มู่หนานจือ – บทที่ 3 ห้องชา
ถึงอย่างไรก็เคยเป็นสตรีที่สูงศักดิ์ที่สุดในใต้หล้านี้ เจียงเซี่ยนจึงเข้าใจความคิดของเฉาไทเฮาเป็นอย่างดี คนเช่นนาง เฉาไทเฮาไม่เพียงไม่รู้สึกว่าตนเองถูกล่วงเกิน ทว่ายังรู้สึกว่าเด็กสาวอย่างเจียงเซี่ยนยิ่งโตก็ยิ่งรู้ความ สุภาพเรียบร้อย และเป็นที่รักของคนมาก
รอยยิ้มบนหน้าเฉาไทเฮาอ่อนโยนขึ้นเล็กน้อย
แต่ไทฮองไทเฮามองอยู่กลับรู้สึกเกลียด
นางรู้ความคิดของเฉาไทเฮา
นางไม่ชอบเฉาไทเฮา จึงไม่ชอบเฉาเซวียน และไม่ชอบตระกูลเฉาที่เมื่อก่อนร่ำรวยและมีอำนาจแต่ตอนหลังกลับตกอับไปด้วย
“เด็กตอนที่กำลังโตก็เหมือนเดิมทุกวัน” ไทฮองไทเฮายับยั้งความไม่พอใจในใจไว้แล้วตอบเฉาไทเฮาไปเล็กน้อยก็เปลี่ยนไปพูดเรื่องอื่นว่า “ฝ่าบาทก็ไม่ได้มาที่วังของข้าหลายวันแล้วเหมือนกัน เขาเป็นอย่างไรบ้าง? ข้าได้ยินหลิวเสี่ยวหม่านบอกว่าหลายวันนี้ฝ่าบาทเสวยไม่ค่อยได้เลย? เพราะอาหารไม่ถูกพระโอษฐ์หรือ? ได้เรียกหมอหลวงไปตรวจหรือไม่?”
หลิวเสี่ยวหม่านมักจะไปสอบถามแทนไทฮองไทเฮาอยู่เสมอ
เฉาไทเฮาได้ยินแล้วก็ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ให้หมอหลวงไปตรวจแล้วเพคะ บอกว่าพระกระยาหารในพระอามาศัยไม่ย่อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร งดอาหารไม่กี่วันก็หายแล้วเพคะ” นางพูดอยู่ สายตาก็จับจ้องไปที่เจียงเซี่ยนอีกครั้งแล้วเอ่ยว่า “ชาซิ่งเหริน[1]ที่ดื่มตอนมาครั้งที่แล้วอร่อยมาก ได้ยินว่าเจ้าเป็นคนทำเองกับมือหรือ? คิดไม่ถึงว่าเป่าหนิงยังทำชากับของว่างเป็นด้วย”
เจียงเซี่ยนเป็นใคร?
คุณหนูใหญ่แห่งจวนเจิ้นกั๋วกง ลูกสาวขององค์หญิงต้าจั่ง[2]หย่งอัน ท่านหญิงที่ได้รับเงินเดือนชินอ๋อง คนที่ไทฮองไทเฮารักมาก อย่าว่าแต่เฉาไทเฮาเลย ของที่ทำ ‘เองกับมือ’ ที่ยกมาให้ไทฮองไทเฮานั้นก็แค่ยืนชี้แนะนางในกับขันทีอยู่ในห้องชาว่าในชากับของว่างโรยบ๊วยแผ่นหน่อยดีหรือใส่ลูกเกดหน่อยดีเท่านั้น
เฉาไทเฮาเป็นคนในวังจะไม่รู้ได้อย่างไร
นางเอ่ยเช่นนี้ก็แค่กำลังบอกเจียงเซี่ยนทางอ้อมว่านางมีเรื่องจะคุยกับไทฮองไทเฮา และให้เจียงเซี่ยนหลบไปเท่านั้น
หากเป็นเจียงเซี่ยนที่ไม่คิดอะไรในชาติก่อน นางอาจจะยังไม่เข้าใจความนัยของเฉาไทเฮาในทันที ทว่าเจียงเซี่ยนที่ฟื้นคืนชีพกลับมานั้นปกติตอนที่ตนเองเป็นไทเฮาก็พูดแบบนี้กับคนไปไม่น้อย ดังนั้นยังต้องให้คนอื่นบอกอีกที่ไหนกัน นางไม่เพียงแต่ลุกขึ้นยืนโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำ ทว่ายังถามเฉาไทเฮาอย่างใจกว้างด้วย “หายากที่ไทเฮาจะตรัสว่าโปรด เช่นนั้นหม่อมฉันไปชงมาให้ไทเฮาอีกสักถ้วยดีหรือไม่ ไม่ทราบว่าไทเฮาโปรดใส่ผลไม้แห้งสักหน่อยหรือใส่น้ำเชื่อมสักหน่อยเพคะ?”
เฉาไทเฮายิ่งมองนางอย่างพอใจ และหัวเราะอย่างเอ็นดูเล็กน้อยแล้วเอ่ยว่า “ได้ทั้งนั้น ได้ทั้งนั้น” แล้วก็มองไปทางอื่น รั้งไทฮองไท่เฟยที่เพิ่งรู้สึกตัวจึงลุกขึ้นตามเจียงเซี่ยนไปด้วยเอาไว้ “เจ้านั่งเถอะ ให้เป่าหนิงไปจัดการ พวกเรานั่งคุยกันสักหน่อย”
ไทฮองไทเฟ่ยจึงจำเป็นต้องนั่งลงอีกครั้ง
ทว่าในใจเจียงเซี่ยนกลับเริ่มคิด
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเฉาไทเฮาเป็นคนที่ไม่มีธุระก็ไม่มา ในเมื่อรั้งไทฮองไท่เฟยเอาไว้ ดูท่าทางจะไม่ได้อยากบอกลุงของนางผ่านไทฮองไทเฮา…เป็นไปได้มากว่าเป็นเรื่องส่วนตัวในวัง…แต่วังหลังที่เงียบเหงานี้จะมีเรื่องส่วนตัวอะไรได้? หรือว่าจะเลือกฮองเฮาให้จ้าวอี้?
แต่ชาติก่อนไม่ได้ยินว่าเฉาไทเฮาจะเลือกฮองเฮาให้จ้าวอี้นี่นา!
ถึงสุดท้ายนางจะเป็นฮองเฮาของจ้าวอี้ นั่นก็เป็นเพราะลุงของนางพาองครักษ์สามพันนายไปล้อมเฉาไทเฮาที่ภูเขาวั่นโซ่วด้วยตนเอง จ้าวอี้เหมือนจะค่อนข้างตั้งใจปูนบำเหน็จให้ตามความดีความชอบ และตอนที่เฉาไทเฮาอยู่ก็ไม่ได้คิดจะหาฮองเฮาที่มีภูมิหลังเป็นตระกูลที่มีอำนาจมากเหมือนนางให้จ้าวอี้
เฉาไทเฮามาทำอะไรกันแน่?
เจียงเซี่ยนคิดอยู่ตลอด แต่นางกลับเดินออกจากห้องอุ่นตะวันออกอย่างรวดเร็ว โดยขาไม่พันกันแม้แต่นิดเดียว
ด้วยสภาพอากาศอันเลวร้าย พอนางออกมาจึงตัวสั่นด้วยความหนาว
ติงเซียงนางในที่อยู่ข้างกายนางหอบเสื้อคลุมขนกระรอกที่ทอลายหงส์คู่กับดอกโบตั๋นสีชมพูออกมา และรีบคลุมให้นาง “ท่านหญิง ระวังเป็นหวัดเจ้าค่ะ”
“อืม” เจียงเซี่ยนตอบ นางรวบเสื้อคลุม แล้วไปยังห้องชาที่ตั้งอยู่ตำหนักข้างๆ
เฉาไทเฮาพระราชทานอภัยโทษก่อนวันเกิด ในวังนั้นขอเพียงเป็นนางในที่อายุยี่สิบปีเต็มและนางในระดับสูงที่อายุสามสิบปีก็ปล่อยออกไปหมด ติงเซียงกับเถิงหลัวนางในอีกคนหนึ่งของนางก็ปล่อยออกจากวังในครั้งนี้ ตอนหลังคนที่รับใช้นางตลอดคือไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อ นางเหมือนจะลืมเลือนหน้าของติงเซียงกับเถิงหลัวไปแล้ว
นางถูกจ้าวสี่วางยาพิษ ไป่เจี๋ยก็แล้วไป ด้วยเป็นอนุภรรยาของหลี่เชียนแล้ว และเพราะหลี่เชียนไม่มีภรรยาหลวง ไป่เจี๋ยจึงเป็นคนควบคุมอาหารการกินภายในบ้านที่เรือนด้านใน และหลี่เชียนก็ให้เกียรติมาก นางจึงไม่เป็นห่วง เสียดายก็แต่ฉิงเค่อ เรื่องราวเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จึงไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย
นางไม่คิดที่จะแต่งงานกับจ้าวอี้แล้ว ไป่เจี๋ยไม่จำเป็นต้องติดตามหลี่เชียนแล้ว ฉิงเค่อก็ไม่จำเป็นต้องอดทนกับนางแล้วเช่นกัน อย่างไรชาตินี้นางก็ต้องดูแลทั้งสองคนหน่อยถึงจะถูก
เพียงแต่ในวังนี้มีผู้คนมากมายและความคิดเห็นหลากหลาย แทนที่จะประคับประคองทั้งสองคนในเวลานี้ สู้รอให้ติงเซียงกับเถิงหลัวออกจากวังไปแล้วค่อยว่ากันดีกว่า คนอื่นจะได้ไม่คิดว่าไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อใช้เล่ห์เหลี่ยมอะไร ต่อไปจะทำให้ทุกคนนับถือได้ยาก
เจียงเซี่ยนครุ่นคิดอยู่ในใจ ทางนั้นก็มีขันทีที่ว่องไวแซงเจียงเซี่ยนไปเลิกม่านของห้องชาขึ้นก่อนแล้ว
นางเข้าไปในห้องชา
ความร้อนมาปะทะหน้า
ติงเซียงรีบก้าวเข้ามาช่วยนางถอดเสื้อคลุม
ทว่าหางตาของเจียงเซี่ยนกลับข้ามบ่าของติงเซียงไปเห็นชายหนุ่มสองคนที่สวมเสื้อผ้างดงามหรูหราสีฟ้าและพอเห็นก็ไม่ใช่ขันทียืนอยู่ในห้องชา
นางตกใจมาก
เสียงที่ไพเราะน่าฟังเหมือนหินสีเขียวในลำธารดังเข้าหูแล้ว “ท่านหญิง ไม่ได้เจอกันนานเลย”
เจียงเซี่ยนอดที่จะเบิกตาโตไม่ได้
เฉาเซวียน เขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?
นางเอียงศีรษะมองเข้าในข้างใน
ติงเซียงอุ้มเสื้อคลุมของเจียงเซี่ยนไว้แล้วถอยไปข้างๆ อย่างเร็วมาก
ชายหนุ่มตรงหน้านั้นหน้าตาหล่อเหลาเหมือนรุ่งอรุณในฤดูใบไม้ผลิ จอนผมเรียบร้อยเหมือนใช้มีดตัดมา นัยน์ตาดอกท้อแฝงความอ่อนโยน ตอนที่ไม่ยิ้มก็เจือความลุ่มลึกอยู่ด้วยเล็กน้อย ไม่ใช่เฉาเซวียนที่ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งของเมืองหลวงแล้วยังจะเป็นใคร?
เจียงเซี่ยนอดที่จะยิ้มเล็กน้อยไม่ได้
สองชั่วยาม[3]ก่อนนางถูกจ้าวสี่วางยาพิษ นางยังเรียกเฉาเซวียนเข้าวังมาสั่งให้ตอบคำถาม และปรึกษาเรื่องที่ท้องพระคลังว่างเปล่าอยู่เลย…
เจียงเซี่ยนพยักหน้าให้เขา แล้วเรียกอย่างสนิทสนม “เฉิงเอินกง”
นัยน์ตาของเฉาเซวียนฉายแววประหลาดใจในทันใด
ผู้เป็นที่รักของพระราชวังต้องห้าม แก้วตาดวงใจของวังฉือหนิง ท่านหญิงเจียหนานที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากผู้นี้ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเจอเขาก็เดินเลี่ยงไปด้วยสายตาเฉียบแหลมตลอด วันนี้กลับจะทักทายเขาอย่างเป็นมิตร?
นางกินยาผิดไปหรือ?
ทว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาคิดเรื่องพวกนี้
เฉาเซวียนลากชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ มาแนะนำให้เจียงเซี่ยนรู้จัก “ท่านหญิง ท่านนี้คือลูกชายคนโตของแม่ทัพหลี่หลี่ฉางชิงแม่ทัพฝูเจี้ยน…”
เขายังพูดไม่จบ เจียงเซี่ยนก็เหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก และถอยหลังติดกันสามก้าว
วันนี้นางออกจากบ้านมาไม่ได้ดูปฏิทินหวงลี่[4][5]ใช่หรือไม่!
ชงชาซิ่งเหรินให้เฉาไทเฮาเท่านั้น เจอเฉาเซวียนก็แล้วไป แต่นึกไม่ถึงว่าจะเจอหลี่เชียนที่นี่!
เฉาเซวียนสมคบคิดกับหลี่เชียนตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
ตอนที่เข้าห้องหนังสือหารือข้อราชการกันเมื่อเร็วๆ นี้ เฉาเซวียนยังบอกว่าไม่มีทางลดอำนาจทางการทหารของหลี่เชียนได้ ให้หลี่เชียนสู้กับจ้าวอี้ได้หรือไม่ ให้เสือสองตัวอย่างพวกเขาสู้กัน…
แล้วพวกเขาดีกันแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่?
ยังมีอะไรที่นางไม่รู้หรือ?
ทุกครั้งที่ทางหลี่เชียนจงใจหาเรื่อง เฉาเซวียนก็เป็นคนช่วยนางไกล่เกลี่ยและรับมือตลอด เรื่องทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องที่พวกเขาปิดหูปิดตาและหลอกลวงนางอย่างนั้นหรือ?
เจียงเซี่ยนมองกลับไปกลับมาระหว่างเฉาเซวียนกับหลี่เชียนอย่างละเอียดด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
เฉาเซวียนกับหลี่เชียนมองกันอย่างไม่เข้าใจ
เกิดอะไรขึ้น?
หลี่เชียนขยิบตาให้เฉาเซวียน
แต่เฉาเซวียนกลับเลิกคิ้ว และส่งสัญญาณให้เขาระวังหน่อย
ท่านหญิงเจียหนานโตมาป่านนี้น่าจะยังไม่เคยมีใครพูดว่า ‘ไม่’ กับนาง
หากหลี่เชียนยั่วโมโหนาง ต่อให้บิดาของหลี่เชียนเป็นแม่ทัพระดับสาม และเป็นคนที่อาของเขาอยากจะใช้ทำงานในตำแหน่งสำคัญ อาของเขาก็ไม่มีทางที่จะล่วงเกินเจียงเซี่ยน ล่วงเกินจวนเจิ้นกั๋วกง และล่วงเกินไทฮองไทเฮาเพื่อหลี่เชียนอย่างเด็ดขาดเช่นกัน
————————————
[1] ชาอัลมอนด์จีน
[2] องค์หญิงต้าจั่ง ตำแหน่งพระปิตุจฉาของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน
[3] 1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง ดังนั้น 2 ชั่วยาม = 4 ชั่วโมง
[4] ปฏิทินหวงลี่ ปฏิทินโบราณตั้งแต่สมัยฮ่องเต้หวงตี้
[5] วันนี้ออกจากบ้านไม่ได้ดูปฏิทินหวงลี่ หมายความว่า วันนี้ดวงซวย
คอมเม้นต์