เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – บทที่ 123 แผนการร้ายของสามพ่อลูกตระกูลลั่ว

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ ตอนที่ 123 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เรื่องซุบซิบระหว่างกูตู๋อ๋างและชางหลางทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกสนใจมาก หากจะพูดด้วยความหมายทั่วไปก็คือ ชีวิตน่าเบื่อเกินจึงหาเรื่องซุบซิบฟังสักหน่อยก็ไม่เลวนัก ที่สำคัญก็คือกูตู๋อ๋างคนนี้แข็งแกร่งจริงๆ ทั้งยังยโสมาก เป็นคนที่หยิ่งยโสไปถึงกระดูก ให้ความรู้สึกว่าไม่เห็นใครอยู่ในสายตา รวมกับที่คนคนนี้ถีบประตูบ้านของตนจนพังยับ เย่เทียนเฉินจึงคิดจะไปให้เขาชดใช้…

“จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้ เขามีความสามารถจริงๆ แข็งแกร่งมาก!” ชางหลางเอ่ยราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้

“ดูแล้วพวกคุณสองคนก็เคยสู้กันมาก่อน ผลเป็นยังไง?” เย่เทียนเฉินถามยิ้มๆ

“ฉันชนะไปแค่กระบวนท่าเดียว…”

เมื่อได้ยินคำนี้ของชางหลาง เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย แม้เขาจะรู้ว่ากูอตู๋อ๋างแข็งแกร่งมาก บางทีอาจจะแข็งแกร่งกว่าชางหลาง แต่เขาไม่คิดว่ากูตู๋อ๋างจะแพ้ชางหลางแค่กระบวนท่าเดียว ฝีมือการต่อสู้เช่นนี้ต้องกล่าวว่าแข็งแกร่งห้าวหาญมาก อีกทั้งยังเป็นเรื่องเมื่อหลายปีก่อน กูตู๋อ๋างอายุน้อยกว่าชางหลางหลายปี หลายปีต่อจากนี้เขาจะต้องแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างแน่นอน บางทีอาจจะไม่แพ้ชางหลางกระบวนท่าเดียวแล้ว คนคนนี้มีค่าพอให้โอหังจริงๆ

“อืม ดูแล้วตอนที่ผมไปทวงหนี้ค่าประตูบ้านกับเขาจะต้องระวังหน่อยแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดยิ้มๆ

“เขามีความสามารถที่จะเป็นราชันนักรบของจีนจริงๆ เพียงแต่น่าเสียดายที่เขาหยิ่งเกินไป สักวันหนึ่งจะต้องลำบากแน่”

เย่เทียนเฉินฟังออกว่าในน้ำเสียงของชางหลางจะมากจะน้อยก็ยังมีความห่วงใยกูตูอ๋างอยู่บ้าง ดูจะใส่ใจคนที่เคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขามาก ชอบผู้มีความสามารถคนนี้ อยากจะให้กูตู๋อ๋างกำจัดความยโสออกไปและกลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่แท้จริง เพียงแต่น่าเสียดายที่กูตู๋อ๋างโอหังจนถึงขีดสุด ขนาดชางหลางที่เคยเป็นผู้บังคัญบัญชาของเขาก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา

“ตามใจเถอะ เขาถีบประตูบ้านผมพังยังไงก็ต้องชดใช้ ไม่งั้นผมจะไม่ปล่อยเขาไปแน่!” เย่เทียนเฉินบิดขี้เกียจแล้วเอ่ยออกมา

“ไอ้หนู พวกเราไปหาท่านหยางก่อน ดูว่าต่อจากนี้ไปจะจัดการเรื่องของตระกูฉินยังไง…”

ชางหลางรู้สึกนับถือไอ้หนูนี่ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ก่อเรื่องใหญ่มายังไม่กลัวสักนิด ยังมีใจคิดจะฟังเรื่องซุบซิบอีก ยิ่งกว่านั้นยังพูดว่าจะให้กูตู๋อ๋างชดใช้ที่ทำประตูบ้านเขาเสียหาย ต้องทราบว่ากูตู๋อ๋างในตอนนี้ไม่เพียงแค่มีฝีมือร้ายกาจ แต่ยังเป็นหัวหน้าระดับสูงอีกด้วย คิดได้เลยว่า จะมีใครกล้าบอกให้ชดใช้ค่าเสียหายให้ตนเองกัน?

“ก็ดี ไปหาลูกพี่หยางก่อน ให้เขาจัดการสักหน่อย ผมต้องการพบผู้นำสูงสุด” เย่เทียนเฉินสูบบุหรี่เฮือกหนึ่งแล้วเอ่ยออกมา

“ไอ้หนู นายจะไม่สนใจเรื่องการใช้คำหน่อยหรือไง? ตอนนี้เรื่องที่พวกเราต้องกังวลที่สุดก็คืออิทธิพลของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง บางทีอาจมีบุคคลระดับสูงคนอื่นๆ ในประเทศตีไข่ใส่สีให้เรื่องนี้จะไม่เป็นผลดีกับนาย…” นายชางพูดพลางมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างไม่สบอารมณ์

“ตามใจเถอะ มีคนอยากเล่นผมก็จะเล่นด้วยถึงที่สุด!”

ณ เวลานี้ ภายในคฤหาสน์ตระกูลลั่วในเมืองหลวง ลั่วซงเฉิง ลั่วกวงฮุยและลั่วฉี สามพ่อลูกต่างดื่มเหล้ากันอย่างยินดี ได้ยินเพลงแว่วมาเบาๆ ดูสบายอารมณ์และมีความสุขมากเป็นพิเศษ เนื่องจากเมื่อครู่พวกเขารู้มาว่าเฉินเซิง ผู้บัญชาการกระทรวงความมั่นคงแห่งประเทศ ได้ออกคำสั่งโดยตรงให้กูตู๋อ๋างลงมือจับเย่เทียนเฉินด้วยตัวเอง แน่นอนว่าเรื่องนี้มีตระกูลลั่วของพวกเขาคอยผลักดันอยู่ข้างใน

“พ่อ ครั้งน้ำอ้ลูกเต่าเย่เทียนเฉินจะต้องตายแน่นอน ตายอย่างไม่ต้องสงสัย!” ลั่วกวงฮุยพูดอย่างโหดเหี้ยม

“กูตู๋อ๋างลงสนามไปจับคนด้วยตัวเองยังถือว่าเป็นการไว้หน้าไอ้ชั่วเย่เทียนเฉินแล้ว ครั้งนี้มันต้องตายในคุกแน่นอน!” ลั่วฉีพูดอด้วยรอยยิ้มเย็นชา

ลั่วซงเฉิงมองลูกชายทั้งสอง ครั้งนี้เย่เทียนเฉินมีเรื่องกับตระกูลฉินทำให้ฉินเหิงตาย แม้แต่ฉินอี้ก็ตายไปแล้ว ตอนที่พวกเขาได้ยินข่าวนี้ต่างรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นจึงได้ส่งคนไปตรวจสอบถึงพิสูจน์ความจริงได้ ตอนที่ฉินเหิงและฉีหรูเสวี่ยจัดงานหมั้น เย่เทียนเฉินแบกโลงศพไปที่ตระกูลฉิน ลงมืออย่างโหดเหี้ยมเผด็จการจนทำให้เกิดสถานการณ์ในตอนนี้ขึ้น

หลังจากพิสูจน์ได้ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงแล้ว ลั่วซงเฉิง ลั่วกวงฮุยและลั่วฉีสามพ่อลูกดีใจจนแทบคลั่ง ขาดก็แต่ไม่ได้ตะโกนให้ทั่วโลกได้รับรู้ เนื่องจากพวกเขารู้ดีว่าเย่เทียนเฉินจะต้องตายแน่นอน ถึงกับกล้ามาหาเรื่องตระกูลฉิน ทั้งยังก่อเรื่องใหญ่ขนาดนี้อีก แม้แต่เฉินอี้ก็ถูกเขาทำให้โมโหใจจนตาย ครั้งนี้เทพเซียนองค์ใดก็คุ้มครองเขาไม่ได้

บุญคุณความแค้นระหว่างเย่เทียนเฉินและตระกูลฉินมีมานานแล้ว สุดท้ายเขาให้อู๋เสวี่ยไปฆ่าหลานทั้งสองของตระกูลลั่ว ทำให้ลั่วซงเฉิงที่วางอำนาจบาตรใหญ่นำทหารไปปิดล้อมตระกูลเย่ไว้ด้วยตนเองเตรียมจะเปิดฉากฆ่า หากไม่ใช่เพราะชางหลางตามมาในช่วงเวลาสำคัญ นำคำสั่งของหยางอี้มา เกรงว่าลั่วซงเฉิงเองก็คงถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตายไปแล้ว จะรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ที่ไหนกัน?

ระยะนี้ลั่วซงเฉิงคิดจะลงมือนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อแก้แค้นให้หลานทั้งสองที่ตายไปของตน เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสลงมือ ทั้งยังคิดถึงว่าใกล้จะถึงการเลือกตั้งทั่วไปแล้ว ต้องอดทนสักหน่อย ขอแค่ตนสามารถเข้าไปในคณะกรรมาธิการทหารและได้เป็นสมาชิก อำนาจของตระกูลลั่วก็จะยิ่งใหญ่มากขึ้น ถึงตอนนั้นอยากจะเก็บกวาดเย่เทียนเฉินก็เป็นเรื่องง่ายๆ แล้ว

“หากต้องการผลักให้เย่เทียนเฉินตกลงสู่ความตาย พวกเรายังต้องใส่ไฟเพิ่มสักหน่อย ฉันได้ยินมาว่าหยางอี้ต้องการคุ้มครองตระกูลเย่ อาจจะมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้!” ลั่วซงเฉิงกล่าวพลางขมวดคิ้ว

“อะไรนะ? หยางอี้สอดมือเข้ามายุ่งแล้วเหรอ?”

“ไอ้เลวเย่เทียนเฉิน ทำไมมันถึงได้มีความสัมพันธ์กับคนระดับบิ๊กอย่างหยางอี้ได้?”

ลั่วกวงฮุยและลั่วฉีแปลกใจ ในสายตาของพวกเขา เย่เทียนเฉินกล้าก่อเรื่องที่ตระกูลฉิน ทำให้ฉินอี้และฉินเหิงตาย ทำความผิดร้ายแรงขนาดนี้จะต้องตายแน่นอนยู่แล้ว ตอนนี้กลับมีคนระดับบิ๊กอย่างหยางอี้ออกหน้า แสดงเจตนาจะปกป้องเย่เทียนเฉิน หยางอี้เป็นคนระดับไหน พวกลั่วซงเฉิงต่างรู้ดี หากเขาคุ้มครองเย่เทียนเฉินอย่างสุดความสามารถจริงๆ เป็นไปได้ว่าจะช่วยเย่เทียนเฉินให้ผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ ถึงตอนนั้นความคิดทุกอย่างของพวกเขาก็ต้องหายไปกับอากาศแล้ว

สิ่งสำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ เย่เทียนเฉินมีผู้อาวุโสหยางอี้ให้พึ่ง พวกเขาตระกูลลั่วอยากจะแตะเย่เทียนเฉินก็คงยากยิ่งขึ้น ต้องการฆ่าเย่เทียนเฉินก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

“หึ ฉันไม่สนว่าใครจะช่วยไอ้เลวนี่หรอก ครั้งนี้จะต้องทำให้มันตายให้ได้!” ลั่วซงเฉิงกล่าวเสียงเข้ม

“พ่อ ความหมายของพ่อคือ…” ลั่วฉีเอ่ยถาม

“ทำให้แรงกดดันจากสาธารณะรุนแรงมากขึ้น ถึงตอนนั้นต่อให้เป็นหยางอี้ก็ช่วยไม่ได้ พูดอีกอย่างก็คือ ตระกูลลั่วก็มีคนอยู่เบื้องบน จะต้องคิดวิธีทำให้เย่เทียนเฉินตายแน่ๆ ต่อให้มีคนคิดจะปกป้องเย่เทียนเฉินถึงที่สุดก็เกรงว่าจะไม่กล้าต้านทานเสียงของประชาชน!” ลั่วซงเฉิงกล่าวพลางยิ้มอย่างเย็นชา

“ผมเข้าใจความหมายของพ่อ พวกเราคิดหาวิธีแพร่กระจายเรื่องนี้ออกไป บอกว่าเย่เทียนเฉินบุกไปฆ่าคนที่ตระกูลฉิน ทำลายงานหมั้นของฉินเหิงและฉีหรูเสวี่ย ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา โอหังจนเกินเยียวยา ยังไงซะหลายปีมานี้ประชาชนก็เกลียดพวกคนรุ่นหลังของตระกูลใหญ่อยู่แล้ว พอเรื่องนี้แพร่ออกไปเกรงว่าคนจำนวนมากจะต้องเรียกร้องให้ลงโทษเย่เทียนเฉินอย่างหนัก ถึงตอนนั้นใครก็ช่วยเขาไม่ได้!” ลั่วกวงฮุยพูดแล้วหัวเราะฮี่ๆ

“เป็นวิธีที่ดี ผมจะรีบส่งคนไป พยายามให้เรื่องนี้แพร่ออกไปให้เร็วที่สุด ให้เป็นที่ฮือฮาไปทั่วระเทศเลยยิ่งดี!” ลั่วฉีเองก็กล่าวอย่างโหดเหี้ยม

“พวกเราสามารถยืมมีดฆ่าคนได้ ยังไงซะเรื่องราวของเรื่องนี้ก็ชัดเจน ไม่อาจแปดเปื้อนมาถึงตระกูลลั่วของพวกเราง่ายๆ…” ลั่วซงเฉิงกล่าวด้วยท่าทางขบคิดอย่างรอบคอบ

“ยืมมีดฆ่าคน?” ลั่วกวงฮุยถามอย่างสงสัย

“แน่นอนว่าต้องเป็นเฉินเซิง” ลั่วฉีต่อคำให้

“ใช่ ในฐานะเป็นรัฐมตรี เฉินเซิงจะต้องวางเฉยต่อเรื่องนี้ไม่ได้แน่นอน เมืองหลวงเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาไม่อาจหนีความรับผิดชอบไปได้ หากไม่ลงโทษเย่เทียนนเฉินอย่างรุนแรง เกรงว่าตำแหน่งผู้บัญชาการของเขาก็เป็นต่อไม่ได้แล้ว”

ตั้งแต่แรกเริ่มลั่วซงเฉิงก็คิดจะใช้ประโยชน์จากเฉินเซิงแล้ว บวกกับที่เขาและเฉินเซิงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาหลายปี ดังนั้นสิ่งที่ที่เขาทำหลังจากพิสูจน์ความจริงของเรื่องราวก็คือโทรหาเฉินเซิง ทั้งยังพูดเหมือนไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่ความจริงกลับกำลังบอกเฉินเซิงว่า ถ้าหากไม่ลงโทษเย่เทียนเฉินอย่างรุนแรง ตำแหน่งของเขาก็คงจะรักษาไว้ไม่ได้

สำหรับพวกลั่วซงเฉิงแล้ว การจะฆ่าเย่เทียนเฉินในครั้งนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยาก และเป็นโอกาสที่ดีที่ดีสุดที่จะลงมือซ้ำแผล หากพลาดไปก็คงไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้ว ฝีมือของเย่เทียนเฉินนั้นแข็งแกร่งมาก หากต้องการส่งนักฆ่าไปกำจัดเขาคงยาก ยืมมือประชาชนถึงจะเป็นแผนที่ดีที่สุด อย่างไรเสียความสามารถของคนๆ เดียวต่อให้แข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่อาจต่อต้านคนทั้งประเทศได้

“พ่อ พวกเราต้องไปทักทายผู้บัญชาการเฉินอีกรึเปล่า มอบผลประโยชน์ดีๆ ให้เขาสักหน่อย บอกเขาว่าหลังจากที่เขาจับเย่เทียนเฉินไปแล้วก็ให้รีบฆ่าซะ แล้วประกาศว่าเย่เทียนเฉินฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิด?” ลั่วฉีเป็นลูกชายที่ฉลาดที่สุดของลั่วซงเฉิง แล้วก็โหดเหี้ยมที่สุดด้วย

“เรื่องนี้ฉันจะโทรคุยกับเฉินเซิงเอง ตั้งแต่นี้ไป พวกแกก็อย่าสร้างเรื่องไปทั่ว ช่วยฉันจับตาดูเรื่องนี้ซะ ฉันจะต้องฆ่าเย่เทียนเฉินให้ได้!” ลั่วซงเฉิงเอยเสียงเข้ม

ปังๆๆ!

ตอนนี้เอง ด้านนอกประตูคฤหาส์มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ลั่วซงเฉิง ลั่วกวงฮุยและลั่วฉีสามพ่อลูกมองกันแวบหนึ่ง ลั่วกวงฮุยส่งเสียงตอบออกไป บอดี้การ์ดนายหนึ่งของคฤหาสน์ตระกูลลั่วเดินเข้ามากลางห้องโถงอย่างเคารพแล้วพูดว่า “ผู้อาวุโสครับ เพิ่งมีข่าวมาว่ากูตู๋อ๋างจับเย่เทียนเฉินไม่ได้ ชางหลางพาตัวเย่เทียนเฉินไปแล้วครับ!”

“อะไรนะ?” ลั่วซงเฉิงยืนขึ้นทันที เขาพูดด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“เป็นไปไม่ได้ จากข่าวของพวกเรา กูตู๋อ๋างไปก่อนชางหลางก้าวหนึ่ง แล้วยังพาทหารชั้นยอดพร้อมอาวุธปืนไปอีกสิบกว่าคน จะจับเย่เทียนเฉินไม่ได้เลยหรือไง?” ลั่วฉีเองก็ถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ปะ เป็นความจริงครับ คนของพวกเราเพิ่งกลับมา บอกว่ากูตู๋อ๋างไปถึงคฤหาสน์ตระกูลเย่ก่อนจริงๆ และจะจับกุมเย่เทียนเฉิน แต่เย่เทียนเฉินกลับปฏิเสธ กูตู๋อ๋างเลยลงมือสู้กับเย่เทียนเฉิน สุดท้ายชางหลางก็ตามไปหยุดเรื่องนี้ กูตู๋อ๋างพาคนจากไปแล้ว!” บอดี้การ์ดคนนั้นเล่าอย่างร้อนรน

“นี่…เย่เทียนเฉินแข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆ เหรอ? ขนาดท่านรองฯ กูตู๋อ๋างไปเองก็ยังจับไม่ได้?” ลั่วซงเฉิงรู้สึกเหมือนอยู่ดีๆ ก็ตกจากสรรค์ลงไปถึงนรก ทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา เอ่ยออกมาด้วยแววตาสิ้นหวัง

…………………………………

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด