เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ – ตอนที่ 451-452

อ่านนิยายจีนเรื่อง เธอเปลี่ยนไปเป็นเจ้าพ่อ ตอนที่ 451-452 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 451 เจี่ยนอีหลิงกลับคืนมา 1

ท่าอากาศยานนานาชาติเทอร์มินอล

หยูซีรู้สึกกังวลเหลือเกิน

ย่าเจี่ยนเพิ่งแจ้งเขาว่าเจี่ยนอีหลิงกําลังจะถึงเป่ยจิงในบ่ายวันนี้ด้วยเที่ยวบินระหว่างประเทศ เธอขอให้เขไปรับเจี่ยนอีหลิงกลับมา

ผ่านไปตั้งสามปีแล้ว ในที่สุดเทพหลิงก็กลับมา

เมื่อสามปีก่อน นายท่านเชิ่งได้กลับไปที่เป่ยจิงในทันที เป็นผลให้เขาไม่ได้เข้าร่วมแข่งขันเกมไฟนอล

เทพหลิงก็หายไปเช่นกัน

ด้วยเหตุนี้ สุดท้าย ลูกน้องของเจี่ยนอีหลิง อันหยางและเพื่อนของเขาอีกคนหนึ่ง จึงต้องเข้ามาเติมเต็มแทนพวกเขา

หยูซีโกรธมาก แต่ทว่าเขาไม่ได้โกรธที่จ๋ายหวินเชิ่งและเจี่ยนอีหลิงไม่ได้เข้ามาเล่นในไฟนอลเกมของพวกเขา เขาก็ไม่ได้โกรธแม้แต่น้อยที่พวกเขาสูญเสียโอกาสที่จะเป็นแชมป์เปี้ยน

แต่เขากลับโกรธในสิ่งที่สองคนนั้นทํา

พวกเขาเป็นเพื่อนร่วมทีม

ทว่าทั้งสองคนได้ปล่อยทิ้งเขาไว้แบบนั้น

แต่ทว่าหยูชีก็โกรธได้เพียงชั่วครู่เท่านั้น ความโกรธเขาลดลงอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าเกมจะมีความสําคัญ แต่ก็ยังไม่สําคัญเท่ากับเพื่อนเขา

หลังจากที่ความโกรธของเขาเบาบางลงแล้ว หยูซีก็กลับไปที่เปยจิงเพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย

เนื่องจากจํายหวินเชิ่งไม่ได้เตร็ดเตร่เล่นอีกต่อไป หยูชีจึงต้องตามอีกฝ่ายกลับไปเรียนและจบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย

ในช่วงเวลานี้ หยูซีได้ยินว่าเจี่ยนอีหลิงไม่ต้องรอถึงปีหน้าในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย กลับกัน เธอสอบผ่านมหาวิทยาลัยต่างประเทศในฤดูหนาวปีนั้น เป็นผลให้มหาวิทยาลัยนั้นรับเธอเข้าโดยตรง

ในต้นฤดูใบไม้ผลิถัดมา เธอก็เดินทางไปต่างประเทศกับพี่ชายรอง

ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เจี่ยนอีหลิงและเจี่ยนหยุ่นโม่ พี่ชายของเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ในต่างประเทศ

พวกเขาทั้งสองจะกลับมาในช่วงตรุษจีนเท่านั้น

ดังนั้นหยูชีจึงไม่ได้เห็นเจี้ยนอีหลิงเป็นเวลาสามปีเต็ม

จากข้อมูลของย่าเจี่ยน เจี่ยนอีหลิงได้กลับมาเพราะมีโครงการแลกเปลี่ยนระหว่างมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่เธอเรียนกับมหาวิทยาลัยเปยจิง

ทันทีที่ย่าเจี่ยนได้ยินว่าเจี่ยนอีหลิงกําลังจะไปที่เป่ยจิง เธอก็ขอให้หยูซีดูแลหลานสาวที่รักของเธอทันที ในเมื่อย่าเงียนรู้ว่าตอนนี้หยูซีอยู่ที่เป่ยจิง

และด้วยเหตุนี้ หยูชีจึงมาถึงที่สนามบินด้วยความคาดหวังอย่างสูง

เขารู้สึกกระวนกระวายเหลือเกินในเวลาเดียวกัน

สามปีผ่านไป เขาสงสัยว่าเทพหลิงจะโตมาเป็นคนแบบไหน

เธอจะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้หญิงที่สวยและงดงามหรือไม่?

หลังจากเครื่องบินมาถึง ก็มีคนจํานวนมากออกมาจากทางออก

หยูซียืดคอเพื่อค้นหาเจี่ยนอีหลิง

ในที่สุด เขาก็เห็นหญิงสาวสวมกางเกงยีนส์ทรงสลิมสีดํากับเสื้อยืดสีขาวอยู่ท่ามกลางฝูงชน

เธอมีดวงตาที่กระจ่าง ใบหน้าสดใส และรูปร่างที่บอบบาง

ผมยาวนุ่มสลวยมัดเป็นหางม้าเรียบๆ

เธอดูเหมือนกับเทพหลิงในความทรงจําของเขาพอดี

แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ รวมไปถึงส่วนสูงของเธอด้วย

หยูซีโบกมืออย่างมีความสุขไปที่เจี่ยนอีหลิง

“อีหลิง อีหลิง”

เจี่ยนอีหลิงกําลังคุยโทรศัพท์อยู่ คนในโทรศัพท์กําลังบอกเจี่ยนอีหลิงถึงสิ่งที่ควรทราบ

“โปรดระมัดระวังตอนที่เธออยู่ในเป่ยจิง อย่าเปิดเผยตัวเอง มีคนจํานวนมากตามหาเธออยู่ที่นั่น อีกอย่าง ถ้าเธอไม่ต้องการคนที่ฉันส่งไปรับเธอ ฉันจะให้พวกเขาไปที่พักเธอและจัดการทุกอย่างให้”

“เธอจะอยู่ที่เป่ยจิงเป็นเวลาหนึ่งเดือนในครั้งนี้ โปรดระวัง ไม่สําคัญหากว่าเธอจะไม่สามารถบรรลุในสิ่งที่เราวางแผนจะทําได้ เพียงแต่ต้องระมัดระวัง เธอมีค่ามากกว่าสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด เธอต้องกลับมาภายในหนึ่งเดือนโดยไม่มีรอยขีดข่วน”

เมื่อเจี่ยนอีหลิงเห็นหยูซี เธอก็วางสายไปหลังจากนั้น

เมื่อเธอเห็นหยูซี ใจเธอก็สั่นเล็กน้อย

ในที่สุดเธอก็มาที่เป่ยจิงแล้ว

สามปีที่แล้ว จ๋ายหวินเชิ่งขอให้เธอสัญญากับเขาว่าเธอจะไม่มาที่เป่ยจิง เธอสามารถไปที่ไหนก็ได้ในโลกนี้แต่เธอก็มาอยู่ดี

นี่เป็นครั้งแรกที่เจี่ยนอีหลิงผิดสัญญากับใครบางคน

แต่ทว่า เธอมีเหตุผลว่าทําไมเธอถึงต้องมาเปยจิง แม้ว่าเธอจะต้องผิดสัญญากับเขา เธอก็ยังต้องมาที่นี่

บทที่ 452 เจี่ยนอีหลิงกลับคืนมา 2

หยูซีรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อช่วยเจี่ยนอีหลิงขนสัมภาระ “เทพหลิง เธอไม่ได้เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย”

หยูซีเต็มไปด้วยความสุข

มันเยี่ยมมาก เทพหลิงยังคงเป็นเทพหลิงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เวลาดูเหมือนจะย้อนไปเมื่อสามปีที่แล้ว

เทพหลิงยังคงน่ารักน่าเอ็นดู แน่นอนว่าเธอก็ยังคงดูเหมือนเย็นชาต่อทุกคน

“สามเซนติเมตร” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ

เสียงที่ออกมาจากปากเธอก็ยังคงเป็นเสียงเดียวกับที่หยูชีจําได้ นุ่มและหวานเหมือนข้าวเหนียว

“หือ” หยูซีถามขณะมองไปที่เธอ

“ฉันโตขึ้นอีกสามเซนติเมตร”

สามเซนติเมตรก็ยังคงถือว่าสูงขึ้น

หยูซีชะงักไปชั่วขณะ เขาพยายามอย่างหนักที่จะไม่หัวเราะออกมาดังๆ

เขาหัวเราะไม่ได้ แน่นอนว่าเขาไม่สามารถหัวเราะเยาะเทพหลิงได้ เขาไม่ได้เห็นเธอมานานแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง เขาไม่สามารถเยาะเย้ยเธอได้ในตอนนี้

หลังจากระงับเสียงหัวเราะแล้ว หยูชีก็มองไปที่เจี่ยนอีหลิงอีกครั้ง ท่าทางของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจัง

เขามีคําถามมากมายที่อยากจะถามเธอ แต่ว่าเขาไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจากตรงไหน

ตัวอย่างเช่น เกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอกับนายท่านเชิงเมื่อสามปีก่อน

และทําไมนายท่านเชิงจึงออกจากเมืองเหิงหยวนทันที ทําไมเขาถึงจากไปทันทีหลังจากที่ช่วยเธอแล้ว

และทําไมเขาถึงอยู่แต่ในเป่ยจิงตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาไม่ได้ออกจากเมืองเลยแม้แต่ครั้งเดียวนับตั้งแต่นั้นมา

เจี่ยนอีหลิงก็ออกจากประเทศไปเช่นเดียวกัน ด้วยเหตุนี้เจี้ยนอีหลิงและจ๋ายหวินเชิ่งจึงไม่ได้ติดต่อกันโดยสิ้นเชิง

หยูชีจะไม่เชื่อเจี่ยนอีหลิงถ้าเธอบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขา

แต่ทว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้บ้างนั้น? หยูซีไม่อาจนึกถึงเรื่องราวที่อาจก่อให้เกิดสิ่งนี้ได้

หลังจากชะงักไปชั่วขณะ หยูซีก็ยังไม่อาจถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว เขาไม่รู้ว่าจะใช้ประโยคคําถามอย่างไร กลับกัน เขาถามคําถามเจี่ยนอีหลิงในสิ่งที่เขาคิดว่าเกี่ยวข้องกับช่วงวัยของเธอแทน

“เทพหลิง น้องเคยเดทกับใครบ้างไหมในช่วงปีที่ผ่านมานี้”

เจี่ยนอีหลิงเงียบไปครู่หนึ่ง

ความเงียบของเจี่ยนอีหลิงทําให้หยูซีเหมาไปทันทีว่า “เดี๋ยวก่อน ไม่มีทาง น้องมีแฟนต่างชาติงั้นเหรอ? พี่เดาว่ามันเป็นเรื่องปกติที่เด็กผู้หญิงอายุสิบแปดปีจะคบกับใครซักคน แต่ว่าน้องต้องไม่ปล่อยให้คนจากประเทศอื่นขโมยน้องไปนะ”

“ฉันไม่” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ

พี่ชายเธอบอกว่าเธอไม่สามารถเดทได้จนกว่าจะอายุยี่สิบ

“เดี๋ยวก่อน นี่หมายความว่าเธอยังไม่เคยเดทกับใครเลยงั้นใช่ไหม? หรือหมายความว่าเธอไม่มีแฟนเป็นต่างชาติ?”

“ไม่ทั้งสองคําถาม”

“เอิ่ม น้องควรรีบไปเดทกับใครซักคนเมื่อตอนที่อยู่ในเปยจิง อย่าสูญเสียความสาวไปเปล่าๆ น้องสามารถไปดูหนุ่มๆในเปยจิง พวกเขาดีกว่าคนต่างประเทศมาก”

จากนั้นหยูซีก็แสดงความคิดเห็น “อืมมม นายท่านเชิงก็ยังไม่เคยเดทกับใครเลย แต่ว่าพี่ก็ไม่ได้เห็นเขามากนักในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา บอกตามตรงว่า ถ้าเขาเริ่มคบกับใคร พี่ก็คงไม่รู้เรื่องนั้นเหมือนกัน”

หลังจากที่จ๋ายหวินเชิ่งเริ่มทํางานในธุรกิจตระกูลจํายแล้ว หยูชีมีโอกาสน้อยมากที่จะได้พบกับอีกฝ่าย

หยูชีจําได้ว่าครั้งสุดท้ายที่เขาเห็นนายท่านเชิงคือเมื่อประมาณสองเดือนที่แล้ว

“อือ”

เมื่อเจี่ยนอีหลิงได้ยินหยุซีพูดถึงจ๋ายหวินเชิ่ง เธอก็เพียงแค่ตอบอย่างใจเย็น

“โอ เราอย่ามัวยืนเฉยอยู่อีกเลยนะ เดินไปที่รถของพี่กันเถอะ”

จากนั้นหยุซีจึงเดินไปกับเจี่ยนอีหลิงไปยังตําแหน่งที่เขาจอดรถไว้

หลังจากออกจากสนามบิน หยซีก็ถามเจี่ยนอีหลิงว่า “เทพหลิง น้องได้ที่พักหรือยัง ถ้าเธอยังไม่มี ฉันจะหาที่พักให้น้องเอง”

“ฉันได้ที่แล้ว”

“โอ้ ดีมาก บอกที่อยู่มาเดี๋ยวพี่ไปส่ง”

“พาฉันไปที่จัดงานเลี้ยงตระกูลฉินในวันนี้”

“เทพหลิง น้องจะไปที่นั่นเพื่ออะไรกัน” หยูซีถามด้วยความสงสัย

“ฉันต้องการคุยกับฉินชวนเกี่ยวกับบางอย่าง เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ

เธอไม่ได้ระบุว่าจะคุยเรื่องอะไร

แต่ทว่า เมื่อหยูซีได้ยินเรื่องนี้ เขาก็รู้สึกอย่างรางเลือนว่าดูเหมือนเทพหลิงจะคุ้นเคยกับฉินชวนเป็นอย่างดี

เป็นไปได้ไหมว่าเทพหลิงและฉินชวนจะติดต่อกันในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา?

“เทพหลิง น้องเคยติดต่อกับฉินชวนในช่วงสามปีที่ผ่านมานี้หรือเปล่า”

“อือ” เจี่ยนอีหลิงตอบกลับ เธอไม่ได้ปฏิเสธความคาดเดาของหยูซี

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด