เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – บทที่ 213 จางอีเต๋อลงมือแล้ว!

อ่านนิยายจีนเรื่อง เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ ตอนที่ 213 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ใครก็คิดไม่ถึงว่าในหมู่นักฆ่าชุดดำทั้งสี่ ชายชุดดำร่างกำยำผู้เป็นหัวหน้าจะใช้ดาบสไตล์ชิบะ หรือว่าเขาจะเป็นคนของประเทศชิบะ[1]? โดยเฉพาะในตอนที่เขาฟันดาบลงไปยังมู่หรงอวี๋ตู ถึงกับพูดว่า “คนจีนทั้งหมดสมควรตาย” คล้ายกับว่ามีความแค้นลึกล้ำกับมู่หรงอวี๋ตูที่เป็นทหารผ่านศึกที่เคยผ่านสงครามการฆ่าฟันมามาก

อย่างรวดเร็ว แม้มู่หรงอวี๋ตูจะเผชิญหน้ากับดาบสไตล์ชิบะอันเปล่งประกายเย็นยะเยือกที่ฟันลงมาก็ไม่ถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว นี่เป็นลักษณะอย่างหนึ่ง เป็นความหยิ่งในศักดิ์ศรีในฐานะที่เป็นนายพลเฒ่า ลูกผู้ชายควรจะอยู่ในสนามรบ ตายในสนามรบ นี่เป็นความภาคภูมิใจสูงสุดในใจของคนรุ่นมู่หรงอวี๋ตู

 เคร้ง!

ดาบสไตล์ชิบะอันเปล่งประกายเย็นยะเยือกฟันลงไปยังมู่หรงอวี๋ตูด้วยความเร็วดุจสายฟ้า แต่ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนั้นเอง กลับถูกเข็มเล่มหนึ่งกระทบจนฟันพลาดไป จนกระทั่งในตอนที่ชายชุดดำร่างกำยำผู้เป็นหัวหน้าต้องการที่จะลงมือกับมู่หรงอวี๋ตูอีกครั้ง คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาก็กลายเป็นจางอีเต๋อไปแล้ว

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของจางอีเต๋อทำให้มู่หรงอวี๋ตูตลอดจนคนชุดดำร่างกำยำผู้เป็นหัวหน้าคนนั้นตกตะลึง ใครก็คิดไม่ถึงว่าชายชราที่ผมและเคราขาวโพลน ดูผิวเผินยังแก่กว่ามู่หรงอวี๋ตูคนนั้น จะร้ายกาจขนาดนี้ โดยเฉพาะในตอนนี้ พลังที่แผ่ออกมาบนร่างของเขาทำให้ชายชุดดำร่างกำยำตกตะลึงจนชะงักไป

“ปรมาจารย์จาง…” มู่หรงอวี๋ตูคิดจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่กลับถูกจางอีเต๋อขัด

“มีอะไรค่อยพูดกันทีหลัง ต่อหน้าคนพวกนี้ ลูกหลานจักรพรรดิเหลืองอย่างเราห้ามอ่อนข้อเด็ดขาด!” จางอีเต๋อพูดขัดคำพูดของมู่หรงอวี๋ตู

ทันใดนั้นมู่หรงอวี๋ตูคิดถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ในดวงตาเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าฟัน เขาไม่ได้พูดอะไรให้มาก ถอยหลังหลายก้าวไปยืนอยู่ด้านข้าง เขารู้ว่าฝีมือของตนในยามที่ร่างกายแก่ชรานี้ ไม่สามารถขวางการฆ่าฟันของชายชุดดำร่างกำยำคนนี้ได้ จางอีเต๋อที่อยู่ด้านหน้าเป็นยอดฝีมือที่ซ่อนเร้นคนหนึ่ง ดูจากเมื่อสักครู่นี้ที่สามารถใช้เข็มบางเฉียบโจมตีดาบสไตล์ชิบะของชายชุดดำร่างกำยำผู้นั้นจนทำให้โจมตีพลาดได้ เห็นได้ว่าเซียนแพทย์เทวะคนนี้มีฝีมือลึกล้ำเกินคาดเดา

ความจริงแล้ว ในตอนที่คนชุดดำทั้งสี่บุกเข้ามาถึงด้านนอกบ้านตระกูลจาง จางอีเต๋อก็รู้แล้ว มิฉะนั้นเขาคงไม่พาหลานสาวของเขาจางรั่วถงออกมาจากห้องยา ตอนนี้เย่เทียนเฉินกำลังใช้ชีวิตของตนเพื่อแก้พิษสยบให้แก่มู่หรงซิน และอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดแล้ว ห้ามให้ใครไปรบกวนโดยเด็ดขาด หากว่าชายชุดดำทั้งสี่คนนี้ฆ่ามู่หรงอวี๋ตูได้จริงๆ พวกเขาจะต้องฆ่าทุกคนที่นี่อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้เป็นเทพเซียนก็ช่วยเย่เทียนเฉินและมู่หรงซินไม่ได้

เมื่อสักครู่นี้จางอีเต๋อยืนอยู่ในมุมหนึ่งตลอด ยืนมองชายชุดดำทั้งสี่ลงมือลอบสังหารมู่หรงอวี๋ตู แน่นอนว่าในฐานะที่จางอีเต๋อเป็นผู้มีพลังพิเศษ ย่อมสามารถใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษที่เป็นเคล็ดวิชาพื้นฐานที่สุดอย่างพลังพิเศษแห่งการรับรู้ได้ ถึงแม้ในหมู่ผู้มีพลังพิเศษ ผู้มีพลังพิเศษในสายรักษาจะไม่ได้มีความสามารถในการต่อสู้แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาไม่ร้ายกาจ ทุกสรรพสิ่งล้วนมีข้อยกเว้น จางอีเต๋อก็เป็นหนึ่งในข้อยกเว้นเหล่านั้น เขาไม่เพียงแต่มีวิชาแพทย์สูงส่ง ทั้งยังได้รับฉายาว่าเป็นเซียนแพทย์เทวะและมรฝีมือแข็งแกร่งเป็นอย่างมากอีกด้วย มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกสั่นสะท้านได้

“ตาเฒ่า คิดจะรนหาที่ตายหรือไง?” ชายชุดดำร่างกายกำยำผู้อำพรางใบหน้ากล่าวกับจางอีเต๋อด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“หึ ฉันจางอีเต๋อแต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยถูกคนรังแกถึงบ้านแบบนี้มาก่อน โดยเฉพาะไอ้หนูอย่างพวกแก!” จางอีเต๋อพูดขึ้นด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป

ฉัวะ!

ชายชุดดำร่างกำยำคิดจะจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด พวกเขาได้รับการว่าจ้างให้มาฆ่ามู่หรงอวี๋ตู แต่กลับคิดไม่ถึงว่าข้างกายของมู่หรงอวี๋ตูจะมียอดฝีมือระดับทัพฟ้าอย่างเฮยเมี่ยนอยู่ และคิดไม่ถึงว่าในตอนที่ความสำเร็จอยู่ตรงหน้า จะมีชายชราที่แข็งแกร่งอย่างจางอีเต๋อโผล่ออกมาอีก แบบนี้ถ้าหากยืดเยื้อออกไป เมื่อเหล่ายอดฝีมือของตระกูลมู่หรงมาถึง เกรงว่าจะไม่ใช่พวกเขาที่ฆ่ามู่หรงอวี๋ตู แต่จะกลับกลายเป็นพวกเขาถูกฆ่ามากกว่า

ตวัดดาบออกไป ดาบสไตล์ชิบะมีกระแสความเย็นจนกระทั่งกลายเป็นเงาดาบพุ่งผ่านอากาศไปยังจางอีเต๋อ มู่หรงอวี๋ตูที่ได้เห็นต่างก็ตกตะลึง ในฐานะที่เขาเป็นนายพลเฒ่าและตอนนี้ตระกูลมู่หรงก็เป็นตระกูลที่มีอำนาจในโลกของการทหาร ย่อมเข้าใจเรื่องของพรรควรยุทธโบราณและผู้มีพลังพิเศษเหล่านี้ดี พลังภายในอันแข็งแกร่งสามารถแยกภูเขาป่นหินได้ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร แต่ว่าสามารถสร้างกระแสความเย็นได้ในขณะที่สะบัดดาบออกไปตามใจ นี่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ

จางอีเต๋อในตอนนี้ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับชายชุดดำร่างกำยำที่แข็งแกร่งคนนี้ เขาย่อมไม่กล้าลำพองใจ หากพูดถึงเรื่องของฝีมือ ชายชุดดำร่างกำยำคนนี้มีฝีมือพอๆ กันกับเขา หากพูดถึงเรื่องอายุ จางอีเต๋อแก่ชราแล้วจริงๆ ถึงแม้ว่าจะยังมีเรี่ยวแรงในการต่อสู้ แต่ก็ไม่สามารถยืนหยัดได้นาน

ที่จางอีเต๋อลงมือช่วยเหลือมู่หรงอวี๋ตูแม้ว่าก่อนหน้านี้อีกฝ่ายจะเกือบลงมือฆ่าพวกเขา นั่นเป็นเพราะจางอีเต๋อเห็นว่าในตอนที่มู่หรงอวี๋ตูเผชิญหน้ากับการลอบสังหารแล้วตกอยู่ในสถานการณ์ที่เกือบจะต้องตาย ก็ยังสามารถเผชิญหน้ากับอันตรายโดยไม่หวั่นไหว จึงรู้สึกนับถือนายพลชราที่สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ให้แก่ประชาชนชาวจีนคนนี้จริงๆ จางอีเต๋อเองก็เป็นคนที่เคยผ่านสงครามมาก่อน ที่นั่นมีความโหดร้ายมากมาย จินตนาการได้เลยว่า ต้องเป็นคนที่ไม่กลัวการสละชีพและไม่กลัวการหลั่งเลือดอย่างมู่หรงอวี๋ตูถึงจะมีตำแหน่งฐานะที่ยิ่งใหญ่ในประเทศจีนดังเช่นทุกวันนี้ได้

ส่วนเรื่องที่มู่หรงอวี๋ตูใช้ปืนพกจ่อศีรษะจางอีเต๋อเพื่อช่วยหลานของตนเอง ด้วยจิตใจของหมอที่เปรียบประดุจจิตใจของพ่อแม่ ก็ไม่ใช่ว่าจางอีเต๋อจะไม่เข้าใจ แต่จะอย่างไรสิ่งที่เขาเกลียดชังมากที่สุดก็คือ พวกคนถ่อยที่กล้ามาฆ่าคนถึงเขตแดนของประเทศจีน

“อา!”

จางอีเต๋อตะโกนเสียงต่ำออกมาครั้งหนึ่ง ไม่มีเค้าลางของความแก่ชราโดยสิ้นเชิง หลบดาบของชายชุดดำร่างกำยำที่ฟันมา ทะยานร่างเข้าไปดุจเหยี่ยวสยายปีก จับลำคอของชายชุดดำร่างกำยำในพริบตาเดียว ชายชุดดำร่างกำยำตกตะลึง จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าชายชราเบื้องหน้าที่ทั้งผมและเพลาขาวโพลน จะมีการเคลื่อนไหวคล่องแคล่วปราดเปรียวถึงขนาดนี้ เขาชะงักไปครู่หนึ่ง ถอยหลังไปหลายก้าว มือขวาเก็บดาบ มือซ้ายกำหมัดแล้วต่อยไปยังฝ่ามือของจางอีเต๋อ

เสียงดังสนั่นเกิดขึ้น ชายชุดดำร่างกำยำคนนั้นต่อยไปยังฝ่ามือของจางอีเต๋อ ทั้งสองถูกแรงปะทะจนกระเด็นออกไประยะหนึ่ง ดวงตาอันเย็นยะเยือกสองคู่จ้องมองซึ่งกันและกัน

“ตาเฒ่า คิดไม่ถึงว่าแกจะร้ายกาจขนาดนี้!” ชายชุดดำร่างกำยำพูดอย่างขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน

“ไม่ว่าเมื่อไหร่ ก็ไม่อนุญาตให้คนถ่อยอย่างแกมาทำกร่างในประเทศจีนของพวกฉัน ฉันอยากจะรู้จริงๆ ว่าใครที่มันคิดคดทรยศต่อประเทศถึงขั้นจ้างวานพวกแกมา!” จางอีเต๋อต้องไปยังดวงตาของชายชุดดำร่างกำยำตรงหน้าเขม็งแล้วพูดออกมา

“แกไม่จำเป็นต้องรู้ แค่ไปตายซะก็พอ!”

ในขณะที่พูด ชายชุดดำร่างกำยำก็พุ่งเข้าไปหาจางอีเต๋ออีกครั้ง ดาบสไตล์ชิบะในมือขวาตวัดออกไปจนเกิดประกายเงาดาบห่อหุ้มจางอีเต๋อเอาไว้ ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถหลบได้ ในตอนนี้เองจางอีเต๋อก็รู้สึกได้ถึงอันตรายอันใหญ่หลวง หากว่าเขาไม่สามารถป้องกันกระบวนท่านี้ของชายชุดดำร่างกำยำเอาไว้ได้ เขาก็อาจจะสิ้นชีพ

“ไปตายซะ!” ชายชุดดำร่างกำยำตะโกน เงาดาบถูกฟันเข้าไปยังจางอีเต๋อ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีประกายดาบทั้งบนล่างซ้ายขวา ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ทำได้เพียงรับเอาไว้เท่านั้น

อากาศถูกเงาดาบเหล่านี้ฟันจนฉีกขาด ชายชุดดำร่างกำยำใช้วิชาดาบอันแปลกประหลาด ท่ามกลางเงาดาบที่ถูกตวัดฟันออกไป เงาดาบเหล่านั้นคล้ายกับแปรสภาพเป็นสสารที่แท้จริง ทั้งหมดถูกฟันไปยังจางอีเต๋อ ทำให้คนที่ได้เห็นต้องตกตะลึงและสั่นสะท้าน หากว่าถูกเงาดาบนี้ฟันลงไปเกรงว่าคงถูกตัดเป็นแปดท่อนแน่นอน

“เคล็ดวิชาเกราะเหล็ก!”

ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย จางอีเต๋อตะโกนออกมา ทันใดนั้นมีแผ่นเหล็กประกอบกันจนเป็นกำแพงขวางอยู่ด้านหน้าของเขา เงาดาบกระทบถูกบนกำแพงจนเกิดเสียงดังสนั่นราวกับเสียงเหล็กกระทบกัน นี่คือการแปรสภาพเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง หากว่าเย่เทียนเฉินมาเห็นฉากนี้ จะต้องตกตะลึงเป็นอย่างมากแน่นอน จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่า จางอีเต๋อที่มีฐานะเป็นผู้มีพลังพิเศษในสายรักษา ไม่เพียงแต่มีฝีมืออันโดดเด่นในด้านวิชาแพทย์ แต่ถึงกับสามารถใช้เคล็ดวิชาสายโลหะได้แข็งแกร่งเป็นอย่างมากอีกด้วย

เคล็ดวิชาเกราะเหล็ก เป็นเคล็ดวิชาพลังพิเศษในสายโลหะ ถึงแม้ว่าการแบ่งพลังพิเศษจะแบ่งออกเป็นเจ็ดประเภท แต่ก็ยังมีสายโลหะ สายไม้ สายวารี สายอัคคี สายพสุธา ซึ่งเป็นการแบ่งพลังพิเศษสายหลัก และเคล็ดวิชาพลังพิเศษในสายอื่นๆ เช่นสายรักษาก็เรียกได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาพลังพิเศษสายที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามา มีคนน้อยมากที่สามารถควบคุมเคล็ดวิชาในสายหลักทั้งห้าได้ ดังนั้นในตอนที่ฉินเหยาเยว่เห็นเย่เทียนเฉินใช้สายอัสนี พสุธา และสายวารีทั้งสาม จึงได้ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ผู้มีพลังพิเศษห้าสายเป็นเพียงตำนานเท่านั้น ต่อให้เป็นในช่วงยุคสิ้นโลกก็เป็นเพียงเรื่องเล่าขาน เย่เทียนเฉินคนนั้นเป็นผู้ใช้มีพลังพิเศษห้าสายหรือ?

ในตอนที่ เงาดาบของชายชุดดำร่างกำยำถูกแปรสภาพ จางอีเต๋อก็ใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษเกราะเหล็กซึ่งเป็นเคล็ดวิชาในสายโลหะออกมา กำแพงที่ถูกก่อขึ้นถูกพังทลายไปเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองต่างก็มองกันด้วยความตกใจ โดยเฉพาะชายชุดดำร่างกำยำ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเคล็ดวิชาสังหารของตนจะถึงกับถูกจางอีเต๋อหยุดเอาไว้ได้ ชายชราที่ทั้งผมและเคราขาวโพลนไปหมดแล้วคนนั้น ถึงกับเป็นผู้มีพลังพิเศษที่แข็งแกร่งคนหนึ่งเชียว

“แกเป็นถึงผู้มีพลังพิเศษ มิน่าล่ะถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้…” ดวงตาทั้งสองอันเย็นยะเยือกของชายชุดดำร่างกำยำมองไปยังจางอีเต๋อแล้วพูดขึ้น

“สำนักดาบโฮคุชินอิตโตริว คิดไม่ถึงว่าพวกแกจะยังอยู่ ยังคิดที่จะสู้กับเคล็ดวิชาแห่งพรรคโบราณของจีนให้รู้แพ้รู้ชนะอีกหรือไง?” จางอีเต๋อพูดด้วยท่าทางเย็นชา

สำนักดาบโฮคุชินอิตโตริว เป็นสำนักวรยุทธโบราณสำนักหนึ่งของชิบะ เหมือนกับสำนักเส้าหลินของจีน มีอิทธิพลในชิบะเป็นอย่างมาก วิชาดาบของเขาแปลกประหลาดยากจะคาดเดา ในช่วงสงคราม สำนักดาบโฮคุชินอิตโตริวเคยเข้ามาในประเทศจีนเพื่อที่จะต่อสู้กับวิชาแห่งพรรควรยุทธโบราณซึ่งมีการถ่ายทอดกันมากว่าห้าพันปีของประเทศจีนให้รู้แพ้รู้ชนะ ในช่วงนั้นแต่ละฝ่ายต่างก็ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ นี่เป็นความลับที่มีแต่ผู้อาวุโสที่จะรู้ และจำกัดอยู่เพียงผู้อาวุโสของผู้มีพลังพิเศษจำนวนหนึ่งและผู้อาวุโสในพรรควรวุฒิโบราณของจีน คนธรรมดาทั่วไปในสังคมปัจจุบันไม่ได้รับรู้ข่าวนี้โดยสิ้นเชิง

“จะช้าจะเร็วก็ต้องรู้แพ้รู้ชนะอย่างแน่นอน…บุกเข้าไปฆ่าพวกมันสองคนด้านในก่อน…” ทันใดนั้นชายชุดดำร่างกำยำใช้ดาบสไตล์ชิบะชี้ไปทางห้องยาแล้วพูดขึ้น

ใครก็คิดไม่ถึงว่า ชายชุดดำร่างกำยำที่เป็นหัวหน้าจะถึงกับทำการเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน ออกคำสั่งให้คนชุดดำอีกสามคนสลัดออกจากการล้อมเฮยเมี่ยนและพุ่งเข้าไปยังตำแหน่งของห้องยา ท่าทางมือสังหารชุดดำทั้งสี่คนนี้จะรับรู้ถึงการมีอยู่ของเย่เทียนเฉินและมู่หรงซินนานแล้ว จึงคิดที่จะบุกเข้าไปทำลายการแก้พิษของเย่เทียนเฉินและมู่หรงซินก่อน เพื่อให้จางอีเต๋อและคนอื่นๆ วุ่นวาย

ตอนนี้เอง ภายในห้องยา เย่เทียนเฉินที่นั่งอยู่ในถังไม้ใบใหญ่กอดมู่หรงซินเอาไว้แน่นโดยไม่สวมเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว รู้สึกได้ถึงไอเย็นที่เสียบแทงกระดูกระลอกหนึ่งที่เข้ามาในร่างกายจากทางปาก…

……………………..

[1] ชิบะ เป็นประเทศสมมติที่คล้ายกับประเทศชิบะ

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด