หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 34 บ้านตระกูลหง

อ่านนิยายจีนเรื่อง หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร ตอนที่ 34 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 34

บ้านตระกูลหง

 

 

“นั้นไงอี้เฟย บ้านของท่านตา”หยางเหลียนฟางพี่สาวของอี้เฟยชี้ออกไปนอกตัวรถม้าด้วยท่าทีดีใจหลังจากเดินทางมาจนถึงบ้านตระกูลหงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ความจริงการเดินทางเข้ามาในเขตบ้านตระกูลหงนั้นเป็นเรื่องอันตรายมาก เพราะบ้านตระกูลหงตั้งอยู่ในเขตภูเขาไฟสูงชันที่ล้อมรอบไปด้วยป่าที่มีอสูรจำนวนมากอาศัยอยู่ แต่หนิงหลงและอี้เฟยเดินทางมากับยอดฝีมือระดับราชาสวรรค์ถึง 2 คน เหล่าอสูรที่อาศัยอยู่รอบๆภูเขาที่บ้านตระกูลหงตั้งอยู่เลยไม่เป็นพิษเป็นภัยอะไรเลย

 

“คนเยอะกว่าที่คิดอีกนะขอรับ”หนิงหลงเองพอเหลียนฟางชี้บอกก็มองตามพวกนางไปด้วยเช่นกัน บ้านตระกูลหงนั้นตั้งอยู่ภายในภูเขาไฟ ไม่ใช่แค่ตั้งบนดินเท่านั้นเพราะภูเขาไฟบางส่วนยังถูกเจาะเข้าไปอีกต่างหากราวกับบ้านตระกูลหงเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาไฟไม่มีผิด

 

“ตระกูลหงของพวกเราเป็นตระกูลเก่าแก่ของอาณาจักรผลาญสุริยัน เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มากเชียวล่ะ”เหลียนฟางยิ้มบางๆออกมาก่อนจะพูดอวดตระกูลของตนเองด้วยท่าทีภูมิใจ แต่ก็เป็นจริงอย่างที่เหลียนฟางอวด ตระกูลหงมีสมาชิกนับพันคน แถมแต่ละคนยังเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณธาตุไฟที่แข็งแกร่งมากกันทั้งนั้น แม้แต่หยางเยี่ยนเหว่ยบุตรชายของเจ้าสำนักเพลิงบัญญัติในอดีตที่เคยเดินทางมายังบ้านตระกูลหงก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้ หากตระกูลหงตั้งขึ้นเป็นสำนักบางทีชื่อตำแหน่งสำนักธาตุไฟอันดับ 1 ของสำนักเพลิงบัญญัติอาจจะต้องเปลี่ยนไปเลยทีเดียว

 

ตุบ…

 

ทันทีที่รถม้าแล่นเข้าไปในเขตของบ้านตระกูลหง กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งก็พากันออกมาตรวจสอบทันทีว่าเป็นศัตรูหรือไม่ แต่เมื่อมองเห็นว่าคนที่กำลังชะโงกหน้าออกมาจากรถม้าคือหยางอี้เฟย และ หยางเหลียนฟาง เหล่าคนกลุ่มนั้นก็ลดอาวุธลงแล้วเปลี่ยนเป็นโบกมือทักทายแทน แถมยังยิ้มให้พวกเหลียนฟางอีกต่างหาก

 

“ไม่ใช่ว่าการคุ้มกันแน่นหนาขึ้นหรอกเหรอ ปกติข้างนอกจะใช้อสูรในป่าป้องกันเท่านั้นนี่นา”หยางเยี่ยนเหว่ยที่ไม่ได้มาที่บ้านตระกูลหงนานแล้วมองเหล่าคนของตระกูลหงที่ออกมาคุ้มกันด้วยท่าทีประหลาดใจ หยางเยี่ยนเหว่ยเคยแอบเข้าไปในบ้านตระกูลหงมาแล้ว แถมยังเคยปะทะกับพวกเขามาแล้วด้วย เหล่าผู้คุ้มกันที่ออกมาตรวจสอบนั้นฝีมือไม่ธรรมดากันทั้งนั้น

 

“ก็เพราะมีใครบางคนแอบเข้าไปในห้องผนึกอสูรนะสิ ท่านพ่อเลยเปลี่ยนมาตรการป้องกันใหม่”หยางเซียงเซียนตอบก่อนจะมองสามีของตัวเองด้วยสายตาทิ่มแทงทีหนึ่งเล่นเอาหยางเยี่ยนเหว่ยเถียงไม่ออก เพราะเรื่องคราวนั้นถึงกับต้องเปลี่ยนแปลงขนาดนี้เลยงั้นหรือ หวังว่าท่านพ่อตาจะเริ่มหายโกรธเขาขึ้นมาบ้างนะ

 

.

 

.

 

.

 

“ท่านตา….”ทันทีที่รถม้าผ่านประตูใหญ่ของบ้านตระกูลหงเข้ามา คนที่ออกมายืนรอต้อนรับรถม้าของหยางเยี่ยนเหว่ยก็คือ หงซือห่าว หัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลหงนั่นเอง ดูจากภายนอกแล้วเขาน่าจะอายุไม่เกิน 30 เสียด้วยซ้ำ มีเพียงเส้นผมเท่านั้นที่เริ่มมีสีขาวแซมออกมา หากไม่บอกก็คงดูไม่ออกเลยว่าเขาเป็นบิดาของท่านน้าเซียงเซียน

 

“อี้เฟย หลานรักของตา”หงซือห่าวเห็นอี้เฟยเข้ามาหาก็ยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเข้าไปรับกอดของหลานสาวอย่างหน้าชื่นบ้านทันที เพราะปกติไม่ค่อยได้เจออี้เฟยนักก็เลยดีใจมากที่หลานมาหาถึงที่บ้าน

 

“ท่านพ่อตา…..สวัสดีขอรับ”แต่ท่าทางหงซือห่าวจะดีใจได้ไม่นาน เพราะทันทีที่หลานสาวเข้ามากอด ร่างของเจ้าหัวขโมยที่ตนเกลียดขี้หน้าสุดๆก็เดินตามมาแถมยังเรียกหาตนเป็นพ่อตาอีกต่างหาก

 

“ผู้คุ้มกันไปไหน ทำไมปล่อยให้คนนอกหลุดเข้ามาด้วย”หงซือห่าวเปลี่ยนใบหน้ายิ้มแย้มยามได้เจอหลานเป็นใบหน้าไม่รับแขกแทบจะทันทีก่อนจะเรียกหาคนของตนเพื่อจะไล่หยางเยี่ยนเหว่ยออกไปอีกต่างหาก แต่หยางเยี่ยนเหว่ยเป็นใครทุกคนต่างก็ทราบดีอยู่แล้วเลยไม่มีคนของตระกูลหงเข้าไปล้อมจับหยางเยี่ยนเหว่ยแต่อย่างไร

 

“ท่านพ่อตา อย่าล้อเล่นสิขอรับ ยังไงข้าก็เป็นสามีของบุตรสาวท่านนะขอรับ”หยางเยี่ยนเหว่ยว่าพลางหัวเราะเจื่อนๆออกมา แต่ยิ่งเรียกหาอีกฝ่ายว่าพ่อตาหลายครั้งเข้า หงซือห่าวก็ยิ่งมีเส้นเลือดปูดโปนที่หน้าผากเพิ่มขึ้นเท่านั้น

 

ตุบ….

 

แต่ก่อนจะได้ปะทะคารมกัน สายตาของหงซือห่าวก็เหลือบไปเห็นร่างของหนิงหลงที่เพิ่งจะลงมาจากรถม้าเข้าเสียก่อน หนิงหลง เป็นบุตรชายของ หงซือซือ บุตรสาวคนเล็กของหงซือห่าว แต่เพราะเหตุผลบางอย่างตระกูลหงก็เลยไม่สามารถเข้าไปยุ่งอะไรกับหนิงหลงได้ ทำได้เพียงช่วยเหลือในฐานะคนนอกเท่านั้น

 

“เจ้าคือหนิงหลงสินะ”หงซือห่าวเดินผ่านหยางเยี่ยนเหว่ยและเข้าไปหาหนิงหลงด้วยท่าทีนิ่งสงบอย่างมาก หลานชายที่ไม่เคยพบกันเลยตั้งแต่เขาเกิดมาจะโตมาเป็นเด็กเช่นไรกัน เรื่องนั้นหงซือห่าวไม่อาจรู้ได้เลย

 

“ท่านตา ข้าหนิงหลงขอรับ ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ”หนิงหลงเห็นหงซือห่าวเดินเข้ามาหาตนก็ประมือคารวะอย่างนอบน้อมแถมยังเรียกหาอีกฝ่ายว่าท่านตาเพราะเคยชินกับการเรียกคนตระกูลหยางเหมือนญาติไปเสียแล้ว คงเพราะเห็นอี้เฟยเรียกหงซือห่าวว่าท่านตา หนิงหลงก็เลยเรียกตามกระมัง

 

“เข้ามาข้างในเถอะ พวกเจ้าเดินทางกันมาไกลคงจะเหนื่อยกันมาก”หงซือห่าวได้ยินหนิงหลงเรียกตัวเองเช่นนั้นก็ซาบซึ้งใจอย่างบอกไม่ถูก แต่ตัวเขาก็ต้องเก็บอาการและได้แต่เชิญหนิงหลงเข้าไปในตัวบ้านเท่านั้น

 

“ข้าเองก็ด้วยหรือขอรับ”หยางเยี่ยนเหว่ยถามพลางชี้ใบหน้าของตนเองด้วยท่าทีตกใจ นึกว่าต้องโดนท่านพ่อตาบ่นจนหูชาก่อนถึงจะได้เข้าไปในบ้านซะอีก

 

“เจ้าจะยืนอยู่ข้างนอกก็เรื่องของเจ้า”หงซือห่าวค้อนหยางเยี่ยนเหว่ยทีหนึ่งก่อนจะพาหนิงหลงเดินเข้าไปในบ้านตระกูลหง เพียงแต่ทันทีที่เข้าไปในตัวบ้านที่ยื่นออกมาจากภูเขา หนิงหลงก็ได้ทราบว่าที่แท้บ้านตระกูลหงส่วนที่เห็นนั้นเป็นเพียงประตูบานใหญ่เท่านั้น เพราะทันทีที่เข้ามาในตัวบ้านก็มีทางเดินที่ทำจากหินสีดำสนิททอดยาวเข้าไปด้านในภูเขาราวกับเป็นถนนทางเข้าเมืองไม่มีผิด พอเดินทะลุเข้ามาด้านในถึงได้เห็นว่าแท้จริงแล้วบ้านตระกูลหงนั้นเป็นเช่นไร

 

“………….”อากาศภายในบ้านตระกูลหงร้อนมาก แต่คนในบ้านก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะต่างเป็นผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณธาตุไฟกันทั้งนั้น แต่สิ่งที่น่าตกใจที่สุดก็คือภายในบ้านตระกูลหงปล่อยให้ธารลาวาไหลผ่านราวกับใช้พวกมันเป็นของตกแต่งเสียอย่างนั้น ตรงกลางของลานแรกที่เข้ามาในบ้านถึงกับมีรูปปั้นสิงโตหินที่มีลาวาไหลออกมาจากปากตั้งอยู่เลยทีเดียว จะเรียกว่าเป็นบ้านที่เหมาะกับเป็นบ้านของตระกูลธาตุไฟก็คงไม่ผิด

 

“อี้เฟย หลานเพิ่งจะมาที่นี่ครั้งแรกตาจะให้เจ้าทำสิ่งๆหนึ่งก่อนนะ”หงซือห่าวว่าพลางมองไปทางหลานสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เพราะบ้านตระกูลหงเป็นพื้นที่ที่มีธาตุไฟหนาแน่นมาก เซียงเซียนก็เลยไม่กล้าพาอี้เฟยที่ตอนนั้นยังควบคุมพลังไม่ได้มาด้วย ทำให้หงซือห่าวมีเรื่องอยากให้อี้เฟยทำเต็มไปหมด แต่ก่อนหน้าเรื่องพวกนั้นเหล่าคนตระกูลหงต้องทำสิ่งหนึ่งก่อน

 

“ทำอะไรเหรอเจ้าคะ”อี้เฟยได้ยินก็เอียงคอด้วยท่าทีสงสัยก่อนจะเดินตามท่านตาไปด้วยท่าทีอยากรู้ แต่หงซือห่าวก็ไม่ตอบ เขาเพียงเดินนำพวกหลานๆไปที่ห้องขนาดใหญ่ห้องหนึ่งในบ้านตระกูลหงเท่านั้น

 

“เข้ามาสิ”หงซือห่าวสั่งให้คนเฝ้าประตูเปิดประตูออกก่อนจะเดินนำเข้าไปในห้องที่มีน้ำตกสีแดงส้มกำลังไหลลงไปในบ่อลาวาขนาดใหญ่ด้านล่างราวกับห้องนี้เจาะทะลุเข้าไปถึงแกนกลางภูเขาไฟเลย

 

“หนิงหลง เจ้าเองก็เข้ามาสิ”หงซือห่าวเห็นหยางเยี่ยนเหว่ยหยุดยืนอยู่หน้าห้องไม่ได้เข้าไปก็ไม่ได้บ่นอะไร แต่เห็นหนิงหลงหยุดตามไปด้วยก็บอกให้หนิงหลงเดินตามเข้ามาทันที ที่นี่คือห้องที่เหล่าคนตระกูลหงต่างต้องเคยเข้ามาแล้วทั้งนั้น เพราะนี่คือห้องของเทพผู้พิทักษ์ของตระกูลหงนั่นเอง

 

วูบ……

 

ทันทีที่พวกหนิงหลงเดินเข้าไปในห้อง อยู่ๆม่านน้ำตกสีแดงส้มก็มีเขาคู่หนึ่งแทงออกมาจากน้ำตกลาวา เขาคู่นั้นเป็นสีแดงส้มเหมือนกับธารลาวาไม่มีผิด ไม่ใช่แค่นั้น ทุกส่วนของร่างกายของผู้ที่โผล่ออกมาจากธารลาวานั้นก็ยังเป็นสีแดงส้มราวกับหลอมรวมกันมาจากธารลาวาก็ไม่ปาน

 

“อสูร…กวาง”หนิงหลงเบิกตากว้างมองภาพอสูรกลางตรงหน้าด้วยท่าทีตกใจ หากเป็นอสูรธรรมดาหนิงหลงก็คงเพียงตกใจเล็กน้อยเท่านั้น แต่กวางที่อาศัยอยู่ในลาวาและมีร่างกายทั่วร่างราวกับหล่อหลอมขึ้นมาจากลาวานั้นเป็นสิ่งมีชีวิตอื่นใดไปไม่ได้นอกจากอสูรรูปร่างกวางที่มีชื่อเรียกว่า กวางอัคนี อสูรระดับ 3 ที่ได้ชื่อว่าเป็นอสูรธาตุไฟที่น่ากลัวมากตนหนึ่ง

 

“ท่านเทพพิทักษ์”หงซือห่าวเดินเข้าไปหากวางอัคนีเป็นคนแรกก่อนจะประสานมือคารวะอย่างนอบน้อมทั้งๆที่ปกติผู้คนจะหวาดกลัวอสูรและต้องต่อสู้กับพวกมันแท้ๆ แต่อสูรกวางอัคนีตนนี้ไม่มีท่าทีจะโจมตีเลย

 

“เด็กรุ่นใหม่งั้นหรือ…..”อยู่ๆก็มีเสียงชายหนุ่มดังออกมาจากร่างของกวางตรงหน้าทำเอาหนิงหลงและอี้เฟยพากันตกใจกันทั้งคู่ ก็เคยอ่านมาบ้างว่าอสูรระดับ 3 ขึ้นไปบางตนอาจจะมีสติปัญญาและสามารถพูดคุยกับมนุษย์ได้ แต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หนิงหลงได้พบอสูรที่คุยกับมนุษย์ได้แบบนี้

 

“ขอรับ”หงซือห่าวตอบพลางพาอี้เฟยและหนิงหลงเดินเข้าไปหากวางอัคนีช้าๆ ขนาดของกวางอัคนีใหญ่กว่ากวางทั่วไปมาก แต่หนิงหลงกลับไม่ได้มองไปที่ร่างกายอันใหญ่โตของกวางอัคนีตัวนี้เท่าไหร่ เพราะยามนี้สายตาของหนิงหลงกลับเอาแต่จดจ้องไปยังเขาของกวางอัคนีไม่วางตา เขาสีส้มแดงนั่นเป็นวัตถุดิบธาตุไฟที่หายากมากๆ แถมเขาของกวางอัคนีตนนี้ยังใหญ่โตและสง่างามอย่างมาก มันน่าจะมีอายุยืนยาวมาไม่ต่ำกว่าหมื่นปีเป็นแน่ หากได้เขาของมันมาละก็คงสร้างอาวุธดีๆได้แน่

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด