ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 44

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ ตอนที่ 44 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
โชคชะตา

จิวโมไป๋พาจิวเสวี่ยเหม่ยออกมาจากศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงเล็กน้อย สองพี่น้องเดินข้ามถนนเล็กๆ เพื่อออกไปรอรถประจำทาง แต่ในขณะนั้นเอง ก็มีกลุ่มคน 7 คนเดินออกมาจากซอยข้างทาง เข้ามาปิดทางเอาไว้ ไม่ให้พวกเขาสองพี่น้องผ่านไป

“น้องชายช่วยตามมาสักครู่ได้ไหม”ชายหนุ่มหัวล้านเดินเข้ามาหา พร้อมส่งรอยยิ้มแผงเจตนาร้ายมาให้

จิวเสวี่ยเหม่ยตกใจวิ่งไปหลบด้านหลังพร้อมกำเสื้อของเขาแน่น

“ถอยไป”จิวโมไป๋พูดอย่างเย็นชา ไม่ต้องคิดให้เสียเวลาเขาก็รู้ได้ทันที ว่าคนพวกนี้ถูกส่งมาโดยถังหมิงหยุน

ศัตรูของเขามีแค่สองคนเท่านั้น เซียวหนานจิ้นฉลาดพอที่ไม่ทำอะไรโจ่งแจ้งแบบนี้

ส่วนถังหมิงหยุน เขาเคยเจอแค่สองครั้งเขาก็รู้นิสัยอีกฝ่ายแล้ว ว่าเป็นคนเย่อหยิ่ง ใจร้อน และอารมณ์ร้าย เขาไม่สามารถเก็บความโกรธเอาไว้ได้นานแน่

ชายหัวล้านขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาหันมาส่งสายตาให้ลูกน้องล้อมรอบชายหนุ่ม

จิวโมไป๋เห็นดังนั้นเขาก็ จับมือน้องสาวของเขาเบาๆ ก่อนจะก้มลงพูดเสียงเบา

“เหม่ยเหม่ยเชื่อใจพี่นะ”

เด็กสาวสับสนเล็กน้อยก่อนพยักหน้ารับอย่างแผ่วเบา

“นำทาง”จิวโมไป๋หันมาพูดกับพวกแก๊งอันธพาลอย่างสงบ

ชายหัวล้านหัวเราะเบาๆ ก่อนที่จะนำเข้าไปในซอยมืด เดินไปครู่หนึ่งก็เห็นพื้นที่เปิดโล่ง มีคนรออยู่ 3 คน และมีร่างของชายคนหนึ่งกำลังนอนอยู่บนพื้นร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล

“เจ้านั้นก็เหมือนกับน้องชาย”ชายหัวล้านพูดให้จิวโมไป๋ฟังแค่นั้น ก่อนจะร้องตะโกนบอกลูกน้องตัวเองเสียงดัง

“เร็วไอ้พวกขี้เกียจ มีคนมาอีกหนึ่งแล้ว”

“โห…ลูกพี่ ทำไมวันนี้อยู่ๆก็มีคนมาจ้างพวกเราซ้อมคน สองรายติดต่อกันแบบนี้ละ”ลูกน้องคนหนึ่งถามขึ้นด้วยความสงสัย ปกติพวกเขารีดไถ เก็บเงินค่าที่ และนานๆที่จะมีรับจ๊อปพิเศษซ้อมคนบ้างเป็นบางครั้ง แต่วันนี้อยู่ๆก็มีคนจ้างให้ซ้อมถึงสองคน มันแปลกเกินไปแล้ว

“เงียบปากไปซะ อย่าปากมากนัก เรารับเงินมาแล้วต้องทำให้ดีที่สุด”ชายหัวล้านตบเข้าไปที่หัวลูกน้องที่พูด

“โอ๊ย เจ็บนะลูกพี่”ลูกน้องคนนั้นแกล้งร้องเสียงดัง

“น้องชาย พี่ขอโทษเอาไว้ก่อนนะ พี่รับเงินมาให้ซ้อมน้องชายให้เข้าโรงพยาบาล… ถ้าจะโทษใครก็โทษคนที่น้องชายไปมีเรื่องด้วยก็แล้วกัน”ชายหัวล้านพูดอย่างจริงจังก่อนที่จะหันไปมองจิวเสวี่ยเหม่ย ด้วยแววตาเห็นใจ

“จับหนูน้อยคนนี้ไปไว้ในห้อง… รอพวกเราซ้อมคนพี่เสร็จ ค่อยปล่อยออกมา อย่าทำอะไรรุนแรงเข้าใจไหม”

“ครับ”ลูกน้องคนหนึ่งพูดรับคำ ก่อนที่ทำท่าจะเดินเข้าไปจับเด็กสาว แต่ก่อนที่มือจะได้สัมผัส จิวโมไป๋พลันขยับแขนด้วยความรวดเร็วราวฟ้าผ่า

“กล๊อบ!”แขนข้างที่กำลังจะยืนออกพลันบิดไปอีกทางอย่างน่ากลัว

“อ๊ากกกก”ชายคนนั้นกรีดร้องเสียงดังลั้น พร้อมกับล้มลงไปกลิ้งกับพื้นด้วยความเจ็บปวด

ชายหัวล้านและลูกน้องอีก 9 คน ตกตะลึงครู่หนึ่งก่อนแปรเปลี่ยนเป็นดุร้าย

“บัดซบแกทำอะไร”ชายอ้วนเตี้ยร้องด้วยความโกรธ ก่อนที่เขาจะพุ่งเข้ามาด้วยความรวดเร็วไม่สมกับน้ำหนักตัว

“ขั้นที่ 2 กล้ามเนื้อต้น”จิวโมไป๋พูดขึ้นอย่างแปลกใจ เขาไม่คิดว่าแก๊งเล็กๆแบบนี้ ลูกน้องจะมีระดับการบ่มเพาะสูงกว่าค่าเฉลี่ยแบบนี้

ชายอ้วนเตี้ยชกหมัดที่เต็มไปด้วยพลังใส่ร่างของหนุ่มอย่างไม่ออมแรง

จิวโมไป๋ดันจิวเสวี่ยเหม่ยไปด้านข้างอย่างแผ่วเบา พร้อมโยกตัวหลบหมัดอย่างง่ายดาย พร้อมกับยกเท้าเตะอัดเข้าลำตัวชายอ้วนเตี้ยเต็มแรง!

ผวัะ! แรงเตะทำให้ชายอ้วนเตี้ยกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก่อนล้มลงนอนกับพื้น

เงียบ…

เสียงรอบข้างพลันเงียบกริบ นอกจากเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ของชายร่างอ้วนเตี้ยที่อยู่บนพื้น คนอื่นที่เหลือยืนนิ่งด้วยความตกใจ

“บัดซบ! จัดการมัน”ชายหัวล้านเหมือนพึ่งได้สติ เขาร้องตะโกนเสียงดังลั้น

เมื่อได้ยินเสียงของหัวหน้า พวกลูกน้องก็ได้สติ วิ่งเข้าหาจิวโมไป๋ด้วยความโกรธแค้น

ผัวะ ผัวะ ผัวะ เสียงกำปันชกดังสนั่น ร่างสามร่างล้มนอนกองลงกับพื้นอย่างง่ายดาย

ในตอนนี้ ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกใจกลัว

“ถอยไป!”ชายหัวล้าน ออกคำสั่งเสียงดัง ก่อนที่จะเดินเข้าหาจิวโมไป๋ สีหน้าของชายหัวล้านเต็มไปด้วยความดุดัน พลังไร้สภาพแผ่กระจายออกมาอย่างช้าๆ

บรรยากาศของชายหัวล้านเปลี่ยนไป เหมือนกับว่าเขาเป็นนักสู้มากประสบการณ์

“ขั้นที่ 2 กล้ามเนื้อปลาย”จิวโมไป๋รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ดูจากอายุอีกฝ่ายไม่น่าจะเกิน 24 ปี แม้ว่าจะถือว่าอายุเยอะแล้วก็ตาม แต่สำหรับคนธรรมดา ไม่มีใครหนุนหลัง เป็นแค่แก๊งอันธพาลเล็กๆ ฝึกฝนบ่มเพาะถึงขั้นนี้ได้ก็น่าชื่นชม

และที่สำคัญดูเหมือนว่าชายหัวล้านจะเคยผ่านการต่อสู้ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาอย่างโชกโชน

“เหม่ยเหม่ยถอยไปแต่อย่าห่างพี่มากนัก”จิวโมไป๋หันมากล่าวกับเด็กสาวด้วยท่าทางจริงจัง

จิวเสวี่ยเหม่ยถอยไปด้านหลังไม่ไกลนัก บังเอิญจุดที่เธอยืนอยู่ ใกล้กับร่างของชายที่ถูกซ้อม เธอลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้ามากดห้ามเลือดให้อีกฝ่าย

“เรามาเริ่มกันเถอะ!”ชายหัวล้านพูดจบก็ พุ่งเข้าใส่จิวโมไป๋ด้วยความรวดเร็ว พื้นดินที่เขาเหยียบทิ้งหลุมเล็กๆเอาไว้เบื้องหลัง

จิวโมไป๋หรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมใช้จิตสัมผัสจับความเคลื่อนไหวของชายหัวล้าน ก่อนโยกหลบหมัดที่ชกเข้ามา พร้อมใช้เท้าเตะสวนกลับอย่างรุนแรง ชายหัวล้านยกมือปัดป้องอย่างรวดเร็ว พร้อมปล่อยหมัดสวนกลับอย่างมีชั้นเชิง แต่จิวโมไป๋ถอยเท้าทิ้งระยะห่างได้ทันท่วงที จากนั้นพวกเขาก็แลกการโจมตีกันอีกหลายครั้ง

จิวโมไป๋จะหลบและสวนหมัดกลับมาได้ทุกๆครั้ง ส่วนชายหัวล้านเขาใช้ร่างกายรับการโจมตีได้อย่างทันท่วงทีทุกๆครั้ง โดยเขาใช้ร่างกายที่มีกล้ามเนื้อแข็งแกร่งป้องกัน ไม่มีการโจมตีใดที่ถูกจุดสำคัญของเขาเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ชายหัวล้านปัดการชกของจิวโมไป๋ออกไป เขาก็ย่นหน้าผากมองไม่พอใจ เขาไม่คิดเลยว่า เขาจะไม่สามารถจัดการเจ้าเด็กนี่ได้ในทันที

เมื่ออายุ 18 ปี เขาได้เข้ากองทัพผ่านเส้นสายของญาติ เขาได้รับการฝึกฝนอย่างหนักเป็นเวลา 5 ปี และพร้อมที่จะได้ยศ ร้อยตรี แต่ใครจะคิดว่าเขาไปทำให้ลูกของผบ.หน่วยของเขาไม่พอใจ

ทำให้เขาไม่ได้รับยศ เขาต้องลาออกในเวลาไม่นาน ก็เริ่มใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย จนสุดท้ายเขาก็ได้กลายเป็นอันธพาลข้างถนนโดยไม่รู้ตัว ด้วยประสบการณ์ฝึกฝนในกองทัพและการต่อสู้กับอันธพาลคนอื่นๆ ทำให้เขามีประสบการณ์ต่อสู้ทุกรูปแบบอย่างโชกโชน เขามั่นใจอย่างมากว่าคนในระดับเดียวกันหรือคนที่มีระดับการบ่มเพาะพลังสูงกว่าไม่มาก ไม่มีใครเอาชนะเขาได้แน่นอน

แต่ตอนนี้เขาต่อสู้เสมอกับเด็กอายุ 18 ปี มันน่าอับอายจริงๆ

จิวโมไป๋จับตามองชายหัวล้านด้วยความสนใจ จากการตอบสนองของชายหัวล้าน เขาต้องผ่านการต่อสู้มาอย่างโชกโชน เขาจะประมาทไม่ได้

“ดีมากเจ้าหนู ถ้านายสามารถรับหมัดนี้ได้ฉันจะปล่อยแกไป”ชายหัวล้านพูดเสียงดัง ก่อนที่จะพุ่งทะยานเข้ามาด้วยความเร็วโดยไม่ตั้งท่าป้องกันใดๆทั้งสิ้น

แสดงให้เห็นว่า ชายหัวล้านพบจุดอ่อนของจิวโมไป๋แล้ว ว่าเขาไม่มีพลังโจมตีที่รุนแรงพอ เขาเดาว่าจิวโมไป๋มีระดับการบ่มเพาะพลังอยู่ที่ขั้นที่ 2 กล้ามเนื้อต้น

จิวโมไป๋ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนที่จะพุ่งเข้าไป ความเร็วของเขาช้ากว่าชายหัวล้านเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ เมื่อถึงระยะโจมตี จิวโมไป๋โบกมือกลางอากาศช้าๆ ราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่าง ชายหัวล้านเผลอตัวมองไปที่มือ ในตอนนั้นเองจิวโมไป๋พลันกระทืบเท้าอย่างแรง ก่อนที่จะหายวับไปจาก ทัศนวิสัยของชายหัวล้านในพริบตา

ชายหัวล้านสะดุ้งตกใจ แต่ก่อนที่เขาจะได้ทันตอบสนอง

ปึ้งงง! ข้อศอกกระแทกเข้าตรงจุดกระดูกสันหลังของชายหัวล้านอย่างพอดิบพอดี เสียงกล๊อบดังขึ้นอย่างแผ่วเบา

“อ๊ากกก”

เหมือนมีสายฟ้าแล้นผ่านตามกระดูกสันหลัง ใบหน้าของชายหัวล้านซีดเผือกไร้สีเลือด เขาทรุดตัวลงนั่งในท่าทางแปลกประหลาด แม้เขาจะเจ็บปวดจนต้องร้องตะโกนออกมา แต่เขาไม่กล้าขยับตัว เพราะกลัวว่ากระดูกสันหลังจะเคลื่อนกลายเป็นคนพิการ

“ลูกพี่!”ลูกน้องของชายหัวล้านตะโกนเสียงดัง ก่อนที่จะพุ่งเข้าใสจิวโมไป๋อย่างไม่กลัวตาย พวกเขาทำท่าทางราวกับจะแลกชีวิต มันบ่งบอกถึงมิตรภาพของพวกเขาได้เป็นอย่างดี

จิวโมไป๋ไม่อยากเสียเวลาอีก เขาหลบออกด้านข้างก่อนที่จะใช้หมัดชก คนที่พุ่งเข้ามาล้มลงบนพื้น เพียงแค่ไม่กี่วินาที ทุกคนก็ลงไปนอนกับพื้นไม่ลุกขึ้นมาอีก

“เป็นมิตรภาพที่ดีจริงๆ”จิวโมไป๋กล่าวชม ขณะเดินอ้อมกลับมาด้านหน้าของชายหัวล้านพร้อมส่งรอยยิ้มราวปีศาจ

“ทิ้งหมายเลขติดต่อมา ฉันมีอะไรให้นายช่วยนิดหน่อยในอนาคต”จิวโมไป๋กระซิบข่มขู่

ชายหัวล้านกัดฟันแน่นไม่กล้าปฏิเสธ ได้แต่ค่อยๆขยับมืออย่างช้าๆ ในท่าทางแปลกประหลาดกดบนกำไลข้อมือตัวเอง ก่อนที่จะส่งหมายเลขติดต่อไปให้จิวโมไป๋

“พวกนายไปได้แล้ว”จิวโมไป๋พยักหน้าพอใจ ก่อนที่จะเดินไปหาจิวเสวี่ยเหม่ย ไม่สนใจกลุ่มชายหัวล้านอีก

ลูกน้องของชายหัวล้าน ค่อยๆคลานเข้าหาลูกพี่ด้วยความเป็นห่วง ก่อนที่จะช่วยกันอุ้มหัวและท้ายแบกลูกพี่ของตัวเองจากไปอย่างรวดเร็ว

จิวโมไป๋ถอนหายใจโล่งอก ร่างกายของเขาในตอนนี้สั่นระริกเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แม้เขาจะไม่ถูกโจมตีเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่การต่อสู้ข้ามระดับ 1 ขั้น เป็นการทำอะไรที่เกินตัว แม้ร่างกายของเขาจะแข็งแกร่งกว่าคนปกติ 2.5 เท่า มันก็พอให้เขาต่อสู้ได้กับขั้นที่ 2 กล้ามเนื้อต้นเท่านั้น เมื่อต่อสู้กับกล้ามเนื้อปลายเขาจำเป็นต้องใช้ทุกอย่างที่มี ทำให้ร่างกายได้รับภาระหนัก

ในการต่อสู้ครั้งนี้ เขาได้พบจุดอ่อนสำคัญคือ ร่างกายของเขาไม่สามารถตอบสนองการออกกระบวนท่าของตัวเองได้ทันและเขาไม่สามารถใช้กระบวนท่าในการต่อสู้ได้เต็มประสิทธิภาพ

ใช้ความคิดไม่นานเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่า ร่างกายของเขาในตอนนี้ ยังไม่ได้ผ่านการฝึกฝนกระบวนท่าต่อสู้และผ่านประสบการณ์ต่อสู้อย่างแท้จริง เขาฝึกเพียงวิชาหลอมร่างกาย วิชาหลอมกายามังกรเทวะ ซึ่งมันเป็นเพียงกระบวนท่าออกกำลังกายเท่านั้น

แม้ว่าเขาจะมีความทรงจำและประสบการณ์ในชีวิตก่อนมากมายเพียงไร แต่ถ้าร่างกายในตอนนี้ไม่สามารถแสดงศักยภาพออกมา มันก็เสียเปล่า ดังนั้นเขาต้องเริ่มฝึกซ้อมกระบวนท่าต่อสู้อย่างจริงจัง เพื่อให้ร่างกายได้ซึบซับกระบวนท่าต่อสู้ และต้องหาประสบการณ์ต่อสู้เสี่ยงตายเพื่อฝังสัญชาตญาณต่อสู้ลงไปในร่างกาย

เพื่อทำให้เขาสามารถดึงศักยภาพทั้งหมดออกมาผสมกับความทรงจำและประสบการณ์ต่อสู้ในชีวิตก่อน เมื่อถึงตอนนั้นเขาจะแข็งแกร่งขึ้นอย่างแท้จริง

เมื่อตรวจสอบร่างกายจนเรียบร้อย เขาก็เดินไปหยุดอยู่ข้างจิวเสวี่ยเหม่ย ที่กำลังดูอาการของชายที่หมดสติ

แต่พอเขาเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายเขาก็ตกตะลึง นี่มันไม่ใช่ผู้สร้างที่เขากำลังตามหาอยู่หรอกเหรอ?

เมื่อได้สติ เขาก็รีบตรวจดูอาการของอีกฝ่าย เมื่อพบว่าเป็นแค่บาดแผลภายนอก เข้าก็ถอนหายใจโล่งอก ก่อนที่จะพาอีกฝ่ายไปโรงพยาบาลทันที

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด