เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก – ตอนที่ 377 ใครบางคนขโมยซีนในงานเปิดปารีส แฟชั่น วีค

อ่านนิยายจีนเรื่อง เจ้าสาวจอมจุ้นขอลุ้นรัก ตอนที่ 377 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

สายตาของหลินเช่อกระตุกเล็กน้อยเมื่อตอบว่า “เพื่อนสนิทสมัยเด็กๆ น่ะ” 

 

 

“เข้าใจละค่ะ พี่เช่อนี่หน้าตาดี คนที่พี่รู้จักก็มีแต่คนหน้าตาดีๆ ทั้งนั้นเลยนะคะ” 

 

 

หลินเช่อหัวเราะ “ใช่สิ รวมทั้งเธอด้วยไงล่ะ” 

 

 

“ไม่หรอกค่ะ” 

 

 

“ทำไมจะไม่ใช่ล่ะ เธอเองก็เป็นคนรู้จักของฉันเหมือนกัน แล้วเธอก็หน้าตาดีซะด้วย” 

 

 

กู้จิ้ิ้งอวี่เพียงแค่กลับมากินข้าว แล้วหลังจากนั้นเขาก็ออกจากโรงแรมไป 

 

 

หญิงสามทั้งสามออกตะลอนอยู่ข้างนอกตลอดวันและกลับเข้ามายังโรงแรมในช่วงบ่าย เพื่อเตรียมตัวสำหรับงานแฟชั่นโชว์ในวันรุ่งขึ้น 

 

 

มีเสื้อผ้าลำลองสำหรับสวมใส่อีกส่วนหนึ่งที่ถูกส่งมาพร้อมกัน 

 

 

หลังจากที่ทั้งสามคนเลือกเสื้อผ้าเรียบร้อย หลินเช่อกำลังนอนเอกเขนกอย่างสบายใจเมื่อเธอได้ยินใครบางคนเคาะประตู 

 

 

หญิงสาวนึกแปลกใจ แต่คิดว่าน่าจะเป็นพนักงานโรงแรม เธอจึงเปิดประตู 

 

 

เมื่อเปิดประตูออก หลินเช่อก็มองเห็นฉินชิงยืนอยู่ ซึ่งทำให้เธอประหลาดใจอย่างมาก 

 

 

“ฉินชิง…” 

 

 

“หลินเช่อ” เขายิ้มและชะเง้อมองเข้าไปในห้อง “ฉันเข้าไปได้มั้ย” 

 

 

“อา ได้สิ” หญิงสาวรีบหลีกทางให้เขาเข้ามาในห้อง 

 

 

หลังจากนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ฉินชิงก็มองดูชุดต่างๆ ที่แขวนไว้ในห้อง ทุกชุดล้วนสวยงามน่าทึ่ง จนเขาอดออกปากไม่ได้ “เธอเคยบอกว่าอยากจะเป็นนักแสดงแล้วก็กลายเป็นดารา ใครจะไปคิดล่ะว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะกลายเป็นดาราดังไปซะแล้ว” 

 

 

หลินเช่อนึกย้อนไปถึงเรื่องราววันวานแล้วก็หัวเราะ “อา ไม่หรอกจ้ะ ฉันไม่ใช่ดาราดังอะไรซักหน่อย…” 

 

 

ฉินชิงมองดูเธอ เขารู้ดีว่าหลินเช่อไม่ใช่ผู้หญิงของเขาอีกแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากใกล้ชิดกับเธอ 

 

 

หลินเช่อเองก็ยินดีที่ได้พบเขา เพียงแต่เมื่อเขากับหลินลี่เลิกรากันไปได้พักใหญ่แล้ว การได้มาเจอหน้ากันอีกครั้งแบบนี้จึงทำให้อดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้ 

 

 

แต่เมื่อเธอนึกย้อนกลับไปถึงสมัยที่ยังเป็นเด็ก เธอก็รู้สึกดีขึ้น ทั้งเธอและฉินชิงเติบโตมาด้วยกัน และนั่นทำให้เขาแตกต่างจากคนอื่น 

 

 

ชายหนุ่มถามขึ้นว่า “แล้วทำไมเธอถึงได้มาร่วมเดินพรมแดงกับกู้จิ้ิ้งอวี่ในงานนี้ได้ล่ะ” 

 

 

“โอ เรื่องนั้น คือเราเล่นหนังด้วยกันน่ะจ้ะ ก็เลยได้มาร่วมงานนี้ด้วยกัน” 

 

 

“นี่พวกเธอแสดงหนังด้วยกันเหรอ หนังของเขาส่วนมากก็ดังระเบิดทุกเรื่องเลยนี่นา คราวนี้เธอคงได้ดังเป็นพลุแน่” 

 

 

“ไม่หรอกจ้ะ นั่นยังไม่แน่หรอก ตอนนี้หนังก็ยังถ่ายทำไม่เสร็จ ฉันยังไม่อยากคิดอะไรไปมากกว่านั้น แต่ก็แอบหวังอยู่นะว่ามันจะดังน่ะจ้ะ ถ้ากลายเป็นหนังฮิตขึ้นมาได้ก็ยอดไปเลย” 

 

 

ฉินชิงมองดูรอยยิ้มจริงใจของอีกฝ่ายแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมเขาถึงไม่สนใจรอยยิ้มสวยสดใสของหลินเช่อมาก่อนเลยนะ 

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรอีก โทรศัพท์ของหลินเช่อก็ดังขึ้นซะก่อน 

 

 

เธอรีบขอโทษเขา ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ และเดินหลบไปรับสาย 

 

 

ชายหนุ่มนิ่งนั่งมองเธอ เขาได้ยินเสียงเธอพูดว่า “เฮ้ ทำไมคุณยังไม่นอนอีกล่ะคะ” 

 

 

หลินเช่อเป็นผู้หญิงตัวเล็กที่มีเสน่ห์มากทีเดียว และเขาก็รู้ได้ในทันทีว่าคนที่โทรมาก็คือกู้จิ้งเจ๋อนั่นเอง 

 

 

เธอหัวเราะและตอบกลับไปว่า “จะบ้าเหรอ ไม่ได้สิคะ” 

 

 

หลินเช่อกลอกตาขณะพูดว่า “ไร้สาระจริง นี่ทำไมคุณถึงได้เป็นคนพูดจาเหลวไหลอย่างนี้คะเนี่ย” 

 

 

เธอหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ก็ได้ค่ะ ก็ได้ รอฉันซื้อของกลับไปฝากก็แล้วกันนะคะ” 

 

 

ฉินชิงหรี่ตาขณะเฝ้ามอง ตอนนี้เขาเองก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย นี่หลินเช่อกับกู้จิ้งเจ๋อพูดคุยกันแบบนี้เป็นปกติงั้นเหรอ 

 

 

ฟังดูแล้วไม่เหมือนกู้จิ้งเจ๋อเลยซักนิด 

 

 

หลินเช่อคุยต่ออีกครู่หนึ่งก่อนจะขอตัวเข้านอน เธอวางสายและหันกลับมาหาเขาด้วยท่าทีอายๆ และพูดว่า “ฉันคงรับสายนานไปหน่อยสินะจ๊ะ” 

 

 

ชายหนุ่มลุกขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก ฉันแค่แวะมาหาเธอน่ะ นานๆ จะมีโอกาสได้มาเจอกันในที่ไกลๆ แบบนี้ซักที งานพรุ่งนี้ขอให้ประสบความสำเร็จนะ ถ้ามีโอกาสคงได้เจอกัน” 

 

 

“อืม โอเคจ้ะ” 

 

 

หลินเช่อบอกลาเขาและยืนมองเขาเดินจากไป หญิงสาวยืนพิงประตู พลางหวนนึกถึงเมื่อครั้งที่เธอเป็นฝ่ายแอบหลังรักเขาข้างเดียว แต่ตอนนี้ความรู้สึกต่างๆ กลับชืดชาลงเหลือเพียงแค่การทักทายกันตามมารยาทเท่านั้น 

 

 

แต่ถึงอย่างนั้น ฉินชิงก็ยังเป็นฉินชิงคนเดิม เขาคือผู้เติมเต็มความสว่างไสวและอบอุ่นในความทรงจำของเธอ 

 

 

เธอหวังว่าเขาจะได้มีชีวิตที่ดีหลังจากเลิกรากับหลินลี่ 

 

 

วันต่อมา  

 

 

การเดินพรมแดงนับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่สุดเหนือกิจกรรมอื่นใด หลินเช่อและอวี๋หมินหมิ่นยืนรออยู่ด้วยกันที่ด้านนอก หลินเช่อมองเห็นผู้คนสวยหล่อมากมายแน่นขนัดไปหมด มีดาราดังๆ จากหลายประเทศมาร่วมงาน บรรยากาศจึงแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับงานแบบเดียวกันในประเทศของเธอ 

 

 

นั่นทำให้หญิงสาวชักเริ่มเป็นกังวล 

 

 

กู้จิ้ิ้งอวี่จะเป็นคนพาเธอเดินเข้างาน แต่เขาก็ต้องนั่งรถมาพร้อมกับคนอื่น ทำให้ไม่สามารถมาพร้อมกันกับหลินเช่อได้ นี่ทำให้หญิงสาวยิ่งกังวลหนัก เธอบิดมือกระสับกระส่ายอยู่ในรถและพูดขึ้นว่า “ถ้าคราวนี้ฉันทำเรื่องน่าขายหน้าละก็ มันจะกลายเป็นความขายหน้าระดับชาติเลยนะคะ ชุดฉันโอเคหรือยังคะ มันจะไม่หลุดออกมาเวลาที่เดินใช่มั้ย”  

 

 

อวี๋หมินหมิ่นจึงบอกว่า “พอที ถ้าเธอขืนทำหลุดจริงๆ ละก็ รับรองได้ว่ากลับไปบ้านเธอจะได้เป็นข่าวหน้าหนึ่งแน่นอน” 

 

 

“หือ…อย่าขู่ฉันสิคะ ฉันบอกแล้วไงล่ะว่าเสื้อเกาะออกแบบนี้มันหลุดง่ายออกจะตาย” 

 

 

“เอาละ นี่เธอจะกลัวอะไรนักหนานะ นอกจากดาราจากประเทศเราแค่ไม่กี่คน คนอื่นเธอก็ไม่รู้จักเขาซักหน่อย มีอะไรให้ต้องคิดมากกัน ปกติแล้วสื่อจากประเทศอื่นจะไม่ถ่ายรูปดาราที่ไม่ใช่ประเทศของตัวเองซักหน่อย เขาก็มองเราเหมือนที่เรามองเขานั่นแหละ คือหน้าเหมือนๆ กันไปหมด” 

 

 

“พี่พูดถูกค่ะ” หลินเช่อดึงชุดให้ขยับขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะก้มลงมองการ์ดเชิญ 

 

 

“นี่ไม่ใช่บัตรปลอมใช่มั้ยคะ ถ้าฉันเข้าไปแล้วโดนเขาไล่ออกมานี่อดเดินพรมแดงเลยนะ แถมยังต้องโดนเอาไปเล่าให้ขายหน้าอีกต่างหาก” 

 

 

“หยุดซะที กู้จิ้ิ้งอวี่ไม่มีทางเอาบัตรปลอมให้เธออยู่แล้วละน่า เอ้า เร็วเข้า ไปเถอะ” 

 

 

อวี๋หมินหมิ่นไม่ยอมให้หลินเช่อพร่ำเพ้อต่อไปอีก และลากหญิงสาวลงจากรถ 

 

 

ทั้งสองผ่านขั้นตอนการตรวจเช็คและเดินเข้างานไป พรมแดงที่ด้านนอกนั้นคลาคล่ำไปด้วยเหล่าดารามากมาย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับหลินเช่อเพราะเธอไม่รู้จักพวกเขาซักคน  

 

 

ตอนนี้ เธอพอจะมองเห็นคนคุ้นหน้าอยู่สองสามคนด้านนอกที่มาจากวงการบันเทิงของประเทศซี เธอจึงถามขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “พวกนั้นเขามายืนอยู่ข้างนอกกันทำไมคะ” 

 

 

อวี๋หมินหมิ่นอธิบายว่า “พวกนั้นนั่นแหละที่ควรจะเป็นกังวล พวกเขาไม่มีบัตรเชิญ แต่ขอมาร่วมเดินพรมแดงน่ะสิ พวกเขาเข้าไปในงานไม่ได้ ก็เลยมายืนถ่ายรูปกันอยู่ข้างนอกนี่ เพื่อให้ได้เป็นข่าวซักหน่อย” 

 

 

“เข้าใจละค่ะ” 

 

 

ในขณะเดียวกัน ที่ประเทศซีเองก็ให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในงานแฟชั่น วีคไม่น้อย 

 

 

ดาราที่มาร่วมเดินพรมแดงบางคนเริ่มโพสต์ภาพของตัวเองกันแล้ว 

 

 

ภาพในงานแฟชั่น วีคเหล่านี้ทำให้บรรดาชาวเน็ตพากันถกเถียงเปรียบเทียบว่าใครดูเป็นเจ้าแม่แฟชั่นมากกว่ากัน 

 

 

ในขณะเดียวกันที่งาน ทุกคนกำลังยืนรออยู่ที่พรมแดง เนื่องจากรายชื่อของนักแสดงที่จะได้เดินพรมแดงนั้นยาวเหยียดมากทีเดียว ทุกคนจึงรอคอยดูว่า ใครบ้างที่เป็นแขกที่ได้รับเชิญตัวจริง และใครบ้างที่เป็นคนขอมาร่วมเดิน 

 

 

แล้วตอนนั้นเอง นักข่าวคนหนึ่งที่ด้านหน้าก็อุทานขึ้นมาว่า “นั่นฉินหวานหว่านหรือเปล่าน่ะ” 

 

 

เมื่อหลินเช่อได้ยินชื่อนั้นก็เงยหน้าขึ้นมอง 

 

 

แล้วเธอก็ได้เห็นฉินหวานหว่านในชุดสีแดงงดงาม หล่อนมาเดินพรมแดง ชุดแบบเรโทรที่ได้รับการออกแบบใหม่ที่เจ้าตัวสวมนั้นเปิดแผ่นหลังทั้งหมดให้เห็นและมีหางกระโปรงยาว ดูโดดเด่นสะดุดตาอย่างยิ่งเมื่ออยู่บนพรมแดง 

 

 

ฉินหวานหว่านหมุนตัว ยิ้ม และโบกมือให้นักข่าว 

 

 

นักข่าวต่างประเทศบางคนก็หันกล้องมาทางหล่อนด้วย 

 

 

หลินเช่ออดรู้สึกทึ่งไม่ได้ “ว้าว เขาจะต้องกลายเป็นข่าวดังแน่ๆ” 

 

 

ฉินหวานหว่านโดดเด่นมากจริงๆ สิ่งสำคัญก็คือเธอดูดี ถ้าหากว่าหล่อนแต่งออกมาดูแย่ ก็คงจะโดนวิจารณ์เละ แต่นี่หล่อนดูสวยมากจริงๆ 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด