ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ – ตอนที่ 214

อ่านนิยายจีนเรื่อง ย้อนเวลากลับมาเป็นเทพยุทธ์ ตอนที่ 214 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.
ผู้อยู่เบื้องหลัง

หลานซูเมิงใช้ท่าร่างอันงดงาม หลบหลีกเถาวัลย์สีเขียวที่เข้ามาพัวพัน แต่เถาวัลย์ก็ยังสามารถพุ่งตามมาดักเส้นทางการหลบหนีของเธอได้ หลานซูเมิงกัดริมฝีปากบาง ใช้ท่าร่างหมุนตัวเป็นวงกลม กระบี่ในมือฟันตัดเถาวัลย์สีเขียวขาดอย่างง่ายดาย

เธอเลิกคิ้วมองเถาวัลย์ที่ตกอยู่บนพื้นอย่างแปลกใจ เพราะมันง่ายเกินไป เธอรีบหันไปยังจิวโมไป๋

เถาวัลย์สีเขียวอีกเส้นหนึ่ง ที่เลื้อยมาจากพื้นด้านล่างจนใกล้ถึงตัวหลานซูเมิง พลันแยกออกเป็นแปดเส้น พุ่งเข้าหาร่างของหลานซูเมิงจากด้านหลัง หลานซูเมิงสัมผัสได้ถึงอันตราย เธอหันกลับมาฟันกระบี่ไม้ ตัดเถาวัลย์ที่ใกล้ที่สุดขาดในฉับเดียว แต่เถาวัลย์ที่เหลืออีกเจ็ดเส้นยังพุ่งเข้ามาไม่หยุด เธอใช้ท่าร่างพุ่งตัวออกไปด้านข้าง หลบเถาวัลย์ทั้งหมด และใช้กระบี่ไม้ฟันตัดเถาวัลย์ขาดไปสี่เส้น

หลานซูเมิงคลายใจลง เพราะเถาวัลย์จากกฏแห่งธาตุไม้ เหมือนจะอ่อนแอ ไม่ได้แข็งแกร่งมากนัก

แต่ในตอนนั้นเองเถาวัลย์อีกสามเส้นหันกลับมา แตกออกเป็นเถาวัลย์เส้นเล็กๆนับไม่ถ้วน หลานซูเมิงตกใจ เธอกำลังยกกระบี่ไม้ขึ้นเพื่อแทงเถาวัลย์

แต่เธอช้าไป เถาวัลย์เส้นเล็กๆ พลันพุ่งตัวด้วยความเร็วกว่าเดิมถึงสามเท่า พวกมันเข้ารัดร่างของหลานซูเมิงให้หยุดอยู่ในท่ายืน ทำให้เธอขยับไม่ได้ แม้แต่มือที่ถือกระบี่ก็ถูกหยุดอยู่ในท่ายกกระบี่

หลานซูเมิงพยายามกระชากแขน แต่เถาวัลย์เล็กๆมันเหนียวทนทาน เธอไม่สามารถสลัดมัดได้

“เห้ย! แกจะทำอะไรเทพธิดาของพวกเรา”เสียงตะโกนไม่พอใจดังมาจากที่นั่งคนดู

“เจ้าโรคจิตหยุดเดียวนี้นะ ถ้าแกกล้าทำอะไรเทพธิดาของพวกเราละก็ ฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่”เสียงตะโกนดังมาอีกด้าน

กลุ่มคนตะโกนต่อว่าจิวโมไป๋อย่างโกรธแค้น

จิวโมไป๋ไม่สนใจเสียงต่อว่า เขาถือพลองไม้ ค่อยๆเดินเข้าหาหลานซูเมิงอย่างช้าๆ

“จิวโมไป๋! ปล่อนฉันออกไป อย่าทำแบบนี้ มันไม่สนุกเลยนะ”หลานซูเมิงไม่พยายามดิ้นรนอีก เธอจ้องมองจิวโมไป๋และกล่าวขอร้อง ด้วยน้ำเสียงหวานแฝงไปด้วยหวาดกลัว ร่างของเธอสั่นเล็กน้อย

ผู้คนที่เห็นรู้สึกสงสาร ทำให้ผู้ชมไม่พอใจกับการกระทำของจิวโมไป๋ ยิ่งไม่พอใจมากขึ้นไปกว่าเดิม

สารเลวนี้ ทำให้เทพธิดาของพวกเขาต้องอับอาย!

จิวโมไป๋เหมือนไม่ได้ยิน เขาเดินมาเกือบถึงร่างของหลานซูเมิง เขาค่อยๆยกพลองไม้ในขึ้น

ใบหน้าของหลานซูเมิงกลายเป็นขาวซีดตกใจ

“จิวโมไป๋ นายคงไม่ได้จะตีฉันหรอกนะ”เสียงของหลานซูเมิงสั่นระริกด้วยความหวาดกลัวจริงๆ

จิวโมไป๋ยกพลองไม้ขึ้นจนสุด ก่อนที่เขาจะพูด

“เธอจะยอมแพ้ หรือให้ฉันลงมือทำให้พลังชีวิตของเธอลดลงจนหมด”

หลานซูเมิงชะงักตกใจ มองสบตาจิวโมไป๋ เธอไม่เชื่อว่าจิวโมไป๋จะกล้าตีเธอ

แต่เมื่อเห็นแววตาเรียบเฉยเย็นชาของจิวโมไป๋ เธอก็เริ่มไม่มั่นใจ ท่าทางของจิวโมไป๋ทำให้เธอเริ่มกลัว แต่ภายนอกเธอยังฝืนแสดงท่าทางดื้อรั้นไม่ยอมแพ้

“ไม่! ฉันไม่ยอมแพ้แน่ จิวโมไป๋ปล่อยฉันออกไป แล้วเรามาต่อสู้กันอย่างยุติธรรมเถอะนะ”หลานซุเมิงมองสบตาจิวโมไป๋ และกล่าวอ้อนวอนด้วยท่าทางน่าสงสาร

จิวโมไป๋ยิ้มอย่างเฉยชา พลองไม้ที่ยกขึ้นขยับเล็กน้อย มันทำให้ตาของหลานซูเมิงเบิกกว้างเล็กน้อย

ก่อนที่หลานซูเมิงจะได้ทันตั้งตัว พลองไม้ในมือจิวโมไป๋ก็ฟาดพลองไม้ลงมาอย่างแรง

หลายซูเมิงตกใจ เธอรีบพูดยอมแพ้ทันทีโดยไม่ต้องคิด

“ฉันยอมแพ้!”

พลองไม้หยุดห่างจากใบหน้าของหลานซูเมิงเพียง 5 ซ.ม.

หลานซูเมิงสัมผัสได้ถึงพลังกดดันอันรุนแรงที่อยู่ในไม้พลอง ถ้าเธอพูดช้าอีกนิดเดียว จิวโมไป๋ต้องตีเธอจริงๆแน่

จิวโมไป๋ดึงพลองไม้ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากสนามประลอง ไม่แม้แต่เหลือบตามองหลานซูเมิง

เถาวัลย์ที่พันร่างหลานซูเมิงสลายหายไปทันที ปล่อยร่างของหลานซูเมิงล้มลงกับพื้น เธอมองตามหลังจิวโมไป๋ด้วยสีหน้าเจ็บปวด

ท่าทางของหลานซูเมิง มันยิ่งทำให้ผู้ชมไม่พอใจจิวโมไป๋ขึ้นไปอีก พวกเขายืนขึ้นร้องด่าจิวโมไป๋

แต่จิวโมไป๋ไม่สนใจเสียงร้องจากผู้ชม เขาเดินไปที่ห้องรักษา

เดินไปถึง เขาก็พบหวังเสี่ยวเปาและอูเหวินมายืนรออยู่ก่อนแล้ว

“พี่ใหญ่ อาการของพี่รองเป็นยังไงบ้าง”จิวโมไป๋ถาม

“ไม่มีอะไรน่าห่วง แค่ปอดฉีกขาดเล็กน้อย ตอนนี้แพทย์ผ่าตัดเย็บปอดเรียบร้อย ตอนนี้น้องรองกำลังแช่ถังสารอาหาร 10 วันก็รักษาหายแล้ว”หวังเสี่ยวเปาตอบ

“น่าเสียดายที่พี่รองไม่สามารถประลองต่อได้”อูเหวินพูดขึ้นด้วยความเสียใจ เฉินหูและเขา ต่างก็อยากเขารอบสุดท้าย แต่สุดท้ายพวกเขาทั้งสองต่างก็ตกรอบ

จิวโมไป๋พยักหน้า ถ้าพักฟื้น 10 วัน ก็ทันการทดสอบเข้าหน่วยลับ ก่อนที่เขาจะหันไปยังอูเหวิน

“นายไม่ได้ติดตามท่านดยุกเซราสหรอกเหรอ?”

“ฉันขอท่านดยุกแล้ว”อูเหวินตอบ

เมื่อเห็นว่าเฉินหูอาการไม่น่าเป็นห่วง ทั้งสามก็เดินไปที่ทางเดินยาว เพื่อไปยังสนามประลอง แต่เมื่อไปถึงพวกเขาก็พบว่ากำลังมีการประลองอยู่

พวกเขาก็เลิกคิ้วด้วยความสงสัย เพราะจิวโมไป๋ประลองเป็นคู่สุดท้าย ไม่น่าจะมีใครได้ประลองอีก

พวกเขาเดินไปถามผู้ชมที่นั่งอยู่แถวนั้น ชายคนนั้นเห็นจิวโมไป๋ก็ชักสีหน้าไม่พอใจ แต่เขาก็ฝืนเก็บความไม่พอใจ บอกเกี่ยวกับการประลองให้จิวโมไป๋ฟัง

ที่กำลังประลองอยู่เป็นการประลองเพื่อเพิ่มผู้เข้าประลองรอบที่ห้า

ปกติแล้วการประลองรอบที่ห้า ผู้เข้ารอบ 6 คนสุดท้ายจะได้ประลองแบบพบกันหมด ผู้ชนะจะได้คะแนนเพื่อนำไปจัดอันดับ แต่การประลองรอบที่ห้า มันจะใช้เวลานานมาก

ในปีนี้ ชั้นปี 1 และปี 2 เข้าร่วมการประลอง ทำให้ต้องใช้เวลามากขึ้นในการประลอง และการบาดเจ็บของเฉินหู ทำให้เขาไม่สามารถประลองต่อได้ ทำให้เหลือผู้ประลองเพียงแค่ 5 คน

ทำให้ต้องเปลี่ยนกฏของการประลองใหหม่ เป็นการประลองจับคู่ 8 คน เพื่อที่รอบต่อไปจะเป็นการประลองจับคู่ โดยไม่ต้องเสียเวลาประลองแบบพบกันหมดเหมือนเดิม

เพราะมีคนเข้ารอบแค่ 5 คน ขาดอีก 3 คน ทำให้ต้องดึงผู้ตกรอบที่สามขึ้นมา ถ้าประลองกันใหม่ทั้งหมดมันยิ่งเสียเวลาขึ้นไปอีก ทำให้การประลองจะเอาเฉพาะ คนที่แพ้การประลองโดยที่พลังชีวิตยังไม่หมด มาประลองเพื่อคัดเลือก 3 คนเข้ารอบ

จิวโมไป๋พยักหน้าเขาใจ ก่อนที่พวกเขาจะกลับห้องรอ อูเหวินแยกตัวไปที่ห้องพิเศษชั้นบน

เข้าไปที่ห้องรอปี 1 จิวโมไป๋นั่งลงและหลับตา หวังเสี่ยวเปานั่งดูการประลอง

จิวโมไป๋จิตสัมผัสที่ตรวจสอบนักฆ่าทั้งหมด เพื่อหาร่องรอย เวลาผ่านไปอย่างช้าๆจนจบการประลองคัดเลือก กำไลข้อมือของนักฆ่าก็มีภาพโฮโรแกรมข้อความบางอย่างขึ้นมา มันเป็นตัวอักษรลับที่ใช้เฉพาะนักฆ่า ข้อความปรากฏขึ้นเพียงไม่กี่วินาทีก็หายไป

โชคดีที่จิวโมไป๋ศึกษาตัวอักษรนี้มาก่อน ทำให้เขารู้ความหมายทันที โดยไม่ต้องนำไปแปล

ใบหน้าของจิวโมไป๋เปลี่ยนเป็นตึงเครียดทันทีที่อ่านจนหมด

‘จบการประลอง ฆ่าผู้เข้าประลองทั้งหมด เวลาภารกิจ 1 ช.ม. ก่อนถอนตัวทันที’

จิวโมไป๋ขมวดคิ้่วแน่น เขาไม่คิดว่าจะมีคนบ้า จ้างสังหารผู้เข้าร่วมประลองทั้งหมด แม้ว่าจะเป็นแบบกำหนดเวลาเพียง 1 ชั่วโมง แต่ราคาที่ต้องจ่ายไป มันก็ก็ไม่ใช่น้อยๆ

จิวโมไป๋รู้ถึงเป้าหมายและเวลาลงมือ เขาก็ติดต่อไปที่ครอบครัวให้กลับบ้าน

แม้ว่าพ่อและแม่ของเขาจะสงสัย พวกเขาก็ไม่พูดอะไร ทำตามจิวโมไป๋พาจิวเสวี่ยเหม่ยเดินออกจากสยามประลอง

จิวโมไป๋โล่งใจตรวจสอบโดยรอบ เขาก็พบว่าเซียวหนานจิ้นนั่งอยู่ที่ห้องพิเศษกับชายวัยกลางคน ที่เหมือนจะเป็นผู้อาวุโสตะกูลเซียว

แปลก

คนอย่างเซียวหนานจิ้น ไม่มีทางที่จะใจเย็นหลังจากแพ้การประลอง แล้วมาชมการประลองแบบนี้แน่ แต่ถึงแม้ว่าเขาจะสงสัยเซียวหนานจิ้น แต่ก็ยังไม่ฟันธง

ในขณะที่จิวโมไป๋กำลังใช้จิตสัมผัสตรวจสอบห้องพิเศษ เขาก็จับกลิ่นอายของ สำนักผีเสือดาราได้ เขามองไปยังกลุ่มคนของสำนักผีเสือดารา เขาก็เหมือนคิดอะไรได้

เขาเปิดกำไลข้อมือส่งข้อความไปให้คุณหยินลั่วปิงทันที

รอไม่นานคุณหยินลั่วปิงก็ส่งข้อความกลับมา

‘เป็นเรื่องจริงเหรอ?’

จิวโมไป๋เงียบไปเล็กน้อยก่อนจะส่งข้อความไปอีก

ไม่นานคุณหยินลั่วปิงก็ส่งข้อความมา

‘ฉันเชื่อเธอ รอสักครู่ ฉันจะจะติดต่อไปยังหน่วยลับ’

จิวโมไป๋เห็นข้อความก็ถอนหายใจ ก่อนจะใช้จิตสัมผัสดูคนของสำนักผีเสื้อดารา เขาก็พบความเคลื่อนไหวของคนที่เหมือนจะเป็นผู้อาวุโสที่สุด

จิวโมไป๋คิดเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจ ส่งตำแหน่งและระดับการบ่มเพาะพลังของนักฆ่าไปให้คุณหยินลั่วปิง

ไม่นานก็มีข้อความส่งกลับมา

‘อย่าพึ่งทำอะไร’

จิวโมไป๋ก็เบาใจลง เขาคอยจับตามองนักฆ่า

จนการประลองหาผู้เข้ารอบ 3 คนจบลง

เหยาติงหลงที่แพ้ซุนกวนหมิง และตกรอบไปในการประลองรอบที่สาม ก็ได้เข้ารอบ

เวลาพักหมดลง จิวโมไป๋ก็พบการเคลื่อนไหว เขาพบคนของหน่วยลับกำลังลอบเข้ามาในสนามประลอง พวกเขาปลอมตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าเหมือนคนธรรมตา และแฝงตัวไปใกล้ๆนักฆ่า แต่ก็ไม่ทำอะไร พวกเขากำลังจับตามองนักฆ่าเพื่อหาความผิดปกติอยู่

จิวโมไป๋ถอนหายใจ ก่อนที่จะกลับมาสนใจการประลอง

ผมการจับคู่การประลองรอบที่ 5 ประกาศออกมา คู่ที่ 1 ซุนกวนหมิง ปี 5 ต่อสู้กับ หวังเสี่ยวเปา ปี 1

หวังเสี่ยวเปายืนขึ้นด้วยท่าทางประหม่าเล็กน้อย เพราะเห็นฝีมือของซุนกวนหมิงมาก่อน พวกเขาไม่ต่างกันมากนัก มันไม่ได้เป็นการประลองง่ายๆเหมือนที่ผ่านมา

จิวโมไป๋ลุกขึ้นมาตบไหล่ให้กำลังใจ ก่อนจะก้มลงกระซิบแผ่วเบา

หวังเสี่ยวเปาพยักหน้า พลังใจกลับมาเต็มเปี่ยม และเดินไปที่สนามประลอง

เมื่อหวังเสี่ยวเปาและซุนกวนหมิงขึ้นไปยืนบนสนามประลอง

กองเชียร์ของซุนกวนหมิงดังสนั่น

“นายก็ถนัดหอก เหมือนกันใช่ไหม”ซุนหวนหมิงยิ้มอย่างจริงใจให้เฉินหู

“ใช่ แต่ผมก็ไม่ได้เก่งมากนักหรอก”หวังเสี่ยวเบาตั้งท่าเตรียมพร้อม

“งั้นก็ลงมือเต็มที่ได้เลย ฉันไม่ได้ต่อสู้กับผู้ใช้หอกมานานแล้ว”ซุนกวนหมิงยิ้มก่อนจะตั้งท่าเตรียมพร้อม พลังกดดันแผ่กระจายออกจากร่างอย่างแผวเบา แต่มันทำให้หวังเสี่ยวเบารู้สึกอึดอัดเหมือนกำลังถูกข่มขู่

เขาใช้พลังกดดันต้านกลับทันที ก่อนจะชี้หอกไปยังซุนกวนหมิง

“รุ่นพี่ก็อย่าออมมือก็แล้วกัน”

ซุนกวนหมิงยิ้ม

“การประลองเริ่มได้”

ทันทีที่เสียงเริ่มการประลองดังขึ้น ทั้งสองต่างก็พุ่งเข้าหากันในเวลาเดียวกัน

หอกในมือของทั้งสองแทงออกอย่างรวดเร็ว ปลายหอกของทั้งสองปะทะกันกลางอาการ

ปัง! หอกทั้งสองหยุดอยู่ตรงกลาง มือของทั้งสองสั่นระริก พวกเขากำลังประลองกำลังกันอยู่

หวังเสี่ยวเปาเลิกคิ้ว กำลังกายของซุนกวนหมิงไม่ได้อ่อนแอ แข็งแกร่งกว่าผู้บ่มเพาะพลังธรรมดาประมาณหนึ่งส่วน หวังเสี่ยวเปาเกร็งกล้ามเนื้อผลักหอกไม้ของซุนกวนหมิงกลับไป

ซุนกวนหมิงควงหอกไม้หมุนตัวลดแรง เขาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจกับพละกำลังของหวังเสี่ยวเปา แต่เขาก็ไม่แสดงความตกใจ เพราะเขาก็ศึกษาการประลองของหวังเสี่ยวเปามาก่อน เขารู้ดีถึงพละกำลังของอีกฝ่าย

หวังเสี่ยวเปาเป็นฝ่านบุกก่อน หอกไม้แทงออกไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง ทุกหอกแฝงไว้ด้วยพลังกดดันอันรุนแรง ถ้าพลาดโดยการโจมตีพลังชีวิตจะลดลงอย่างมาก

ซุนกวนหมิงไม่ยอมถอยง่ายๆ เขาควงหอกป้องกันหอกที่แทงมาทั้งหมด

เสียงหอกไม้ปะทะกันถี่ยิบ

ซุนกวนหมิงยังคงใจเย็น ไม่รีบร้อน เขาควงหอกหมุนรอบๆ จนเกิดเป็นวงกลมป้องกันการโจมตีทั้งหมด

หวังเสี่ยวเปาขมวดคิ้ว เริ่มมีเหงื่อไหลออกมาจากขมับ หอกในมือแทงไปตามจุดอ่อนที่ซุนกวนหมิงเปิดเผยให้เห็น

แต่เพียงพริบตาเดียว ซุนกวนหมิงก็ยกหอกไม้กลับมาป้องกันได้ทัน เหมือนรู้อยู่แล้วว่าหวังเสี่ยวเปาจะโจมตีมาจุดนี้

ทั้งสองปะทะกันอีก 10 กว่าครั้ง

“ต่อไปตาฉัน!”ซุนกวนหมิงตะโกนขึ้น ก่อนที่หอกไม้ในมือของเขาจะหมุนวนเป็นวงกลมและฟาดออกไปหอกในมือของหวังเสี่ยวเปาอย่างแรง จนหวังเสี่ยวเปาต้องกำสองมือไม่ให้หลุด

ซุนกวนหมิงพุ่งตรงเข้าหาหวังเสี่ยวเปา หอกไม้แทงออกอย่างรวดเร็วและรุนแรง เพียงเสี่ยววินาทีหอกก็แทงเกือบถึงกลางอกของหวังเสี่ยวเปา ยากที่จะหลบ

หวังเสี่ยวเปาชะงักเล็กน้อย แต่ไม่เสียจังหวะ เขาใช้สองมือยกหอกไม้ขึ้นป้องกันอย่างรวดเร็ว

ปัง

ปลายหอกของซุนหวนหมิงแทงที่ด้ามจับหอกของหวังเสี่ยวเปา แรงปะทะผลักร่างของหวังเสี่ยวเปาถอยไปสองก้าว

ยังไม่ทันที่หวังเสี่ยวเปาจะตั้งตัว

ซุนกวนหมิงก็ทะยานร่างตามติดๆ หอกในมือของเขาแทงออกมาถี่ยิบด้วยความแยบยน ยากคาดเดา แต่หวังเสี่ยวเปามีจิตสัมผัส เขามองเห็นการโจมตีได้ก่อน ทำให้เขาสามารถป้องกันได้ทัน

หวังเสี่ยวหรี่ตาหาทางโจมตีกลับ

แต่ซุนกวนหมิงไม่ปล่อยให้เขาได้ตั้งตัว เขาโจมตีไม่หยุด หวังเสี่ยวเปาโดนกดดันจนต้องถอยไปเรื่อยๆ

เสียงร้องเชียร์ซุนกวนหมิงดังกระหึ่ม ไม่มีใครร้องให้กำลังใจหวังเสี่ยวเปาซักคนเดียว

ห้องรอปี 1

จิวโมไป๋มองการประลองของทั้งสองด้วยใบหน้าครุ่นคิดบางอย่าง ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“นายกำลังเสียใจที่เพื่อนของนาย กำลังจะแพ้เหรอ”จูหวังเฉินกล่าวจบ ก็เดินมายืนข้างๆจิวโมไป๋ สายตามองตรงไปที่ภาพโฮโลแกรมการประลอง

จิวโมไป๋เหลือบตามองจูหวังเฉิน ด้วยความประหลาดใจ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด