นี่ข้าเป็นเพียงตัวประกอบงั้นรึ – ตอนที่ 5 เริ่มหาเม็ดสมุนไพรหยางไท่

อ่านนิยายจีนเรื่อง นี่ข้าเป็นเพียงตัวประกอบงั้นรึ ตอนที่ 5 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ 5

เริ่มหาเม็ดสมุนไพรหยางไท่

ลู่หานสะดุ้งพลางกับจะตกเก้าอี้เมื่อเห็นร่างของสตรีผู้งดงามปรากฏกายออกมาอย่างไม่ให้ซุ่มให้เสียง ก่อนหน้านี้ยามที่ลู่หานเอากล่องไม้ที่มีทักษะบ่มเพาะราชันย์หมื่นพิษไปเก็บซ่อนเอาไว้ เขาก็มั่นใจได้แล้วว่าภายในเรือนไม้หลังนี้ไม่มีผู้ใดอยู่

“ ศิษย์พี่สามท่านมาได้เยี่ยงไร!!! ” ลู่หานเอ่ยถามด้วยความตระหนก เขานั้นเกรงว่านางจะรับรู้ถึงการมีอยู่ของทักษะบ่มเพาะราชันย์หมื่นพิษที่เขาพยายามเก็บซ่อนเอาไว้

สตรีผู้งดงามหาผู้ใดเปรียบมองใบหน้าของศิษย์น้องตัวเองด้วยความฉงน

“ อันใดของเจ้า… ” เสียงอันไพเราะเอ่ยถามลู่หาน

“ เมื่อครู่ข้ามั่นใจว่าภายในเรือนแห่งนี้ท่านไม่อยู่นิขอรับ หรือว่าท่านแอบซ่อนอยู่งั้นรึ ” ลู่หานเริ่มถามหาความจริง ตอนนี้สิ่งแรกที่เขาควรจะรู้ก็คือนางเห็นตอนที่เขาเปิดกล่องไม้นั่นออกมาชมทักษะบ่มเพาะหรือไม่

“ ข้าเพิ่งจะมาถึง ” นางตอบกลับข้อสงสัยไปด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์แสดงออกมา

เมื่อได้ยินว่านางพึ่งมาถึงลู่หานก็โล่งใจไปอย่างนึง เขานั้นเกรงว่านางจะรู้ถึงการมีอยู่ของตำราทักษะบ่มเพาะที่เขาแอบลงไปเอามา แน่นอนว่าถ้านางรู้ถึงการมีอยู่ของตำราทักษะบ่มเพาะราชันย์หมื่นพิษที่เป็นทักษะระดับไร้ขอบเขตมันต้องเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน

ทักษะบ่มเพาะระดับไร้ขอบเขตไม่ได้พบเจอกันง่ายดายภายในเก้าดินแดน การที่มีผู้หนึ่งรู้แล้วมีหรือว่าคนที่สองและคนที่สามจะไม่ตามมาแม้จะเป็นมู่หลานที่เป็นศิษย์พี่ของตนเองลู่หานก็ไม่วางใจ ตอนนี้เรื่องตำราทักษะบ่มเพาะราชันย์หมื่นพิษที่เป็นทักษะบ่มเพาะระดับไร้ขอบเขตมีเพียงเขารู้ผู้เดียวเป็นดีที่สุด

บัดนี้ทักษะบ่มเพาะรากฐานของเขายังมีพลังบ่มเพาะไม่สูงมากพอที่จะเรียนรู้ทักษะบ่มเพาะอื่นๆเพิ่ม หน้าที่ของเขาตอนนี้คือการเก็บรักษาเจ้าลูกระเบิดน้อยๆที่พร้อมจะระเบิดตลอดเวลาในมือให้มันอยู่กับเขาไปจนถึงเวลาที่สมควร

ถ้ามีผู้ใดล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของตำราบ่มเพาะทักษะระดับไร้ขอบเขตจะต้องมีผู้คิดที่มาแย่งชิงมันอย่างต่ำก็ 1000 คนอย่างแน่นอน ด้วยพลังของร่างกายนี้อย่างไรเสียก็ไม่สามารถปกป้องมันได้

เมื่อมู่หลานไม่ล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของตำราทักษะบ่มเพาะราชันย์หมื่นพิษลู่หานก็โล่งใจ

ใบหน้าอันหล่อเหลาเป็นทุนเดิมพลางแสดงความโล่งใจออกมาให้มู่หลานเห็นอย่างเห็นได้ชัดเจน

สตรีผู้งดงามที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก็ลอบจับความผิดปกติมันได้นางจึงเอ่ยถามออกไปด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์เช่นเดิม “ เจ้ากำลังปิดบังอะไรอยู่ ”

“ ไม่ขอรับ!!! ไม่ขอรับ!!! ” ลู่หานตอบกลับไปด้วยท่าทางเป็นพิรุธอย่างมาก

ดวงตาอันงดงามที่แฝงไปด้วยความเฉียบคมนั้นก็เริ่มหรี่เล็กลงเพื่อเพ่งเล็งพลางจับพิรุธที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของลู่หาน

“ ว่าแต่ศิษย์พี่สามมาที่นี้ด้วยเหตุใดงั้นรึขอรับ ” ลู่หานเอ่ยถามพาเปลี่ยนเรื่องสนทนาทันที

“ ข้ามาดูอาการเจ้าว่าหายดีหรือยังแล้วก็มาส่งข่าวด้วย ” มู่หลานที่โดนฝีปากของลู่หานพาเปลี่ยนเรื่องนางก็เลิกจับผิดแล้วบอกถึงจุดประสงค์ของตนเองทันที

“ หายดีแล้วขอรับแม้ว่าพลังบ่มเพาะของข้าจะยังกลับมาไม่ครบ 10 ส่วนก็ตามแต่ด้วยร่างกายก็ไม่มีอะไรบาดเจ็บแล้วต้องขอบคุณศิษย์พี่มากที่คอยดูแลข้า ”

“ อืม~ ”

มู่หลานพยักหน้า

“ แล้วที่ว่ามาส่งข่าวนี่คือเรื่องอันใดหรือขอรับ ” ลู่หานถามต่อทันทีเมื่อได้ยินว่านางมิได้มาเพียงแค่ดูอาการของเขาแต่มีเรื่องอื่นแฝงมาด้วย

“ เรื่องการเข้าพิธีการบ่มเพาะหมู่ในครั้งนี้เช่นไรมันจะถูกจัดขึ้นในอีกสิบวันศิษย์พี่ใหญ่บอกให้ข้ามาส่งข่าวให้เจ้ารับรู้ ”

เมื่อได้ยินเช่นนั้นลู่หานก็นึกถึงบทถัดไปหลังจากที่ตัวละครลู่หานฟื้นจากอาการบาดเจ็บ ทางสำนักอักษรสวรรค์จะทำการจัดพิธีการฝึกฝนบ่มเพาะหมู่ขึ้นมา ยามนั้นผู้เขียนบอกเอาไว้ว่ามู่หลานเป็นคนที่นำข่าวจากเยี่ยหวนที่เป็นตัวเอกของเรื่องไปส่งให้กับศิษย์ระดับสองทุกคนได้ล่วงรู้

หลังจากที่นึกถึงบทละครนั้นได้ความสงสัยในการปรากฏกายของนางภายในใจของลู่หานก็หายไป

“ เอ้านี่ข้านำมาให้ ” สตรีผู้งดงามแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ที่แสดงออกมายื่นอะไรบางอย่างภายในมือซ้ายให้กับลู่หานที่นั่งอยู่เบื้องหน้า

ดวงตาทั้งสองข้างของลู่หานมองมันคือตะกร้าเล็กๆที่สานมาจากไม้ไผ่ สองมือของเขาประคองรับมันเอาไว้อย่างนุ่มนวลด้วยความงุนงง

ยามแรกที่มู่หลานก้าวเข้ามาภายในเรือนไม้หลังนี้มู่หลานก็เข้ามาพร้อมกับตะกร้าสานในมือซ้ายและกระบี่ในมือขวาตั้งแต่แรกแล้วเพียงแต่ลู่หานไม่ทันได้สังเกตก็เพียงเท่านั้น

เมื่อใช้สองมือประคองตะกร้าสานจากไม้ไผ่ให้มาอยู่ภายในมือดวงตาทั้งสองข้างที่ประดับอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลาก็ก้มต่ำมองลงไปที่ของที่อยู่ด้านใน ข้าวต้มที่กำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่นลอยมาเตะจมูกของลู่หาน

“ นี่มันข้าวต้มนี่ขอรับ… ” ลู่หานมองข้าวต้มที่นอนนิ่งอยู่ภายใต้ก้นตะกร้าด้วยความฉงน มันส่งกลิ่นหอมกรุ่นแถมหน้าตาก็น่ากินแต่เขาไม่รู้ว่าศิษย์พี่ของตนนางจะส่งมาให้เขาด้วยเหตุอันใด

“ อืม~ ”

มู่หลานพยักหน้า

“ ข้านำมาฝากเจ้า… ”

“ ขอบคุณศิษย์พี่ขอรับว่าแต่ท่านได้มาจากที่ใดหรือขอรับ ” ลู่หานถามพลางมองโจ๊กที่กำลังนอนอยู่นิ่งๆอยู่ภายใต้ก้นของตะกร้าสานไม้ไผ่ในมือ ตอนนี้เขากำลังหิวอยู่พอดีเมื่อมีอาหารอันน่ากินเช่นนี้มาอยู่ตรงหน้าลู่หานเลยจ้องมันตาเป็นมัน

“ ข้าทำเอง ”

คำตอบของนางพาให้ลู่หานที่กำลังก้มมองไปที่ข้าวต้มที่กำลังส่งกลิ่นหอมกรุ่นเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความฉงน เขาไม่คิดว่าสตรีที่งดงามไร้ที่ติและดูภายนอกเป็นคนเย็นชาเช่นนางจะสามารถทำอาหารออกมาดูหน้าตาน่ากินเช่นนี้

กระนั้นลู่หานก็ตระหนักได้ถึงคำบรรยายของตัวละครมู่หลานตอนเปิดเรื่องมีส่วนหนึ่งที่นักเขียนบอกเอาไว้ว่า แม้ว่าภายนอกจะเย็นชาแต่กริยาและงานบ้านเรือนทุกอย่างของอสตรีนางก็ทำได้อย่างไม่ขาดตกสมดั่งคุณหนูดินแดนมู่

เพราะเช่นนั้นฝีมือการทำอาหารของนางเองก็คงจะเก่งกาจมิใช่ย่อย มู่หลานเป็นคุณหนูใหญ่ของดินแดนที่เป็น 1 ใน 9 ดินแดน

ภายในทวีปแห่งนี้มีดินแดนประกอบด้วยกันทั้งหมด 9 ดินแดนกระนั้นก็มีเพียง 3 ดินแดนเท่านั้นที่เป็นของเผ่ามนุษย์ หนึ่งดินแดนมู่ สองดินแดนเยี่ย และ สามดินแดนไป๋

ดินแดนมู่เองก็ถูกปกครองด้วยเจ้าดินแดนมู่โดยมีบุตรสาวคนโตคือมู่หลานที่เป็นศิษย์ลำดับที่สามของมหาปราชญ์ เหมือนกับดินแดนเยี่ยที่ถูกปกครองโดยตระกูลเยี่ยและมีเยี่ยหวนที่เป็นพระเอกของเรื่องเป็นผู้สืบทอด

นางเอกเป็นบุตรสาวคนโตของตระกูลมู่ส่วนพระเอกเป็นผู้สืบทอดเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลเยี่ย พระนางของเรื่องนี้สมกันดั่งราวกับคู่สร้างคู่สมมากันตั้งแต่ยุคโบราณ เปรียบได้อีกอย่างก็คือดั่งหงส์และมังกร

กระนั้นที่ดินแดนทั้งสามของเผ่ามนุษย์ก็มีจุดจุดหนึ่งที่เป็นเอกเทศจากทุกดินแดนนั่นคือสำนักอักษรสวรรค์ ภูเขาทั้ง 9 ลูกตั้งอยู่ตรงใจกลางของทั้ง 3 แคว้นไม่มีผู้ใดกล้ารบกวนหรือรุกรานเพราะต่างรู้กันดีว่าผู้ที่เป็นเจ้าสำนักอักษรสวรรค์คือผู้ใด

“ สมแล้วที่เป็นศิษย์พี่สาม แบบนี้ผู้ใดได้แต่งเป็นฮูหยินคงจะสบายไปทั้งชาติ ” ลู่หานเย้าหยอกกลับไปด้วยรอยยิ้ม

“ อืม~ ข้าไปก่อนนะ ” นางตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่ไร้ซึ่งอารมณ์ของนางเช่นเดิม

ปฏิกิริยาการตอบกลับของนางต่อคำพูดของเขามันทำให้ลู่หานประหลาดใจยิ่งนักเหตุใดสตรีนางนี้ถึงมีจิตใจที่ไม่สะทกสะท้านกับคำเย้าหยอกของบุรุษราวกับจิตใจของนางเป็นภูเขาน้ำแข็งเช่นนี้ ใบหน้าของลู่หานก็หล่อเหลาใช่เล่นเหตุใดนางถึงไม่หวั่นไหวเลยสักนิด กระนั้นลู่หานที่ได้อ่านนิยายเรื่องนี้ไปไกลแล้วก็รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นภายในอนาคตได้ว่ายามที่ดวงใจที่ราวกับภูเขาน้ำแข็งของนางละลายลงนางจะแสดงกริยาน่ารักน่าเอ็นเช่นสตรีเพียงใด

เมื่อลู่หานคิดถึงมุมน่ารักของนางที่ปรากฏขึ้นในกาลข้างหน้าเขาก็อดจะแสดงรอยยิ้มเล็กๆออกมาไม่ได้

สตรีผู้งดงามในอาภรณ์สีขาวสง่างามหันหลังภาพจะพาล่างของตนเองย่างกายออกไปจากเรือนไม้หลังนี้ ทว่า…เมื่อเท้าของนางจะเริ่มก้าวไปได้เพียงครึ่งก้าวเท่านั้น

“ เดี๋ยวก่อนขอรับ!!! ” เสียงของลู่หานดังแว่วขึ้นพายั้งร่างของนางที่กำลังจะเริ่มย่างกายออกไปจากเรือนไม้ให้ผงะไปทันที เท้าที่ก้าวออกไปเพียงครึ่งก้าวนั้นก็ต้องหยุดชะงักแล้วดึงกลับมาอยู่ที่เดิมทันที

ใบหน้างดงามแต่แฝงไปด้วยความเย็นชาที่ไร้ซึ่งอารมณ์นั้นเหลียวมองกลับมาที่ร่างของศิษย์น้องของตนเองที่ร้องเรียกทันที

“ มีอันใดงั้นรึ??? ” นางถามด้วยความฉงน

“ ศิษย์พี่หญิงขอรับท่านพอจะหาซื้อเม็ดของต้นสมุนไพรหยางไท่มาให้ข้าหน่อยได้หรือไม่ขอรับ ”

นางนิ่งเงียบไปครู่นึงด้วยความสงสัยใบหน้าอันงดงามแต่ราวกับจะไร้ซึ่งความรู้สึกนั้นมองหน้าของลู่หานด้วยความสงสัย

ลู่หานไม่ลืมสิ่งที่ตนเองต้องกระทำในยามนี้เขาต้องปลูกสมุนไพรหยางไท่ขึ้นมาเพื่อรอรับกับภัยหนาวที่กำลังจะมาถึง แต่การที่จะหาเม็ดของสมุนไพรหยางไท่เป็นจำนวนมากมันไม่ใช่เรื่องง่าย ครั้งนี้มู่หลานจะช่วยเขาได้นางเป็นคุณหนูแห่งดินแดนมู่การจะหาของพวกนี้ให้เขาไม่ใช่เรื่องยาก

“ สมุนไพรหยางไท่เจ้าจะเอาไปทำอะไรกัน ” มู่หลานเอ่ยถาม

“ ข้าจะลองปลูกมันดูขอรับตอนนี้ให้สมุนไพรหยางไท่มิค่อยจะมีคนเพาะปลูกเลยได้ราคาดีนัก ข้าเลยอยากจะลองปลูกขายมันดูขอรับ ” ลู่หานตอบกลับไปอย่างไหลลื่นราวกับเขาคิดคำตอบนี้มาตั้งแต่เมื่อคืน

“ เจ้าเดือดร้อนเรื่องเงินงั้นรึ… ”

“ ไม่ใช่ขอรับเพียงแค่ช่วงนี้ข้ากำลังศึกษาพวกสมุนไพรต่างๆอยู่เลยอยากจะลองปลูกสมุนไพรหยางไท่ดูเพื่อศึกษาน่ะขอรับ ”

เมื่อได้ฟังคำตอบที่แน่ชัดเช่นนั้นแล้วมู่หลานก็คลายความสงสัยลงไปบ้างก่อนที่นางจะตอบกลับไปด้วยใบหน้าและท่าทางเช่นยามปกติทั่วไป “ ได้~ ข้าจะหามันให้ ”

หลังจากเสร็จธุระมู่หลานก็ย่างกายออกไปจากยอดเขาหวนหลงของลู่หานมุ่งตรงไปยังยอดเขาอื่นๆเพื่อไปทำตามธุระของตนต่อ มู่หลานมุ่งตรงไปบอกกล่าวกับศิษย์ระดับที่สองตามยอดเขาต่างๆที่ล้อมรอบยอดเขาอักษรอยู่เรื่องการบ่มเพาะแบบกลุ่มที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีก 10 วัน

เมื่อนางจากไปลู่หานก็เริ่มนั่งครุ่นคิดถึงอันใดบางอย่างมันคือเรื่องที่เกี่ยวกับการบ่มเพาะแบบกลุ่มที่กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกสิบวัน เมื่อยิ่งคิดคิ้วทั้งสองยิ่งขมวดมุ่นเข้าไปใหญ่ เพราะว่าการวิธีการบ่มเพาะครั้งนี้เขาไม่อยากจะเข้าร่วมมัน

ภายในห้องโถงในเรือนไม้ของลู่หานเขาก็นึกแผนการอันใดบางอย่างขึ้นมาได้

จบตอน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด