หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร – ตอนที่ 40 เดินทางกลับ

อ่านนิยายจีนเรื่อง หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร ตอนที่ 40 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

หลอมศาสตราสะท้านยุทธจักร

ตอนที่ 40 เดินทางกลับ

 

“เฮ้อ ข้าเข้าใจนะหลินฟานว่าคําขอร้องนี้เป็นคําขอร้องของผู้มีพระคุณของเจ้า แต่จําเป็นต้องสนับสนุนขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ” หลังจากเรียกทูตแห่ง อาณาจักรผลาญสุริยันเรียบร้อยแล้วฝ่ายองค์จักรพรรดิอาณาจักรมังกรครามก็เอนตัวนั่งลงด้วยท่าที่เหนื่อยๆหลังจากต้องพยายามตกลงสัญญาเกี่ยวกับการรักษาหยางอี้เฟยโดยมีหลินฟานคอยสนับสนุนฝ่ายตรงข้ามอย่างออกหน้าออกตาเช่น

 

“ไม่หรอกขอรับ ข้าทําแบบนี้ก็เพราะนึกถึงอาณาจักรของเราด้วยเช่นกันขอรับ” หลินฟานตอบพลางยิ้มบางๆออกมาเขาไม่ปฏิเสธว่าการที่หนิงหลงเป็นคนขอร้องทําให้เขาเอนเอียงพอสมควร แต่การรักษาหยางอี้เฟยก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรนี่นา

 

“จักรพรรดิจินแห่งมหาอาณาจักรแก่ชราลงทุกปี แม้จะไม่ใช่ตอนนี้แต่หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่มีอะไรรับประกันว่ามหาอาณาจักรจะยึดมั่นในสันติต่อไปหรือไม่ อาณาจักรมังกรครามในรุ่นต่อไปแม้จะมีองค์หญิงเป็นความหวัง แต่หากมีผู้ครองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือด้วยย่อมดีกว่าไม่ ใช่หรือขอรับ”หลินฟานถามพลางมองไปทางองค์จักรพรรดิ ด้วยท่าที่จริงจังสภาพแผ่นดินในปัจจุบันนั้นค่อนข้างสงบสุขที่ เดียวแม้จะมีสงครามแย่งชิงพื้นที่กันเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีอาณาจักรไหนกล้าก่อสงครามใหญ่เลยแม้แต่อาณาจักรเดียว นั่นเพราะ ณ กลางแผ่นดินกว้างใหญ่มีมหาอาณาจักรที่ปกค ลุมพื้นที่ผืนใหญ่กลางแผ่นดินเอาไว้โดยมีราชวงศ์จินเป็นผู้ปกครอง ภายใต้ความยิ่งใหญ่ขององค์จักรพรรดิจินในปัจจุบันทําให้แต่ละอาณาจักรไม่สามารถทําสงครามกันได้ภายใต้สนธิสัญญาที่ใช้อํานาจของมหา อาณาจักรเป็นเงื่อนไขสําคัญ

 

แต่สัญญาใดก็ไม่อาจรับประกันความสงบสุขได้ตลอดกาลมีข่าวลือว่ามีหลายกลุ่มเช่นกันที่พยายามจะใช้พลังอํานาจของมหาอาณาจักรเข้ายึดครองทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เพราะองค์จักรพรรดิจินค้ําคนเหล่านั้นเอาไว้ก็เลยไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นแต่หากท่านแกชราลงหรือเปลี่ยนความคิด เหล่า อาณาจักรอื่นๆก็ต้องเตรียมรับมือกับภัยที่จะเกิดเมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ ตอนนี้อาณาจักรมังกรครามมียอดอัจฉริยะถือกําเนิดขึ้น มาประกอบกับอาวุธระดับเซียนที่ยังไม่เปิดเผยต่อคนภายนอกก็ช่วยให้อาณาจักรได้มีความมั่นใจขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่พลังอํานาจขนาดนี้ก็ยังไม่สามารถเทียบเคียงมหาอาณาจักรได้เช่นนั้นแล้วการเพิ่มความช่วยเหลือจากผู้ครองเพลิงศักดิ์สิทธิ์จึงไม่ใช่ผลร้ายแม้แต่น้อย

 

“เพราะแบบนั้นเจ้าถึงบอกทูตอาณาจักรผลาญสุริยันไปว่าต้องทําการรักษาที่นี่เท่านั้นสินะ”จักรพรรดิอาณาจักรมังกรครามถามพลางมองไปทางหลินฟานด้วยท่าที่สนใจ เพราะหลินฟานพูดช่วยเหลือฝ่ายอาณาจักรผลาญสุริยันตลอดการต่อรองเลยได้ผลตอบแทนน้อยกว่าที่หวังเอาไว้ แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่หลินฟานต้องการนั่นก็คือระหว่างรักษาต้องให้หยางอี้เฟยมาพักที่อาณาจักรมังกรครามเท่านั้น หลินฟานจะไม่เป็นฝ่ายเดินทางไปยังอาณาจักรผลาญสุริยันเด็ดขาดเพราะหลินฟานยังมีหน้าที่ของราชครูประจําตัวองค์หญิงอยู่นั้นเอง

 

“ขอรับ เพื่อผูกมิตรกับผู้ครองเพลิงศักดิ์สิทธิ์โดยตรงก็เลยเสนอเรื่องเอาแต่ใจออกไปขอรับ” หลินฟานตอบพลางยิ้มบางๆออกมา จริงๆแล้วการใช้เคล็ดวิชาร่างเซียนสถิตนั้นกินเวลาไม่นานอย่างตอนของหนิงหลงก็แค่ช่วงบ่ายของวันแรกเท่านั้นแต่หลินฟานกลับวางแผนที่จะให้อี้เฟยเข้ามาอาศัยในวังของอาณาจักรมังกรครามช่วงระยะเวลาหนึ่งโดยอ้างว่าการรักษาใช้เวลานาน ระหว่างนั้นก็จะเชื่อมสัมพันธ์กับหยางอี้เฟยเพื่อผลประโยชน์ในอนาคตไปด้วย

 

“นี่มัน จริงงั้นเหรอ ” หลายวันต่อมาหลังจากได้รับจดหมายจากองค์จักรพรรดิ หงซื้อห่าวหัวหน้าตระกูลหงในยามนี้ก็ได้แต่จ้องมองกระดาษในมือด้วยท่าทีอึ้งๆ ไม่ใช่เพียงได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็วจากอาณาจักรมังกรครามแต่ยังเป็นคําตอบที่ยอดเยี่ยมมากอีกด้วย

 

“จริงหรือขอรับ…อาณาจักรมังกรครามยอมรับเงื่อนไขของพวกเรางั้นหรือขอรับ” หยางเยี่ยนเหว่ยเองพอเห็นท่าทีของหงซื้อห่าวก็มีท่าทีตกใจไม่ต่างกัน ใบหน้าของท่านพ่อตาดีใจอย่างออกนอกหน้าเช่นนั้นมันย่อมเป็นข่าวดีอยู่แล้ว

 

“ใช่…ตระกูลหลินตอบรับการรักษาให้อี้เฟยถึงจะมีเงื่อนไขทางการเมืองอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้กดดันอะไรพวกเราเลย”หงซื้อห่าวมองเนื้อหาข้อเรียกร้องจากอาณาจักรผลาญสุริยันด้วยท่าที่ไม่อยากจะเชื่อ มันดีจนหงซื้อห่าวแอบคิดว่าอาณาจักรมังกรครามอาจจะวางแผนอะไรเอาไว้หรือเปล่าด้วยซ้ํา แต่ตอนนี้หงซื้อห่าวไม่อาจยอมปล่อยโอกาสนี้ไปได้จริงๆ

 

“งั้นอี้เฟยก็จะรอดแล้วสินะเจ้าคะ” หยางเซียงเซียนได้ยินก็มีท่าทีดีใจอย่างออกนอกหน้า ไม่นึกเลยว่าจะได้รับการตอบรับจากอาณาจักรมังกรครามรวดเร็วขนาดนี้ช่างเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก

 

“ใช่แล้ว…พรุ่งนี้พวกเราจะออกเดินทางกัน ก่อนอื่นจะต้องพาอี้เฟยไปยังเมืองหลวงเสียก่อน” หงซื้อห่าวยิ้มกว้างก่อนจะออกไปสั่งลูกน้องให้เตรียมตัวเก็บของเดินทางไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรผลาญสุริยัน หลังจากไปพบราชวงศ์เวยแล้วก็ค่อยเดินทางเข้าอาณาจักรมังกรคราม แต่……..

 

“หนิงหลง เจ้าจะเดินทางไปอาณาจักรมังกรครามกับพวกเราหรือเปล่า” หยางเยี่ยนเหว่ยชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะหันไปถามหนิงหลงที่อยู่ในห้องร่วมกับทุกคน

 

“ข้าจะกลับไปหาอาจารย์ขอรับ” หนิงหลงส่ายหน้าช้าๆก่อนจะปฏิเสธการเดินทางกับพวกหยางเยียนเหว่ยการเดินทางไปเมืองหลวงของอาณาจักรผลาญสุริยันแล้วเดินทางต่อไปยังอาณาจักรมังกรครามคงใช้เวลาเป็นเดือนๆ ไหนจะมีเงื่อนไขให้อี้เฟยอยู่ที่อาณาจักรมังกรครามจนกว่าจะรักษา เสร็จอีกแบบนั้นหนิงหลงคงไม่ได้กลับไปหาอาจารย์เสียทีตอนนี้หนิงหลงแก้ปัญหาเรื่องพลังธาตุไม่เพียงพอได้แล้วการกลับไปหาอาจารย์เพื่อเรียนวิชาต่อจึงสําคัญกว่า แต่สิ่งหนึ่งที่สําคัญที่สุดก็คือ หนิงหลงอยากเจอหน้าอาจารย์จะแย่อยู่แล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงหลงห่างบ้านมาไกลขนาดนี้ แม้จะไม่แสดงออก แต่หนิงหลงก็คิดถึงบ้านคิดถึงอาจารย์เหมือนกัน 

 

“นั่นสินะ…งั้นเจ้าก็เดินทางไปกับพวกเราจนถึงเมืองอัคนีก็แล้วกัน” หยางเยี่ยนเหว่ยว่าพลางมองหนิงหลงด้วยท่าที เอ็นดูหนิงหลงเองก็ยังเป็นเด็กหนุ่มเท่านั้นบางที่แสดงใบหน้าเหงาๆออกมาให้เห็นบ้างก็ดูสมวัยดี

 

“ขอบคุณขอรับ” หนิงหลงยิ้มบางๆออกมาด้วยท่าที่ขอบคุณการเดินทางไปเมืองหลวงทางที่ใกล้ที่สุดไม่ใช่ทางที่ผ่านเมืองอัคนี แต่หากไปส่งหนิงหลงที่เมืองอัคนีหนิงหลงจะเดินทางกลับอาณาจักรเก้าเมฆาได้ง่ายที่สุดเท่านั้นนั่นเท่ากับว่าหยางเยี่ยนเหว่ยยอมเสียเวลาอ้อมมาส่งหนิงหลงก่อนนั่นเอง

 

“อี้เฟยจะต้องงอแงแน่ๆ เอาไว้ค่อยบอกนางที่เมืองอัคนี้ก็แล้วกัน” หยางเยี่ยนเหว่ยถอนหายใจออกมาเบาๆ ตอนหนิ่งหลงแยกทางกลับบ้านเกิดอี้เฟยต้องเสียใจมากแน่ๆ

 

ตุบ…

 

หลังจากแยกทางกับท่านลุงหยางที่เมืองอัคนี หนิงหลงก็เดินทางต่อด้วยตนเองกลับมายังอาณาจักรเก้าเมฆาอย่างปลอดภัยไร้อุบัติเหตุใดๆ ในที่สุดหนิงหลงก็ได้กลับมาที่หมู่บ้านที่ตนเกิดมาเสียที่เล่นเอาหนิงหลงคิดถึงหมู่บ้านมากจนแม้แต่ตัวหนิงหลงยังแปลกใจเลย

 

“หนิงหลง กลับมาแล้วงั้นเหรอ” ทันทีที่หนิงหลงเดินเข้ามาในหมู่บ้าน เหล่าสมาชิกในหมู่บ้านต่างก็หันมาทักทายด้วยท่าที่ดีใจกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะยายหลิวที่ออกมาต้อนรับหนิงหลงด้วยท่าทีดีใจราวกับหลานชายกลับบ้านไม่มีผิด

 

“ในที่สุดเจ้าก็กลับมาซะที นายช่างหมิงพอไม่มีเจ้าอยู่ก็มาส่งของช้าอย่างกับเต่าคลาน เจ้าต้องกลับไปสั่งสอนอาจารย์ของเจ้าให้ยายนะ”ยายหลิวกอดหนิงหลงแน่น แต่แทนที่จะเริ่มด้วยการทักทายยายหลิวกลับบ่นเรื่องของอาจารย์ให้หนิ่งหลงฟังเสียอย่างนั้นเล่นเอาหนิงหลงได้แต่ยิ้มเจื่อนๆออกมา

 

“ข้าจะบอกอาจารย์ให้ขอรับ” หนิงหลงว่าพลางลายายหลิวไป อาจารย์ไม่ค่อยออกมาจากบ้านนัก แถมปกติหน้าที่ส่งของที่คนในหมู่บ้านสั่งก็เป็นหน้าที่ของหนิงหลงด้วย บางทีพออาจารย์อยู่คนเดียวท่านก็คงออกมาส่งของนานๆครั้งกระมังแบบนั้นยายหลิวจะบ่นก็ไม่แปลก

 

“หนิงหลง พรุ่งนี้มาที่บ้านยายด้วยนะ ยายจะเตรียมผักเอาไว้ให้”ยายหลิวว่าพลางมองตามหนิงหลงไปด้วยท่าที่อ่อนโยนในหมู่บ้านนี้มีแต่คนแก่ไม่ค่อยมีคนรุ่นใหม่เท่าไหร่ หนิงหลงเลยเหมือนเป็นหลานของคนทั้งหมู่บ้านไปด้วย เพราะแบบนี้นตอนหนิงหลงไม่อยู่ชาวบ้านเลยบ่นเรื่องหนิงหลงให้อาจารย์ของหนิงหลงฟังตลอด นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่อาวุโสหมิงซานไม่ค่อยออกมาส่งของก็เป็นได้

 

…….”ระหว่างหนิงหลงกําลังเดินกลับไปยังบ้านของอาวุโสหมิงซานอยู่นั้น อยู่ๆสายตาของหนิงหลงก็เหลือบไปเห็นควันไฟที่ลอยขึ้นมาบนท้องฟ้าเข้าเสียก่อน ปกติอาจารย์จะใช้ไฟทํางานอยู่แล้ว ควันไฟเลยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแต่….ควันที่ลอยออกมามันเยอะผิดปกติราวกับที่มาของควันมันใหญ่มากอย่างนั้นล่ะอีก

 

เท้าของหนิงหลงชะงักไปทันทีเมื่อสายตาเริ่มมองเห็นบ้านของตน ยามนี้หนิงหลงได้ทราบแล้วว่าควันไฟพวกนั้นมีต้นเหตุมาจากบ้านของตนนั่นเอง เพียงแต่ควันเหล่านั้นไม่ได้มาจากเตาหลอม แต่เป็นควันจากไฟที่กําลังเผาบ้านของหนิงหลงให้วอดวายอยู่นั่นเอง

 

“อาจารย์…” หนิงหลงเห็นเช่นนั้นก็มีท่าที่สับสนอย่างมากเกิดอะไรขึ้นทําไมบ้านของเขาถึงถูกไฟไหม้กัน…อาจารย์เป็นผู้มีทักษะควบคุมไฟระดับ 9 เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น นอกเสียจากว่าอาจารย์จะไม่อยู่ในบ้านหรือไม่ก็ไม่สามารถควบคุมไฟได้

 

ปีง.. “

 

อยู่ๆประตูบ้านของหนิงหลงก็เปิดออกพร้อมเงาร่างขนาดใหญ่ที่เป็นผู้เปิดประตูออกมา พริบตาแรกหนิงหลงก็คิดว่าชายคนนั้นเป็นอาจารย์เสียอีก แต่ครู่เดียวหนิงหลงก็ทราบว่าเขาไม่ใช่อาจารย์อย่างแน่นอนเพราะร่างกายของเขาใหญ่โตกว่าของอาจารย์เสียอีก และในมือของเขายังมีค้อนสดับทศทิศที่อาจารย์ไม่น่าจะยกขึ้นอยู่ด้วย แต่ค้อนสดับ ทศทิศเป็นของรักของอาจารย์ท่านตัดสินใจอยู่ที่นี่และสร้าง บ้านเอาไว้ที่นี่ก็เพราะค้อนอันนั้นเลยนะการที่ชาย คนนั้นยกค้อนออกมามันหมายความว่ายังไง

 

“อาจารย์ อยู่ที่ไหน” หนิงหลงถามพลางมองไปทางชายที่เดินออกมาเบื้องหน้าด้วยท่าทีเกร็งๆ กําลังของชายคนนี้มันน่ากลัวขนาดไหนกัน ถึงขั้นเดินถือค้อนสดับทศทิศด้วยมือข้างเดียวเลยงั้นหรือ

 

“อาจารย์เจ้าหมายถึงหมิงซานงั้นหรือ” ชายคนนั้นถามพลางมองเข้าไปในตัวบ้านครู่หนึ่ง แต่เขาก็หันกลับมามองหนิ่งหลงด้วยท่าที่เฉยชาเสียอย่างนั้น

 

“ข้าฆ่ามันไปแล้ว” คําตอบของมันทําเอาหนิงหลงสะท้านไปทั่วร่าง มันบอกว่าฆ่าใครไปแล้วนะ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด