผยให้เห็นขนหน้าแข้งยุบยับ เวลาเดินแต่ละย่างก้าวดูมีเสน่ห์อย่างประหลาด

“ท่านคืออาจารย์ใหญ่ของพวกเราขอรับ”

หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงมึนงง

“ผิดแล้ว” หลิงไท่ซวีพูด “ข้าเป็นปู่ของเจ้าต่างหาก”

หา?

“ตาแก่นี่พูดอะไรของเขา?”

ความมึนงงปรากฏขึ้นบนสีหน้าของหลินเป่ยเฉินอย่างชัดเจน

“ข้าน้อยไม่เข้าใจว่าอาจารย์ใหญ่กำลังพูดถึงอะไรอยู่ขอรับ”

“เจ้าไม่เชื่อข้าอย่างนั้นหรือ?” หลิงไท่ซวีเอนตัวพิงชั้นวางไหสุรา พูดต่ออย่างอารมณ์ดี “ข้ามีศักดิ์เป็นปู่ของเฉินเอ๋อร์ เพราะฉะนั้น เจ้าควรเรียกข้าว่าท่านปู่ถึงจะถูกต้อง”

เฉินเอ๋อร์?

ใครอีกวะเนี่ย?

หลินเป่ยเฉินกำลังจะปฏิเสธ แต่พลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เสียก่อน

“หรือว่าเขาหมายถึงหลิงเฉิน?”

อาจารย์ใหญ่ผู้ไม่เอาไหนของสถานศึกษากระบี่ที่สาม เป็นท่านปู่ของยอดหญิงอัจฉริยะ หลิงเฉิน อย่างนั้นหรือ?

“ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจแล้วสินะ” หลิงไท่ซวียกแก้วสุราขึ้นจิบอีกครั้ง ในขณะที่ใช้ดวงตาสำรวจหลินเป่ยเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า “บอกมาซะดีๆ เจ้าใช้วิธีไหนเข้าหาหลานสาวข้า?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ หลินเป่ยเฉินก็อยากจะตอบกลับไปด้วยความรำคาญใจว่า

“ถามแบบนี้ได้ยังไง? หลานลุงต่างหากที่เข้าหาผมเอง ไม่รู้กันบ้างหรือไง”

“หากอาจารย์ใหญ่ไม่พอใจ ข้าน้อยยินดีรับปากว่าในชีวิตนี้จะไม่ขอพบหน้าแม่นางหลิงเฉินอีกเด็ดขาด” หลินเป่ยเฉินพูด “รบกวนท่านช่วยบอกนางด้วยก็แล้วกัน ว่าอย่ามาพบเจอข้าอีกเลย”

หลิงไท่ซวีรีบพูดทันทีว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น ข้าไม่ได้อยากขัดขวางความรักของพวกเจ้าทั้งสองคน ซ้ำข้ายังจะส่งเสริมเจ้าเสียด้วย”

หลินเป่ยเฉินรู้สึกมึนงงไปหมดแล้ว

เขาตั้งตัวไม่ถูก

หลิงไท่ซวีกล่าวต่อว่า “หลานสาวของข้าเย็นชากับเพศตรงข้ามมาเสมอ แม้แต่ทายาทของเซียนกระบี่ประจำเมืองไป๋หยุนก็ไม่เคยอยู่ในสายตานางด้วยซ้ำ ข้าเฝ้าสงสัยมาตลอดว่าต้องเป็นบุรุษแบบไหนกันที่สามารถทำให้นางสนใจได้ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเป็นคนแบบเจ้า”

หลินเป่ยเฉินยกมือกุมศีรษะ

รู้สึกว่าเรื่องราวทุกอย่างกำลังจะมุ่งหน้าไปในทิศทางที่แปลกประหลาดพิสดารเกินไปแล้ว

“ความจริงลุงต้องเอาของวิเศษออกมาให้ผม แล้วสั่งห้ามไม่ให้ผมยุ่งกับหลานสาวลุงอีกไม่ใช่หรือไง ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้เนี่ย นอกจากไม่คิดขัดขวางแล้ว ยังจะทำหน้าตามีความสุข ไม่รู้จะตื่นเต้นอะไรนักหนา หลินเป่ยเฉินคนนี้มันน่ารับเป็นหลานเขยตรงไหน? หรือว่าตาลุงนี่จะดื่มเหล้าเคล้านารีมากเกินไปจนสมองเลอะเลือนหมดแล้ว?”

“นี่ บอกข้ามาเถอะนะ เป่ยเฉิน เจ้าทำอย่างไรถึงเข้าหาหลานสาวข้าได้สำเร็จ?” อาจารย์ใหญ่หลิงไท่ซวีเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าตื่นเต้น “เจ้าคงมีทักษะเข้าหาสตรีดีเลิศไม่ใช่น้อย สอนข้าบ้างสิ”

หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออกแล้ว

ในใจเขาสับสนไปหมด

ทุกอย่างดูแปลกประหลาดมากขึ้นทุกที

ที่นี่มีอาจารย์ใหญ่คนอื่นที่ไม่ใช่ตาลุงนี่อีกไหมเนี่ย?

“อะ… อาจารย์ใหญ่ อย่าล้อข้าน้อยเล่นสิขอรับ” หลินเป่ยเฉินรีบพูดต่อทันทีว่า “ข้าน้อยรู้ตัวดีว่าตนเองมีชื่อเสียงย่ำแย่เพียงใด ข้าน้อยไม่คู่ควรกับหลานสาวของท่าน ไม่ต้องเป็นห่วงนะขอรับ ข้าน้อยจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับหลิงเฉินอีกต่อไป แม้แต่คิดถึงนาง ข้าก็จะไม่คิดถึง…”

หลิงไท่ซวีพลันรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่ได้ ไม่ได้ เจ้าจะทิ้งนางไม่ได้เด็ดขาด ฮ่าฮ่า เฉินเอ๋อร์ของข้าอุตส่าห์ป่วยเป็นไข้ใจทั้งที นี่คือเรื่องที่หาได้ยากนัก ข้าสนับสนุนเจ้าเต็มที่… เพราะฉะนั้น เป่ยเฉินเอ๋ย จงบอกข้ามาเถิด ตอนนี้พวกเจ้าสองคนอยู่ในระดับไหนกันแล้ว? จับมือกันแล้วใช่ไหม? จูบกันแล้วหรือไม่?”

หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต พูดไม่ออก

หลิงไท่ซวีเห็นว่าเด็กหนุ่มยังไม่ยอมตอบเสียที จึงตีความไปว่าคำถามของตนอาจจะผิดจุดไปหน่อย สุดท้าย เขาก็วางแก้วสุราลง และยกมือทั้งสองข้างขึ้น ทำท่าขยำก้อนเนื้อหนุบหนับ “พวกเจ้าไปถึงระดับนี้กันแล้วหรือ? เป่ยเฉิน ร้ายกาจไม่เบาเลยนะเนี่ย เจ้ามีเคล็ดลับอะไรกันแน่?”

หลินเป่ยเฉินต้องลอบสบถในใจว่า

“แม่งเป็นปู่จริงหรือเปล่าวะเนี่ย ลักษณะไม่น่าเป็นอาจารย์ใหญ่ได้เลยจริงๆ ขนาดเรามาจากโลกมนุษย์ที่มีอินเทอร์เน็ตกับสังคมเปิดกว้าง แต่ก็ยังคิดสัปดนสู้ตาแก่นี่ไม่ได้ ไม่รู้มาเป็นอาจารย์ใหญ่ได้ยังไง”

หลินเป่ยเฉินไม่รู้จะอธิบายอย่างไรอีกแล้ว

ทันใดนั้น เขาก็นึกได้ว่าภาพลักษณ์ของชายชราคนนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่เหมือนกัน

ไม่สิ ถ้าจะให้พูดตามตรง หลิงไท่ซวีมีภาพลักษณ์เลวร้ายมากทีเดียว

อาจารย์ใหญ่ประจำสถาบันไม่ได้มีภาพลักษณ์แตกต่างไปจากหลินเป่ยเฉินสักเท่าไหร่ หากมีการจัดอันดับบุคคลที่ไม่เอาไหนที่สุดภายในเมืองหยุนเมิ่ง หลินเป่ยเฉินจะยึดครองตำแหน่งอันดับหนึ่งในสาขาเด็กหนุ่ม ส่วนหลิงไท่ซวีก็จะยึดครองในสาขาชายชรา เพราะฉายา ‘เจ้าแห่งกิเลสตัณหา’ นั้น ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย

แล้วคนแบบนี้เนี่ยนะที่จะสนับสนุนเขา?

หลินเป่ยเฉินพลันรู้สึกผิดหวังกับตัวเองเหลือเกิน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด