ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม – ตอนที่ 46 ไปแดนมนุษย์!

อ่านนิยายจีนเรื่อง ระบบหรรษา กับข้าผู้บำเพ็ญเซียนปลอม ตอนที่ 46 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

วันนี้ เป็นวันที่สำคัญอย่างยิ่ง

นักเรียกใหม่กลุ่มแรกจะเดินทางไปแดนมนุษย์แล้ว!

อันหลิน เซวียนหยวนเฉิงและสวีเสี่ยวหลาน นำโดยเซียนกระบี่หลิงเซียวอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเขา มาถึงประตูสวรรค์ทักษิณ

สำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนตั้งอยู่ในแผ่นดินลอยฟ้า มันอยู่ในอาณาเขตของสรวงสวรรค์อยู่แล้ว เพียงแค่อยู่ในบริเวณที่ค่อนข้างไกลเท่านั้น

ดินแดนสำคัญของสรวงสวรรค์ อยู่บนแผ่นดินลอยฟ้าที่มีขนาดใหญ่กว่าอีกแห่ง

เมื่อเทียบกับสำนักความร่วมมือบำเพ็ญเซียนแล้ว ก็เหมือนเมืองกับชนบทล่ะมั้ง…

เพื่อมุ่งหน้าไปยังประตูสวรรค์ทักษิณที่มีค่ายกลทะลุมิติ พวกอันหลินเหาะเป็นระยะทางห้าร้อยลี้เต็มๆ

ภารกิจแดนมนุษย์ เป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการพันธนาการหอมารแห่งหนึ่งในเทือกเขาคุนหลุน อีกประการหนึ่งคือสังหารภูตผีปีศาจในแดนมนุษย์ที่ได้รับรายงานในระยะนี้

ตัวประหลาดในแดนมนุษย์ มีสี่ชนิดคือมาร ปีศาจ ผีและสัตว์ประหลาด

มารกับปีศาจมีตัวประหลาดที่มีสติปัญญา แต่ผีกับสัตว์ประหลาดเป็นตัวประหลาดที่บิดเบี้ยวและวุ่นวาย

พวกมันแบ่งตามความสามารถ แบ่งเป็นพลทหาร แม่ทัพ อ๋องและจักรพรรดิ

ตัวประหลาดระดับพลทหาร เทียบเท่ากายแห่งมรรคขั้นห้า

ตัวประหลาดระดับแม่ทัพ เทียบเท่ากายแห่งมรรคขั้นสิบ

ตัวประหลาดระดับอ๋อง เทียบเท่าระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ โดยทั่วไปเมื่อมาถึงระดับนี้แล้ว นักพรตในแดนมนุษย์จะรับมือได้ยาก เมื่อถึงเวลานั้นทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องในแดนมนุษย์จะรายงานสรวงสวรรค์ผ่านช่องทางพิเศษ

ส่วนตัวประหลาดระดับจักรพรรดินั้น อย่างน้อยก็มีพลังของระดับแปลงจิตอยู่ครึ่งหนึ่ง ตัวประหลาดประเภทนี้สิบปีก็ไม่มีให้เห็นสักครั้ง แต่หากว่าโผล่มา จะทำให้แดนมนุษย์เกิดความสั่นคลอนครั้งใหญ่หลวง

ภารกิจที่พวกอันหลินดำเนินการในครั้งนี้ เมื่อเทียบกับกลุ่มเล็กๆ ของพวกเขาแล้วไม่นับว่ายากเกินไป

เพราะมียอดฝีมืออย่างซวนหยวนเฉิงอยู่ เขาเป็นถึงคนที่เอาชนะได้แม้กระทั่งนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นกลางของสำนักเชียวนะ อีกนัยหนึ่งคือ นักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นปลายในแคว้นจิ่วโจวก็อาจจะสู้เขาไม่ได้…

แน่นอนว่า อันหลินเป็นกัปตัน

หน้าที่ของเขาจึงเหนื่อยยากกว่าพวกซวนหยวนเฉิง แบกความรับผิดชอบที่หนักอึ้งกว่า!

ถูกต้อง เขาต้องหิ้วสินค้า!

ณ ประตูสวรรค์ทักษิณ เสาหยกลายมังกรสองต้นสูงทะลุเมฆ

ตรงกลางของเสาหยก มีม่านแสงหลากสีสัน ริ้วคลื่นเคลื่อนไหวเป็นระลอกๆ

เทพทวารบาลสององค์ถืออาวุธ เฝ้าประตูสวรรค์ทักษิณ

พวกเขาแต่ละคนต่างก็แผ่กลิ่นอายที่ทรงพลัง เมื่อเห็นพวกอันหลินมา ก็เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ ทีหนึ่ง

เซียนกระบี่หลิงเซียวยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้เทพทวารบาลองค์หนึ่ง ด้านในมีรายละเอียดของการทำภารกิจ รวมถึงพิกัดที่กลุ่มภารกิจจะร่อนลง

“ไปเทือกเขาคุนหลุนหรือ พิกัดคืออารามเมฆขาว ไม่มีปัญหา!” เทพทวารบาลองค์หนึ่งผงกหัว ใช้วิชาเซียนสร้างอินเตอร์เฟสโฮโลกราฟีขึ้นมา

ว้าว! ไฮเทคสุดๆ!

อันหลินมองตาปริบๆ

นี่มันฉากของหนังไซไฟนี่นา ใช้วิชาเซียนจำลองได้ด้วยเหรอ

“พวกเจ้าเข้าไปในประตูนี้ก่อนเถอะ!” เทพทวารบาลกวักมือเรียกพวกอันหลิน

อันหลันได้ฟัง ก็เข้าไปในประตูม่านแสงที่สาดแสงเจ็ดสี

หลังทะลุม่านแสงแล้ว เขาก็เห็นรอบข้างมืดสลัว ไม่รู้ทิศทาง แม้แต่พื้นดินก็หายไปแล้ว ราวกับอยู่ท่ามกลางสภาวะแรกก่อนกำเนิดโลก

หลังพวกเขาทั้งสามคนเข้าไปในประตูแล้ว เทพทวารบาลก็เริ่มกำหนดพิกัด

“ลำบากท่านเทพเสียแล้ว” เซียนกระบี่หลิงเซียวยกมือขึ้นประสานคารวะเทพทวารบาลทั้งสอง แสดงความขอบคุณ

“เป็นหน้าที่อยู่แล้ว หาต้องเกรงใจไม่” เทพทวารบาลที่กำลังสาละวนกับอินเตอร์เฟสตอบ

ต่อมา เขารู้สึกคันจมูกนิดหน่อย

จากนั้น เขาก็อ้าปาก

“ฮัดชิ้ว!” เทพทวารบาลสะดุ้ง นิ้วเผลอไปกดที่ปุ่มส่งตัวบนหน้าจอโฮโลกราฟฟีโดยไม่ระวัง

“อ่า…แย่แล้ว!” เทพทวารบาลมองเซียนกระบี่หลิงเซียนอย่างรู้สึกผิด

เซียนกระบี่หลิงเซียว “…”

ณ ภูเขาสวยงามตระการตาลูกหนึ่ง บนดาวเคราะห์สีฟ้าอันงดงามดวงหนึ่ง

บนภูเขาสวยงามตระการตาแห่งนี้ มีดอกไม้เล็กๆ เบ่งบานอย่างทะนงองอาจ

ข้าเป็นภูตพฤกษา

เรื่องที่ข้าทำทุกวันก็คือ หยั่งรากเงียบๆ สังเคราะห์แสงอย่างเบิกบานใจ บำเพ็ญเพียรด้วยความขยัน

ยามแสงตะวันเจิดจ้า ข้าหยั่งรากเงียบๆ สังเคราะห์แสงอย่างเบิกบานใจ บำเพ็ญเพียรด้วยความขยัน

ยามสายฝนเทกระหน่ำ ข้าหยั่งรากเงียบๆ สังเคราะห์แสงอย่างเพียรพยายาม บำเพ็ญเพียรด้วยความขยัน

ยามอากาศแจ่มใสในฤดูใบไม้ผลิ ข้าหยั่งรากเงียบๆ สังเคราะห์แสงอย่างสบายใจ บำเพ็ญเพียรด้วยความขยัน

ยามร่มไม้เขียวชอุ่มในหน้าร้อน ข้าหยั่งรากเงียบๆ สังเคราะห์แสงอย่างสุขใจ บำเพ็ญเพียรด้วยความขยัน

ยามสายลมฤดูใบไม้ร่วงพัดโชย ข้าหยั่งรากเงียบๆ สังเคราะห์แสงอย่างกลัดกลุ้ม บำเพ็ญเพียรด้วยความขยัน

ยามหิมะอันหนาวเหน็บโปรยปราย ข้าหยั่งรากเงียบๆ สังเคราะห์แสงอย่างตั้งใจ บำเพ็ญเพียรด้วยความขยัน

เมื่อพวกเจ้าอ่านถึงตรงนี้คงจะรู้สึกรำคาญมากใช่หรือไม่

นี่แหละเป็นเหตุผลที่ข้าบำเพ็ญเพียรกลายเป็นเซียนได้ แต่พวกเจ้ากลับเป็นแค่มนุษย์กระจอกงอกง่อย…

ข้าสังเคราะห์แสงวันแล้ววันเล่า บำเพ็ญเพียรด้วยความตั้งใจปีแล้วปีเล่า…

ข้าก็เบื่อมากเช่นกัน แต่ข้าก็ยืนหยัดอดทน!

วันนี้ เป็นวันที่ข้าจะประสบความสำเร็จ เป็นวันสุดท้ายของการบำเพ็ญเพียรแล้ว!

อดทนอีกแค่วันเดียว ขอเพียงสิ้นสุดวันนี้…

สายลมในวันนี้เกรี้ยวกราดมาก แต่ในความเกรี้ยวกราดกลับมีความอบอุ่นแฝงเร้นอยู่

ข้าเงยหน้าขึ้นอย่างยโส บนท้องฟ้า มีพระอาทิตย์น่ารัก กับ…ก้นขนาดใหญ่?

ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี…

ก้นบนฟ้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และทิศทางที่มันเคลื่อนตัวเข้ามา ก็คือข้านี่แหละ!

ไม่หรอกมั้ง…ไม่เคราะห์ร้ายขนาดนี้หรอกมั้ง!

บำเพ็ญเพียรอย่างยากลำบากมาหลายสิบปี จะถูกก้นขนาดใหญ่ทับตายในวันสุดท้ายก่อนจะบรรลุเป็นเซียนงั้นหรือ                           “ช่วยด้วย! จะตายแล้ว!”

ภูตพฤกษาตะโกนลั่น หยาดน้ำค้างแวววาวหยดหนึ่ง ปรากฏขึ้นบนดอกไม้สีแดง…

ปัง!

ก้นขนาดใหญ่พุ่งลงมา ทับดอกไม้ดอกเล็กจนแบนราบไปกับผิวดิน

“เจ็บๆ…” ชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งลูบก้น ใบหน้าเหยเก พูดด้วยความเจ็บปวด

ชายหนุ่มที่พุ่งลงมาจากฟ้า คืออันหลินผู้ได้รับภารกิจไปแดนมนุษย์นี่เอง

“อ๊ากกกก!”

ร่างอรชรอ้อนแอ้นลอยลงมาจากฟ้า โถมเข้าอ้อมอกของอันหลิน

ปึก!

ฝุ่นตลบอีกครั้ง คราวนี้เป็นสวีเสี่ยวหลานที่ตกลงมา

แต่ยังดีที่มีโล่เนื้ออย่างอันหลินขวางอยู่ ทำให้ลดแรงกระแทก เธอได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

สวีเสี่ยวหลานหน้าแดงระเรื่อ ตาลีตาเหลือกผละออกจากอกของอันหลินแล้วลุกขึ้นมา

“ขอบใจนะ” สวีเสี่ยวหลานมองอันหลิน กล่าวขอบคุณเขา

“ไม่เป็นไร ที่จริงข้าไม่ได้อยากช่วย…” ความรู้สึกของการกอดสาวไว้ในอก พูดไม่ได้ว่ารู้สึกดีมากนัก อันหลินคิดว่าตัวเองใกล้จะถูกสวีเสี่ยวหลานกระแทกใส่จนเวียนหัวแล้ว

สวีเสี่ยวหลาน “…”

ฟิ้ว!

ชายคนหนึ่งขี่กระบี่เหินเวหามา บนใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“ต้องขออภัยสวีเสี่ยวหลานกับอันหลินด้วย”

“ตอนที่ข้าถูกส่งมาที่นี่ช้าไปในอึดใจ มิเช่นนั้นพวกเจ้าคงไม่ต้องเป็นแบบนี้…”

ผู้มาเยือนคือเซวียนหยวนเฉิง เขากระโดดลงจากกระบี่ เอ่ยปากขอโทษอย่างอ่อนโยนและนอบน้อม

อันหลินส่ายหน้า “ไม่โทษเจ้าหรอก หากจะโทษก็โทษการเคลื่อนย้าย ส่งมากลางอวกาศเช่นนี้ คิดว่านักพรตกายแห่งมรรคเหาะเหินเดินอากาศได้หรือไง!”

เขาโกรธแค้นเทพทวารบาลประตูสวรรค์ทักษิณสองคนนั้นยิ่งนัก หากว่าระดับพลังยุทธ์ของเขาต่ำกว่านี้ ร่างกายบอบบางกว่านี้ คงจะกลายเป็นนักเรียนคนแรกที่ตายเพราะการเคลื่อนย้ายในภารกิจเป็นแน่

ขณะนั้นเอง เสียงหวานเล็กๆ ดังมาจากใต้ร่างกายของเขา

“อ๊าก! เจ้าคนร้าย เจ้ารีบขยับก้นออกไปเดี๋ยวนี้ ทับข้าจนจะตายแล้ว!”

เสียงนี้ทำให้อันหลินสะดุ้งโหยง รีบลุกพรวดขึ้นมามองผิวดิน

เห็นดอกไม้สีแดงฉูดฉาด แนบกับผิวดิน

ลำต้นสีเขียวนั้นถูกทับจนหักแล้ว มีของเหลวสีแดงไหลออกมา…

……………………………..

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด