หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 12 หยางอี้เฟย

อ่านนิยายจีนเรื่อง หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร ตอนที่ 12 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 12

หยางอี้เฟย

 

 

พรึบ…

 

ในเช้าวันต่อมาหลังจากหนิงหลงเข้ามาพักในสำนักเพลิงบัญญัติ อยู่ๆก็มีนกตัวหนึ่งบินเข้ามาหาหนิงหลงพร้อมจดหมายที่ผูกติดมาด้วย

 

“ยอดเลย…ตามมาได้จริงๆด้วย”หนิงหลงมองนกสีดำขาวที่บินมาเกาะที่มือด้วยท่าทีตกใจ นกเหล่านี้เป็นนกที่ผู้คนใช้เป็นนกส่งจดหมาย นอกจากมันจะบินได้เร็วและไกลแล้วมันยังมีความสามารถในการจดจำผู้รับจดหมายอีกด้วย แม้จะด้อยกว่านกที่ราชวงศ์มังกรครามใช้ แต่ก็เป็นนกที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน

 

“ขอบใจ….”หนิงหลงแกะจดหมายจากซองใส่จดหมายที่ขาของนกก่อนจะเปิดอ่านด้วยท่าทีคุ้นเคย ตั้งแต่หลินฟานกลับไปยังอาณาจักรมังกรครามก็ส่งจดหมายกลับมาหาหนิงหลงตลอด ดูเหมือนหลินฟานจะเจอเข้ากับการรุมเล่นงานของเหล่าขุนนางในอาณาจักรตั้งแต่กลับไป แม้จะนำกระบี่หนิงหลงกลับไปแต่เหล่าขุนนางฝ่ายที่ไม่พอใจกับตระกูลหลินก็ยังไม่ยอมเลิกรา

 

หลังจากสืบสาวราวเรื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา หลินฟานก็ทราบเสียทีว่าผู้ลงมือวางแผนเลื่อยขาเก้าอี้ของหลินฟานคือใคร คนที่วางแผนทำร้ายหลินฟานคือหนึ่งใน 4 องครักษ์หลวงแห่งอาณาจักรมังกรครามเช่นเดียวกับหลินฟานนั่นเอง ส่วนสาเหตุนั้นมาจากความอิจฉาริษยาที่หลินฟานเป็นคนโปรดขององค์จักรพรรดิ และเหนือสิ่งอื่นใดคือความยอดเยี่ยมของเคล็ดวิชาร่างเซียนสถิต วิชานี้สามารถทำให้ร่างกายแข็งแกร่งขึ้นได้ รวมถึงทำให้เส้นชีพจรเปิดออกได้ สำหรับผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณแล้วมันเหมือนวิชาในฝันเลย แต่ตระกูลหลินไม่เคยเปิดเลยวิชานี้ให้ใครนอกจากคนในตระกูล และเหล่าราชวงศ์ของอาณาจักรมังกรครามเท่านั้น เพราะแบบนั้นตระกูลหลินเลยเหมือนเป็นคนสนิทของราชวงศ์มาหลายต่อหลายรุ่น เพราะมีเพียงตระกูลหลินเท่านั้นที่สามารถชำระกระดูก ผสานกล้ามเนื้อ และเปิดเส้นชีพจรวิญญาณให้กับคนในราชวงศ์ได้ ความสัมพันธ์และอำนาจของตระกูลหลินที่มีต่อราชวงศ์มังกรครามเลยมากกว่าองครักษ์คนอื่นๆมาก เพราะแบบนั้นก็เลยมีคนไม่พอใจจนคิดแผนแบบนี้ขึ้นมา

 

แต่เดิมองครักษ์คนนั้นคิดจะใช้คนของตระกูลหลินเป็นตัวประกันเพื่อให้หลินฟานยอมส่งมอบเคล็ดวิชาร่างเซียนสถิตให้กับราชวงศ์ รวมถึงลดความเชื่อใจที่ตระกูลหลินได้รับลง แต่ใครจะไปคิดว่าหลินฟานจะกลับมาพร้อมกระบี่หนิงหลง อาวุธระดับเซียนที่มีค่าเหนือกว่ากระบี่เจ้ามังกรที่หายไปเสียอีก แทบจะทันทีที่หลินฟานนำกระบี่เล่มนี้ออกมาเหล่าขุนนางที่สนับสนุนองครักษ์คนนั้นก็แทบจะเปลี่ยนข้างทันทีเพราะทราบแล้วว่าหลินฟานไม่มีทางแพ้ในศึกนี้แน่ๆ พลังอำนาจของอาวุธระดับเซียนสามารถทำให้อาณาจักรมังกรครามเป็นอาณาจักรที่น่าหวาดหวั่นได้ ประกอบกับผู้มีพรสวรรค์ในรอบพันปีหมื่นปีได้ถือกำเนิดในราชวงศ์มังกรครามด้วยแล้ว เรื่องทั้งหลายก็ราวกับเป็นชะตาจากสวรรค์ เรื่องราวกลายเป็นว่าที่กระบี่เจ้ามังกรหายไปก็เป็นเรื่องที่สวรรค์กำหนด และได้มอบหมายให้หลินฟานออกไปนำกระบี่หนิงหลงกลับมา เมื่อผู้มีพรสวรรค์คนนั้นเติบโตและถือกระบี่หนิงหลง อาณาจักรศัตรูคงได้แต่หนาวสั่นอยู่ภายใต้ฟูกนอนอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เพราะเรื่องทั้งหมดมันกลายเป็นแบบนั้น หลินฟานที่ทำหน้าที่พลาดก็แทบจะกลายเป็นผู้ส่งสารจากสวรรค์ไปเสียอย่างนั้น ฐานะของตระกูลหลินตอนนี้บางทีอาจจะเหนือกว่าเดิมก็เป็นได้

 

“เอ๊ะ…..ราชครู”หนิงหลงอ่านจดหมายของหลินฟานก็ขมวดคิ้วครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมา ตอนนี้นอกจากจะได้ตำแหน่งคืนแล้วหลินฟานยังได้รับมอบหมายตำแหน่งใหม่เป็นผู้ฝึกฝนให้กับคนในราชวงศ์อีกต่างหาก แต่นั่นก็หมายความว่าหลังจากนี้หลินฟานจะยุ่งอยู่ในวังไปอีกนาน แถมหนิงหลงเองยังเพิ่งเข้าสำนักเพลิงบัญญัติอีกด้วย การเดินทางไปอาณาจักรมังกรครามเลยแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เช่นนั้นโอกาสที่จะได้พบหลินฟานอีกก็คงยังอีกยาวไกลกระมัง

 

“ยุ่งกันทั้งคู่เลยสินะ”หนิงหลงบ่นออกมาก่อนจะเริ่มเขียนจดหมายของตนบ้าง เล่าเรื่องที่อาวุโสหมิงซานส่งตนมายังเมืองอัคนีแห่งอาณาจักรผลาญสุริยันเพื่อฝึกฝนวิชาควบคุมเพลิงจากท่านเจ้าสำนักหยางเยี่ยนเหว่ย และเข้ามาพักอาศัยในเมืองอย่างปลอดภัยให้หลินฟานได้อ่านก่อนจะนำจดหมายใส่เข้าไปในซองใส่จดหมายที่ขาของนกก่อนจะปล่อยให้มันบินกลับไปยังอาณาจักรมังกรคราม

 

“นกส่งสารงั้นหรือ”หลังจากหนิงหลงปล่อยนกออกไปยั้งไม่ทันพ้นสายตา ร่างของหยางเยี่ยนเหว่ยก็เดินเข้ามาในสวนที่หนิงหลงนั่งเล่นอยู่ นกส่งสารเช่นนี้ใช้กันทั่วไปเลยไม่แปลกตาเท่าไหร่ ที่หลินฟานจงใจใช้นกที่ใช้กันทั่วไปก็เพราะไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิด ขืนใช้นกที่มีแต่ราชวงศ์มังกรครามใช้กันคงทำเอาคนอื่นงุนงงหมดแน่ๆ

 

“ท่านลุงหยาง ขอบคุณสำหรับที่พักขอรับ”หนิงหลงเห็นหยางเยี่ยนเหว่ยเข้ามาก็ประสานมือคารวะอย่างนอบน้อมทันที อาจารย์บอกว่าหยางเยี่ยนเหว่ยเป็นสหายเก่าของท่าน หนิงหลงเลยไม่อยากทำเสียมารยาทให้เสียหน้าอาจารย์

 

“ไม่เป็นไร ขาดเหลืออะไรก็บอกข้าแล้วกัน คิดซะว่าข้าเป็นลุงแท้ๆของเจ้า”เจ้าสำนักหยางยิ้มออกมาด้วยท่าทีเอ็นดู แต่ยามนี้สายตาของหนิงหลงกลับมองไปที่เด็กหญิงคนหนึ่งที่แอบอยู่ด้านหลังท่านเจ้าสำนักมากกว่า

 

“หลานหนิงหลง เด็กคนนี้จะมาเรียนวิชากับพวกเราด้วย นางชื่อหยางอี้เฟย เป็นบุตรสาวคนเล็กของข้าเอง”เห็นหนิงหลงมองไปทางบุตรสาวของตนเอง หยางเยี่ยนเหว่ยก็ถอยออกห่างบุตรสาวให้นางโผล่ออกมาเต็มตัว ก่อนจะเริ่มแนะนำให้หนิงหลงได้รู้จัก

 

“อี้เฟยเจ้าค่ะ  ยะ…ยินดีที่ได้รู้จัก”หยางอี้เฟยมองหนิงหลงด้วยท่าทีอายๆก่อนจะเริ่มแนะนำตัวอย่างตะกุกตะกักเหมือนไม่ค่อยชินกับการแนะนำตัวเท่าไหร่

 

หยางอี้เฟยเป็นบุตรสาวคนเล็กที่ได้ชื่อว่าน้องน้อยแห่งสำนักเพลิงบัญญัติ นางอายุ 12 ปีห่างจากหนิงหลงที่อายุ 17 ปีพอสมควร แต่ว่ากันว่านางไร้พรสวรรค์ ไม่ว่าจะฝึกอย่างไรก็ไม่พัฒนาเสียทีทำให้ท่านเจ้าสำนักต้องคอยเคี่ยวเข็ญด้วยตนเองเพื่อให้นางพัฒนาขึ้น แต่เพราะหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูอย่างกับดอกไม้แรกแย้มของนางทำให้เหล่าศิษย์ในสำนักเอ็นดูนางกันมาก ถึงขั้นคิดกันเอาเองว่าต่อให้ฝีมือไม่สูงส่งก็ไม่เป็นไร พวกตนจะฝึกฝนจนเก่งกาจและคอยปกป้องคุณหนูเล็กเองเลยทีเดียว

 

“ข้าชื่อหนิงหลง ยินดีที่ได้รู้จักน้องอี้เฟย”หนิงหลงยิ้มรับด้วยท่าทีอ่อนโยนก่อนจะเดินเข้าไปหาอี้เฟยเพื่อจะทักทาย แต่ทว่า…

 

“อย่าเข้ามานะ”อี้เฟยเห็นหนิงหลงจะเข้าไปใกล้ก็เข้าไปหลบหลังบิดาอีกรอบ ทำเอาหนิงหลงยิ้มค้างไปเลย นี่เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยงั้นหรือ

 

“ฮะๆ หลานหนิงหลงไม่ต้องตกใจ อี้เฟยเป็นเด็กขี้อาย มีอาการเช่นนี้เป็นปกตินั่นล่ะ”เจ้าสำนักหยางว่าพลางลูบหัวบุตรสาวอย่างเอ็นดู

 

“ขะ ขอรับ….”หนิงหลงที่โดนเด็กสาวตัวน้อยออกปากไล่ถึงกับน้ำตาซึมเดินห่างออกไปด้วยท่าทีหงอยๆเลยทีเดียว ถึงจะไม่คิดว่าตนเองหน้าตาดีอะไรแต่ก็มั่นใจว่าหน้าตาตัวเองไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อย แถมเด็กในหมู่บ้านก็ไม่เคยมีใครกลัวเขาเสียหน่อย ประสบการณ์ครั้งแรกเช่นนี้ทำเอาหนิงหลงเจ็บปวดไม่น้อย

 

“อี้เฟย พี่หนิงหลงคนนี้ไม่น่ากลัวหรอกนะ เจ้าไม่ต้องกลัวเขาหรอก”ท่านเจ้าสำนักก้มลงไปคุยกับบุตรสาวก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างกับบุตรสาว พอได้ฟังสิ่งที่บิดากระซิบบอก อี้เฟยก็พยักหน้าช้าๆ แต่ก็ยังไม่กล้าเข้าไปใกล้หนิงหลงอยู่ดี

 

.

 

.

 

.

 

ปึง

 

หลังจากผ่านขั้นตอนการแนะนำตัว หยางเยี่ยนเหว่ยก็พาหนิงหลงและบุตรสาวเข้ามาในอาคารเจ้าสำนักที่ตั้งอยู่กลางสำนักพอดี อาคารหลังนี้ปกติห้ามศิษย์เข้ามา แต่หนิงหลงนับเป็นกรณีพิเศษเลยสามารถเข้ามาได้ แถมเจ้าสำนักนำทางด้วยตนเองใครจะกล้าเข้าไปขวาง

 

“หลานหนิงหลง ที่นี่คือห้องฝึกของเจ้า”เจ้าสำนักพาหนิงหลงเข้ามาในห้องขนาดใหญ่ที่อยู่ในชั้นใต้ดินของอาคารเจ้าสำนัก ที่นี่เป็นห้องฝึกสำหรับเจ้าสำนักเพลิงบัญญัติโดยเฉพาะ รอบข้างสร้างด้วยหินอัคนีเพลิงสุริยัน ทนความร้อนยิ่งกว่าโลหะนิลเยือก แถมยังเก็บเสียงทำให้ภายในห้องไร้การรบกวน เหมาะแก่การเป็นห้องฝึกสำหรับเจ้าสำนักธาตุไฟอย่างมาก

 

“อาจารย์ของเจ้าบอกข้าว่าเจ้าต้องฝึกตีเหล็กด้วย เจ้าสามารถเข้ามาในนี้ได้ตลอดเวลาและฝึกได้ตามที่เจ้าต้องการ ในห้องนี้เสียงไม่สามารถเล็ดลอดออกไปได้ เสียงตีเหล็กของเจ้าไม่ทำให้ใครหนวกหูแน่นอน”ห้องฝึกของเจ้าสำนักเช่นนี้คนนอกแทบไม่มีโอกาสเข้า แต่เจ้าสำนักกลับมอบให้หนิงหลงเข้าออกได้ตามใจ ท่านเจ้าสำนักช่างให้ความสำคัญกับหนิงหลงจริงๆ

 

“ขอบคุณขอรับท่านลุงหยาง”หนิงหลงมองไปรอบๆด้วยท่าทีอึ้งๆเพราะไม่คิดว่าจะได้ทำงานในห้องแบบนี้ ตอนแรกหนิงหลงเห็นจำนวนศิษย์ในสำนักก็ยังแอบกังวลอยู่เลยว่าเสียงตีเหล็กจะดังรบกวนผู้อื่นหรือไม่ แต่เท่านี้ก็หมดห่วงได้เลย

 

“เอาล่ะ งั้นมาเริ่มฝึกกันเถอะ อี้เฟยเจ้าเริ่มก่อนแล้วกัน”เจ้าสำนักหยางเห็นหนิงหลงดีใจเช่นนี้ก็ยิ้มออกมาด้วยท่าทีมีความสุขก่อนจะพาหยางอี้เฟยเดินไปที่กลางห้องเพื่อเริ่มฝึก

 

ความจริงแล้วเมื่อวันก่อนหนิงหลงได้เห็นเหล่าศิษย์ฝึกฝนกันในสำนักมาแล้ว สมกับเป็นสำนักเพลิงอันดับหนึ่ง ทุกคนมีทักษะควบคุมไฟที่เหนือชั้นมากๆเพราะแบบนั้นหนิงหลงก็เลยอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าอี้เฟยที่เป็นบุตรสาวของเจ้าสำนักจะเก่งกาจเพียงไร

 

“ข้ายัง ไม่มั่นใจเลยเจ้าค่ะ”อี้เฟยเดินออกมาห่างจากบิดาด้วยท่าทีลังเล นางเหลือบมามองทางหนิงหลงด้วยท่าทีหวั่นๆเหมือนกลัวว่าจะแสดงความอับอายให้หนิงหลงได้เห็นตั้งแต่การฝึกครั้งแรกหรือไม่

 

“เชื่อมั่นในตัวเองเข้าไว้อี้เฟย ลูกทำได้อยู่แล้ว”ฝ่ายเจ้าสำนักเองก็ให้กำลังใจบุตรสาวอย่างใจเย็นอยู่แล้ว ต่อให้บุตรสาวเป็นเช่นไรก็ไม่มีทางที่บิดาอย่างเขาจะสิ้นหวังได้หรอก

 

“เจ้าค่ะ….”อี้เฟยยกสองมือขึ้นมาก่อนจะเริ่มปล่อยพลังวิญญาณออกมาช้าๆ น่าเสียดายที่หนิงหลงไม่ได้ฟังเรื่องที่พวกศิษย์พูดต่อๆกันมาเลยไม่รู้ว่าฝีมือของอี้เฟยอยู่ระดับไหน หนิงหลงเลยได้แต่มองอย่างคาดหวังโดยไม่ทราบเลยว่าจะได้เห็นอะไร

 

“ตายซะ!!!”อยู่ๆเด็กหญิงตัวน้อยก็ตะโกนคำว่า ตายซะ ออกมาจากปากเสียอย่างนั้น แถมที่มือทั้งสองข้างก็ยังปรากฏเปลวเพลิงสีแดงฉานพวยพุ่งออกมาราวกับภูเขาไฟจะระเบิด พริบตาเดียวเบื้องหน้าของหนิงหลงก็สว่างวาบพร้อมความร้อนที่ระเบิดออกมาทั่วสารทิศ

 

“เอ๊ะ….”หนิงหลงทั้งตกใจเรื่องคำพูดทั้งตกใจเรื่องเปลวเพลิงที่ทะลักออกมา พลังระดับนี้ไม่ใช่พลังที่เด็กหญิงตัวแค่นั้นจะใช้ออกมาได้เลย หากวัดกันที่พลังความร้อนเฉยๆนางอาจจะเหนือกว่าหนิงหลงเสียอีก แต่นางควบคุมเปลวเพลิงที่ปล่อยออกมาไม่ได้ทำให้มันระเบิดออกไปรอบๆห้องในทันที

 

“………….”โชคดีที่หนิงหลงเชี่ยวชาญกับเรื่องไฟอยู่แล้ว โดนระเบิดเพลิงโหมใส่ตรงหน้าก็รีบสร้างพลังป้องกันตนแล้วบังคับให้เปลวเพลิงหยุดตรงหน้าตนเองทันที เช่นเดียวกับท่านเจ้าสำนักท่านเองก็ยืนอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงได้อย่างหน้าตาเฉยแถมยังถอนหายใจออกมาด้วยท่าทีเหนื่อยๆอีกต่างหาก ถูกแล้วอี้เฟยเรียนรู้ทักษะควบคุมเพลิงได้แย่มาก แต่เรื่องนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับพลังของนาง ตั้งแต่ยังเล็กอี้เฟยก็มีพลังธาตุไฟมหาศาลจนไม่อาจควบคุมได้ ทันทีที่นางเริ่มใช้พลังออกมามันก็จะเกินควบคุมแบบนี้เสมอ เรื่องนี้แม้แต่เจ้าสำนักอย่างหยางเยี่ยนเหว่ยก็ยังได้แต่ทำใจ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด