ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 71

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ ตอนที่ 71 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
สำรวจเขาวงกตใต้ดิน

เงาพลองสีดำหมุนวนอย่างดุดันราวพายุสีดำ เมื่อมันฟาดไปทางไหนทางนั้นจะตามมาด้วยเศษกระดูกชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่แตกกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ โครงกระดูกสีขาวเหลืองจำนวนนับไม่ถ้วนเดินเข้ามาในห้องเรื่อยๆเหมือนกับว่าไม่มีวันหมด

เมื่อพวกมันมองเห็นร่างของจิวโมไป๋ พวกมันก็วิ่งกระโจนเข้าใส่ทันที จิวโมไป๋ยืนปักหลักอยู่กลางห้องควงพลองผ่านฟ้าฟาด ทุบ ตี หวด แต่ล่ะการโจมตีจะทำลายโครงกระดูกอย่างน้อยหนึ่งร่างเสมอ เสียงบดขยี้กระดูกแตกหักดังขึ้นไม่หยุด การต่อสู้ติดต่อกันเกือบ 2 ชั่วโมง เศษซากโครงกระดูกหลายร้อยร่างก็กองสูงขึ้นๆและไหลลงไปอัดแน่นทั่วห้อง

โครงกระดูกสีขาวเหลืองตัวสุดท้าย ปีนขึ้นมาเป็นภูเขาโครงกระดูกอย่างยากลำบาก เพราะใต้เท้ามีแต่เศษซากกระดูก ทำให้จิวโมไป๋ฟาดพลองผ่านฟ้าทุบหัวกระโหลกแตกดัง โพล๊ะ เหมือนทุบแตงโม ร่างส่วนที่เหลือล้มลงราวตุ๊กตาที่ถูกตัดใย มันกองไปบนภูเขาโครงกระดูกไม่ลุกขึ้นมาอีก

จิวโมไป๋กระแทกพลองผ่านฟ้าลงพื้นเศษระดูกด้านล่างถูกบดเป็นผง เขาหอบหายใจเล็กน้อย ก่อนตวัดตาดุมองเสี่ยวไป๋ ที่ตอนนี้มันนั่งนิ่งไม่ขยับไปไหนบนบ่าของเขา

เมื่อการต่อสู้ผ่านไปสักพักเสี่ยวไป๋ก็กระโดดขึ้นมาเกาะบ่าจิวโมไป๋ ไม่ยอมลงไปยืนบนพื้นเพราะกลัวสกปรกจากเศษซากโครงกระดูก จิวโมไป๋ต้องลำบากในขยับท่าทางในการต่อสู้ เพื่อไม่ให้เสี่ยวไป๋ตกลงไป

เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงตอนแรกที่พวกเขาพบกัน ตอนนั้นมันยังเป็นแค่ลูกเสือขาวที่สกปรกมอมแมมอยู่เลย แต่ตอนนี้เจ้าเหมียวกลายเป็นพวกรักสะอาดไปเสียได้ เขาแกล้งสะบัดไหล่ข้างที่เสี่ยวไป๋เกาะอยู่อย่างแรง

“แฮร่”เสี่ยวไป๋ร้องขึ้นอย่างไม่พอใจ มันใช้หางยาวของมันรัดท่อนแขนจิวโมไป๋แน่นไม่ยอมปล่อย ยังดีที่มันไม่กางกรงเล็บไม่อย่างนั้นเขาคงได้แผลแน่

“เจ้าเมียวลงไปได้แล้ว”จิวโมไป๋แกล้งพูดเสียงดุ

“โฮกกก”เสี่ยวไป๋เงยเมินหันไปมองทางอื่นทำเป็นไม่ได้ยิน

จิวโม๋ส่ายหัวเบาๆอย่างอ่อนใจ ก่อนที่จะเดินกลับออกจากประตูหินและปิดมันเหมือนเดิม เขาตรวจสอบดูจนแน่ใจแล้ว ว่าเขาปิดประตูหินเรียบร้อย เขาก็เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นบนแต่ไม่ปิดประตูหินแกะสลัก

เขาออกมาหน้าปากถ้ำก็เรียกกระทะและอุปกรณ์ทำอาหารออกมา และลงมือทำอาหารอย่างรวดเร็ว เสี่ยวไป๋กระโดดไปนั่งมองตรงข้างกระทะด้วยดวงตาใสแจ๋ว ปากก็ร้องเบาๆไม่หยุด หมดมาดเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง

หลังทำอาหารพวกเขาก็ลงมือกินกันจนเสร็จ จิวโมไป๋ก็กลับเข้าไปด้านล่างอีกครั้ง โดยมีเสี่ยวไป๋เกาะอยู่บนไหล ไม่ยอมลงท่าเดียว ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรก็ตาม

เมื่อเปิดประตูออกครั้งนี้เขาปิดมันลง เพื่อไม่ให้มีโครงกระดูกตัวไหนได้ออกไปด้านนอก ไม่อย่างนั้นจะเกิดความวุ่นวายได้ จากนั้นเขาก็เหยียบภูเขาเศษกระดูกผ่านเขาไปในทางเดินเล็กๆ ที่มีทางเดินแยกออกไปหลายทาง จิวโมไป๋นิ่งคิดทบทวนความจำอยู่ครู่ใหญ่ เขาก็เดินไปช่องทางขวา เขาจำได้ว่าตอนที่เขาเข้ามา โครงกระดูกจะมาจากทางเส้นนี้มากที่สุด

โครงกระดูกพวกนี้ต้องการกลืนกินพลังชีวิต เมื่อพวกมันสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตของสิ่งมีชีวิตมันจะพุ่งเขาหาเพื่อฆ่าและดูดซับพลังชีวิตไป และทางที่มีพวกมันมากที่สุดจะเป็นจุดหมายที่เขามาที่นี่

ทันทีที่เดินผ่านทางเดินเข้าไปในห้องขนาดเล็กผนังทั้งสี่ด้านว่างเปล่าไม่มีอะไร ทันทีที่เข้าไปในห้อง ก็มีโครงกระดูกสีขาวเหลืองเดินมาจากเส้นทางอื่น ดวงตาสีเขียวที่ลุกไหม้พลันสว่างจ้าต้องเขม่งมาทางจิวโมไป๋ ราวกับว่าเขาเป็นอาหารอันโอชะ

จิวโมไป๋ยกพลองผ่านฟ้าขึ้นฟาดโครงกระดูกตัวหน้าสุดจนร่างของมันแตกกระจาย เขากวาดตามองรอบด้านอย่างรวดเร็ว แล้วกระโจนร่างไปทางด้านที่มีโครงกระดูกหนาแน่นที่สุด ตลอดเส้นทางเขาจะฟาดทำลายโครงกระดูกไม่หยุดมือ ด้านหลังของเขามีกองทัพโครงกระดูกย่อยๆ เดินตามมา

แต่เมื่อเขาอยู่ห่างพ้นระยะไปได้ พวกมันก็หยุดเดินตาม

หลายชั่วโมงผ่านไป จิวโมไป๋ทำการล้างบางโครงกระดูกไปหลายสิบห้อง เขาทำลายโครงกระดูกไปแล้วนับไม่ถ้วน ห้องแต่ละห้องจะอยู่ลึกลงไปเรื่อยๆบางห้องจะหักเลี้ยวไปมาราวเขาวงกต สร้างความซับซ้อนมากขึ้นไปอีก

พอคิดถึงโครงสร้างทั้งหมดในเขาวงกต เขาสามารถรู้ได้เลยว่าสถานที่แห่งนี้กินพื้นที่ทั้งหมดของชั้นใต้ดินของเกาะแห่งนี้

เมื่อจัดการโครงกระดูกในห้องจนหมด จิวโมไป๋ก็หอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย เขาทรุดตัวลงนั่งพิงผนังห้องด้านหนึ่ง ตามตัวของเขาเต็มไปด้วยเศษเล็กๆของโครงกระดูก เสี่ยวไป๋ในตอนนี้ไม่เกาะบ่าของเขาแล้ว มันเดินไปที่ขอบห้องตรงจุดที่ไม่มีเศษซากโครงกระดูก

จิวโมไป๋เห็นดังนั้นก็ส่ายหัวเบาๆ และเรียกถังน้ำออกมาและใส่น้ำลงไป ก่อนที่เขาจะถอดเสื้อผ้า และเริ่มชำระล้างร่างกาย เสี่ยวไป๋ที่มองดูอยู่ก็กระโดดวูบเดียวยืนเกาะขอบถัง มันหัยมาสบตาจิวโมไป๋ด้วยท่าทางออดอ้อน

“ไม่ต้องเลย แกไม่ได้สกปรกเลยสักนิด ไม่ต้องอาบน้ำหรอก”จิวโมไป๋พูดจบก็แกล้งทำเป็นไม่สนใจ เสี่ยวไป๋คำรามอย่างไม่พอใจ มันมองถังน้ำเล็กน้อยก่อนที่จะกระโดดกลับไปไปยืนที่เดิม แม้มันจะรักสะอาด แต่สัญชาติสัตว์ป่าของมัน ไม่ยอมให้มันลงไปในถังน้ำและทำความสะอาดตัวเอง

มันมองค้อนจิวโมไป๋อีกครั้งก่อนจะหันไปทางอื่น

จิวโมไป๋หัวเราะเบาๆก่อนจะทำความสะอาดจนเสร็จ และเรียกอุปกรณ์ทำอาหารออกมาและเริ่มลงมือทำอาหาร แม้รอบข้างจะมีแต่เศษซากโครงกระดูกที่ส่งกลิ่นเหม็นก็ตาม แต่เขาก็สามารถทำอาหารจนกลิ่นหอมของอาหารอบอวลทั้วทั้งห้อง กลบกลิ่นเดิมจนหมด

เมื่อทำอาหารเสร็จ พวกเขาก็กินอาหารด้วยกัน จากนั้นจิวโมไป๋ก็เริ่มสำรวจอีกครั้ง จนถึงช่วงดึกเขาก็เคลียร์ห้องจนโล่ง และทำการพักผ่อนเพราะเขาออกแรงมาทั้งวัน โดยมีเสี่ยวไป๋ที่แอบมานอนบนตัวของเขา

การสำรวจผ่านไปอย่างช้าๆ ยิ่งเขาไปลึกมาเท่าไหร่ ก็ดูเหมือนว่าจำนวนโครงกระดูกจะมีมากยิ่งขึ้น ราวกับว่าไม่มีที่สิ้นสุด ในระหว่างการสำรวจเขาพบว่าตรงบนผนังห้องจะมีลวดลายบางอย่างเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ห้องแรกที่เป็นห้องโล่งไม่มีอะไรอยู่ภายในห้องเลย แต่ในห้องนี้เขาพบว่ามันมีภาพจิตรกรรมฝาผนังอยู่เต็มห้อง เป็นรูปเหมือนกับประตูหินแกะสลัก แต่มีความละเอียดและซับซ้อนมากกว่า

รูปแกะสลักมนุษย์กำลังก้มเคารพใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

รูปแกะสลักภูตผีที่กำลังกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด พวกมันพยายามปีนออกจากหลุมลึก

รูปแกะสลักเปลวไฟ ยังคงดูธรรมดาไม่มีอะไร

จิวโมไป๋ทุบทำลายโครงกระดูกตัวสุดท้ายที่เข้ามา เขาก็ได้พักหายใจเล็กน้อย ในระหว่างนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะสำรวจดูภาพแกะสลัก แต่ในขณะที่เขากำลังผ่อนคลายอยู่นั้นเอง ก็มีเงาสีเทาขี้เถ้าพุ่งเข้ามาหาเขาอย่างรวดเร็วกว่าโครงกระดูกขาวเหลืองหลายเท่า

จิวโมไป๋ตอบสนองได้ทัน เขาบิดเท้าตั้งท่าอย่างรวดเร็ว พลองผ่านฟ้าในมือหมุนครึ่งรอบก็ฟาดปะทะเข้ากับเงาสีเทาอย่างรวดเร็ว

เปรี้ยง!!! กล๊อบบ

การปะทะกันครั้งแรกทำให้เขาชะงักเล็กน้อย ก่อนที่จะฟาดร่างสีเทากระเด็นกลับไป

จิวโมไป๋จึงมีโอกาศที่จะรอบตรวจสอบเงาที่เข้าโจมตีเขาเมื่อครู่อย่างรวดเร็ว เขาเลิกคิวเล็กน้อยแต่ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร เพราะเขารู้อยู่แล้วว่ามีโครงกระดูกที่แข็งแกร่งกว่าโครงกระดูกสีขาวเหลืองอยู่

พวกมันเป็นโครงกระดูกมนุษย์สีเทาราวขี้เถ้า นอกจากตัวที่เขากระแทกจนกระเด็นไปแล้ว ยังมีโครงกระดูกสีขี้เถ้าอีก 4 ตัวที่กำลังเดินเข้ามา

แม้พวกมันทั้ง 5 จะดูเหมือนโครงกระดูกธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ นอกจากสีของโครงกระดูก

แต่จากการปะทะกันเมื่อครู่ จิวโมไป๋มั่นใจว่าพวกมันมีความแข็งแกร่งระดับผู้บ่มเพาะพลังขั้นกล้ามเนื้อสูง เขาไม่แปลกใจเลยที่เขาไม่สามารถทำลายอีกฝ่าย ในการโจมตีครั้งเดียวเหมือนโครงกระดูกสีขาวเหลือง

ในตอนนั้นเอง ทันทีที่โครงกระดูกสีเทาพบจิวโมไป๋ พวกมันก็พุ่งเข้าใส่จิวโมไป๋อย่างรวดเร็วรุนแรง เขายิ้มออกมาอย่างเยือกเย็นก่อนหมุนวนพลองผ่านฟ้าอย่างลี้ลับ

“พอดีเลย ฉันกำลังหาคู่ซ้อม ในการทดสอบวิชาต่อสู้พลองที่ฉันคิดค้นอยู่พอดี”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด