หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 11 พิเศษ

อ่านนิยายจีนเรื่อง หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร ตอนที่ 11 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 11

พิเศษ

 

 

“ข้ามาเข้าสำนักตามคำสั่งของอาจารย์ขอรับ นี่เป็นจดหมายจากอาจารย์”หนิงหลงเดินเข้าไปหาหว่านจือก่อนจะนำจดหมายฉบับหนึ่งออกมาเตรียมจะมอบให้ตามที่อาจารย์สั่ง เห็นอาจารย์บอกว่าขอเพียงยื่นจดหมายให้ก็เข้าสำนักได้เลย

 

กึก….

 

แต่แทนที่จะรับจดหมายเอาไว้ หว่านจือกลับปัดจดหมายของหนิงหลงออกก่อนจะมองหนิงหลงด้วยท่าทีไม่ชอบใจนัก

 

“ข้าไม่สนหรอกนะว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นใคร แต่จดหมายแบบนี้ใช้อะไรไม่ได้หรอก หากเจ้าอยากจะเข้าสำนักก็เข้ารับการทดสอบอย่างถูกต้องซะ”หว่านจือว่าพลางแสดงท่าทีไม่พอใจออกมา เจ้าคนที่หวังจะพึ่งพาอำนาจของผู้อื่นนี้สำหรับหว่านจือช่างไร้ความเหมาะสมกว่าเจ้าจงอะไรนั่นเป็นสิบๆเท่า

 

“งั้นหรือขอรับ งั้นข้าต้องทดสอบอะไรหรือขอรับ”หนิงหลงได้ยินว่าจดหมายใช้ไม่ได้ก็ได้แต่เก็บจดหมายไป ก็ในเมื่อพวกเขายืนยันว่าต้องทำการทดสอบเช่นนั้นก็ทำการทดสอบตามที่พวกเขาบอกก็จบไม่ใช่หรือ

 

“ตามข้ามา”หว่านจือว่าพลางพาหนิงหลงเดินไปที่ลานฝึกของสำนักเพื่อจะเริ่มการทดสอบ ส่วนศิษย์พี่อย่างหลี่ซานจงนั้นกลับไม่คิดจะตามไป แม้จะนิสัยเสียไปบ้างแต่หว่านจือก็เป็นศิษย์ที่ได้รับการยอมรับจากคนในสำนัก หากหว่านจือบอกว่าทดสอบผ่านก็ไม่มีใครคิดจะคัดค้านหรอก

 

“อ่าว…ซานจง เจ้ามาทำอะไรตรงนี้งั้นหรือ”ระหว่างกำลังจะกลับเข้าไปด้านใน ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในสำนักพร้อมเอ่ยปากทักทายหลี่ซานจงด้วยท่าทีคุ้นเคย

 

“อาวุโสหง ท่านออกไปทำธุระมาหรือขอรับ”หลี่ซานจงถามพลางมองอาวุโสหงที่เพิ่งกลับเข้ามาในสำนักด้วยท่าทีประหลาดใจ ไม่เห็นรู้เลยว่าอาวุโสหงมีธุระอะไรข้างนอก

 

“ใช่ ได้ยินว่าคนรู้จักของท่านเจ้าสำนักกำลังเดินทางมาถึงเมืองอัคนีข้าก็เลยจะออกไปรับเสียหน่อย ไม่นึกเลยว่าจะคลาดกันได้”อาวุโสหงว่าพลางถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยใจ

 

“คนรู้จักของท่านเจ้าสำนักหรือขอรับ”หลี่ซานจงได้ยินก็มีท่าทีตกใจมากขึ้นไปอีก เจ้าสำนักของสำนักเพลิงบัญญัติคือยอดฝีมือที่ใช้เพลิงได้เก่งกาจที่สุดเป็นบุคคลระดับตำนานที่เหล่าศิษย์ในสำนักภูมิใจ หากจะมีคนรู้จักของเจ้าสำนักมาพบก็คงต้องเป็นผู้สูงศักดิ์เป็นแน่

 

“เห็นว่าเป็นศิษย์ของคนรู้จักฝากให้มาฝึกฝนการควบคุมไฟกับท่านเจ้าสำนักโดยตรงด้วย ข้าอยากเห็นกับตาจริงๆว่าเป็นเด็กแบบไหน”อาวุโสหงพูดด้วยท่าทีเสียดาย ท่านเจ้าสำนักถึงกับรับสอนด้วยตนเองเชียวนะ

 

“ฝากฝังหรือขอรับ ข้านึกว่าสำนักเราไม่รับศิษย์แบบนั้นเสียอีก”หลี่ซานจงได้ยินก็ยิ่งแปลกใจ ตลอดมาสำนักเพลิงบัญญัติไม่มีเรื่องเช่นนี้มาก่อนไม่ใช่หรืออย่างไร

 

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอก แต่ได้ยินว่าลูกศิษย์คนนั้นสำเร็จวิชาควบคุมเพลิงขั้นที่หกไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องทดสอบอะไร แถมท่านเจ้าสำนักจะรับเข้าเป็นศิษย์ส่วนตัวอีกด้วย จริงสิถ้ามีชายที่ชื่อหนิงหลงเดินทางมาก็ต้อนรับเขาให้ดีล่ะ”ตอนแรกหลี่ซานจงก็แค่ตกใจนิดหน่อย แต่พอยิ่งได้ฟังก็ยิ่งทำหน้าถอดสี หนิงหลง งั้นหรือ ไม่ใช่ว่าเด็กที่หว่านจือเพิ่งจะพาเข้าไปก็ชื่อนี้ไม่ใช่หรือ

 

.

 

.

 

.

 

“เจ้าเห็นนี่ไหม มันคือแผ่นโลหะนิลเยือก เป็นแร่ที่มีคุณสมบัติความเย็นและทนความร้อนได้สูงมาก ถ้าเจ้าหลอมมันได้ด้วยไฟของเจ้าก็ถือว่าทดสอบผ่าน”หว่านจือพาหนิงหลงเดินเข้าไปที่ลานฝึกก่อนจะเดินมายืนกอดอกที่หน้าเสาโลหะที่สูงราวๆ 2 เมตรด้วยท่าทางเหมือนกำลังทำตัวเป็นครูฝึกไม่มีผิด

 

“ขอรับ….”หนิงหลงเห็นแร่นิลเยือกก็เบิกตาเป็นประกาย แร่นิลเยือกแม้ไม่ได้หายาก แต่ก็เป็นแร่ที่มีราคา ได้เห็นชิ้นใหญ่เช่นนี้ทำเอาอยากหลอมไปทำอาวุธเลย

 

“รออะไรอยู่ล่ะ ใช้พลังของเจ้าหลอมมันซะ”หว่านจือยิ้มออกมาบางๆพลางมองท่าทีของหนิงหลงอย่างใจเย็น จริงๆแล้วโลหะนิลเยือกจุดหลอมละลายสูงมาก ต่อให้เป็นหว่านจือเองก็หลอมมันไม่ได้หรอก แต่เดิมการทดสอบเข้าสำนักก็เพียงให้ผู้เข้าทดสอบแสดงพลังของตนออกมากับเสาเหล็กนิลเยือกเพื่อดูว่าจะใช้ไฟได้ดีแค่ไหนเท่านั้น

 

“งั้น….”หนิงหลงมองเหล็กนิลเยือกด้วยท่าทีตื่นเต้น ในกำไลของหลินฟานมีแร่ต่างๆอยู่บ้าง ซึ่งเหล็กนิลเยือกก็มีอยู่ด้วยทำให้หนิงหลงเคยหลอมเหล็กนิลเยือกมาแล้ว เพียงแต่ไม่เคยหลอมแผ่นที่ใหญ่ขนาดนี้มาก่อน ตัวเขาเองก็ไม่มั่นใจเช่นกันว่าจะสามารถหลอมมันได้หรือไม่

 

วูบ….

 

หนิงหลงยื่นมือไปสัมผัสแผ่นเหล็กนิลเยือกด้วยท่าทีตั้งใจก่อนจะใช้พลังวิญญาณของตนเปลี่ยนเป็นความร้อนส่งออกไปยังแผ่นเหล็กนิลเยือก สำหรับช่างตีเหล็กแล้วการหลอมโลหะถือเป็นงานสำคัญเช่นเดียวกับการถือค้อนสร้างรูปร่าง แม้จะไม่มั่นใจ แต่ก็คิดว่าตนเองทำได้แน่ๆเหมือนกัน

 

“หว่านจือ ไม่ต้องทดสอบแล้ว”หนิงหลงยังไม่ทันได้เริ่มหลอมเหล็กนิลเยือก อยู่ๆหลี่ซานจงก็วิ่งเข้ามาพร้อมห้ามการทดสอบเอาไว้เสียก่อน

 

“ศิษย์พี่มีอะไรงั้นเหรอ”หว่านจือขมวดคิ้วออกมาด้วยท่าทีงุนงง ทำไมต้องเข้ามาห้ามเอาไว้ด้วย การทดสอบกำลังจะเริ่มแล้วแท้ๆ

 

“หว่านจือ น้องชายผู้นี้เป็นคนรู้จักของท่านเจ้าสำนัก ไม่ต้องทำการทดสอบแล้ว”หลี่ซานจงตอบพลางเดินเข้าไปแนะนำตัวกับหนิงหลงอย่างสุภาพ แม้หลี่ซานจงจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ในรุ่นปัจจุบันของสำนักเพลิงบัญญัติ แต่หนิงหลงจะถูกรับเป็นศิษย์ส่วนตัวของท่านเจ้าสำนัก หลี่ซานจงที่เป็นเพียงศิษย์ธรรมดาย่อมมีฐานะต่ำกว่านิดหน่อย

 

“ล้อเล่นหรือเปล่าขอรับ ถึงจะเป็นคนรู้จักของท่านเจ้าสำนักก็เถอะ แต่การรับคนโดยไม่ทดสอบก่อนเช่นนี้มันไม่ถูกต้องนะขอรับ”แม้หลี่ซานจงจะเข้าใจ แต่หว่านจือที่ยึดถือกฎของสำนักอย่างมากกลับยอมฟัง ต่อให้เป็นใครก็ตามก็ต้องผ่านการทดสอบถึงจะเข้าสำนักได้ แบบนั้นถึงจะถูกต้องสิ

 

“ไม่จำเป็นต้องทดสอบหรอก เจ้าคือหนิงหลงสินะ”อยู่ๆเสียงของชายคนหนึ่งก็ดังออกมาจากทางประตูที่หลี่ซานจงเดินวิ่งเข้ามา ใบหน้าของชายที่เพิ่งจะเดินเข้ามานั้นเป็นใบหน้าที่ดูอ่อนโยน เพียงแต่ทันทีที่เห็นว่าผู้มาคือใคร หว่านจือและหลี่ซานจงก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที

 

“ท่านเจ้าสำนัก ยินดีที่ได้พบขอรับ”หลี่ซานจงพูดจบก็ก้มหัวลงไปต่ำกว่าเดิมมาก ชายผู้นี้คือ หยางเยี่ยนเหว่ย เจ้าสำนักเพลิงบัญญัตินั่นเอง

 

“หว่านจือ หนิงหลงเป็นศิษย์ของสหายข้า ที่เขาฝากฝังหนิงหลงให้ข้าดูแลนั้นไม่ได้ฝากเข้าเป็นศิษย์ของสำนักเพลิงบัญญัติหรอกนะ แต่เป็นการฝากตัวข้าที่เป็นสหายของเขาเท่านั้น หนิงหลงเลยไม่ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสำนัก แต่เป็นเหมือนญาติของข้าคนหนึ่งต่างหาก”เจ้าสำนักหยางพูดด้วยท่าทียิ้มแย้มก่อนจะมองไปทางหนิงหลงด้วยท่าทีเอ็นดู

 

“งั้น…..พวกเราควรปฏิบัติเช่นไรกับเขาดีขอรับ”หว่านจือที่ได้ฟังก็แสดงท่าทีงุนงงออกมา ไม่เข้าสำนักแต่มาอยู่ในสำนักงั้นหรือ แล้วแบบนี้หนิงหลงอยู่ตำแหน่งไหนกันแน่

 

“เขาเหมือนเป็นหลานของข้า งั้นก็ปฏิบัติกับเขาเหมือนอี้เฟยก็แล้วกัน”เจ้าสำนักหยางคิดอยู่พริบตาหนึ่งเท่านั้นก็ตัดสินใจออกมาอย่างง่ายดาย ในเมื่อรับหนิงหลงเข้ามาในฐานะหลาน ก็ให้หนิงหลงมีฐานะเหมือนบุตรสาวของตนอย่าง หยางอี้เฟย ก็แล้วกัน

 

“ขอรับ……”ได้ยินเจ้าสำนักบอกเช่นนั้นหว่านจือก็พอจะยอมรับได้ น้องหยางอี้เฟยเป็นบุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าสำนักอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น นางอาศัยอยู่ในสำนักเรียนรู้วิชาของสำนัก แต่น่าเสียดายที่ความสามารถของนางนั้นไม่ได้โดดเด่นอะไรนักทำให้ฝึกฝนวิชาของสำนักได้ไม่ดีเท่าที่ควร หากบุตรสาวของเจ้าสำนักที่ฝึกฝนวิชาได้ไม่ดีสามารถอาศัยในสำนักได้ หลานชายอย่างหนิงหลงต่อให้ฝีมืออ่อนแอแค่ไหนก็ได้รับสิทธิ์อยู่ในสำนักอยู่ดี

 

“หลานหนิงหลง เจ้าตามข้ามาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปดูห้องพักของเจ้า”เจ้าสำนักหยางเดินเข้าไปหาหนิงหลงก่อนจะพาหนิงหลงแยกออกไป ปล่อยให้ศิษย์ทั้งสองคนได้แต่มองตามจนทั้งสองลับตาไป

 

“ไม่ได้เข้าสำนักหรอกหรือ แสดงว่าท่านอาวุโสหงเข้าใจผิดสินะ”หลี่ซานจงว่าพลางมองตามหนิงหลงไปด้วยท่าทีเสียดาย แม้จะเป็นญาติของเจ้าสำนักเลยเข้ามาอยู่ได้โดยไม่ต้องเข้าร่วมสำนักก็เถอะ แต่หากที่อาวุโสหงเข้าใจถูกต้อง หนิงหลง ผู้นี้ก็เป็นบุคคลที่น่าเสียดายหากไม่นำมาร่วมสำนักให้ได้

 

“ทำไมล่ะศิษย์พี่ อย่างกับท่านต้องการให้เจ้าเด็กนั่นเข้าร่วมสำนักให้ได้เสียอย่างนั้นล่ะ”หว่านจือได้ยินหลี่ซานจงบ่นออกมาก็เลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัย ตัวเขายอมรับให้หนิงหลงเข้ามาอยู่ในสำนักเพราะเป็นญาติของท่านเจ้าสำนักก็จริง แต่ยังไม่ยอมรับว่าหนิงหลงเหมาะสมจะเป็นคนของสำนักเลย

 

“ท่านอาวุโสบอกว่าน้องหนิงหลงบรรลุวิชาควบคุมเพลิงถึงระดับหกแล้ว อายุขนาดเขาบรรลุได้ถึงขั้นนี้อนาคตต้องเป็นผู้น่าเกรงขามอย่างแน่นอน”หลี่ซานจงยังคงแสดงท่าทีเสียดายออกมา หรือเมื่อครู่เขาไม่ควรห้ามหว่านจือแล้วปล่อยให้ทดสอบจนจบและรับหนิงหลงเข้าสำนักมาแบบงงๆไปเลยดี

 

“ระดับหก? ท่านล้อข้าเล่นแล้ว ข้าฝึกแทบตายยังอยู่แค่ระดับสี่เท่านั้นเองนะ มุกตลกของท่านเรื่องนี้ไม่ขำนะขอรับ”หว่านไม่คิดว่าเรื่องที่หลี่ซานจงเล่ามาจะเป็นเรื่องจริงแม้แต่น้อย ศิษย์พี่ท่านนี้ชอบเล่นมุกตลกหน้าตายแบบนี้บ่อยๆ นี่ต้องเป็นมุกตลกอีกแน่ๆ

 

ตึง…..!!

 

หลี่ซานจงยังไม่ทันได้ตอบอะไรออกมา อยู่ๆแผ่นโลหะนิลเยือกที่ตั้งอยู่บนลานฝึกก็เอนตัวล้มลงมานอนกับพื้นเสียอย่างนั้นทำให้หว่านจือและหลี่ซานจงต้องหันไปมองว่าทำไมอยู่ๆแผ่นโลหะถึงล้มลงมาได้

 

“……………”หว่านจือเห็นภาพตรงหน้าก็เหงื่อตกทันที แผ่นโลหะนิลเยือกที่ล้มลงมานั้นงองุ้มอย่างกับคนหลังค่อม และที่มันล้มลงมาก็เพราะมันเสียสมดุลนั่นเอง ซึ่งสาเหตุที่มันงอเช่นนี้ก็เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เพราะผู้ที่แตะต้องแผ่นโลหะนิลเยือกแผ่นนี้มีเพียงหนิงหลงผู้เดียวเท่านั้น

 

“น่าเสียดายจริงๆ”หลี่ซานจงเห็นก็ยิ่งเสียดาย หนิงหลงแตะแผ่นโลหะนี้เพียงครู่เดียวเท่านั้นยังทำเอาแผ่นโลหะนิลเยือกที่รับความร้อนได้มหาศาลอ่อนตัวจนงอได้ หากเขาตั้งใจหลอมมันจริงๆก็คงละลายมันได้แน่ๆ

 

“นี่ท่านล้อข้าเล่นหรือเปล่า ไม่จริงมั้ง”หว่านจือเห็นภาพตรงหน้าก็ยังไม่อยากจะเชื่อรีบหันไปหาศิษย์พี่ของตนราวกับจะขอให้ศิษย์พี่ยอมบอกกับตนว่ามันคือเรื่องโกหกหรือเรื่องบังเอิญ แต่หลี่ซานจงหลับส่ายหน้าช้าๆก่อนจะแสดงท่าทีเสียดายออกมาเช่นเดิม แต่เอาเถอะหนิงหลงยังอยู่ในสำนักพวกเขายังมีโอกาสโน้มน้าวหนิงหลงให้เข้าสำนักอย่างเป็นทางการได้อยู่

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด