บุหลันเคียงรัก – บทที่ 54 ทะเลหลีเฮิ่นทลาย (ตอนปลาย)

อ่านนิยายจีนเรื่อง บุหลันเคียงรัก ตอนที่ 54 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ในเจดีย์แก้วมรกตมีเล็บขององค์ราชาชือโหยวและกะโหลกขององค์ราชาก้งกงอยู่! มหาเทพไป๋เจ๋อโมโหมาก ถึงกับกล้าลงมือกับของรักของเขาได้!

 

 

ในมือเขาไม่มีของที่ใช้ได้ จึงรีบถอดรองเท้าออกมาข้างหนึ่งแล้วเขวี้ยงไปสุดแรงเพื่อไปขวางเอาไว้ก่อน แต่แล้วก็ต้องตกใจเพราะมืออีกข้างที่เมื่อครู่นี้มหาเทพจูเซวียนใช้แปรงปัดฝุ่นปัดจนสลายไปนั้นได้รวมกลับมาใหม่แล้ว มันไม่ไปพัวพันกับมหาเทพจูเซวียนอีก แต่กลับพุ่งไปทางเจดีย์แก้วมรกตแทน

 

 

พลังเทพของมหาเทพไป๋เจ๋อสั่นสะเทือนขึ้นมา เขาถอดสร้อยไข่มุกที่ข้อมือออกมา กำลังจะโยนออกไป ฉับพลันร่างทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าก็เบาขึ้นหลายส่วน ในที่สุดมหาเทพจูเซวียนก็คลายขอบเขตจวนเทพหมดแล้ว!

 

 

มหาเทพไป๋เจ๋อไม่ต้องกริ่งเกรงอะไรอีก โยนสร้อยไข่มุกออกไปเบาๆ สร้อยเส้นนี้เป็นสร้อยไข่มุกที่ปีศาจปลาดุก ณ โลกเบื้องล่างเป็นผู้ดูแลบ่มเพาะมานานถึงสองหมื่นปีจนยาวขึ้นใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ไข่มุกแต่ละเม็ดขยายใหญ่ขึ้นจนเท่ากับประมาณอ่างน้ำได้ มันหมุนวนอยู่กลางอากาศ เทพทั้งหลายยังไม่ทันจะมองได้ชัดเจน มือขนาดใหญ่สีดำทั้งสองข้างนั่นก็ถูกสร้อยไข่มุกรัดเอาไว้จนกระแทกกับพื้นอย่างแรง ไม่รู้ว่าทำให้ตึกหินโมราทองอร่ามล้มลงไปตั้งเท่าไหร่

 

 

มหาเทพจูเซวียนที่มาถึงอย่างเร่งรีบเห็นจวนที่งดงามของตัวเองกลายเป็นซากไปกว่าครึ่งก็ปวดใจจนหน้ากระตุก

 

 

“เลวเกินไปแล้ว! เจ้าฝางเฟิงซื่อนี่ช่างเลวมาก!” เขากล่าวไม่เป็นประโยค “จะตกลงไปโลกเบื้องล่างก็ไม่รู้จักตกลงไปดีๆ! ทำไมต้องมาพังจวนจูเซวียนอวี้หยางของข้าด้วย!”

 

 

มหาเทพไป๋เจ๋อกล่าว “เจ้าหนูจูเซวียน เจ้าลองดูมือคู่นี้สิ แปลกนัก”

 

 

เขาดีดนิ้วเสียงดัง สร้อยไข่มุกที่รัดมือใหญ่ยักษ์ทั้งสองก็รัดแน่นขึ้น ไอมารสีดำสนิทและเนื้อถูกบีบจนแตกสลายไปอีกครั้ง ไอมารสลายไป แต่กลับสลายไปไม่หมด ไม่นานก็รวมตัวกลับมาใหม่และเคลื่อนไหวได้อีก

 

 

มหาเทพจูเซวียนตกใจว่า “มันสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ด้วยหรือนี่”

 

 

มือทั้งสองข้างนี้จะเป็นก็ไม่เป็น จะตายก็ไม่ตาย ไม่รู้มันมีลูกไม้อะไร หากบอกว่ามีคนควบคุมมันอยู่แต่ไม่เห็นร่าง นี่ยิ่งทำให้พวกเขาสับสนยิ่งกว่าฝางเฟิงซื่อฟื้นคืนชีพกลับมาเสียอีก

 

 

มหาเทพไป๋เจ๋อบังคับให้สร้อยไข่มุกไปรัดมือใหญ่ทั้งสองเอาไว้อีกครั้ง พวกมันก็ไม่ยอม และใช้นิ้วมือออกแรงขุดดินที่พื้น จนเข้าไปใกล้เจดีย์แก้วมรกตมากขึ้นทุกที

 

 

ดูแล้วเป้าหมายของมันคือของรักของเขาจริงๆ

 

 

“เจ้าหนูจูเซวียน รีบเอาของในชั้นที่เจ็ดออกมา” มหาเทพไป๋เจ๋อหันกลับไปมองท้องฟ้าสีดำสนิท สรรพสิ่งเงียบสนิท ไร้แสงดาวและแสงจันทรา ความเงียบอันประหลาดเช่นนี้ยิ่งคล้ายลางบอกเหตุว่าจะเกิดมหันตภัยครั้งใหญ่ยิ่งกว่าขึ้นมา “คิดไม่ถึงเลยว่า จะมีสัตว์ประหลาดอย่างนี้เกิดใต้ตาของเหล่าเทพได้”

 

 

ไม่ว่าตอนนี้ในทะเลหลีเฮิ่นจะซ่อนอะไรเอาไว้ ก็ไม่สามารถให้ของตกทอดขององค์ราชาชือโหยวและองค์ราชาก้งกงตกลงไปในนั้นได้ ร่างของฝานซื่อเฟิงกลายเป็นสัตว์ประหลาดอย่างนี้ ใครจะรู้ว่าของสองอย่างนั้นจะกลายเป็นอะไร เผ่ามารหนึ่งตนก็พอจะทำให้พวกเขาต้องปวดหัวได้แล้ว หากว่ามีเพิ่มมาอีกสอง เขายอมตกลงไปด้านล่างพร้อมกับทะเลหลีเฮิ่นยังดีกว่า

 

 

มหาเทพจูเซวียนปัดฝุ่นออกไป กล่องหยกขาวสองกล่องก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ บนนั้นเต็มไปด้วยคาถาอาคมสีแดง พอไม่มีพลังของเจดีย์แก้วมรกตกดเอาไว้ กล่องสีขาวก็สั่นไหวไม่หยุดราวกับมีอะไรกำลังทำลายกล่องอยู่อย่างนั้น

 

 

“เปิ่นจั้วถือให้เอง” มหาเทพไป๋เจ๋อหน้าด้านยื่นมือไปหาเขา

 

 

เวลาไหนแล้วมหาเทพไป๋เจ๋อยังมาไม้นี้อีก! มหาเทพจูเซวียนไม่สนใจเรื่องเคารพผู้อาวุโสกว่าอีกแล้ว เขาถลึงตามองเขา กำลังจะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของก็พลันได้ยินเสียงพังทลายที่น่ากลัวดังขึ้นมา พื้นดินสั่นไหวอย่างรุนแรง สิ่งก่อสร้างที่งดงามเอนไปมาแล้วทลายลงไปหลายหลัง

 

 

ทางด้านทิศตะวันตกของทะเลหลีเฮิ่นราวกับเกิดไฟป่า เกิดพายุสีดำสนิทสองสายพุ่งขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะห่างไกลขนาดนั้นก็ยังได้ยินเสียงลมที่เต็มไปด้วยไอพลังขุ่นมัวสองสายนั้นเสียดสีกับไอบริสุทธิ์ของแดนเทพจนเกิดเสียงเสียดฟันได้อย่างชัดเจน

 

 

เหล่าเทพขุนนางที่ส่งไปตรวจสอบด้านหน้าหนีกลับมาสองคนแล้วร้องตะโกนว่า “ทะเลหลีเฮิ่นห่างออกไปสามร้อยลี้ตกลงไปแล้ว! ไอขุ่นมัวพุ่งขึ้นมาแล้ว!”

 

 

มหาเทพจูเซวียนมีสีหน้าปวดใจแวบหนึ่ง ตัดสินฉับไวประหนึ่งนักรบตัดข้อมือ กล่าวสั่งการเสียงเฉียบขาดว่า “พวกเจ้า ไปเอาลูกธนูโฮ่วอี้กับหินวิญญาณมา! อย่างอื่นไม่ต้องเอาแล้ว! ทุกท่าน รีบออกไปจากที่นี่!”

 

 

เทพทุกคนยังต้องรอให้เขาพูดที่ไหน ทุกคนต่างก็เหาะพุ่งไปทางตะวันออกอย่างรวดเร็ว กิเลนทองแปดตัวที่ลากรถสีทองคันมหึมายิ่งเร็วกว่า พริบตาเดียวก็ออกมานอกจวนจูเซวียนอวี้หยางแล้ว มันบินอยู่เหนือทะเลเมฆแล้วไปหยุดรอมหาเทพไป๋เจ๋อที่ยังคงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่กับมหาเทพจูเซวียน

 

 

เหล่าศิษย์ในรถต่างก็ถูกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ทำเอาตะลึงลาน จื่อซีถามอย่างขลาดกลัวว่า “พวกเจ้าว่า ทะเลหลีเฮิ่นจะตกลงไปไหม”

 

 

กู่ถิงกล่าวอย่างร้อนรนว่า “อาจารย์กับเหล่ามหาเทพจะต้องพยายามสุดความสามารถไม่ให้มันตกลงไปอยู่แล้ว มิเช่นนั้นมนุษย์ธรรมดาเบื้องล่างคงประสบภัยพิบัติใหญ่หลวงนี้เข้าทั้งที่ไม่มีความผิดอะไรแน่!”

 

 

ไท่เหยาถอนหายใจแล้วกล่าว “พื้นแดนเทพสร้างขึ้นจากรากฐานพลังเทพอย่างพลังห้าธาตุและหยินหยาง หากว่าตกลงไปที่โลกเบื้องล่าง อานุภาพก็ไม่ต่างอะไรกับผ่าสวรรค์ทลายพิภพเลย ต่อให้เป็นเหล่ามหาเทพบนชั้นสวรรค์ที่สามสิบสามขึ้นไปก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ และหากว่าทะเลหลีเฮิ่นตกลงไปทั้งหมด เกรงว่าพวกเราเองก็คงต้องรับเคราะห์ไปด้วย การปะทะกันของพลังขุ่นมัวและบริสุทธิ์นั้นน่ากลัวมาก”

 

 

เขากล่าวออกมาอย่างน่ากลัวเช่นนี้ ทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างตกใจระคนหวาดกลัวกันมาก

 

 

ฝูชางรวมรวมสติมองไปด้านนอก พลังขุ่นมัวที่อยู่ไกลๆ ทำให้เกิดพายุสีดำขนาดใหญ่หลายสายราวกับมังกรดำทะมึนตัวใหญ่ เสียงแสบแก้วหูดังจนปวดหูแม้ว่าจะอยู่ไกลเพียงนั้น เขาสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมา ควรจะรีบออกไปจากที่นี่ จะอยู่ต่อไม่ได้แล้ว

 

 

เสวียนอี่ที่อยู่ด้านหน้าขยับตัวขึ้นมาทันใด เขาถึงได้พบว่ามือของเขากดบนศีรษะของนางตลอด ความเก้อกระดากและทำอะไรไม่ถูกผุดขึ้นมาในใจอีกครั้ง เขาค่อยๆ ชักมือเก็บกลับมา พักหนึ่งก็กล่าวเสียงเบาว่า “ขออภัย”

 

 

เสวียนอี่หันหน้ากลับมาทันที ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างกลมโตจ้องเขา “จากนั้นเล่า”

 

 

ปฏิกิริยาที่ไร้เหตุไร้ผลของนางทำให้เขาขมวดคิ้ว “จากนั้นอะไร”

 

 

เสวียนอี่กล่าวอย่างโมโหว่า “เจ้าล่วงเกินข้าไปตั้งมากมาย พูดขออภัยมาครั้งเดียวก็จะให้จบกันไปอย่างนั้นหรือ”

 

 

เขาพลันสงสัยตัวเองขึ้นมาว่า เขายังคงเมาสุราไม่ได้สติอยู่ใช่หรือไม่ถึงได้ไปกล่าวขออภัยนางได้ เรื่องที่ใต้ต้นตี้หนี่ว์ซางก่อนหน้านี้ เขาทำผิดไปอย่างมหันต์ ทั้งๆที่ควรจะขออภัยนางอย่างจริงใจ แต่ทว่าพอเห็นท่าทีขององค์หญิงมังกรที่แสนเย่อหยิ่งถึงเพียงนี้แล้ว เขากลับรู้สึกไม่อยากทำขึ้นมา

 

 

ใบหน้าของฝูชางเยือกเย็น เขาจับปลายคางนางแล้วบิดศีรษะให้หันกลับไป “นั่งดีๆ!”

 

 

เสวียนอี่ใช้เล็บจิกหลังมือเขาอย่างแรง เขาก็ไม่สนใจ ภายหลังนางจิกแรงเข้าเขาก็เลยใช้มือข้างหนึ่งจับข้อมือของนางไว้และออกแรงบังคับให้วางไว้ด้านหน้า ทันใดนั้นก็พลันได้ยินเสียงของมหาเทพไป๋เจ๋อดังมาจากด้านนอกว่า “ทะเลหลีเฮิ่นจะตกลงไปแล้ว! รีบหนีไป! รีบหนีไป!”

 

 

กิเลนทองเทียมรถทั้งแปดส่งเสียงร้องออกมาอย่างหวาดกลัว รถขนาดใหญ่ห้อตะบึงไปข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง วิ่งไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินเสียงพังทลายดังสนั่นมาไม่ขาดสาย เสียงที่น่ากลัวดังลั่นจนอกสั่นสะเทือน เทพอายุน้อยทั้งหลายต่างก็รู้สึกทรมานราวกับร่างจะฉีกขาด

 

 

ต่อมา มีพลังมหาศาลสายหนึ่งมาปะทะรถอย่างแรง ศิษย์ในรถต่างก็ล้มกลิ้งตีลังกาไปอย่างไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน เสียงตะโกนของไท่เหยากลายเป็นเสียงที่ทั้งเล็กทั้งเบาท่ามกลางเสียงดังเสียดแก้วหูเช่นนี้ไปในบัดดล “ไอพลังขุ่นมัวและไอบริสุทธิ์ปะทะกันแล้ว! รีบไปเร็ว!”

 

 

ไป? ไปที่ไหน? ไปอย่างไร? รถถูกม้วนเข้าไปในไอพลังขุ่นมัวสีดำสนิทที่ใหญ่มหาศาลนั่นไปแล้ว กิเลนทองทั้งแปดก็ไม่มีกระทั่งเสียงร้อง แค่พริบตาเดียวก็ถูกพลังทั้งสองที่ปะทะกันฉีกจนขาด รถขนาดใหญ่สั่นอยู่ในวังวนนั้น เสวียนอี่รู้สึกว่าตัวเองกลิ้งไปกลิ้งมาจนแทบจะอาเจียน

 

 

เสียงดังสนั่นราวกับภูเขาถล่มแผ่นดินทลายนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฝูชางไหลไปตามแรงสั่นสะเทือนจนไปถึงหน้าต่าง ด้านนอกไม่ว่าจะซ้ายขวาบนล่างล้วนแต่เป็นสีดำสนิท บ้างก็มีสะเก็ดพลังจากการเสียดสีของพลังทั้งสองแวบผ่านเข้ามา เขามองไปยังพื้นดินที่พังทลายนั่น เมื่อพื้นแดนเทพถูกพลังขุ่นมัวปะทะเข้าก็แตกกลายเป็นเม็ดทรายสีขาวเล็กๆนับไม่ถ้วน

 

 

ผนังรถเกิดเสียงดังสนั่นจากการถูกแรงบีบทำให้เหล่าศิษย์ทั้งหลายต่างใจเสีย หากว่ารถถูกบีบจนแตก พวกเขาก็ต้องปะทะกับไอพลังที่บ้าคลั่งนั่นตรงๆ! เพราะอาจารย์ที่ใช้ไม่ได้นั่นแท้ๆ! เพราะรอเขา! ความคิดตำหนิอาจารย์ของเหล่าศิษย์ไม่เคยรุนแรงเท่าตอนนี้มาก่อน แม้แต่จื่อซียังโมโหจนตะโกนออกมาเสียงดังอย่างร้อนรนว่า “ข้าจะลาออก!”

 

 

นางเพิ่งจะพูดจบ รถที่สั่นสะเทือนก็หยุดลง ศิษย์ที่กลิ้งไปมาในรถต่างพากันตกใจระคนสงสัยแล้วยันร่างขึ้น มหาเทพไป๋เจ๋อฝืนส่งเสียงมาจากที่ไกลๆว่า “ไปหลบที่มุมเร็ว! ดูแลตัวเองให้ดี! อย่าขยับ!”

 

 

ศิษย์ทุกคนต่างก็รีบไปหามุม ราชสีห์เก้าเศียรตกใจจนแม้แต่จะแปลงกายเป็นพาหนะยังทำไม่ได้ มันตัวเล็กราวกับลูกแมว ขาทั้งสี่เกาะขาของฝูชางเอาไว้แน่น ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่ยอมปล่อย ดวงตาทั้งสิบแปดมีน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย และยังร้องออกมาไม่หยุด

 

 

ฝูชางคว้าตัวมันขึ้นมาแล้วโยนเข้าไปในแขนเสื้อ เสวียนอี่ในอ้อมอกตัวอ่อนและแน่นิ่งไป องค์หญิงที่อ่อนแอคนนี้กลับหมดสติไปแล้ว เขาเอาเข็มขัดรัดเสวียนอี่ไว้ที่อกด้านหน้า แล้วท่องคาถาออกมา เกิดม่านพลังขึ้นมาบังเอาไว้ ทันใดนั้นก็มีมือข้างหนึ่งตบลงบนบ่าของเขาเบาๆ

 

 

เสียงของเซ่าอี๋ราวกับดังอยู่ที่ข้างหูของเขา “ศิษย์น้องฝูชาง ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ต้องปกป้องปลาดุกอุยน้อยเอาไว้ให้ดี ปกป้องนางแทนข้าด้วย”

 

 

แทนเขา?

 

 

ฝูชางไม่ได้ตอบตกลง รถส่งเสียงดังสนั่นขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขากระแทกไปมาในรถราวกับเต้าหู้ในกระทะ พริบตาเดียว รถก็แตกออกเป็นเสี่ยง กลายเป็นแสงสีทองนับไม่ถ้วนล้อมเหล่าศิษย์เอาไว้ ท่ามกลางแรงปะทะของไอพลังขุ่นมัวและไอพลังบริสุทธิ์ แสงสีทองก็แตกออกราวกับหยดน้ำและลอยออกไป

 

 

วันนั้นคือปีติงโหย่ว[1]เดือนเหรินจื่อ[2]วันอี่เว่ย[3] ล่วงเลยยามจื่อ[4]มาแล้วสองเค่อ ทะเลหลีเฮิ่นตกลงมายังโลกเบื้องล่าง พื้นแดนเทพทางตะวันตกกว่าห้าพันลี้ทลายลงมาทั้งหมด จวนจูเซวียนอวี้หยางที่งดงามไม่มีอีกต่อไป รอบทุกสารทิศต่างก็เกิดการสั่นสะเทือนไปทั่วติดต่อกันอีกหลายวันเพราะแรงของแผ่นดินที่ตกลงไป เทพที่วันนั้นไปเป็นแขกที่จวนจูเซวียนอวี้หยางหนีออกมาได้แค่ส่วนน้อยเท่านั้น มีเทพทั้งหมดสามร้อยยี่สิบแปดคนที่ถูกม้วนเข้าไปในไอพลังปะทะกันนั่นและตกลงไปด้านล่าง เป็นตายร้ายดีอย่างไรสุดจะรู้ได้

 

 

 

 

 

 

 

[1]ติงโหย่ว : ปีระกาไฟตามปฏิทินจีน ตามแบบแผนภูมิสวรรค์และพิภพ

 

 

[2]เหรินจื่อ : เดือนสิบเอ็ดตามปฏิทินจีน ตามแบบแผนภูมิสวรรค์และพิภพ

 

 

[3]อี่เว่ย : วันที่สิบเจ็ดตามปฏิทินจีน ตามแบบแผนภูมิสวรรค์และพิภพ

 

 

[4]ยามจื่อ ช่วงเวลาตั้งแต่ 23.00 น. จนถึง 00.59 น.

 

 

 

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด