ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ – ตอนที่ 91 อุบายหมอปีศาจ
คนกลุ่มก่อนทําเพื่อเงินทอง แต่คนกลุ่มนี้มาเพื่อเอาชีวิต
มู่อีกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “พวกเจ้าเป็นใครกันแน่ ?”
พวกเขาปฏิเสธไม่ได้ว่าคนกลุ่มนี้แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มเตรียมอุปกรณ์พิเศษที่ท่านผู้นำตระกูลมู่มู่เฉียนซีให้มา
“เจ้าโง่! รู้ว่าพวกข้าเป็นใครแล้วจะทําอะไรได้ ?” ชายผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มกล่าวเสียงเย็นเยียบ
เวลานี้ กลุ่มคนชุดดําเริ่มลงมือแล้ว มู่อีและพวกก็เริ่มเปิดฉากโจมตี แต่อย่างน้อยครึ่งหนึ่งของคนกลุ่มนี้คือราชาแห่งภูต และอีกกลุ่มหนึ่งเป็นราชาแห่งภูตระดับสูง พวกเขาที่ไม่ได้ก้าวเข้าสู่ราชาแห่งภูต เมื่อต้องรับมือกับคนเหล่านี้ก็เสียเปรียบอย่างถึงที่สุด
“ฮึ่ม! พวกเจ้าเก่งมาก แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งที่แท้จริง ก็ต้องพบกับความพ่ายแพ้”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ทันใดนั้นองครักษ์เงาทั้งเก้าสิบเก้าร่างของตระกูลมู่ก็ปรากฏตัวขึ้น
มู่อีตะโกน “ตั้งแนวรบ!”
สีหน้าของหัวหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก “เป็นไปได้อย่างไร ?! องครักษ์เงาทั้งเก้าสิบเก้าร่างของตระกูลมู่เคลื่อนไหวออกไปทั้งหมด”
ความแข็งแกร่งแตกต่างกันอย่างมาก นอกจากการใช้อาวุธลับแล้ว มันยังยากที่จะหลอกกลยุทธ์กับคนมากมายเช่นนี้ได้ มู่เฉียนซีนางจะไม่ทำในสิ่งที่ไม่สามารถเอาชนะได้ ทว่าพวกองครักษ์เงากลับเข้าสู่การต่อสู้นองเลือดเพื่อชีวิตของตัวเอง
…ท่านผู้นำตระกูลพูดถูก พวกเขาอ่อนแอเกินไป เทียบไม่ได้กับราชาแห่งภูต พวกเขาอ่อนแอกว่ามากจึงไม่สามารถปกป้องตระกูลมู่และท่านผู้นำตระกูลได้
แต่ถึงกระนั้น ต่อให้พวกเขาต้องต่อสู้จนเลือดหยดสุดท้ายหยดลงพื้นดิน ก็จะสู้จนถึงที่สุด!
— ตูม! —
— พรวด! —
องครักษ์เงาตระกูลมู่ต่อสู้กันอย่างน่าสังเวช แม้จำนวนคนจะได้เปรียบอย่างมาก ทว่าระดับก็แตกต่างกันเสียเหลือเกิน พวกเขาไม่แข็งแกร่งมากพอ!
ขณะนั้นเอง เงาร่างสีม่วงกระโดดออกจากรถม้ามา
— ตูม! —
ทุกซอกทุกมุมเกิดหมอกหนาสีดําขึ้น ท่ามกลางหมอกหนานี้ ยานับร้อยนับพันร่วงหล่นลงราวกับนางฟ้าโปรยดอกไม้ลงมาก็มิปาน
“แค่ก ๆ ๆ!”
คนกลุ่มนี้กระแอมไออย่างรุนแรง ฉับพลันทันใดรู้สึกว่าพลังชีวิตและพลังวิญญาณทั่วร่างโคจรอย่างเชื่องช้า พลังการต่อสู้ลดลงอย่างรวดเร็ว
หัวหน้าตะโกนออกมา อารมณ์รุ่มร้อนใจ เห็นได้ชัดว่าเขาเผชิญสถานการณ์ท่าไม่ดี “ถอยไป! ควันเหล่านี้เป็นพิษ พวกเราโดนกับดักแล้ว”
หลังจากที่ถูกพิษ ความแข็งแกร่งของพวกเขาด้อยลงกว่าก่อนหน้านี้มาก หากยังฝืนสู้ต่อไป เกรงว่าต่อให้สามารถสังหารคนของตระกูลมู่ได้ก็คงจะต้องตกตายพินาศไปพร้อม ๆ กัน
เขาไม่สามารถปล่อยให้หัวหน้าผู้แข็งแกร่งของตระกูลของพวกเขาถูกฝังกลบอยู่กับตระกูลมู่ได้
“ขอรับ!”
ขณะที่พวกเขาถอย มู่เฉียนซีสั่งการ “ถอย! ที่นี่ไม่เหมาะที่จะอยู่นาน”
เมื่อพากันมายังสถานที่ที่สะอาดไม่วุ่นวายแล้ว ก็ได้เห็นว่าทุกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส
“น้องสาม!” มู่อีตะโกน
ยามนี้มู่ซานอวัยวะภายในแตกเป็นเสี่ยง ๆ เขาหายใจเข้าได้น้อยลง ลมหายใจรวยรินเต็มที
“อย่าทะเลาะกัน!”
เงาร่างสีม่วงอ่อนลงนั่งข้างกายมู่ซาน ฉับพลันนางส่งเข็มยาทิ่มเข้าไปในหัวใจของมู่ซานทันที
“ท่านผู้นำตระกูล!” มู่อีเบิกตากว้าง เขาตกใจอย่างมาก
“วางใจเถอะ มีข้าอยู่ด้วยอย่างไรก็ตายไม่ได้ ข้าไม่ปล่อยให้เขาเป็นอะไรไปแน่”
เวลานี้ร่างกายมู่ซาน ต่อให้กินยารักษาอาการบาดเจ็บอย่างดีเพียงใดก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะกลับคืนฟื้นขึ้นมาดีขึ้น มีเพียงยารักษาอาการบาดเจ็บที่เจาะเข้าไปในหัวใจของเขาเท่านั้นถึงจะสามารถรักษาได้เร็วที่สุด
หลังจากรักษามู่ซานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มู่เฉียนซีลงมืออีกครั้งเพื่อดึงคนอื่น ๆ กลับมาจากพญายม แม้ว่าพญายมจะเอาชีวิตพวกเขาไปก็ต้องดูเสียก่อนว่าหมอปีศาจอย่างนางจะยอมหรือไม่
“รีบกินยารักษาอาการบาดเจ็บเร็วเข้า เพื่อเลี่ยงไม่ให้พวกมันหันกลับมาจู่โจมเราได้” มู่เฉียนซีออกคําสั่งเสียงเข้ม
“ขอรับ ท่านผู้นำตระกูล”
แม้ว่าทั้งกลุ่มของพวกนางจะตกอยู่ในสภาพน่าสังเวชเพียงใด สุดท้ายพวกเขาทุกคนก็รอดชีวิตมาได้ หลังจากเดินทางมาทั้งคืนและใช้เวลาต่อสู้ไปอีกครึ่งวัน ในที่สุดมู่เฉียนซีก็มาถึงหุบเขาราชาโอสถแล้ว
“เข้ามา”
“เดินตามข้ามา”
หุบเขาราชาโอสถแห่งนี้ มิใช่ว่าผู้ใดอยากจะย่างกรายเข้าไปก็เข้าไปได้ ในระหว่างทางนั้น มีค่ายกลมายา ค่ายกลง่วงนอน และค่ายกลความตายที่รอให้เผชิญอยู่!
มู่เฉียนซีใช้พันธสัญญาติดต่ออาถิง นางกล่าวถามเขา “อาถิง เจ้าแน่ใจนะว่าไม่มีเจ้า ข้าจะสามารถพาพวกเราเข้าไปในค่ายกลนี้ได้ ?”
“หญิงโง่! ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้า เจ้าก็เดินเองซี่! ข้าสัญญาว่าเจ้าจะติดอยู่ที่นี่ตลอดไปแน่ ฮ่า ๆ ๆ และเจ้าอย่าคิดว่าจะเข้าไปในหุบเขาราชาโอสถได้ภายในเเวลาครึ่งเดือนล่ะ” อาถิงกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
ทันใดนั้น สัตว์วิญญาณดุร้ายนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาหาพวกเขา พวกเขารีบหลบหลีก ปากก็ตะโกนก้อง “ปกป้องท่านผู้นำตระกูล!”
มู่เฉียนซีกล่าว “หืม ? สัตว์วิญญาณเหล่านี้แข็งแกร่งมาก มันเป็นไปไม่ได้ที่จะอยู่ในโลกนี้ นี่คือภาพหลอนเป็นแน่ ตั้งสติไว้ หากเห็นอะไรเราก็จะผ่านไปได้”
เมื่อได้ยินคําเตือนของมู่เฉียนซี พวกเขาระงับความตื่นตระหนก ปล่อยให้สัตว์วิญญาณระดับสูงที่ดุร้ายพุ่งเข้ามา เมื่อพวกมันเข้ามาใกล้พวกเขา ก็พลันสลายหายไปเอง
เสียงอาถิงหัวเราะดังขึ้นในหูของมู่เฉียนซี “ฮ่า ๆ ๆ หญิงอัปลักษณ์มู่เฉียนซี เจ้าไม่เลวเลยนี่! ข้าคาดไม่ถึงว่าเจ้าจะมองผ่านค่ายกลมายานี้ได้”
“ระวัง! ถัดไปเป็นค่ายกลง่วงนอน เราต้องรีบหาช่องทางให้เจอ ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นค่ายกลความตาย!” อาถิงพูดเสียงเข้ม
เมื่อมู่เฉียนซีก้าวเข้าไปในค่ายกลง่วงนอน อาถิงก็พบดวงตาที่จับตามองไปทั่ว
“ทางนั้น”
มู่เฉียนซีโจมตีทันที “ผนึกมังกรวารี!”
— ตูม! —
เสียงดังสนั่น ค่ายกลถูกทําลายในชั่วพริบตา
มู่อีและพวกกล่าวอย่างดีใจว่า “ท่านผู้นำตระกูลร้ายกาจมาก ค่ายกลนี้เหมือนกําลังเล่นสนุกอยู่นะขอรับ”
“แน่นอน ให้มันรู้บ้างว่าท่านผู้นำของตระกูลใคร!” มู่เอ๋อร์พูดอย่างภาคภูมิใจ
“อย่าดีใจไปเลย ต่อไปยังมีด่านอีกหลายด่านที่จะบุกเข้ามา” คำกล่าวของมู่เฉียนซี เสมือนสาดน้ำเย็นใส่พวกเขาก็มิปาน
เมื่อได้ยินคําแนะนําของอาถิง มู่เฉียนซีก็เดินผ่านค่ายกลด่านต่อด่าน นางพึมพํากับตัวเองว่า “ราชาโอสถผู้นี้ถึงกับเป็นผู้มีอิทธิพลกว่าข้าเสียอีก สร้างชื่อเสียงมากมายถึงเพียงนี้ กินอิ่มอยู่สบายแล้วยังจะหาเรื่องอีกรึ ?”
— ตูม! —
เมื่อพวกเขาทําลายค่ายกลป้องกันสุดท้าย ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงหุบเขาราชาโอสถแล้ว นี่คือสถานที่ที่เงียบสงบเหมือนดินแดนในอุดมคติ ภูเขาและแม่น้ำที่สวยงาม นกและกลิ่นหอมของดอกไม้ ทุกอย่างประกอบกันก่อเกิดความรู้สึกดี
ทันใดนั้นกลิ่นหอมของยาก็ลอยผ่านจมูก มู่เฉียนซีตื่นเต้นขึ้นมาทันที นัยน์ตาดำเสมือนขยายกว้างดีใจ
มู่อีถามอย่างงุนงง “พวกเราทําลายค่ายกลไป ราชาโอสถน่าจะรับรู้ได้แล้ว แต่เหตุใดเขาถึงยังไม่ปรากฏตัว ? คงไม่ได้จากไปแล้วใช่หรือไม่ ?”
ด้านหน้ามีลานเล็ก ๆ อยู่ ทันใดนั้นควันก็ลอยออกมาจากลานเล็ก ๆ มีเปลวไฟร้อน ๆ พุ่งขึ้นตาม
“ไฟไหม้!” มู่อีและคนอื่น ๆ อุทานออกมาด้วยความตกใจ
“ราชาโอสถคงไม่ได้หลอมกลั่นสมุนไพรและจุดไฟหรอกกระมัง!”
ร่างสีม่วงพุ่งผ่านมา มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ไม่ว่าเหตุผลจะเป็นเช่นไร ก็ไปดับไฟก่อนเถอะ! ไม่อย่างนั้นเขาตายแล้วข้าจะไปหาหยกจันทราชิงหลานกับดอกขี้เหล็กอำพันได้ที่ไหนเล่า”
มู่เฉียนซีเรียกธาตุวารีของแหวนมังกรเทพวารี พลันหยดน้ำปรากฏขึ้น สภาพดูเหมือนกับก๊อกน้ำ นางเริ่มสาดน้ำไปในห้องนั้น
ไฟถูกทําลายอย่างรวดเร็ว!
“แค่ก ๆ ๆ!”
ขณะนั้น มีชายใบหน้าเทาเดินออกมาจากห้อง ทั่วทั้งร่างถูกเผาจนมืดสนิท แม้แต่ใบหน้าก็เต็มไปด้วยถ่านดํา
เขาคลานออกมา พบว่าหุบเขาโอสถของเขามีคนแปลกหน้าหลายร้อยคน เขาลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ ดวงตาดําขรึมคู่นั้นมองไปที่พวกเขาก่อนจะกล่าวเสียงเครียด “พลังอ่อนแออย่างเห็นได้ชัด แต่กลับสามารถทําลายค่ายกลของข้าเข้ามาได้อย่างปลอดภัยรึ ? แปลกแท้ ๆ หรือว่าค่ายกลของข้าจะมีปัญหาเสียแล้ว”
.
คอมเม้นต์