เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 303 กู้จิ้งเจ๋อเป็นคนเอาใจใส่มาก

อ่านนิยายจีนเรื่อง เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก ตอนที่ 303 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เมื่อหลินเช่อได้ยิน เธอก็หมุนตัวไปมองกู้จิ้งเจ๋อที่ยืนอยู่ด้านหลัง

 

 

ดวงตาของเขาหรี่ลงก่อนจะเดินมายืนอยู่ข้างเธอ

 

 

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นและถามว่า “ตื่นแล้วหรือคะ”

 

 

ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบหัวเธอ “ยัยบ๊อง ก็ฉันมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว ถ้าฉันยังไม่ตื่น เธอก็คงเห็นผีแล้วละ”

 

 

หลินเช่อทำปากยื่น เอามือลูบหัวตัวเองและบอกว่า “ตาบ๊อง ฉันก็แค่ทักทายมั้ยล่ะคะ!”

 

 

ชายหนุ่มยิ้มและมองหน้าเธอ

 

 

คุณป้าผู้ยืนดูฉากรักนี้อยู่ ยังคงจ้องเอาๆ อยู่ที่กู้จิ้งเจ๋อ หัวใจเธอเต็มไปด้วยความรู้สึกอัศจรรย์

 

 

“อา ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายหน้าตาดีขนาดนี้แถวนี้เลย คุณยายชิวคะ คุณยายนี่โชคดีจริงๆ เลยนะคะเนี่ย”

 

 

คุณยายหันไปมองสองหนุ่มสาว

 

 

ในฐานะผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน คุณยายรู้ดีว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ของทั้งสองอยู่ในช่วงที่ยอดเยี่ยมอย่างที่สุด

 

 

เวลาที่คนสองคนกระเซ้าเย้าแหย่กันแบบนี้ นั่นหมายความว่าพวกเขากำลังรักกันมากที่สุด

 

 

เพราะมันดูเหมือนจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน และพวกเขาไม่จำเป็นต้องระวังตัวอะไรกันอีกแล้ว

 

 

คุณยายจึงมีความสุขอย่างยิ่ง เธอมองทั้งสองคนแล้วพูดขึ้นว่า “มากินข้าวกันเถอะจ้ะ”

 

 

กู้จิ้งเจ๋อนั่งรับประทานอาหารกับทั้งสองคน หลังจากนั้นเขาก็เดินวนเวียนสำรวจดูทุกที่จนทั่ว

 

 

หลินเช่อวุ่นวายอยู่ในบ้านและคอยมองออกมาข้างนอกเป็นระยะ ชายหนุ่มช่วยคุณยายเก็บข้าวของ แม้ว่าเขาจะต้องคอยรับโทรศัพท์อยู่เรื่อยๆ ก็ตาม

 

 

คุณยายมองดูหลินเช่อยิ้มๆ และพูดว่า “จิ้งเจ๋อนี่ไม่เลวเลยนะจ๊ะ ยายไปอยู่ที่เมืองบีแค่ไม่กี่วัน แล้วก็ไม่ค่อยจะได้เจอเขาเท่าไหร่ แต่สำหรับเขาที่ต้องมาพักที่นี่เพราะหลาน แต่เขาก็กลับไม่บ่นว่าอะไรเลยซักนิด เป็นคนดีจริงๆ”

 

 

หลินเช่อเหลือบมองออกไปด้านนอก “ค่ะ เขาเป็นคนดีแบบนี้เสมอเลย”

 

 

คุณยายยิ้ม “สามีภรรยาก็ควรเป็นแบบนี้แหละเวลาอยู่ด้วยกัน ยิ่งได้เห็นจิ้งเจ๋อยายก็ยิ่งชอบเขา เขานิสัยใจคอดี และที่สำคัญก็คือไม่เคยดูถูกดูแคลนพวกเราเลย หลานมีชีวิตที่ดีกว่าแม่ของหลานนะจ๊ะ เฮ้อ…”

 

 

“คุณยายคะ แม่เคยบอกยายหรือเปล่าคะว่าแม่เจอพ่อได้ยังไง ที่น่าแปลกก็คือ…ตอนที่หนูเปิดดูรูปในอัลบั้ม หนูกลับไม่เจอรูปใครที่หน้าตาเหมือนพ่อเลย หรือเป็นเพราะว่าแม่ไม่ได้เจอพ่อตอนที่แม่ยังอยู่ที่นี่คะ”

 

 

คุณยายตอบว่า “ใช่จ้ะ แม่เขาหนีออกจากบ้านแล้วก็ไปที่เมืองบีตามลำพังตัวคนเดียว เขาก็เลยไปเจอพ่อของหลานที่นั่น ก่อนหน้านั้นเราไม่เคยได้ยินเรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาเลย”

 

 

“แม่เนี่ยนะคะหนีออกจากบ้านไปเมืองบี” หลินเช่อไม่เคยได้ยินแม่เล่าเรื่องในอดีตให้ฟัง จนถึงตอนนี้เธอก็ยังไม่รู้ว่าทำไมแม่ถึงได้ลงเอยด้วยการกลายเป็นภรรยาน้อย และแม่ก็ไม่เคยอธิบายเรื่องนี้ให้เธอฟังแม้แต่ครั้งเดียว

 

 

คุณยายว่า “พวกคนที่อยู่ในรูปพวกนั้นเป็นครูอาสาที่เข้ามาทำงานที่นี่ในปีนั้น ครูคนหนึ่งของเธอ คุณลู่ ชอบแม่ของหลานมาก แล้วก็คอยสนับสนุนให้แม่เขาเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองบี แม่ของหลานสอบเข้าได้ แต่เราไม่มีเงินพอที่จะจ่ายค่าเทอม ตอนนั้นบ้านเรายากจนมาก มีเงินพอส่งเรียนแค่มหาวิทยาลัยใกล้ๆ นี่เท่านั้น แต่แม่เขาดื้อดึงและหนีไปที่เมืองบีด้วยตัวเอง โดยไม่ยอมขอเงินเราแม้แต่แดงเดียว หลังจากนั้นแม่เขาก็ยังโทรหาที่บ้านอยู่บ้าง จนกระทั่งค่อยๆ ห่างออกไป จนกระทั่งแม่เขาจากไปนั่นแหละ จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยบอกว่าความจริงแล้วเขาไปทำอะไรที่นั่น”

 

 

คุณยายนึกย้อนถึงเรื่องนี้แล้วก็ถอนหายใจ “ยายอยากรู้มาตลอดว่าถ้าตอนนั้นยายยอมให้แม่เขาไปเรียนซะจะเป็นยังไง ตอนนั้นถ้าเราทำงานให้หนักขึ้นแล้วก็ยอมส่งให้เขาได้เรียนมหาวิทยาลัย บางทีเรื่องมันอาจจะไม่ลงเอยแบบนี้ นี่แม่เขาต้องออกไปลำบากตรากตรำตามลำพังอยู่ที่โน่น คงจะทุกข์ทรมานมากทีเดียว เพราะอย่างนี้ไงล่ะเขาถึงได้หมดแรงสู้ในเวลาไม่นานแล้วก็…จากไป”

 

 

หลินเช่อจับมือคุณยายไว้แล้วพูดว่า “ไม่มีใครอยากให้มันเป็นแบบนี้หรอกค่ะ ตอนนั้นสถานการณ์ของทุกคนก็ล้วนแต่ย่ำแย่ ยายเองก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้นเหมือนกัน”

 

 

“ยายเป็นแค่คนบ้านนอกคอกนา ไม่เข้าใจเรื่องแบบนี้นักหรอกจ้ะ ไม่ใช่คนที่ได้รับการอบรมให้รู้เรื่องพวกนี้ เพราะฉะนั้นกว่าที่ยายจะเข้าใจ ทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว แต่ยายเชื่อนะจ๊ะ ว่าแม่ของหลานไม่ใช่คนเลว พวกเขาบอกว่าแม่เขาไปเป็นคนรักของคนอื่นแต่ยายไม่เคยเชื่อเลย แม่เขาจะต้องถูกหลอกแน่ๆ”

 

 

“ค่ะ หนูเองก็ไม่เชื่อเหมือนกัน”

 

 

ทั้งสองพูดคุยกันต่อไปอีกพัก หลินเช่อก็พูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างงั้นหนูขอเอาภาพถ่ายกลับไปด้วยได้ไหมคะ คุณยาย หนูไม่มีรูปแม่เลยซักใบเดียว”

 

 

“ได้สิจ๊ะ ช่วยเอาไปเก็บไว้ให้ยายด้วยก็แล้วกัน ยายแก่มากแล้ว คงจะเก็บรักษาอะไรไว้ไม่ได้อีกนานนัก”

 

 

“ไม่หรอกค่ะ คุณยายแข็งแรงกว่าหนูซะอีก คุณยายจะต้องอายุยืนไปอีกนานแน่ๆ ค่ะ!”

 

 

เที่ยงวัน ทั้งสองก็รับประทานอาหารกัน อยู่ๆ กู้จิ้งเจ๋อก็พูดขึ้นว่า “คุณยายครับ ผมเตรียมบ้านหลังใหม่เอาไว้ให้ใกล้ๆ ที่นี่แล้ว บ้านนี้ไม่ค่อยสะดวกสบายนัก ทำไมคุณยายไม่ย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่สบายกว่านี้ซะวันพรุ่งนี้เลยล่ะครับ”

 

 

เมื่อคุณยายได้ยินก็ถึงกับช็อก “อา ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอกจ้ะ ยายแก่แล้ว จะอยู่ได้อีกซักกี่ปีกันเชียว ยายจะไปอยู่ที่นั่นได้ยังไง แค่บ้านนี้ก็ดีถมไปแล้วสำหรับฉันจ้ะ”

 

 

“คุณยายครับ ตอนนี้คุณยายอาจจะยังกระฉับกระเฉงอยู่ แต่คุณยายก็อายุมากแล้วนะครับ ที่นี่มันไม่สะดวกเท่าไหร่ ห้องน้ำกับห้องครัวก็ใช้ลำบาก บ้านหลังใหม่ที่ผมหาให้อยู่ถัดไปนี่เอง ไม่ไกลหรอกครับ ด้านหลังนี่เองครับ หลังไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่เหมาะกับคุณยาย ถ้าย้ายไปอยู่ตรงนั้น ก็ยังมีเพื่อนบ้านอาศัยอยู่รอบๆ ไม่ได้ทำรู้สึกแปลกที่อะไรเลย”

 

 

“แต่มันก็สิ้นเปลืองเปล่าๆ ยายไม่ต้องอยู่บ้านดีๆ หรอกจ้ะ” คุณยายยังคงยืนกราน

 

 

กู้จิ้งเจ๋อจึงบอกว่า “หลินเช่อทำงานหนักมากเพื่อที่จะทำให้ครอบครัวได้อยู่กันอย่างสบาย ไม่อย่างงั้นเราจะอยู่กันอย่างเป็นสุขได้ยังไงล่ะครับ ถ้าเรามีบ้านดีๆ อยู่แต่ผู้ใหญ่ในครอบครัวยังต้องอยู่อย่างลำบากแบบนี้ หลินเช่อเองก็อยู่ไกล ไม่สามารถมาคอยดูแลคุณยายได้ทุกวัน ถ้าคุณยายไปอยู่บ้านที่ดีกว่านี้ สบายกว่านี้ ก็จะได้ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อย หลินเช่อก็จะได้อยู่ที่เมืองบีได้อย่างสบายใจ จริงมั้ยครับ”

 

 

หลินเช่อได้ยินคำพูดเกลี้ยกล่อมนี้ แล้วก็ได้เห็นคุณยายพยักหน้า “จริงด้วยค่ะ จริงด้วย คุณยาย ไม่อย่างงั้นหนูก็คงต้องมาหาคุณยายบ่อยๆ แล้วก็คงไม่เป็นอันต้องทำงานแน่ๆ”

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของคุณยายก็เริ่มมีน้ำตาคลอ

 

 

ก่อนที่เธอจะยอมตกลงในที่สุด

 

 

หลังจากนั้นกู้จิ้งเจ๋อก็พาคุณยายและหลินเช่อไปยังบ้านใหม่ที่อยู่ทางด้านหลัง

 

 

บ้านใหม่นั้นอยู่ทางด้านหลังของหมู่บ้าน ไม่ไกลจากที่เดิมนัก ใช้เวลาเดินเพียงสิบนาที มีตึกเล็กๆ เรียงเป็นแถวอยู่ด้านหน้า และมีบ้านสไตล์อพาร์ทเมนท์อยู่ทางด้านหลัง

 

 

กู้จิ้งเจ๋อเลือกตึกเล็กๆ ทางด้านหน้าซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยกว่าสองร้อยตารางเมตร ตึกนั้นมีสองชั้น ตัวบ้านได้รับการรีโนเวทเรียบร้อยแล้ว สามารถย้ายเข้ามาอยู่ได้ทันทีที่ต้องการ

 

 

กู้จิ้งเจ๋อบอกว่า “ผมขอให้ย้ายห้องนอนแล้วก็เครื่องใช้ต่างๆ เอาไปไว้ที่ชั้นล่างแล้ว แบบนี้คุณยายจะได้ไม่ต้องขึ้นลงบันได”

 

 

คุณยายยังคงอดคิดไม่ได้ว่าเป็นความสิ้นเปลือง จึงบ่นว่า “ที่นี่มันใหญ่เกินไปแล้วก็ดีเกินไปนะจ๊ะ”

 

 

หลินเช่อหันไปมองชายหนุ่ม เขาเตรียมทุกอย่างสำหรับการย้ายบ้านครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว เขาหันไปมองหลินเช่อและถามว่า “แล้วนี่เธอมามองหน้าฉันทำไม”

 

 

หลินเช่อคิดแต่เพียงว่า เขาจัดการเรื่องทั้งหมดนี้เองคนเดียวอย่างเรียบร้อย

 

 

ตลอดเวลาที่เธอคิดว่าเขาทำงานของตัวเอง เพราะเห็นเขารับโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา กลับกลายเป็นว่าเขากำลังช่วยคุณยายหาบ้านหลังใหม่ต่างหากล่ะ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด