เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 45

อ่านนิยายจีนเรื่อง เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก ตอนที่ 45 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
โรงแรมมันให้บรรยากาศที่แตกต่างไปนะ

 

กู้จิ้งเจ๋อพูดว่า “เดี๋ยวก็ได้ทำน้ำลายยืดใส่ชุดหมดพอดี” 

 

 

หลินเช่อหัวเราะแล้วยกนิ้วขึ้นเช็ดมุมปาก ก่อนจะตอบว่า “ฉันไม่ได้น้ำลายยืดสักหน่อย” 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อมองเธอ “จะช่วยทำตัวให้เป็นผู้หญิงหน่อยไม่ได้หรือไงนะ” 

 

 

หลินเช่อเงยหน้าขึ้น “ฉันทำตัวไม่เป็นผู้หญิงตรงไหนกันคะ” 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อทับถมต่อไปอีก “ทำเหมือนพวกหิวเงิน” 

 

 

หลินเช่อพ่นลมพรืด เธอไม่สะเทือนหรอก แถมยังทำท่าลูบไล้ชุดไปมาด้วยท่าทีละโมบหนักขึ้นไปอีก “ทำไมล่ะคะ ฉันทำตัวเสแสร้งต่อหน้าคนอื่นได้ก็จริง แต่ฉันไม่ต้องเสแสร้งต่อหน้าคุณนี่นา ถ้าฉันทำตัวดีกว่านี้ ขี้อาย น่าสงสาร แล้วก็ดูดีมีระดับกว่านี้ มันจะทำให้คุณตกหลุมรักฉันหรือไงกัน” เธอถามพลางมองเขาด้วยสีหน้าเคืองๆ 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อทำตาขวางใส่ 

 

 

บางทีคงเป็นเพราะความที่ไม่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากันนี่แหละ ก็เลยทำให้ไม่มีเหตุผลใดๆ ที่เขาจะต้องเกลียดเธอ 

 

 

หลินเช่อเดินเข้าไปในห้องน้ำ กระหายอยากจะลองสวมชุดเต็มที ก่อนจะกลับออกมาในชุดเดรสสีเหลืองพลิ้ว ดูสดใส บริสุทธิ์ สว่างไสวราวกับแสงอาทิตย์ 

 

 

สายตาของกู้จิ้งเจ๋อเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่ได้เห็นว่าหญิงสาวดูเปลี่ยนไปแค่ไหน 

 

 

หลินเช่อหมุนตัวช้าๆ ทำให้กระโปรงที่สวมบานพลิ้วเหมือนดอกไม้ และตัวเธอดูสดใสเหมือนดวงตะวัน 

 

 

หญิงสาวถามว่า “ฉันดูเป็นยังไงบ้างคะ” 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อลังเลเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ก็เหมาะดี” 

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลินเช่อก็บอกว่า “เสื้อผ้าแพงๆ นี่มันแตกต่างไปเลยจริงๆ นะคะเนี่ย” 

 

 

เธอทิ้งตัวกลับลงไปนั่งบนวีลแชร์อย่างพอใจ 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อกลับคิดในใจว่า ซื่อบื้อจริงๆ เขาอุตส่าห์ชมขนาดนี้ แต่ยัยนี่กลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเลยสักนิดงั้นเหรอ 

 

 

แต่ก็เป็นยัยบื้อที่น่ารักเหลือเกิน 

 

 

ไม่ช้า กู้จิ้งเจ๋อก็เข็นรถวีลแชร์ของเธอออกจากห้อง แล้วทั้งสองก็พากันออกจากโรงแรม 

 

 

หลินเช่ออดพูดขึ้นไม่ได้ “โรงแรมดีนะคะเนี่ย คงจะแพงน่าดูใช่มั้ยคะ” 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อตอบโดยไม่มองอีกฝ่าย “เป็นโรงแรมของตระกูลกู้ เราไม่ต้องจ่ายหรอก” 

 

 

หลินเช่อรีบหันหลังขวับกลับมามองห้องโถงที่โอ่อ่าใหญ่โตทันที มันต้องมีบอกสิว่ากี่ดาวกัน 

 

 

“ห้าดาวเหรอคะ” 

 

 

“เจ็ดสินะ” หลินเช่อแก้คำพูดตัวเอง “จะโรงแรมไหนของตระกูลกู้ก็ล้วนเป็นโรงแรมเจ็ดดาวทั้งนั้น” 

 

 

หญิงสาวชักเสียดายที่ไม่ได้พักอยู่ให้นานกว่านี้หน่อย 

 

 

“ว้า! คุณน่าจะบอกฉันให้เร็วกว่านี้ ฉันไม่เคยนอนโรงแรมหรูๆ แบบนี้มาก่อนเลย อย่างน้อยฉันก็น่าจะได้ลองนอนสักคืน ถึงยังไงก็นอนฟรีนี่นะ” 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อตอบว่า “ถ้าอยากนอน เราหันหลังกลับตอนนี้ก็ได้นะ” 

 

 

ก็น่าคิดอยู่หรอก เธอเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายแล้วถามว่า “ถ้าเรากลับไป แปลว่าเราจะกลับเข้าไปด้วยกันเหรอคะ” 

 

 

“ฉันไม่คุ้นกับการนอนโรงแรมน่ะ มันไม่ปลอดภัย” 

 

 

“เฮ้ จะเป็นไปได้ยังไงกัน คุณเองก็นอนโรงแรมในคืนแรกที่ฉันได้เจอคุณนี่นา” ไม่งั้นตอนนั้นเธอจะวางยาเขาได้ยังไงเล่า 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อหันไปมองด้วยท่าทีไม่ใส่ใจ 

 

 

ก็ใช่น่ะสิ เพราะใครบางคนนั่นแหละที่ทำให้เขาไม่รู้สึกว่าโรงแรมไม่ใช่ที่ปลอดภัยอีกต่อไป ไม่ว่าจะได้รับการดูแลป้องกันอย่างแน่นหนาแค่ไหนก็ตาม 

 

 

“อืม ก็ตั้งแต่ครั้งนั้น ฉันก็ไม่ได้นอนค้างที่โรงแรมอีกเลย” เขาพูดพลางกวาดตามองเธอ 

 

 

“…” หลินเช่อหัวเราะแห้งๆ 

 

 

เป็นเพราะเธอนี่เอง 

 

 

หญิงสาวแกล้งหัวเราะกลบเกลื่อนแล้วรีบเปลี่ยนเรื่องคุย “แต่ตอนนี้คุณจะนอนค้างในโรงแรมกับฉันนี่คะ เพราะฉะนั้นก็ไม่มีอะไรต้องกลัวแล้วละ เรามีความสัมพันธ์กันอย่างถูกต้องตามกฎหมายนะคะ อยู่บ้านกับอยู่โรงแรมนี่มันได้ประสบการณ์ต่างกันนะคะ” เธอขยับตัวมาพิงซบเขาอย่างประจบ 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อก้มลงมอง “จะมานอนโรงแรมทำไมในเมื่อเรามีบ้านของเราเอง” 

 

 

หลินเช่อกลอกตา “พวกคู่แต่งงานแก่ๆ เขาก็อยากจะมีเรื่องตื่นเต้นในชีวิตบ้างน่ะสิคะ คุณไม่คิดว่าโรงแรมน่ะเต็มไปด้วยพลังแล้วก็ความลึกลับบ้างเหรอ” 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อมองริมฝีปากอิ่มเต็มของอีกฝ่าย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยชีวิตชีวา น้ำเสียงชี้ชวนเต็มที่ จนทำเอาหัวใจเขาอดสั่นไม่ได้ 

 

 

สายตาของเขาเลื่อนไปจับจ้องที่หน้าอกเธอโดยไม่ตั้งใจ 

 

 

รอยแยกน้อยๆ บนชุดนั่นเผยให้เห็นเนินอกนุ่มนิ่ม 

 

 

เจ้าตัวไม่ได้สำเหนียกเลยสักนิดว่ามันดูเย้ายวนตาแค่ไหน 

 

 

เขาขมวดคิ้วแล้วผลักหลินเช่อออก “ไม่ล่ะ” 

 

 

“ก็ได้ งั้นบนรถก็คงใช้ได้เหมือนกัน ที่จริงแล้วน่าจะตื่นเต้นกว่าด้วยซ้ำ พื้นที่ก็จำกัด แถมยังมีคนเดินผ่านไปมาข้างนอก เสี่ยงที่จะมีคนมาเห็นว่ากำลังทำอะไรกันอยู่…” 

 

 

“…” กู้จิ้งเจ๋อนึกอยากจะแหวกดูในหัวเธอนัก ว่าทำไมถึงมีแต่เรื่องไร้สาระเต็มไปหมดอย่างนี้ 

 

 

แต่เมื่อเห็นหญิงสาวหรี่ตาด้วยความตื่นเต้น ริมฝีปากเขาก็ชักจะแห้งผากขึ้นมา 

 

 

พนักงานขับรถที่ยืนอยู่ด้านหน้าโรงแรมมองเห็นสองหนุ่มสาวที่กำลังมองดูกันและกัน กระแสความร้อนแรงแห่งสายตานั้นราวกับจะลุกเป็นไฟ ทำเอาเขานึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่กันแน่ 

 

 

สองคนนั่นวางแผนที่จะทำอะไรกันที่นี่หรือเปล่านะ 

 

 

เขายืนเห็นอยู่ตำตา แล้วเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูน… 

 

 

แต่ยังไงเสีย ไม่ว่าคนทั้งคู่จะทำอะไร เขาก็เป็นเพียงพนักงานขับรถเท่านั้น เขาได้รับการฝึกอบรมมาอย่างเข้มงวด และจะไม่ปริปากพูดอะไรออกไปทั้งสิ้น 

 

 

จะว่าไป อันที่จริงแล้วเขาไม่อยากจะเห็นอะไรหรอก… 

 

 

โชคดีที่กู้จิ้งเจ๋อเพียงแต่เอื้อมมือไปผลักหลินเช่อ และบอกเธออย่างตะกุกตะกักว่าเสื้อของเธอเผยอเปิดอยู่เท่านั้น 

 

 

หลินเช่อยิ้มแล้วพูดล้อๆ ว่า “นี่กู้จิ้งเจ๋อ ทำไมคุณหน้าแดงอย่างนั้นละคะ” 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อตวัดสายตามองใส่ให้เธอหยุดพูด 

 

 

หลินเช่อหัวเราะดังลั่นแล้วพูดต่อไปว่า “โว้ว นี่คุณอายเหรอคะเนี่ย กู้จิ้งเจ๋อ ใครจะไปคิดว่าคุณจะมีมุมน่ารักแบบนี้ด้วยน่ะ” 

 

 

“หุบปากน่า” 

 

 

“อย่าบอกนะว่าคุณไม่เคยทำอะไรแบบนี้กับคุณหนูโม่น่ะ” เธอกระตุกแขนเขา 

 

 

ใบหน้าของกู้จิ้งเจ๋อยิ่งบึ้งตึงหนัก “เธอคิดว่าคนอื่นเขาจะทำตัวไม่มียางอายเหมือนเธองั้นเหรอ” 

 

 

หลินเช่อหุบปากทันควัน ถึงยังไง คุณหนูโม่ก็แสนดีที่สุดงั้นสินะ 

 

 

สีหน้าของกู้จิ้งเจ๋อหม่นลงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงโม่ฮุ่ยหลิง 

 

 

หลินเช่อสังเกตเห็นและกระตุกแขนเขาพลางอ้อนว่า “เอาน่า อย่าโกรธไปเลยนะคะ ฉันล้อเล่นหรอกน่า” 

 

 

ในขณะที่โน้มตัวพิงร่างเขา เธอก็ถอนหายใจยาวและบอกว่า “ฉันรู้ดีหรอกน่าว่าคุณกับคุณหนูโม่รักกันแค่ไหนน่ะ ถึงตอนนี้พวกคุณจะยังอยู่ด้วยกันไม่ได้ เธอรอคุณอยู่ แต่คุณกลับกอดเธอไว้ในอ้อมแขนไม่ได้ โอย ช่างเป็นรักต้องห้ามอะไรอย่างนี้… พอฉันลองมานึกดูแล้วนะคะ ฉันเห็นใจคุณหนูโม่จริงๆ นะ เธอคงจะคิดถึงคุณทุกวันแน่เลยค่ะ” 

 

 

สีหน้ากู้จิ้งเจ๋อยิ่งหม่นหมองหนักขึ้นไปอีก 

 

 

หลินเช่อดูจะไม่รู้ตัวว่ากำลังพูดอะไรออกมา “คุณเองก็เหมือนกันนะคะ คุณควรจะไปใช้เวลาอยู่กับคุณหนูโม่เวลาที่คุณมีเวลาว่างแทนที่จะมาตามหาฉันแบบนี้ ตอนนี้คุณควรจะได้นั่งดินเนอร์ใต้แสงเทียนอยู่กับเธอมากกว่านะคะ” 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อมองหน้าอีกฝ่าย “ช่างคิดเหลือเกินนะ” 

 

 

บางทีเธอน่าจะได้รางวัล ‘ภรรยาดีเด่น’ ละมั้ง 

 

 

“แต่แน่นอนค่ะว่าในเมื่อเราอยู่ด้วยกัน ฉันก็มีหน้าที่ต้องช่วยคุณแบ่งเบาภาระ คุณสามารถเล่าให้ฉันฟังได้ทุกเรื่องที่ทำให้คุณไม่สบายใจนะคะ ฉันจะช่วยคุณคลายความกังวลแล้วก็ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น ฉันจะได้ไม่ต้องมานั่งเห็นคุณหน้าบูดทุกวันไงล่ะคะ ถ้าเป็นแบบนี้ฉันก็จะได้มีความสุขไปด้วย วินวินด้วยกันทั้งสองฝ่ายจริงมั้ยคะ” 

 

 

“ไม่จำเป็นหรอก ถ้าฉันอยากได้ที่ปรึกษา ฉันไปหาพวกมืออาชีพก็ได้” 

 

 

“อา แต่พวกมืออาชีพนั่นเขาคิดเงินนี่นา ไหนๆ ตอนนี้ฉันก็ใช้เงินคุณตั้งเยอะตั้งแยะแล้ว คุณก็น่าจะทำให้ตัวเองไม่ต้องเสียเงินเปล่าสิคะ อย่าห่วงไปเลยน่ะ คุณทำเหมือนฉันเป็นหมอประจำตัวคุณได้เลย 

 

 

“…” 

 

 

หลินเช่อพูดต่อไปไม่หยุด “นี่ฉันจริงจังนะคะ อ้อ จริงสิ คุณหมอเฉินไงล่ะ คุณต้องจ่ายเท่าไหร่คะเวลาที่เรียกตัวเขามาที่บ้านน่ะ” 

 

 

หลินเช่อคิดว่าคนเป็นหมอซึ่งมีทักษะมากกว่าเธอ คงจะทำได้เงินได้ราวเดือนละหมื่นหยวนละมัง เมื่อพิจารณาจากฐานะของกู้จิ้งเจ๋อแล้ว 

 

 

ชายหนุ่มตอบเรียบๆ ว่า “สามสิบล้านหยวนต่อปี” 

 

 

“…” 

 

 

หลินเช่อร้องลั่น “โอ๊ย ที่รักคะ คุณจ้างฉันแทนก็ได้ จริงๆ นะ ค่าตัวฉันไม่แพงขนาดนั้นหรอก แล้วฉันก็พร้อมดูแลตลอดไม่ว่าที่ไหนเมื่อไหร่ด้วย ฉันจะรักษาความลับของคุณเป็นอย่างดี ฉันมีความรับผิดชอบ แถมเรายังเป็นสามีภรรยากันอีกต่างหาก ยังไงเลือดก็ต้องข้นกว่าน้ำใช่มั้ยล่ะ!” 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด