ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี – ตอนที่ 136 โดนโกง

อ่านนิยายจีนเรื่อง ฉันนี่แหละ ทายาทเศรษฐี ตอนที่ 136 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่136 โดนโกง

จ้าวเฉียนพาหยางหู่ขึ้นมาในรถของเขาและสั่งว่า

“นายช่วยส่งคนไปตามสืบการเคลื่อนไหวของสองพ่อลูกตระกูลหยางที ฉันอยากจะรู้ว่าพวกมันนอนกับใครบ้าง เข้าใจไหม?”

“เข้าใจแล้วครับ ผมจะสั่งให้ลูกน้องที่เคยประจำหน่วยรบพิเศษไปตามสืบโดยเฉพาะ งานนี้ต้องสำเร็จอย่างราบรื่นครับ”

หยางหู่ตอบกลับด้วยความเคารพ

จ้าวเฉียนพยักหน้าอย่างพึงพอในและกล่าวต่อว่า

“แล้วหลิวเปาเป็นยังไงบ้าง?”

“หลิวเปาจ่ายเงินให้หลิวซีไปรับผิดทั้งหมดแทน ตอนนี้เขาสบายดีและกำลังจะได้รับการปล่อยตัวในอีกไม่กี่วัน”

น้ำเสียงของหยางหู่ดูไม่ค่อยพึงพอใจเท่าไหร่นัก

“โอ้ ไม่เป็นไรหรอก ตราบใดที่เราทีพลังและอำนาจมากพอ มันจะจัดการพวกเราได้ยังไง แต่หลังจากนี้นายต้องระวังตัวให้ดี หลังจากถูกปล่อยตัวออกมา มีความเป็นไปได้ว่าหลิวเปาจะเปิดศึกจู่โจมพวกนายได้ เตรียมรับมือไว้ก่อนไม่เสียหาย”

จ้าวเฉียนกล่าวแนะนำด้วยความเป็นห่วง

หยางหู่รู้สึกดีใจเป็นอย่างมากพร้อมกล่าวขอบคุณไปว่า

“ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วงครับ ผมจะระวังตัวให้ดี ส่วนทางคุณชายจ้าวเองก็ต้องระวังตัวเช่นกันนะครับ สองพ่อลูกตระกูลหยางคงกำลังคิดแผนร้ายจัดการคุณชายแน่นอน”

คู่คิ้วของจ้าวเฉียนมุ่นขึ้นเล็กน้อยพร้อมพยักหน้าเบาๆ เขาตอบกลับไปว่า

“อืม ฉันจะระวังตัวให้ดี ช่วงนี้คงไม่ค่อยออกไปข้างนอกโดยไม่จำเป็น ไปกลับเฉพาะที่ทำงานกับบ้านเท่านั้น เพราะถึงพวกนั้นจะบุกมาถึงบริษัท แต่มันไม่กล้าลงมือลงไม้กับฉันแน่นอน ภายในออฟฟิศมีทั้งกล้องวงจรปิดและคนอื่นๆอีกมากมาย แต่ยังไงก็ตาม ช่วงนี้นายต้องเปิดมือถือตลอด24ชม.นะ ในกรณีฉุกเฉินนายต้องมาช่วนฉันโดยเร็วที่สุด”

หยางหู่เหยียดหลังยืดตรงในทันใด พร้อมตบปากรับคำกับจ้าวเฉียนว่า

“ไม่ต้องกังวลครับ ผมจะค่อยเฝ้ามือถือตลอดเวลา หากมีอันตรายใดๆเกิดกับคุณชายจ้าว รีบโทรหาผมทันที ผมจะไปช่วยโดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้”

“ฉันเชื่อมั่นในตัวนายนะ เอาล่ะเดินทางกลับดีๆ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว”

จ้าวเฉียนกล่าวตอบพร้อมรอยยิ้ม

หยางหู่บอกลาจ้าวเฉียนและเดินลงจากรถไป และขึ้นรถตัวเองเพื่อขับกลับบ้าน

ไม่นานหลังจากนั้นจ้าวเฉียนก็ถึงคฤหาสน์ ในเวลาเดียวกันหวานเจียงก็ส่งข้อความมาหาผ่านWeChatถึงเขา

“ถึงบ้านรึยัง?”

จ้าวเฉียนกำลังอาบน้ำอยู่ ก็เลยไม่ได้ตอบเธอกลับในทันที

พอออกมาจากห้องน้ำ เขาก็พบว่าหวานเจียงส่งข้อความมาหาตนเองยาวเป็นหางว่าว เธอคงพยายามสื่อสารกับเขาว่า ไม่ว่าพ่อของเธอจะพูดหรือข่มขู่อะไรก็อย่าไปฟังเขา อย่าได้สนใจหรือต้องกลัว พ่อของเธอไม่มีสิทธิ์มาตัดสินว่าเธอจะมีเพื่อนเป็นใครบ้าง จ้าวเฉียนคลี่ยิ้มเล็กน้อยและส่งข้อความตอบกลับจำนวนมากให้แก่เธอไป

“เมื่อกี้ฉันอาบน้ำอยู่ เลยไม่ได้ตอบ”

“คำพูดของพ่อเธอไม่มีผลอะไรกับฉันอยู่แล้ว”

“ถ้าฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ ไม่มีใครสามารถหยุดฉันได้”

“และถ้าคนไหนที่ฉันไม่อยากเป็นเพื่อนด้วย ต่อให้ตื้อยังไงก็ไม่มีทาง”

อ่านแชทตรงหน้าเป็นเวลาเนินนาย หวานเจียงเหม่อลอยไปสักใหญ่ก่อนจะได้สติกลับมา พิมพ์ตอบไปว่า

“แล้วนายอยากเป็นเพื่อนกับฉันไหม?”

ถ้าในฐานะเพื่อนธรรมดาทั่วไปจ้าวเฉียนยังคงเต็มใจ แต่ถ้ามากไปกว่านั้นกลับรู้สึกอึดอัดแล้ว อย่างน้อยที่สุดตอนนี้หวานเจียงก็ไม่ใช่สเปคของเขา

“แน่นอน ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ ขอตัวไปนอนก่อนนะ วันนี้เจออะไรนิดหน่อย อยากนอนพักแล้ว แค่นี้นะ บาย”

จากนั้นจ้าวเฉียนก็ปิดWeChat และเปิดแอปอ่านนิยายขึ้นมาแทน จากนั้นก็เริ่มอ่านนิยายเรื่อง‘ล้ำฟ้าย่ำสวรรค์’ตอนล่าสุด

ในวันหยุดสุดสัปดาห์ จ้าวเฉียนไม่มีแผลนออกไปไหนทั้งสิ้น เขาจึงตั้งใจว่าจะทำความสะอาดคฤหาสน์หลังนี้สักรอบ ถือซะว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัว แต่ไม่นานหลังจากนั้นหยางหมิงก็โทรสายเข้ามาหา

จ้าวเฉียนรับโทรศัพท์และเปิดฉากถามก่อนทันทีพร้อมรอยยิ้ม

“สวัสดีครับนายน้อยหยาง ไม่ได้ออกไปเดินสายที่ไหนเหรอครับในวันหยุดสุดสัปดาห์แบบนี้? แล้วโทรหาผมมีอะไรรึเปล่า คิดถึง?”

หยางหมิงฝืนยิ้มจนบิดเบี้ยวเสียทรง พยายามเอ่ยน้ำเสียงหวานตอบไปว่า

“อย่าเรียกผมว่านายน้อยหยางอีกต่อไปเลย ผมต่างหากที่ควรเรียกคุณว่านายน้อยจ้าว ไม่ทราบว่าวันนี้พอมีเวลาออกมาททานอาหารด้วยกันไหม? ผมอยากเลี้ยงคุณ เลือกสถานที่และเวลามาได้เลย เรื่องนี้…ไม่เกี่ยวข้องกับหลักฐานแบล็คเมล แค่อยากพานายน้อยจ้าวออกมาทานข้าวด้วยกันเฉยๆ”

ถึงได้ยินไปแบบนั้น แต่จ้าวเฉียนยังคงมั่นใจว่า ที่หยางหมิงทำไปทั้งหมดก็เพื่อภาพถ่ายและคลิปที่ใช้แบล็คเมลแน่นอน

“ถ้าคุณว่าง ผมก็ว่างเช่นกัน นายน้อยหยางออกหน้าชวนผมไปทานข้าวด้วยกันแบบนี้ ผมมีความสุขจังเลย แต่ก็ควรรู้ไว้นะครับว่านี่เป็นเพียงการกินข้าวเฉยๆ ไมมีการทำเพื่อขอร้องให้ผมลบคลิปหรือภาพถ่ายใดๆทั้งสิ้น”

หยางหมิงรีบอธิบายตอบทันทีว่า

“ไม่ใช่ ไม่ใช่แน่นอน ผมไม่ได้ทำไปเพื่อเรื่องพวกนั้นเลย เชื่อว่าด้วยนิสัยของนายน้อยจ้าว คงไม่มีวันนำมันออกไปเปิดโปงง่ายๆเพียงเพราะความขัดแย้งเล็กๆน้อยๆจริงไหมครับ? ผมอยากขอโทษแทนคุณพ่อที่ทำเรื่องไม่ดีต่อคุณเมื่อคืนนี้ หวังว่าจะเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นลูกใช่ไหมครับ?”

จ้าวเฉียนระบเดหัวเราะลั่น ตอบไปว่า

“ถ้าจะมาในนามของพ่อคุณ ผมก็ไม่คิดว่าจะมีความจำเป็นอะไรต้องทานอาหารด้วยกัน เพราะนี่เป็นความขับข้องใจส่วนตัวระหว่างผมกับเขา คุณไม่มีสิทธิ์มาแก้ไขความผิดพลาดของคนอื่น แม้จะเป็นพ่อของคุณเองก็ตาม เข้าใจที่ผมพูดไหมครับ?”

หยางหมิงยังคงไม่ยอมแพ้ เขาพูดต่อไปว่า

“โอเค ถ้าอย่างนั้นเรามานัดทานอาหารกับเฉยๆโอเคไหม? ไม่มีการพูดถึงเรื่องพวกนี้ทั้งสิ้น”

“ฮ่าฮ่า…นายน้อยหยางขี้เล่นจริงๆนะครับ เคยนัดคู่ค้าทางธุรกิจไปทานอาหารกันแบบเล่นๆไหมครับ? มีแต่เพื่อนกันเท่านั้นที่ชวนกันออกไปเที่ยวเล่นโดยไม่คิดอะไร แล้วผมขอถามสักข้อ…พวกเราเป็นเพื่อนกันเหรอครับ?”

หยางหมิงถึงกับสำลักไปชั่วขณะต่อคำพูดของจ้าวเฉียน และไม่รู้เลยว่าควรจะตอบยังไงกลับไป

จ้าวเฉียนแสยะยิ้มฉีกกว้างและกล่าวต่อว่า

“ถ้านายน้อยหยางไม่มีอะไรจะพูดแล้ว งั้นแค่นี้นะครับ”

“ยะ-อย่า…อย่าเพิ่ง…”

หยางหมิงพยายามโน้มน้าวอีกฝ่าย

จ้าวเฉียนหัวร่อทิ้งทวนไปคำหนึ่งพร้อมกดตัดสายทิ้งทันที จากนั้นก็หยิบเครื่องดูดฝุ่นไปทำความสะอวาดต่อ

หลังจากวันอันแสนวุ่นวายได้จบลง จ้าวดฉียนก็รู้สึกอ่อนล้าจัดราวกับร่างกายกำลังแตกเป็นเสี่ยงๆ ดังนั้นเขาจึงต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อผ่อนคลาย และสุดท้ายเขาก็เลือกที่จะไปนวด พอนึกถึงทางเลือกดังกล่าว ภาพของเฉียงกุยหลิงก็ลอยขึ้นมาในหัวทันที

จ้าวเฉียนขับไปยังโรงแรมดังกล่าวและนั่งแช่อยู่ในห้องซาวน่าสักพักใหญ่ ก่อนจะตบท้ายด้วยอ่างน้ำเย็น และขึ้นไปรับประทานอาหารชั้นบน

หลังจากมื้ออาหารค่ำสิ้นสุดลง จ้าวเฉียนก็เดินขึ้นไปยังชั้นนวดสปาและสั่งพนักงานให้ไปเรียกเฉียงกุยหลิงมาบริการ แต่รอเกือบครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นวี่แววใครมา จนเขารอไม่ไหวอีกต่อไป

เขาต่อสายตรงโทรหาหยวนตงไห่ทันทีและกล่าวว่า

“หยวนตงไห่ ฉันรีเควสให้เฉียงกุยหลิงมานวดให้ฉัน แต่นี่รอเกือบครึ่งชั่วโมงแล้วยังไม่เห็นมีใครมาเลย ช่วยถามทีว่าเกิดอะไรขึ้น?”

หยวนตงไห่ตกใจอยากมากเมื่อได้ยินแบบนั้น จึงรีบตอบไปว่า

“ต้องขออภัยด้วยครับ แล้วทำไมคุณชายจ้าวไม่โทรมาบอกผมล่วงหน้าก่อน จะได้เตรียมตัวไว้”

“เรื่องเล็กน้อย ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นหรอก แค่ช่วยตามเรื่องนี้ให้หน่ยอก็พอ”

จ้าวเฉียนกล่าวน้ำเสียงดูอ่อนแรง

หยวนตงไห่ตอบตกลงโดยไว หลังจากวางสายไปเขาก็รีบไปหาเฉียงกุยหลิงด้วยตัวเอง

ประมาณสิบนาทีต่อมา เฉียงกุยหลิงก็เข้ามาพร้อมตระกล้าเครื่องไม้เครื่องมือนวด แต่ถึงอย่างไรสีหน้าของเธอกลับดูอารมณ์ไม่ค่อยสู้ดีนัก

จ้าวเฉียนปิดปากหาวเล็กน้อยและเอ่ยถามขึ้นว่า

“ดูอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนะ ไม่อยากนวดให้ฉันก็พูดมาตรงๆก็ได้ ฉันไม่ว่าอะไรเธออยู่แล้ว”

เฉียงกุยหลิงยกมือปัดทันทีและกล่าวว่า

“ไม่ใช่นะคะ…ไม่ใช่ คือมีเรื่องเกิดขึ้นกับที่บ้านฉัน มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคุณเลยค่ะ”

ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับทางบ้าน จ้าวเฉียนก็นึกถึงพ่อแม่ของเธอเป็นอันดับแรก เพราะก่อนหน้านี้เขาสัญญาไปว่า จะคุยกับทางโรงพยาบาล เพื่อให้พวกเขาดูแลพ่อและแม่ของเธออย่างดีที่สุด ซึ่งเขายังไม่ได้ไปพูดเลย

“อาการของคุณพ่อคุณแม่เธอเป็นยังไงบ้าง?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามทันทีด้วยความกังวล

เฉียงกุยหลิงส่ายหัว เธอตอบไปว่า

“ไม่ใช่ค่ะ ทริปของคุณครั้งที่แล้วมันก็มากพอสำหรับค่ารักษาเป็นระยะเวลาหนึ่งเลย แต่คราวนี้กับเป็นเรื่องน้องชายฉันเอง เขาเป็นหนี้คนอื่น แล้วฉันก็หาเงินขนาดนั้นไปจ่ายไม่ไหว”

“หื้ม? เป็นหนี้อยู่เท่าไหร่ล่ะ?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามขึ้นทันที

“สองแสนค่ะ…”

เฉียงกุยหลิงตอบกลับไปอย่างรู้สึกผิด

“สองแสน? ฉันเข้าใจแล้ว แต่ไม่ใช่เธอเคยบอกว่า เขาเรียนอยู่หรอกเหรอ? แถมผลการเรียนก็ดีมากด้วย ถ้างั้นเขาก็ไม่น่าจะใช้คนใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายนะ แล้วจะเป็นหนี้ได้ยังไง?”

จ้าวเฉียนเอ่ยถามเจือน้ำเสียงสงสัย

เฉียงกุยหลิงคล้ายว่าต้องการจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็เงียบไป เธอลังเลอยู่สักหนึ่งก่อนฝืนยิ้มตอบไปว่า

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณลูกค้ามาที่นี่เพื่อพักผ่อน ไม่จำเป็นต้องฟังเรื่องไร้สาระของหนูหน่อย งั้นเรามาเริ่มนวดกันเลยนะคะ”

เฉียงกุยหลิงเริ่มจัดแจงเครื่องไม้เครื่องมือนวดออกจากตระกล้าอย่างเร่งรีบ แต่จ้าวเฉียนก็ยังไม่เข้าใจว่า ทำไมน้อยชายของเธอถึงไปติดหนี้จำนวนมากมายขนาดนี้ได้

“เธอบอกคาวมจริงมาเถอะ ทำไมน้องชายของเธอถึงติดหนี้คนอื่นมากขนาดนั้น”

จ้าวเฉียกล่าวถามไปตามจริง

เฉียงกุยหลิงเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าก้มตาลงไปและตัดสินใจเล่าให้ฟังไปว่า

“เขาบอกว่าเอาเงินไปลงทุนในธุรกิจของคนอื่น ทำไปก็เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูครอบครัว ช่วยหนูอีกแรง แต่นั้นแหละค่ะเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้ แล้วหนูเองก็ไม่กล้าตำหนิน้องชายด้วย เขาทำไปเพราะเจตนาดี…”

“ลงทุนธรกิจ? แต่น้องชายของเธอยังเรียนอยู่เลยไม่ใช่เหรอ?”

“หนูก็รู้ไม่เยอะเท่าไหร่ ได้ยินว่าทุกคนในห้องเรียนระดมเงินคนละ50,000หยวน ลงทุนโครงการอะไรสักอย่าง โดยให้สัญญาไว้ว่า หลังจากนี้หนึ่งเดือนทุกคนจะได้เงินคืนกลับไปคนละ60,000หยวน พร้อมดอกเบี้ยอีกจำนวนมาก”

เฉียงกุยหลิงเล่าพร้อมทั้งสีหน้าแสนเศร้าโศก

จ้าวเฉียนที่ได้ยินก็รู้ทันที ว่านี่มันธุรกิจแช่ลูกโซ่ น้องชายของเธอโดนโกงชัดๆ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด