แม่สาวเข็มเงิน – ตอนที่ 87 เจ้าลาออกเถอะ

อ่านนิยายจีนเรื่อง แม่สาวเข็มเงิน ตอนที่ 87 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 87 เจ้าลาออกเถอะ

หานอิงฉีถ่มน้ำลายลงบนพื้นด้วยท่าทางโหดเหี้ยม “หึ! ดูเหมือนว่าการสั่งสอนเมื่อวานคงจะยังไม่พอ เห็นทีว่าวันนี้คงต้องหักแขนขวาของเจ้าด้วยแล้ว”

เจียงป่าวชิงหันหน้ากลับไปทันที นางมองตรงไปที่หานอิงฉี แววตาของนางเย็นเยือกเสียจนหานอิงฉีรู้สึกขนลุกเพราะสายตาของนาง และเขาอดที่จะก่นด่าอย่างเสียไม่ได้ “สาวน้อย เจ้ามันก็ขอทานเช่นเดียวกับพี่ชายเจ้า ขอท่านอย่างเจ้ามองอะไรรึ ?! ห้ากเจ้ายังมองอีก ข้าจะควักลูกตาเจ้าให้รู้แล้วรู้รอด!”

เจียงป่าวชิงไม่สนใจเขา นางเลือกที่จะหันไปมองเจียงหยุนชาน “พี่ คนที่หักแขนพี่คือเขาใช่หรือไม่ ?”

สีหน้าของเจียงหยุนชานเปลี่ยนไปทันที เขารีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ป่าวชิง ไม่ใช่นะ!”

หานอิงฉีหัวเราะเยาะเย้ย “เหอะ ๆ พวกเจ้าดูไอ้ปอดแหกคนนี้สิ ข้าให้คนหักแขนมันแต่มันกลับไม่กล้าพูดอะไร” หานอิงฉีมองเจียงหยุนชานกับเจียงป่าวชิงอย่างเหยียดหยาม “คนชั้นต่ำอย่างพวกเจ้าควรไปใช้ชีวิตอยู่ในกองขยะ รีบไสหัวออกไปจากโรงเรียนนี้ซะ” พูดเสร็จเขาก็เดินมาข้างหน้าเพื่อผลักเจียงหยุนชานกับเจียงป่าวชิง

สิ่งที่เจียงป่าวชิงรอก็คือช่วงเวลานี้แหละ!

มือของนางปัดแขนของหานอิงฉีราวกับกำลังต่อต้านการผลักของเขา ทว่าเข็มที่แอบกำไว้ในมือนิ่ง ๆ เมื่อสักครู่ก็ได้แทงเข้าไปในแขนของหานอิงฉีอย่างโหดเหี้ยม สุดท้ายนางก็รีบชักมือกลับมาอย่างรวดเร็ว

หานอิงฉีรู้สึกเพียงว่ามีบางอย่างที่เป็นสิ่งเล็ก ๆ แทงเข้าหาตัวเอง เขายังไม่ทันได้ตอบสนองกลับมาแขนซ้ายของเขากลับเหมือนระเบิดจากจุดใดจุดหนึ่งบนร่างกายและมีอาการปวดอย่างรุนแรง

หานอิงฉีเคยได้รับความทรมานแบบนี้เสียที่ไหนกัน เขากอดแขนตัวเองและร้องลั่นไปทั่วทันที

เจียงป่าวชิงรีบโยนเข็มทิ้งในพงหญ้าเขียวชอุ่มทันที เหอะ ๆ คนเลว ๆ เช่นนี้มาทำความรู้จักกับเข็มที่เพิ่มวัตถุดิบโดยผ่านการแช่ยาหน่อยเป็นอย่างไร

ไม่มีสารพิษอะไร แต่เพิ่มความเจ็บโดยเฉพาะ

เจียงป่าวชิงมองหานอิงฉีที่กำลังกอดแขนและร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหลด้วยแววตาที่น่าสะพรึงกลัว  เห็นได้ชัดว่าเจียงหยุนชานไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขารู้เพียงว่าหานอิงฉีเข้ามาผลักเขากับเจียงป่าวชิง และตอนที่เขากำลังปกป้องอยู่ตรงหน้าป่าวชิง เขาก็เห็นหานอิงฉีเหมือนถูกอะไรกัดทำนองนั้น จากนั้นหานอิงฉีก็ร้องไห้จนกลายเป็นแบบนี้เสียแล้ว

พวกลูกกะจ๊อกของหานอิงฉีตกตะลึงไปทันที พวกเขารีบเข้าไปดูแต่กลับถูกหานอิงฉีก่นด่าและตะโกนใส่หน้าว่าไสหัวไป

หานอิงฉีน้ำตานองหน้า เขากอดแขนซ้าย ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวดรุนแรง

เหตุการณ์นี้น่ากลัวมากจริง ๆ มีบางคนที่พอจะฉลาดอยู่บ้าง รีบวิ่งไปแจ้งขุนนางอำเภอ

เจียงป่าวชิงดึงแขนเจียงหยุนชาน “พี่หยุนชาย ข้าว่าเรารีบไปทำเรื่องลาหยุดกับคุณครูกันดีกว่า”

ตอนนี้ไม่มีใครมีเวลามาสนใจสองพี่น้องสักเท่าไหร่นัก เจียงหยุนชานพยักหน้าและพาเจียงป่าวชิงไปยังที่พักของคุณครู

เมื่อหวู่ซิ่วฉายเห็นเจียงหยุนชานในสภาพแขนซ้ายพันด้วยแผ่นไม้ขนาบ เขาก็รู้ว่าเจียงหยุนชานได้รับบาดเจ็บแต่ก็ได้รับการรักษาแล้ว เขาอดที่จะรู้สึกโล่งใจอย่างเสียไม่ได้

หวู่ซิ่วฉายหาที่เงียบ ๆ เพื่อถามเรื่องแขนของเจียงหยุนชานด้วยความเป็นห่วง “อืม… ตอนมาที่พักเมื่อเช้าข้าได้ยินเรื่องนี้แล้ว พวกเขาทำชั่วอย่างไม่ยำเกรงต่อสิ่งใดจริง ๆ เมื่อสักครู่ข้าไปที่ห้องพักของเจ้า เห็นเจ้าไม่อยู่ ข้ายังคิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเสียอีก เฮ้อ เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วนะนักเรียนหยุนชาน”

“ข้าขอบคุณครูหวู่มากเลยขอรับที่เป็นห่วง” เจียงหยุนชานก้มศีรษะอย่างมีมารยาทก่อนจะพูดต่อ “ข้าไม่มีเรื่องอะไรเป็นพิเศษ เพียงแค่อยากขอลาหยุดเพื่อกลับไปรักษาตัวที่บ้านสักหนึ่งเดือนขอรับ”

หวู่ซิ่วฉายเงียบลงทันที

ผ่านไปสักครู่ เขาถึงจะถอนหายใจออกมายาว ๆ สีหน้าของเขาเย็นชาอยู่เล้กน้อย “เป็นความผิดของข้าเอง แรกเริ่มข้าคิดว่าพวกเขาแค่อิจฉาและใช้คำพูดเสียดสีเจ้าเท่านั้น… คนมีความรู้อดทนต่อสิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นการฝึกฝนอุปนิสัยอย่างหนึ่ง แต่ข้าไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะเริ่มลงไม้ลงมือกับเจ้าเช่นนี้ แล้วยังโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้ด้วย ไม่คิดว่าพวกเขาจะอยากทำลายอนาคตของเจ้า…”

กฎเกณฑ์ของต้าหลงคือถ้าหากว่าร่างกายมีความไม่ปกติก็จะไม่สามารถรับราชการได้

หวู่ซิ่วฉายรู้สึกลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายเขาก็พูดออกมาจนได้ “หยุนชาน ในฐานะครูที่หวังดีกับเจ้า ข้าว่าเจ้าเปลี่ยนโรงเรียนเถอะนะ จากความประพฤติและความรู้ความสามารถของเจ้า ไม่ว่าไปที่ไหนเจ้าก็คงจะสามารถพุ่งเข้าไปในโลกที่เจ้าต้องการได้ ไม่ต้องอยู่ที่นี่แล้ว ที่นี่ซ่อนสิ่งสกปรกเลวร้ายไว้และไม่มีใครสามารถดำรงความยุติธรรมได้… หยุนชาน เจ้าลาออกเถอะ” พูดถึงประโยคสุดท้าย หวู่ซิ่วฉายก็ตาแดงและพูดไม่ออก

เจียงหยุนชานเงียบไปสักพัก แล้วเขาก็พยักหน้าในท้ายสุด เขาเลิกชายเสื้อคลุมด้วยแขนขวาที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียว จากนั้นก็แสดงความเคารพต่อหวู่ซิ่วฉาย “ครูหวู่ขอรับ ศิษย์ขอบคุณสำหรับการสั่งสอนของท่านตลอดหลายปีที่ผ่านมา…”

หวู่ซิ่วฉายยกชายเสื้อคลุมขึ้นมาซับน้ำตา

เจียงหยุนชานไม่คิดว่าเดิมทีตัวเขาจะมาลาหยุด ตอนหลังกลับกลายเป็นลาออกเสียอย่างนั้น

สัมภาระของเขามีน้อยมาก มีเพียงแค่เสื้อผ้าที่เปลี่ยนซักทุกวันและของใช้ในบ้านอีกนิดหน่อย ปากกาหมึก กระดาษ และที่ฝนหมึกทั้งหมดนี้ทางโรงเรียนเป็นฝ่ายจัดหามาให้ พวกตำราเรียนก็เป็นทรัพย์สมบัติส่วนรวมของทางโรงเรียนเช่นกัน เจียงหยุนชานจึงไม่เอากลับไปด้วย

ทรัพย์สินในห้องพักของเขาทั้งหมดมีเพียงถุงผ้าเล็ก ๆ เท่านั้น

เจียงป่าวชิงอยากช่วยเจียงหยุนชานถือ แต่เจียงหยุนชานกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “แขนขวาของข้าไม่ได้หัก เจ้าไม่ต้องทำเหมือนว่าข้าเป็นคนไร้ประโยชน์หรอกนะ”

ถึงแม้ว่าเจียงป่าวชิงจะเห็นว่าท่าทางของเจียงหยุนชานมีความหงอยเหงา แต่ภาพรวมเขาก็ยังดีอยู่ นางจึงไม่พูดอะไรและส่งถุงผ้ากลับไปให้เขาตามเดิม

ทั้งสองคนเดินไปตามทางเดินเล็ก ๆ เพื่อออกไปนอกโรงเรียน

หวู่ซิ่วฉายเดินตามมาจากทางด้านหลัง เขาถือถุงผ้าเล็กๆไว้ในมือ เมื่อเห็นว่าในมือของเจียงหยุนชานถือถุงผ้าไว้หนึ่งถุงแล้ว เขาจึงส่งถุงผ้าให้เจียงป่าวชิง “เด็กดี ช่วยพี่ชายเจ้าถือหน่อยนะ ข้างในคือหนังสือสองสามเล่มซึ่งทั้งหมดนี้เป็นของสะสมที่ข้าเก็บสะสมไว้ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และข้ามอบให้พี่ชายเจ้า”

ในสมัยนี้ หนังสือเป็นทรัพยากรอันล้ำค่าและเป็นสัญลักษณ์ของผู้มีความรู้ที่สำคัญยิ่ง หวู่ซิ่วฉายให้หนังสือเหล่านี้กับเจียงหยุนชาน สามารถบอกได้ว่าเป็นของขวัญชิ้นใหญ่เลยก็ว่าได้

เจียงหยุนชานอยากจะขอบคุณ แต่หวู่ซิ่วฉายกลับโบกมือเสียก่อน “กลับไปเถอะ เจ้าต้องรักษาแขนให้หายดีล่ะ ข้ายังมีสอนอีกจึงต้องขอตัวก่อน”

เจียงหยุนชานกับเจียงป่าวชิงยังคงยืนอยู่กับที่เพื่อมองหวู่ซิ่วฉายหายไปตรงจุดโค้งของประตู  ในขณะนี้ ด้านข้างก็มีนักเรียนที่มีท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ อยู่เล็กน้อยเดินเฉียดไหล่พวกเขาไป ซึ่งเขาคนนั้นไม่เหล่สายตามอง ทำเหมือนมองไม่เห็นเจียงหยุนชานกับเจียงป่าวชิงทำนองนั้น

แต่ตอนที่เดินเฉียดไหล่ นักเรียนที่มีท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ คนนั้นกลับทิ้งท้ายไว้หนึ่งประโยคอย่างรวดเร็ว “คะ… คนจากที่ว่าการอำเภอมาแล้ว”

สีหน้าของเจียงหยุนชานเปลี่ยนไปทันที

การที่หานอิงฉีสามารถกำเริบเสิบสานในอำเภอได้ก็เพราะพึ่งพาบารมีของฉือจื้อที่เป็นขุนนางอำเภออย่างไรเล่า  พี่สาวของหานอิงฉีคือหานจีผู้เป็นเมียน้อยที่ขุนนางฉือรักและเอ็นดูที่สุดในตอนนี้ ได้ยินมาว่าการคุยโวของนางนั้นยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว

หานอิงฉีอาศัยความสัมพันธ์นี้ ถึงขนาดใช้อำนาจบาตรใหญ่มากกว่าฉือเชียนเชียนที่เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของขุนนางอำเภอเสียอีก

“ไม่ต้องกลัว” เจียงหยุนชานปลอบเจียงป่าวชิงเสียงเบา “ความประพฤติของเราซื่อตรง เราไม่มีอะไรต้องกลัว”

เจียงป่าวชิงครุ่นคิดเงียบ ๆ ว่าเหมือนตัวนางเองจะไม่ค่อยซื่อตรง แต่เป็นการยากที่จะทิ้งหลักฐานใด ๆ เมื่อแทงด้วยเข็มปลายแหลมเล็กที่ชุบด้วยยาเช่นนี้  นอกจากนี้ เจียงป่าวชิงยังโยนเข็มเล่มนั้นลงไปในพงหญ้าที่สูงประมาณหนึ่งแล้วด้วย ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะหาเข็มเล่มนั้นไม่เจออย่างแน่นอน

ตอนที่เจียงหยุนชานกับเจียงป่าวชิงมาถึงลานกว้างด้านหน้า ก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ ในขณะนี้มีเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานราชการที่สวมใส่ชุดนักการในศาลว่าการจำนวนมากกำลังทำการปิดล้อมอยู่ตรงลานกว้างด้านหน้าโรงเรียน

มองผ่านทางร่องคนจะสามารถเห็นได้ว่าข้างในวงล้อมมีคนกำลังวัดชีพจรให้หานอิงฉีที่ตอนนี้ยังคงร้องไห้และกอดแขนตัวเองอยู่บนพื้นทั้งอย่างนั้น  และสามารถได้ยินเสียงคร่าว ๆ ว่า “ท่านชายไม่เป็นอะไรนี่ขอรับ สภาพชีพจรก็ปกติดี ไม่เห็นเหมือนถูกพิษอะไรเลยนะขอรับ… กระดูกส่วนแขนก็ปกติดีเช่นกัน… เอ… มันไม่ควรจะเป็นเช่นนี้…”

จากนั้นก็ได้ยินเสียงหานอิงฉีตวาดออกมาจากข้างใน “ไม่ได้เรื่อง! ไร้ประโยชน์! เปลี่ยนคนใหม่เร็ว ๆ เลย รีบเปลี่ยนหมอคนใหม่เร็วเข้า”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด