ยัยน่ารักนักสะสมของแถม – ตอนที่ 23 จิงซี ลูกพูด?

อ่านนิยายจีนเรื่อง ยัยน่ารักนักสะสมของแถม ตอนที่ 23 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
ตอนที่ 23 จิงซี ลูกพูด?
รถหรูขับเข้าถนนที่มีการจราจรหนาแน่น หลังส่งเซิ่งอั้นหรานกับเซิ่งเสี่ยวซิงกลับบ้าน ระหว่างทางกลับก็ดันเป็นช่วงเวลาที่การจราจรติดขัดสุดในเมืองจินหลิง
ถ้าเป็นปกติ อวี่จิงซีจะดูหงุดหงิดเล็กน้อย แต่วันนี้เขากลับเงียบ จับสีเทียนเพื่อวาดภาพบนกระดานวาดรูปน้อย ๆ ของเขา
อวี่หนานเฉิงคิดถึงร้านอาหารญี่ปุ่น และรู้สึกแปลก
อวี่จิงซีชอบเซิ่งอั้นหราน แน่นอน มันอาจเพราะเธอช่วยเหลือเขา แต่แล้วลูกสาวเธอละ? แม้เด็กสาวจะน่ารัก มันก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นเด็กสาวน่ารักที่มาคุยเล่นกับอวี่จิงซีในอดีต แต่เขาไม่สนใจใครเลย
ขณะกำลังคิด แขนเสื้อก็พลันตึง อวี่หนานเฉิงได้สติและมองด้านข้าง
อวี่จิงซีกำลังถือกระดานวาดรูปอวดเขา สีหน้าของเขาตื่นเต้นมาก
บนกระดานวาดรูปขาว เขาวาดผู้ชายกับผู้หญิงด้วยสีเทียน เด็กอยู่ตรงกลางระหว่างทั้งสอง ท้องฟ้าเป็นสีฟ้า ดวงอาทิตย์เป็นสีทอง หญ้าเป็นสีเขียว ทุกอย่างสวยมาก
อวี่หนานเฉิงมองภาพวาดอยู่นานและถาม
“จิงซี อยากได้แม่งั้นเหรอ?”
อวี่จิงซีพยักหน้า บีบคำพูดออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ
“แม่!”
วินาทีที่เขาได้ยินคำเหล่านี้ สีหน้าอวี่หนานเฉิงก็เปลี่ยนไป แม้กระทั่งดวงตาของเขายังเบิกโพลง คนที่มักสงบและเฉยชาตอนนี้กลับพูดตะกุกตะกัก
“จิงซี ลูกพูด”
ตั้งแต่อวี่จิงซีเป็นไข้สูงสามปีก่อน เขาก็ไม่เคยได้ยินลูกเขาพูดเลย
นี่เป็นครั้งแรกในรอบสามปี
อวี่จิงซีมองเขาอย่างคาดหวัง และมือน้อยก็คว้าจับกระดานวาดรูปแน่น
มันใช้เวลานานกว่าอารมณ์ของอวี่หนานเฉิงจะสงบลง จากนั้นค่อยก็ค่อย ๆ คิดว่าบางทีมันอาจเป็นเพราะเขาเห็นเซิ่งอั้นหรานกับเสี่ยวซิงซิงตอนกลางวัน ซึ่งทำให้จิงซีอิจฉา และเขาก็รู้สึกผิดในใจ
ก่อนตัดสินใจมีลูก เขายังหนุ่มยังแน่น คิดแค่อยากมีลูกสักคน และก็ให้ปู่ดูแล แต่ไม่คิดเลยว่าต่อมาเขาจะมีหัวใจเข้าจริง ๆ ถ้าเขารู้แต่แรก เขาคงไม่ยอมปล่อยให้ชีวิตน้อย ๆ เกิดมาบนโลกนี้เพียงลำพังด้วยความกลัว
ครอบครัวนั้นสำคัญสุด เขาควรเข้าใจดีกว่าใครอื่น
พอคิดแบบนี เขาก็ลูบหัวอวี่จิงซีด้วยสีหน้าอ่อนโยน
“งั้นพ่อจะหาแม่ให้ลูกเอง”
อวี่จิงซีหัวเราะอย่างมีความสุข และหางตาก็หรี่ลงเป็นรูปเสี้ยวพระจันทร์
“ฉันไปโรงเรียนแถวนี้มาหมดแล้ว แต่สิ่งอำนวยความสะดวกด้านการแพทย์ไม่ดีเลย โรงเรียนหลายแห่งไม่สะดวกพาเด็กไปโรงพยาบาล ฉันหวังว่าอาการหอบหืดของเสี่ยวซิงซิงจะกำเริบที่โรงเรียนแล้วพวกเขาจะพาเธอไปหาหมอไม่ทัน”
ทันทีที่กลับบ้าน เซิ่งอั้นหรานก็โทรหาถานซูจิง ผู้กำลังเดินทางไปคุยธุระที่ต่างประเทศ
ถานซูจิงคือเพื่อนที่เธอพบตอนเธอไปต่างประเทศ ทั้งคู่เป็นคนตรงไปตรงมา ตอนเห็นหน้าครั้งแรก อีกฝ่ายก็รับเสี่ยวซิงซิงเป็นลูกสาวบุญธรรม ครั้งนี้ เธอตัดสินใจพาลูกสาวเธอกลับมาจีนโดยอาศัยในบ้านของถานซูจิง
เสียงของซูจิงอีกปลายสายเองก็เต็มไปด้วยความกังวล
“ฉันได้ถามแล้ว ฉันมีญาติห่าง ๆ ที่ทำงานเป็นอาจารย์ในโรงเรียนอนุบาลเอกชน ตรงข้ามโรงเรียนเป็นโรงพยาบาลสภาประชาชนแห่งชาติ แต่การสมัครยุ่งยาก ฉันไม่แนะนำ”
“ยากยังไง?” เซิ่งอั้นหรานถาม
เพราะสภาพของเสี่ยวซิงซิง เธอจึงให้ความสนใจกับการแพทย์ กลัวว่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น
“ได้ ฉันจะส่งแบบฟอร์มให้เธอดูละกัน”
“ดี”
มันดึกแล้ว และเซิ่งอั้นหรานก็จ้องเอกสารที่พิมพ์ออกจากเครื่องแฟกซ์ด้วยหัวใจเต้นกระหน่ำ
การเข้าโรงเรียนอนุบาลเอกชนนี้ลำบากมาก มันยังต้องให้รัฐบาลอนุมัติ นี่มันอะไรกัน? เด็กในโรงเรียนนี้คือลูกเจ้าหลานเธอกันหมดหรือไง?
เพราะเหตุนี้ เซิ่งอั้นหรานจึงตื่นตลอดคืน และไปโรงแรมเพื่อทำงานวันต่อมาด้วยสภาพอดหลับอดนอน
“ก็อก ก็อก ก็อก”
“เข้ามาได้” พอเห็นว่าคนคนนั้นคือผู้ช่วยโจวฟางของอวี่หนานเฉิง เซิ่งอั้นหรานก็แปลกใจเล็กน้อย
“ผู้ช่วยโจว มาทำไมงั้นเหรอคะ?”
กลุ่มเซิ่งถังยังอยู่ค่อนข้างไกลจากโรงแรมที่เธอทำงาน มันต้องใช้เวลาและความพยายามเพื่อเดินไปมา
โจวฟางยิ้ม” ผมมาทำธุระที่โรงแรมพอดีเลยแวะมาถามผู้จัดการเซิ่ง”
“ถามอะไรคะ?”
“ประธานอวี่ถามตอนเช้าว่าคุณจะส่งแผนการจัดงานเลี้ยงครบรอบโรงแรมอีกสองเดือนตอนไหน?”
“แผนงานครบรอบ?” เซิ่งอั้นหรานไม่รู้” ฉันคงไม่ได้มีหน้าที่ต้องจัดการเรื่องนี้หรอกใช่ไหม?”
“มันเป็นกฎของโรงแรมเซิ่งถังครับ คุณอาจไม่รู้” โจวฟางอธิบาย
“แผนครบรอบเป็นสิ่งที่ผู้จัดการระดับกลางและอาวุโสของทั้งบริษัทต้องเข้าร่วม ไม่ว่าจะอยู่แผนกไหนก็ตาม พนักงานธรรมดาเป็นแบบสมัครใจ แต่ระดับกลางกับสูงขึ้นไปเป็นข้อบังคับ ซึ่งเป็นประเพณีของบริษัทเรา ประธานอวี่กลัวว่าคุณอาจไม่รู้ เขาจึงให้ผมมาเตือนครับ”
เซิ่งอั้นหรานกังขาเล็กน้อย เธอยังไม่ผ่านช่วงลองงาน และการเดิมพันกับอวี่หนานเฉิงก็ยังไม่บรรลุ แต่งานนี้จะเริ่มในอีกสองเดือนพอดี? นี่ไม่ไร้สาระไปหน่อยเหรอ?
แต่เธอก็ยังต้องไว้หน้าเขา” งั้นฉันจะรีบเตรียมตัวค่ะ”
“ครับ งั้นผมคงต้องขอตัวลา”
“ผู้ช่วยโจว รอก่อนค่ะ” เซิ่งอั้นหรานคิดอะไรได้ และหยุดโจวฟาง หยิบกล่องอาหารกลางวันออกจากกระเป๋าเก็บความร้อนและส่งมัน
“นี่คือลูกชิ้นเนื้อที่ฉันทำเองค่ะ ยังมีอาหารเคียง ลูกชายของประธานอวี่ชอบมันมาก คุณช่วยเอามันไปให้เขาแทนฉันได้ไหมคะ?”
โจวฟางตกตะลึง ถ้าเป็นปกติ เขาคงไม่ตกตะลึง อวี่หนานเฉิงมักหงุดหงิดพนักงานหญิงของบริษัทที่มาทำอะไรแบบนี้ และทันทีที่เขาเข้าบริษัท และรับตำแหน่งนี้ เขาก็เตือนหลายคนแล้วถึงการทำเรื่องไร้สาระแบบนี้
แต่กับเซิ่งอั้นหราน? เขาสับสนเล็กน้อย เร็ว ๆ นี้บริษัทมีข่าวลือหนาหูมากมายเกี่ยวกับเธอและประธานอวี่
หลังลังเลสักพัก เขาก็ถาม” นี่เป็นอาหารกลางวันคุณไม่ใช่เหรอครับ?”
“คือ ลูกสาวฉันกำลังจะเข้าเรียน ฉันจึงค่อนข้างยุ่ง บ่ายนี้ฉันอาจต้องออกไป ฉันคงกินไม่ทัน ฉันน่าจะหาซื้ออะไรข้างนอกกินเอานะคะ”
โจวฟางรับมันมาเพราะเขาไม่อยากเสียมารยาท
ผู้จัดการเซิ่งคนนี้ตลกจริง ๆ
พอกลับไปบริษัท โจวฟางก็วางข้าวของบนโต๊ะกาแฟ รายงานอวี่หนานเฉิงด้านหลังโต๊ะถึงสถานการณ์ของโรงแรมหลายแห่งที่ไปตรวจสอบมา
อวี่หนานเฉิงฟัง ดวงตาของเขามองข้ามไหล่โจวฟาง หยุดที่โต๊ะกาแฟด้านหลังเขา
“จิงซี นั่นลูกกำลังกินอะไร?”
โจวฟางตกตะลึงและหันไปมอง เขาเห็นอวี่จิงซีกำลังถือกล่องอาหารเป็ดเหลืองที่เขานำกลับมา ถือช้อนด้วยมือข้างหนึ่ง ตักอาการ กินเต็มปากเต็มคำ
“ผู้จัดการเซิ่งขอให้ผมนำมันกลับมาให้นายน้อยครับ” เขารีบอธิบาย
พอได้ยินว่าเป็นของเซิ่งอั้นหราน อวี่หนานเฉิงก็ผ่อนคลาย และพยักหน้าเล็กน้อย
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของอวี่หนานเฉิงดูไม่รังเกียจหรือระวัง แถมนายน้อยผู้มักเลือกกินยังกินไม่หยุด โจวฟางก็แปลกใจ
เจ้านายเชื่อใจผู้จัดการเซิ่งมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร?

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด