ทะลุมิติมาเปิดร้านอาหารอยู่ต่างโลก: GOURMET OF ANOTHER WORLD – บทที่ 18 เด็กหญิงหน้าอกแบนผู้หนีออกจากบ้าน
คนผู้นี้เป็นเด็กหญิงร่างบอบบาง
นางใส่ชุดกระโปรงลายดอก ผมเกล้าเป็นมวยบนศีรษะ ผิวขาวผ่องเหมือนหิมะ ส่วนดวงตากลมโตนั้นเจิดจ้าเป็นประกาย ใบหน้าของนางสวยน่ารัก ริมฝีปากอิ่มเต็มจิ้มลิ้มเป็นสีชมพูเรื่อมันเงา
เด็กหญิงเอามือตบหน้าอกไข่ดาวของตนเอง พยายามควบคุมลมหายใจหอบถี่ให้กลับเป็นปกติ เมื่อยื่นหน้าออกไปดูนอกปากประตูแล้วเห็นว่าไม่มีใครตามมา นางก็ถอนใจออกมาอย่างโล่งอก ตอนนั้นเองเด็กหญิงก็รู้สึกได้ว่าปู้ฟางกำลังจ้องอยู่ จึงหันมามองอีกฝ่ายแล้วพูดออกมาทันที “มองอะไร ไม่เคยเห็นสาวสวยสะพรั่งรึ!”
“เจ้ามันก็แค่เด็กน้อยหน้าอกแบน” ปู้ฟางตอกกลับก่อนลุกขึ้นจากเก้าอี้
ด้วยความที่ชายหนุ่มสูงหกฉื่อ เขาจึงต้องก้มลงมองเด็กหญิงตัวเล็กเบื้องล่างจากด้านบน ส่วนเด็กหญิงก็ต้องเงยหน้าขึ้นมองเขาเช่นกัน
“จะสั่งอะไรกินหรือไม่” ปู้ฟางถาม ตอนนี้เวลาเปิดร้านเหลืออยู่น้อยกว่าหนึ่งก้านธูป เขาจึงคิดไปว่าน่าจะไม่มีลูกค้าแล้ว ชายหนุ่มไม่ได้คาดคิดว่าจู่ๆ จะมีเด็กหญิงโผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้
“เจ้าเรียกใครว่าอกแบนกัน!” เด็กหญิงเบ้ปากขณะมองปู้ฟางด้วยสายตาเกรี้ยวกราด “ข้าก็แค่ยังไม่แตกเนื้อสาวเท่านั้นแหละ!”
ปู้ฟางเหลือบตามองเด็กหญิงอกแบนอย่างไร้อารมณ์ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม…
เมื่อเด็กหญิงเห็นสีหน้าปู้ฟาง นางก็แทบสติหลุดด้วยความโกรธ
“จะสั่งก็รีบสั่ง อีกหนึ่งก้านธูปข้าจะปิดร้านแล้ว” ชายหนุ่มเอ่ยอย่างเย็นชา
เด็กหญิงหันไปมองทางเข้าร้านอีกครั้ง เมื่อเห็นว่ากลุ่มคนที่ติดตามนางมาวิ่งผ่านตรอกไปเรียบร้อยแล้ว นางก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก จากนั้นจึงเดินทอดน่องไปที่โต๊ะแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ “มีอะไรขายบ้าง แจกแจงมาซิ”
“เขียนอยู่บนรายการอาหารแล้ว หันไปมองเองสิ” ปู้ฟางตอบ
“บอกมาไม่ได้หรืออย่างไร!” เด็กหญิงจ้องปู้ฟางอย่างโกรธเกรี้ยวอีกครั้ง ก่อนหันหลังไปมองรายการอาหารเบื้องหลัง
“นี่มันซ่องโจร! ซ่องโจรชัดๆ !” นางอุทานออกมาอย่างบันดาลโทสะเมื่อเห็นราคาของอาหารแต่ละจาน จากนั้นก็กระโดดผางออกจากเก้าอี้ แล้วยกมือขึ้นชี้หน้าตะโกนใส่ปู้ฟาง
“ไอ้เถ้าแก่ใจหิน ข้าจะเอาบิดาข้ามาจับเจ้าเข้ากรง!”
ใบหน้าของปู้ฟางเคร่งขรึมขึ้น มุมปากกระตุก ในฐานะชายผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นพ่อครัวเทพ เขาย่อมไม่มีเวลามาทำตัวไร้สาระกับเด็กกะโหลกกะลา
ดังนั้นชายหนุ่มจึงเอามือตบหัวเด็กหญิงเบาๆ จากนั้นก็อุ้มนางขึ้นแล้วเดินไปที่ทางเข้าร้าน ระหว่างเดินไปเขาก็พูดกับนางไปด้วย “เด็กดี กลับบ้านไปเล่นหมากเก็บนะ”
เด็กหญิงที่กำลังถูกปู้ฟางอุ้มดิ้นพราดๆ ทันที ใบหน้าน่ารักบูดเบี้ยวด้วยโทสะ
“ไอ้หื่น ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!”
นางไม่อยากออกไปข้างนอก เนื่องจากองค์รักษ์ของบิดายังตามหาตัวนางอยู่ หากออกไปต้องโดนจับได้แน่นอน
“ข้าจะสั่งอะไรมากิน ข้าจะสั่งแน่นอน!” เด็กหญิงเหลือบตาไปมองแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
ปู้ฟางชะงักค้างไปชั่วครู่ ก่อนวางตัวนางลง
เด็กหญิงขมวดคิ้วแล้วพ่นลมอย่างโกรธๆ จากนั้นก็กลับไปยังที่นั่ง “เอาอาหารจานที่แพงที่สุดมา!”
“ไม่ได้ ระดับพลังปราณของเจ้าไม่สูงพอ” ปู้ฟางเอ่ยอย่างเรียบเฉย
เด็กหญิงตกใจพลางคิดในหัว “ร้านผีบ้าอะไรกัน เหตุใดพลังปราณข้าต้องผ่านเกณฑ์ด้วยถึงจะกินข้าวได้!”
“เช่นนั้นเอาข้าวผัดไข่มาชามนึง” นางปากกระตุกแล้วเอ่ยอย่างจนปัญญา
“รอสักครู่” ปู้ฟางเหลือบตามองเด็กหญิงก่อนเดินเข้าครัวไป
เด็กหญิงรู้สึกเบื่อแทบตายขณะรออาหาร นางเหลือบตามองภายในร้าน และตระหนักได้ว่าบรรยากาศนั้นไม่เลวเลยทีเดียว
ชั่วครู่หนึ่ง ปู้ฟางก็เดินออกจากครัวพร้อมด้วยชามกระเบื้องสีฟ้าขาวที่บรรจุข้าวผัดไข่อยู่ภายใน
“นี่ข้าวผัดไข่ที่เจ้าสั่ง กินให้อร่อย”
“ก… กลิ่นหอมเป็นบ้า!”
ดวงตาของเด็กหญิงเป็นประกายขึ้นมาทันที นางจ้องมองข้าวผัดไข่ที่ส่องประกายเจิดจรัสอย่างตื่นเต้น กลิ่นหอมหวนทำให้ท้องของนางร้องเสียงดังโครก
เด็กหญิงเริ่มกินอาหารตรงหน้าทันทีโดยไม่สนใจเก็บอาการ
“ง่ำๆ” ปู้ฟางรู้สึกว่าเด็กหญิงตรงหน้าเขากินด้วยท่าทางเดียวกันกับสุนัขสีดำตัวใหญ่หน้าร้านไม่มีผิด
ข้าวผัดไข่หายวับเข้าท้องเด็กหญิงไปทันที
นางลูบท้องยื่นๆ ของตน ก่อนถอนหายใจออกมาอย่างสบายอุราแล้วไหลตัวลงบนเก้าอี้ “อร่อยสุดยอด!”
“ทั้งหมดหนึ่งผลึก ขอบคุณ” ปู้ฟางจ้องเด็กหญิงจากมุมสูง
เด็กหญิงกะพริบตาคู่สวยของนางขณะมองปู้ฟาง จากนั้นดวงตาของนางก็รื้นน้ำตา ริมฝีปากเล็กๆ สีแดงเรื่อเริ่มเบะ นางพูดกับปู้ฟางด้วยท่าทางน่าสงสาร “พี่ชาย ข้าหนีออกจากบ้านมา ไม่ได้เอาเงินติดตัวมาด้วย ในเมื่อข้าเป็นเด็กที่น่ารักน่ากอดขนาดนี้ ท่านพอจะให้ข้ากินโดยไม่คิดเงินได้หรือไม่”
ปู้ฟางคิดอย่างเรียบเฉย “อ้อ เจ้ากะเปี๊ยกนี่เป็นพวกชอบหลอกกินนี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเห็นแล้วนึกถึงเจ้าดำ”
สุนัขสีดำตัวใหญ่ที่ปากทางเข้าโงหัวขึ้นทันที มันกวาดตามองบริเวณโดยรอบอย่างตื่นตัว เมื่อพบว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอม ก็หาวออกมาแล้วกลับลงไปนอน
“เจ้าไม่มีเงินรึ” ปู้ฟางถาม
“ใช่แล้ว” เด็กหญิงกะพริบตาคู่โตชื้นๆ ของนาง ก่อนพูดอย่างน่าสงสาร “ข้าไม่มีเงินติดตัวเลย”
“เจ้าขาว” ปู้ฟางเรียกเสียงเบา
เด็กหญิงสะดุ้งทันที ก่อนจะรู้สึกถึงเงาใหญ่ยักษ์ที่ทาบทับลงมาบนตัวจากเบื้องหลัง
“พวกที่เข้ามาก่อความไม่สงบจะต้องโดนจับแก้ผ้าประจานต่อหน้าประชาชี” ดวงตาจักรกลของเจ้าขาวกะพริบปริบขณะที่เสียงจักรกลของมันเอื้อนเอ่ย
“จ… จับแก้ผ้า! มันจะจับข้าแก้ผ้ารึ!”
เด็กหญิงทำหน้าเหมือนตกอยู่ในภวังค์ จากนั้นใบหน้าของนางก็ซีดเผือดด้วยความหวาดหวั่น
มุมปากปู้ฟางกระตุกอย่างแรงเช่นกัน เขารีบห้ามเจ้าขาวเอาไว้
“ระบบ วิธีการลงโทษพวกชอบหลอกกินคืออะไร” ปู้ฟางเอามือจับจมูกตนเองแล้วเอ่ยถาม ถึงอย่างไรไอ้เด็กแสบนี่ก็ยังเป็นผู้หญิง แม้จะยังไม่มีหน้าอกก็ไม่ใช่เรื่องเหมาะสมที่จะจับแก้ผ้าประจาน
แต่เด็กหญิงนั้นกลัวหัวหดเจียนตายไปเรียบร้อยแล้ว ขาของนางพาลสั่นไม่หยุด “นี่มันซ่องโจรจริงๆ เสียด้วย! มีสิ่งชั่วร้ายอาศัยอยู่ที่นี่ มันอยากจับคนที่น่ารักน่ากอดเช่นข้าแก้ผ้า!”
“มีบทลงโทษสองประเภทด้วยกัน ประเภทแรกคือถูกจับแก้ผ้าประจานต่อหน้าประชาชี ประเภทที่สองคือจ่ายหนี้ด้วยร่างกาย” ระบบตอบเสียงเรียบ
“จ่ายหนี้ด้วยร่างกายรึ มีวิธีการเช่นนั้นด้วยหรือนี่” ปู้ฟางเลิกคิ้วขึ้นแล้วเหลือบไปมองเด็กหญิงอกไข่ดาว จากนั้นก็ถอนหายใจพลางส่ายหน้า
“วิธีการ ‘จ่ายหนี้ด้วยร่างกาย’ นั้น หมายถึงการใช้แรงงานเป็นบริกรที่ร้านเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์” เสียงจริงจังของหุ่นยนต์ช่วยแก้ความคิดอกุศลในใจของปู้ฟาง
ชายหนุ่มกระแอมกระไอออกมาเบาๆ ทันที
“ในเมื่อเจ้าไม่มีเงินจ่าย ก็ต้องทำงานที่ร้านข้าเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ งานหลักคือยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วไปให้ลูกค้า” ปู้ฟางเอ่ย
เด็กหญิงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าตอบรับ “ได้!”
คราวนี้เป็นตัวปู้ฟางเองที่ประหลาดใจ “ทำไมตอบตกลงง่ายเพียงนี้ ต้องปฏิเสธสิถึงจะถูก”
“ข้าไม่จ่ายค่าจ้างเจ้านะ!” ปู้ฟางย้ำ แต่เด็กหญิงก็กลอกตาใส่เขาแทนคำตอบ
ด้วยเหตุนี้ เด็กหญิงที่หนีออกจากบ้านก็ได้มาอยู่ที่ร้านเล็กๆ ของฟางฟางในฐานะบริกรจิ๋ว
เมื่อเวลาทำการสิ้นสุดลง ปู้ฟางก็ปิดร้านแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป
ส่วนเด็กหญิงที่หนีออกจากบ้านมานั้น แน่นอนว่านางไม่มีที่ไป จึงได้อยู่อีกห้องหนึ่งภายในร้าน แต่ก็หลังจากที่นางกราบกรานและก่อกวนปู้ฟางอยู่นาน ชายหนุ่มจึงยอมให้อยู่ได้
……
“นายท่าน ยินดีด้วยที่ทำภารกิจระยะสั้นสำเร็จ ท่านจะได้รับรางวัลเร็วๆ นี้ ระบบกำลังจัดเตรียมรางวัลอยู่…”
ปู้ฟางกำลังนั่งรออย่างตื่นเต้นใจจดใจจ่ออยู่ในห้อง “รางวัลรอบนี้น่าจะเป็นอาหารจานใหม่”
“ท่านได้ก้าวเดินด้วยความมั่นคงไปอีกก้าวสู่ถนนแห่งการเป็นพ่อครัวเทพ รางวัลก็คือ วิธีการทำปลาสามสหายและขนมจีบทองคำ รวมถึงเสี้ยวหนึ่งของชุดอุปกรณ์พ่อครัวเทพ”
ปู้ฟางนิ่งอึ้ง “ปลาสามสหายรึ ขนมจีบทองคำด้วยรึ
“นี่ก็แปลว่าข้าได้ทักษะใหม่น่ะสิ แถมยังสองทักษะในคราวเดียวเลยด้วย!”
ชายหนุ่มรู้สึกราวกับถูกฟาดด้วยสายฟ้าแห่งความปีติก็ไม่ปาน
………………………………….
คอมเม้นต์