การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 40

อ่านนิยายจีนเรื่อง การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] ตอนที่ 40 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ ๔๐

 

“แม่บ้านจ๊ะ ไหเล็กที่ข้าบอกให้ท่านล้างเมื่อวานซืนอยู่ที่ไหนแล้วล่ะจ๊ะ?” เสียงของซูเอ้อร์หยาดังขัดความคิดของแม่บ้านหลี่ นางออกจากภวังค์ในทันทีและก้มลงหยิบไหที่อยู่ในเตามาวางไว้บนโต๊ะ

 

“แม่บ้านช่างรู้ใจนัก ไหนี้มีขนาดที่สมบูรณ์แบบเลยล่ะจ้ะ”

 

หลังเอ่ยชมแล้ว ซูเอ้อร์หยาก็ยัดไก่ทั้งตัวลงในไห เติมซีอิ๊ว เหล้าเส้าชิง และเกลือกรุลงไปในไห  จากนั้นนางก็หาเศษผ้าขาวปิดปากไหไว้

 

“แม่บ้านจ๊ะ คอยดูไก่ไว้นะ มันต้องหมักไว้เป็นเวลาหนึ่งก้านธูป ข้าจะกลับมาอีกทีหลังจากอ่านหนังสือไปบ้างแล้ว”

 

ซูเอ้อร์หยาสั่งและเดินออกไป แม่บ้านหลี่รีบรับคำและมองกลับมาว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้วโดยการนับนิ้ว

 

นางนำนาฬิกาทรายมาตั้งไว้และรอคอยขณะนับเวลา เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ยิ่งของภัตตาคารตระกูลซู นางไม่คิดว่าคุณหนูสองจะไว้ใจนางให้คอยจับตาดูมันไว้

 

“ข้าจะไม่ทำให้คุณหนูผิดหวัง หนึ่งก้านธูป จำไว้!”

 

หลี่เหยียนจ้องมองนาฬิกาทรายและใช้เวลาหนึ่งก้านธูปไปกับการนับวินาทีเสียส่วนใหญ่

 

ตึก!

 

หลังจากเวลาหนึ่งก้านธูปพอดี แม่บ้านหลี่ก็รีบลุกขึ้นและตะโกน “คุณหนู ได้เวลาแล้วเจ้าค่ะ”

 

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ ซูเอ้อร์หยาก็เดินมาพลางหาวนอนและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลไปจ้ะ เวลามันไม่แน่นอนหรอก มันไม่เป็นไรหรอกหากหมักไว้นานกว่านี้”

 

“ข้ากลัวเจ้าค่ะ มันเป็นเรื่องสำคัญที่นายท่านไหว้วานให้ท่าน ท่านไม่อาจทำผิดพลาดได้”

 

ซูเอ้อร์หยามองดูอย่างอ่อนโยน นางยิ้มและเอ่ยตอบ “แม่บ้านทำดีที่สุดแล้วจ้ะ”

 

ใบหน้ามีอายุของแม่บ้านหลี่กลายเป็นสีแดง นางเอ่ยตอบ “ท่านช่างเป็นเด็กซนจริง ๆ เจ้าค่ะ…รีบทำอาหารเร็ว”

 

“ได้เลย”

ซูเอ้อร์หยาเปิดฝาไม้บนไหและหยิบไก่ทั้งตัวออกมาอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ยัดไส้ต้นหอมสับ ขิง มันหมู และเห็ดหอมหั่นเต๋าทอดด้วยมันหมูเมื่อไม่กี่วันก่อนเข้าไปในท้องไก่ทีละน้อย จากนั้นนางก็เปิดขวดกระเบื้องเคลือบเล็ก ๆ และโรยกานพลูป่นกับผงโป๊ยกั๊กลงบนตัวไก่

 

การเคลื่อนไหวอันน่าตื่นตาอย่างต่อเนื่องสร้างความงงงวยให้กับแม่บ้านหลี่ มีกรรมวิธีการเตรียมอันซับซ้อนมากมายเหลือเกินในการเตรียมไก่ธรรมดาตัวหนึ่ง ราวกับเป็นวิธีการเตรียมอาหารในวังหลวง คุณหนูไปรู้เรื่องนี้มาจากไหนกัน?

 

“แม่บ้านจ๊ะ มานี่แล้วมาช่วยข้ามัดเชือกหน่อยจ้ะ!”

 

แม่บ้านหลี่กลับคืนสติและเห็นว่าไก่ทั้งตัวถูกห่อในใบบัวอย่างแน่นหนา นางรีบใช้เชือกผูกเงื่อนตายทันที จากนั้นซูเอ้อร์หยาก็ห่อตัวไก่ด้วยใบบัวเพิ่มอีกสองชั้นและนำถังโคลนเหลืองที่ขุดเตรียมไว้มาตั้งรอ

 

“แม่บ้านจ๊ะ ทาโคลนเหลืองบนผ้าขาวเปียกกับข้าหน่อยจ้ะ โคลนต้องหนาเสมอกันนะจ๊ะ”

 

ซูเอ้อร์หยาทาโคลนเหลืองลงไปก่อนและแม่บ้านหลี่ก็ทาตาม ด้วยความร่วมมือของทั้งคู่ มันก็ใช้เวลาไม่นานในการพอกเต็มผ้าขาว

 

ในที่สุดซูเอ้อร์หยาก็วางไก่ห่อใบบัวลงตรงกลางผ้าขาวและมัดตัวไก่ด้วยมุมผ้าขาวทั้งสี่ให้โคลนเหลืองติดแน่นกับตัวไก่ จากนั้นนางก็ดึงผ้าเปียกออก ยึดตัวไก่ด้วยกรอบเหล็กและอบมันด้วยไฟจากถ่าน

 

“ที่แท้คุณหนูให้ข้าก่อกองไฟถ่านเพราะเหตุนี้นี่เอง” แม่บ้านหลี่อดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับวิธีการอบที่ฉีกขนบเดิม

 

ซูเอ้อร์หยาซึมซับความสามารถด้านการทำอาหารอย่างเต็มที่ นางพลิกกรอบเหล็กในทุก ๆ หนึ่งก้านธูปเป็นช่วงเวลาที่แม่นยำจนนางไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องมือนับเวลาเลย

 

แม้ในชีวิตชาติที่แล้วนางจะเป็นหญิงชั่วจอมมารยา นางก็ได้แสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมในการปรุงอาหารซึ่งแม้แต่พ่อครัวของวังหลวงก็ไม่อาจเทียบนางได้ สามีของนางเคยกล่าวกับนางไว้ครั้งหนึ่ง “มีเพียงเจ้าและอาหารของเจ้าเท่านั้นที่ไม่อาจหายไปจากโลกนี้ได้”

 

ดังนั้นต่อให้นางสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ด้วยความต้องการแก้แค้นและทำลายล้างที่ฝังลึกในใจ นางก็ไม่อาจลืมที่จะช่วยเหลือสามีของนางเก็บสะสมของพิเศษในสถานที่ต่าง ๆ สูตรอาหารทั้งหลายที่สลักอยู่ในวิญญาณของนางได้เตือนนางในทุกขณะว่านางไม่มีอะไรเลยและต้องทำตามความคาดหวังของสามี

 

หลังจากนั้นสองชั่วยาม ซูเอ้อร์หยาก็วางกรอบเหล็กลงด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ นำเตาถ่านออกและหยิบไก่ขอทานที่อบสุกจนแข็งเป็นลูกกลมขึ้น

 

“แม่บ้านจ๊ะ!” ได้ยินเสียงแล้วแม่บ้านหลี่ที่กำลังจะม่อยหลับไปก็พลันตื่นขึ้น “คุณหนู ข้าอยู่นี่เจ้าค่ะ”

 

เมื่อแม่บ้านหลี่มองก้อนดินขนาดใหญ่บนโต๊ะ นางก็รู้สึกแปลกใจที่การทำงานอันยาวนานของพวกนางกลับกลายเป็นของน่าเกลียดเช่นนี้ไปได้

 

“แม่บ้านจ๊ะ” เสียงเย็นของซูเอ้อร์หยาเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน “เรียกท่านพ่อมาจ้ะ”

ซูฮ่วนหลี่ที่นอนหลับไปหนึ่งกับอีกครึ่งชั่วยามกำลังรู้สึกหิว เมื่อได้ยินเสียงของเเม่บ้านหลี่แล้วเขาก็รีบวิ่งไม่หยุด เห็นก้อนดินขนาดใหญ่บนโต๊ะในห้องของซูเอ้อร์หยาแล้วดวงตาของเขาก็เเทบถลน

 

“นี่หรืออาหารจานใหม่ของเจ้า? ดูเละเทะสิ้นดี! แกงไก่แก่ยังอร่อยกว่าอาหารทำจากโคลนของเจ้าเสียอีก!”

 

ซูฮ่วนหลี่ตวาดเกรี้ยวกราดเสียจนน้ำลายกระฉอกออกจากปาก สายตาของเขามืดครึ้มและรู้สึกเหมือนฟ้ากำลังจะถล่มลงมาใส่เขา เขารู้สึกว่าเหมือนเห็นตระกูลจูกับตระกูลหยางกำลังหัวเราะใส่เขาอยู่

 

“ท่านพ่อ ใจเย็นก่อนเจ้าค่ะ” ซูเอ้อร์หยายิ้มและเคาะผิวโคลนเหลืองด้วยค้อนเล็กเบา ๆ

 

แกร๊ก…

 

เมื่อก้อนดินแตกออก กลิ่นหอมรุนแรงไม่อาจห้ามได้ก็ฟุ้งกระจาย ทันใดนั้นทั้งห้องก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมน่าอร่อย แม้แต่ผู้คุ้มกันด้านนอกยังอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย จ้องมองที่ห้องอย่างคลุ้มคลั่ง

 

ซูฮ่วนหลี่ลืมคำพูดด่าทอก่อนหน้านั้นแล้วจ้องมองก้อนดินเล็ก ๆ ที่แตกออกครึ่งหนึ่งตรงหน้าราวกับกำลังจ้องมองคนรักอยู่

 

ซูเอ้อร์หยาเคาะต่อไป และหลังจากที่เปลือกโคลนเหลืองทั้งหมดถูกกะเทาะออก กลิ่นไอร้อนก็ลอยอวล ผสมกับกลิ่นหอมแรงน่าหลงใหล กลิ่นหอมดึงดูดใจยิ่งกว่าบ๊ะจ่างนั้นเสียอีก

 

ซูฮ่วนหลี่ยังคิดว่าโคลนเหลืองนั้นน่าจะอร่อย

 

ราวกับไม่เห็นปฏิกิริยาของบิดา ซูเอ้อร์หยาค่อย ๆ แก้ปมเชือกด้ายออกและเปิดห่อใบบัว อาหารที่แท้จริงก็ได้ปรากฏต่อหน้าซูฮ่วนหลี่ในที่สุด

 

ไก่มีสีเหลืองทองเป็นมันวาวราวกับปรุงมาจากทอง ช่างเจริญสายตาอะไรเช่นนี้! อุณหภูมิภายในใบบัวสูงอย่างยิ่ง หลังจากที่ซูเอ้อร์หยาแกะห่อออกแล้ว ไอร้อนผสมกับควันขาวก็ค่อย ๆ กรุ่นออกจากเรือนจินหยวน และทันใดนั้นเองกลิ่นหอมก็ลอยตลบอบอวลไปทั่วบ้านตระกูลซู

 

“นี่มันกลิ่นอะไรน่ะ?” จูเหยียนทำจมูกฟุดฟิดอย่างบ้าคลั่งขณะน้ำลายสอ ทันใดนั้นอาหารมื้อเย็นตรงหน้านางก็ดูจืดสนิทในทันที

 

“ท่านแม่ มันหอมมากเลย! ข้าอยากกิน ใครเป็นคนทำกันนะ?” ซูจื่อเผยสูดกลิ่นหอมอย่างบ้าคลั่งจนเกือบจะหลับตาแล้วลอยไปหามัน

 

ภายในเรือนจินหยวน ซูฮ่วนหลี่กำลังง่วนอยู่กับการกินโดยไม่พูดอะไร โดยทีน้ำมันเลอะไปทั่วทั้งปาก

 

เมื่อเนื้อไก่เข้าสู่ปากของเขา ตุ่มรับรสก็พลันรู้สึกพึงพอใจ รสสัมผัสอันกรุบกรอบนุ่มนวลเกือบจะทำให้ซูฮ่วนหลี่ได้ขึ้นสวรรค์

 

“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีอาหารเลิศรสแบบนี้อยู่ในโลกด้วย อร่อยอะไรเช่นนี้!”

 

ดวงตาของซูฮ่วนหลี่เปียกชื้นและพร่ามัว เขาร้องไห้แต่ก็ไม่หยุดยัดเนื้อไก่เข้าปาก

 

ภายในไม่กี่นาทีก็เหลือเพียงใบบัวและโคลนอยู่บนจาน ซูฮ่วนหลี่เรอออกมาอย่างพึงพอใจ

 

“ท่านพ่อ ท่านทานมากเกินไปแล้วเจ้าค่ะ ถึงเวลาที่ท่านต้องออกไปเดินในสวนเพื่อย่อยแล้ว” ซูเอ้อร์หยายิ้มให้บิดา

 

ในตอนนี้เองซูฮ่วนหลี่ก็ได้สติและจำจุดประสงค์ที่ตั้งใจมาได้ แต่เขากินไก่หมดทั้งตัวแล้ว เขาจะเอาอะไรไปให้ตระกูลหยางกับตระกูลจูล่ะ?

 

ใบหน้ามีอายุของซูฮ่วนหลี่เปลี่ยนเป็นสีแดงและเขาก็ตบศีรษะ คิดว่าดูเหมือนเขาจะต้องหาไก่เหลืองสามอย่างซึ่งเป็นของจำเป็นสำหรับวัตถุดิบของภัตตาคารต่อไป ช่างเป็นความสุขที่มาพร้อมกับความกังวลอะไรเช่นนี้!

 

“เอ้อร์หยา เจ้าทำดีมาก อาหารจานนี้จะต้องเป็นอาหารจานแนะนำของตึกไป๋เว่ยแน่นอน”

 

ซูฮ่วนหลี่อดใจที่จะเอ่ยชมนางไว้ แต่ในใจกลับตะโกนอย่างบ้าคลั่งด้วยความตื่นเต้น อาหารจานนี้ยิ่งกว่าพอใจเสียอีก รสชาติดีกว่าอาหารแนะนำก่อนหน้านี้ของตึกไป๋เว่ยเกือบหมื่นเท่าแน่ะ!

 

ตึกไป๋เว่ยจะกลายเป็นภัตตาคารที่ดีที่สุดในโลกจากทักษะการปรุงอาหารของเอ้อร์หยา เขาอาจเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกและยังได้เข้าวังหลวงเพื่อเข้าพบองค์จักรพรรดิอย่างเป็นทางการ และได้รับป้ายทองคำอีกด้วย!

 

คิดถึงโชคดีของเขาแล้ว ซูฮ่วนหลี่ก็เกือบหัวเราะออกมา

 

หลังจากนั้นครู่ใหญ่ เขาก็ตื่นจากฝันกลางวัน กระแอมสองครั้งพร้อมกับเสียงที่อ่อนโยนขึ้น “เอ้อร์หยา ข้าจะส่งไก่เหลืองสามอย่างมาอีกในไม่กี่วันนี้ ซึ่งจะให้ตระกูลจูกับตระกูลหยางตัดสินด้วย หากการตัดสินเป็นไปด้วยดี เจ้าจะกลายเป็นผู้สนับสนุนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของตระกูลซูเรา!”

 

ซูเอ้อร์หยาประคองบิดาไว้และเอ่ยอย่างถ่อมตน “ข้าไม่กล้ารับความเชื่อใจนี้ไว้หรอกเจ้าค่ะ และข้าก็จะเชื่อฟังการจัดการของท่าน”

 

“ดี! เจ้าเป็นบุตรสาวที่ดีของข้าจริง ๆ ฮ่า ๆ…”

 

ซูฮ่วนหลี่หัวเราะและเดินจากไปพลางเชิดหน้า หลังเสนออาหารจานนั้นแล้ว ใครจะกล้าพูดว่าข้าโง่เขลาจากอายุมากและความหุนหันพลันแล่นกันเล่า?

 

หลังซูฮ่วนหลี่ออกไปแล้ว แม่บ้านหลี่ที่รออยู่ด้านนอกประตูก็พลันเข้ามาเพื่อจะทำความสะอาดและเอ่ยถามขึ้น “คุณหนู อาหารจานใหม่รสชาติเป็นอย่างไรเจ้าคะ?”

 

ซูเอ้อร์หยาส่ายหน้าและเอ่ยอย่างจนใจ “ท่านพ่อทานมันหมดแล้ว ข้าเลยไม่รู้ว่ารสชาติมันเป็นอย่างไรน่ะจ้ะ”

แม่บ้านหลี่เบิกตากว้างและรู้สึกประหลาดใจ ดูเหมือนว่านายท่านไม่เป็นห่วงว่าเขาจะจุกเลย เขาทานไก่ตัวใหญ่ขนาดนั้นเข้าไป แต่…นางเองก็อยากชิมมันด้วย! แค่กลิ่นอย่างเดียวก็ทำให้ผู้คนอยากลองชิมมันแล้ว

 

“เอาเถอะ แม่บ้านจ๊ะ รีบเตรียมมื้อเย็นเถอะจ้ะ ข้าไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว”

 

ซูเอ้อร์หยาเอ่ยเตือนแม่บ้านหลี่ แม่บ้านพลันนึกขึ้นมาได้และพูดขึ้นพลางตบมือ “อ้า! คุณหนูคงจะหิวมากแล้ว นายท่านไม่ได้เหลืออะไรให้ท่านเลย งั้นข้าจะไปทำอาหารตอนนี้แล้วเจ้าค่ะ”

 

ซูเอ้อร์หยาพยักหน้าเบา ๆ และมองออกไปไกล ตาแก่เห็นแก่ตัวซูฮ่วนหลี่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด

 

ไก่เหลืองสามอย่างจำนวนสองตัวถูกส่งให้ซูเอ้อร์หยาไม่เกินสองวัน หลังจากอบมันภายในครึ่งวัน ซูฮ่วนหลี่ก็มารับมันตรงเวลาและนั่งรถม้าออกจากบ้านตระกูลซูไป

 

หลังซูฮ่วนหลี่ออกไปแล้ว แม่บ้านหลี่ก็มาหาและเอ่ยอย่างน่าสงสัย “คุณหนู ข้าเห็นคุณหนูสามอยู่บนรถม้าด้วยเจ้าค่ะ”

 

ซูเอ้อร์หยายิ้มและเอ่ยตอบ “แม่บ้านจ๊ะ ท่านกำลังสงสัยท่านพ่อข้าอยู่หรือ? น้องสาวสามเกือบถูกฆ่าเพราะคนร้ายนั่น ท่านพ่อพานางไปกับเขาด้วยก็เพื่อปกป้องข้า น่าเวทนาที่น้องสาวสามตกอยู่ในความเสี่ยงแล้ว”

 

“ถ้าอย่างนั้นคุณหนูทราบไหมเจ้าคะว่ามีเสียงนินทามากมายอยู่ด้านนอก” แม่บ้านหลี่เอ่ย “ทำไมข้าไม่คิดถึงเรื่องนี้กันนะ? ข้าคิดว่านายท่านจะให้ผลประโยชน์ทุกอย่างกับคุณหนูสามเสียอีก”

 

“เหล่าคนรับใช้พูดเรื่องนี้กันอยู่ และข้าก็ไม่ได้หูหนวกด้วย” ซูเอ้อร์หยายิ้มบางและหันหลังเดินกลับห้อง

 

บนถนนที่สร้างด้วยเงินท้องพระคลัง รถม้าส่งเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดไปตามทาง ซูจื่อเผยที่ถือไก่ขอทานอุ่น ๆ ก็ก้มหน้า แววริษยาฉายในดวงตาของนางจนเกือบจะทำให้นางลืมความมีเหตุผลไป

 

นางชักทนไม่ไหวที่จะโยนของในมือทิ้งแล้ว!

 

ทำไมนางต้องมาเป็นตัวแทนของพี่สาวสองด้วย? มันไม่ยุติธรรมสำหรับนางเลยที่รับความเสี่ยงแล้วให้พี่สาวสองได้รับผลประโยชน์ไป!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด