เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 142 พาเธอกลับบ้าน

อ่านนิยายจีนเรื่อง เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก ตอนที่ 142 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

หลินเช่อตอบ “นี่เป็นที่สำหรับพวกดาราเท่านั้นไม่ใช่เหรอคะ ฉันได้ยินมาว่าเขาไม่ให้คนนอกเข้ามาเพ่นพ่านที่นี่น่ะ” 

 

 

เฉินอวี่เฉิงหัวเราะและตอบว่า “ผมก็พอจะรู้อยู่เหมือนกันว่าพวกคนในวงการมักจะมาเที่ยวกันที่นี่ เพราะอย่างนี้ผมถึงได้มาที่นี่บ้างยังไงล่ะ” เขาเลิกคิ้วเหมือนจะบอกความนัยอะไรบางอย่าง 

 

 

เขามาที่นี่เพื่อไล่ตามจีบพวกดาราสวยๆ นั่นเอง 

 

 

เฉินโยวหรานกลอกตา หมอนี่เป็นผู้ชายประเภทไหนกันเนี่ย 

 

 

แล้วเฉินโยวหรานพูดขึ้นลอยๆ ว่า “หลินเช่อ เพราะแบบนี้ไงล่ะเขาถึงบอกว่าผู้ชายหน้าไหนก็เหมือนกันหมดนั่นแหละ ทั้งโรคจิตแล้วก็หื่นกาม เชื่อฉันเถอะแล้วจะไม่เสียใจ หึๆ” 

 

 

เฉินอวี่เฉิงหันมองคนพูดแล้วบอกว่า “ที่คุณบอกว่าผู้ชายหน้าไหนก็เหมือนกันหมดนี่หมายความว่ายังไงกันครับ ฟังดูอย่างกับว่าคุณเคยคบผู้ชายมาเพียบแล้วอย่างนั้นล่ะ” 

 

 

เฉินโยวหรานสวนกลับทันที “นี่ แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าฉันไม่เคยคบผู้ชายมาเพียบน่ะ” 

 

 

นายแพทย์หนุ่มมองอีกฝ่ายด้วยสายตาประเมิน “ก็จากเท่าที่ดูหน้าตาท่าทางคุณแล้ว อย่าบอกนะว่าคุณเคยมีประสบการณ์ความสัมพันธ์กับเขาด้วยน่ะ” 

 

 

“อีตาบ้า! นี่หาว่าฉันขี้เหร่เหรอยะ” 

 

 

เฉินอวี่เฉิงตอบ “ผมก็แค่โกหกไม่เป็นเท่านั้น” 

 

 

“หนอย… ทำอย่างกับนายหน้าตาดีตายนักล่ะ!” 

 

 

“เอ้า คุณก็ยังดูออกนี่นาว่าใครหน้าตาดีน่ะ” 

 

 

“…” 

 

 

เฉินโยวหรานยังมันเขี้ยวอยากจะโต้ตอบ แต่หลินเช่อรีบดึงเพื่อนสาวเอาไว้เสียก่อน “เขาเป็นหมอที่หาเงินจากการพูดนะ เธอจะไปเถียงชนะเขาได้ยังไงเล่า แล้วนี่พวกเธอสองคนมาทะเลาะกันเพราะอะไรเนี่ย” 

 

 

แล้วสาวสวยที่มากับเฉินอวี่เฉิงก็ดึงแขนเขา นายแพทย์หนุ่มจึงบอกให้เธอเข้าไปรอข้างในก่อนที่ตัวเองจะนั่งลงข้างหลินเช่อและพูดต่อไปว่า “ดูท่าทางคุณจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะครับ” 

 

 

หลินเช่อมองหน้าเขาและตอบว่า “อืม ตอนนี้อาการป่วยของกู้จิ้งเจ๋อเป็นยังไงบ้างคะ” 

 

 

เฉินอวี่เฉิงตอบ “อ้อ เขาก็ยังต้องใช้ยาในการควบคุมอาการอยู่นั่นแหละครับ แต่ถึงยังไงก็ดูเหมือนพวกคุณสองคนจะไม่มีปัญหาอะไรนี่ครับ คุณอยู่กับเขามาตั้งพักใหญ่ แต่ผมก็ไม่เห็นว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นเลย” 

 

 

หลินเช่อถามว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณคิดว่าเมื่อไหร่เขาถึงจะหายสนิทจากอาการนี้คะ” 

 

 

“หายสนิทเหรอครับ…ผมเชื่อว่า ตราบใดที่เราสามารถควบคุมอาการไว้ได้ มันก็ไม่สำคัญหรอกครับว่าจะหายขาดหรือเปล่า เพราะถึงยังไงตอนนี้ก็ยังไม่มีวิธีใดๆ ที่จะรักษาโรคนี้ให้หายได้อยู่ดี แม้ว่าเราจะทุ่มเทเงินทองมหาศาลไปกับการวิจัยกันอยู่ทุกปีก็ตามที แต่เราก็ไม่อาจค้นพบวิธีรักษาอยู่ดีครับ” 

 

 

“อ้อค่ะ” หลินเช่อร้องอย่างผิดหวัง หญิงสาวเอาคางเกยเคาน์เตอร์บาร์ 

 

 

“มีอะไรเหรอครับ คุณผู้หญิง” 

 

 

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันเพียงแต่คิดว่า… เฮ้อ ในเมื่อคุณเป็นจิตแพทย์ของกู้จิ้งเจ๋อ คุณก็ควรจะรู้ทุกอย่างใช่มั้ยคะ เกี่ยวกับ…อ่า ความสัมพันธ์ของเราน่ะค่ะ…” 

 

 

“แน่นอนที่สุด ทุกครั้งที่เขาเข้ามารับการรักษากับผม เขาจะเล่าให้ผมฟังทุกเรื่อง” 

 

 

“ฉันแค่คิดว่า เขากับคุณหนูโม่นั้นต่างก็ใกล้ชิดผูกพันกันมาก มากเสียจนฉันไม่อาจเข้าไปแทรกกลางได้ ถ้าหากว่าอาการป่วยของเขาทุเลาดีแล้วละก็ บางทีทางตระกูลกู้อาจจะเลิกฝืนใจให้เขาต้องแต่งงานกับฉันละมั้งคะ” 

 

 

เฉินอวี่เฉิงแทบสำลักเครื่องดื่ม “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ มีอะไรไม่ดีเกิดขึ้นกับท่านประธานกู้อย่างนั้นเหรอ” 

 

 

ผู้หญิงคนนี้พิลึกเสียจริง ถ้าเป็นคนอื่นคงยินดีที่ได้เป็นภรรยาของกู้จิ้งเจ๋อแล้ว 

 

 

แล้วทำไมหลินเช่อถึงทำท่าอมทุกข์แบบนี้เล่า 

 

 

หญิงสาวพูดต่อ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันเพียงแต่…เพียงแต่ เจ้าชายทุกคนต่างก็ต้องมีเจ้าหญิงโฉมงามของตัวเองใช่ไหมล่ะคะ ฉันก็อยากให้พวกเขาสมหวังกันในเร็ววันเท่านั้นเอง” 

 

 

เฉินอวี่เฉิงสัมผัสได้ว่าหลินเช่อไม่ได้พูดล้อเล่น 

 

 

เขาจึงบอกกับเธอว่า “ผมอาจจะไม่รู้เรื่องอื่น แต่ผมรู้อย่างหนึ่งนะครับว่า วิธีที่เขาปฏิบัติต่อคุณนั้นแตกต่างจากที่เขาปฏิบัติกับคุณหนูโม่อย่างสิ้นเชิงเลย คุณไม่คิดบ้างเหรอครับว่าเขาปฏิบัติกับคุณดีมากๆ น่ะ” 

 

 

“แน่นอนค่ะว่าฉันรู้ แต่นั่นเป็นเพราะว่าเขาเป็นคนดีนี่คะ เขาอาจรู้สึกว่าเป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องทำดีกับฉัน เพราะฉันเป็นภรรยา” 

 

 

เฉินอวี่เฉิงถึงกับพูดไม่ออก แม่หลินเช่อคนนี้… 

 

 

เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากู้จิ้งเจ๋อชื่นชอบอะไรในตัวหล่อน หรืออาจจะเป็นเพราะความใสซื่อจนเซ่อของหล่อนกระมัง ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเอาเลยจริงๆ 

 

 

นี่หล่อนไม่เคยได้ยินที่คนภายนอกเขาพูดถึงกู้จิ้งเจ๋อบ้างเลยหรือยังไงนะ ว่าถึงแม้ผู้ชายคนนั้นจะมีจิตใจดี กิริยามารยาทสุภาพเรียบร้อย แต่ก็เด็ดขาดปราศจากความปรานีด้วยเช่นกัน เพราะความสุภาพเรียบร้อยเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ในเรื่องของธุรกิจ 

 

 

บางทีผู้หญิงคนนี้คงไม่รู้ว่าปกติแล้วคนอย่างกู้จิ้งเจ๋อปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างไร หล่อนก็เลยคิดไปว่าการที่เขาทำตัวดีต่อเธอเช่นนี้เป็นนิสัยปกติของชายหนุ่ม… 

 

 

เฉินอวี่เฉิงปล่อยให้เธอดื่มต่อ ในระหว่างที่เขาหลบออกมาโทรศัพท์ 

 

 

“ท่านประธานกู้ครับ…” 

 

 

[ฉันยังกินยาอยู่ไม่ขาด เพราะฉะนั้นนายไม่จำเป็นต้องมาให้คำปรึกษาหรอก] 

 

 

“อา ท่านประธานกู้ ช่วงนี้เย็นชากับผมเหลือเกินนะครับ” 

 

 

[ก็ใช่น่ะสิ] 

 

 

“แต่ที่ผมโทรมาคราวนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องของคุณหรอกนะครับ อยากรู้มั้ยครับว่าผมเจอใครที่เพอร์เพิลคลับ” 

 

 

[ฉันไม่อยากรู้] 

 

 

“…” เป็นที่รู้กันว่ากู้จิ้งเจ๋อไม่ใช่คนสุภาพอ่อนโยนกับคนอื่น 

 

 

“อ้อ ถ้าอย่างนั้นผมอยู่สนุกกับคุณผู้หญิงต่อกันเองที่นี่ก็แล้วกัน” 

 

 

[หลินเช่องั้นรึ] 

 

 

“อา…ใช่แล้วละครับ” 

 

 

[ตู๊ด…ตู๊ด…ตู๊ด…] 

 

 

 

 

 

หลินเช่อยังดื่มไม่หยุด เธอดื่มเข้าไปมากมายเสียจนเริ่มรู้สึกเวียนหัว 

 

 

หญิงสาวไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนเข้ามายืนอยู่ข้างๆ 

 

 

เพียงไม่กี่วินาทีก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์มายืนเรียงแถวปิดกั้นบริเวณนั้นเอาไว้ไม่ให้ใครเข้ามาได้ 

 

 

กู้จิ้งเจ๋อเห็นหลินเช่อนอนซบอยู่ที่เคาน์เตอร์ เขารีบตรงเข้าไปอุ้มเธอออกมาในทันที 

 

 

เมื่อมองดูใบหน้าของหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า คิ้วขมวดมุ่นอย่างเป็นทุกข์ เขาก็ชะงักเล็กน้อยก่อนที่สีหน้านั้นจะแปรเปลี่ยนกลับมาเป็นเย็นชาและเฉยเมยตามปกติ เขาอุ้มหลินเช่อออกมาจากบาร์แห่งนั้นอย่างรวดเร็ว 

 

 

ฝั่งเฉินโยวหรานนั้นได้แต่เฝ้ามองด้วยความผิดหวังเมื่อคนทั้งหมดทยอยกันออกไป เธอกระโดดผึงและร้องเรียกว่า “เฮ้ แล้วนี่ใครจะจ่ายเงิน ฉันไม่ได้ดื่มเท่าไหร่เลยนะ หลินเช่อต่างหากล่ะที่ซัดไม่ยั้งน่ะ พวกนายจะไปเฉยๆ แบบนี้ไม่ได้นะเฟ้ย…” 

 

 

เธอจะเอาปัญญาที่ไหนมาจ่ายค่าเหล้าที่นี่ได้ล่ะ… 

 

 

เฉินอวี่เฉิงเฝ้ามองหญิงสาวจากทางด้านหลัง 

 

 

ก่อนที่จะค่อยๆ เดินมายืนข้างเธอ 

 

 

“พอที หยุดตะโกนได้แล้วน่า กู้จิ้งเจ๋อจ่ายบิลเรียบร้อยแล้ว” 

 

 

เฉินโยวหรานหันมาเห็นสีหน้าท่าทางดูแคลนของอีกฝ่าย แต่เธอก็หาได้แคร์ไม่ “ก็จะทำไมล่ะ ฉันไม่มีปัญญาจ่ายนี่นา ต่อให้จับฉันกดลงพื้นเดี๋ยวนี้ก็ไม่มีเงินจ่ายอยู่ดีนั่นแหละ ไม่เหมือนบางคนหรอกที่ทำหน้าที่คอยตามรับใช้คนอื่นแล้วก็เอาเงินมาล่อผู้หญิงน่ะ” 

 

 

“หืม นี่เธอคิดว่าหน้าที่คอยรับใช้นี่มันง่ายนักหรือไง มันต้องใช้ไอคิวมากทีเดียวนะ แต่แน่นอนว่าระดับสติปัญญาอย่างเธอคงไม่เข้าใจเรื่องนี้หรอก” 

 

 

“เฮ้ นี่นาย…” 

 

 

“พอที เลิกตะเบ็งเสียงได้แล้ว นี่จะให้ฉันไปส่งบ้านรึเปล่า” เขาถาม 

 

 

เมื่อเฉินโยวหรานได้ยินอีกฝ่ายเสนอ เธอก็คิดว่านั่นเป็นความคิดที่ไม่เลวทีเดียว อย่างน้อยก็ช่วยประหยัดเงินได้ ในช่วงที่เธอยังไม่มีงานทำแบบนี้ เธอกำลังต้องการเงิน 

 

 

“ก็ได้ๆ” เธอรีบตอบตกลง 

 

 

เฉินอวี่เฉิงหันมองและพูดว่า “เห็นรึยังล่ะว่างานคนรับใช้ก็มีประโยชน์ มันทำให้มีรถขับแล้วก็มีเงินใช้ เห็นมั้ย” 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด