การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] – ตอนที่ 46

อ่านนิยายจีนเรื่อง การแก้แค้นของคุณหนูซู [毒妻在上] ตอนที่ 46 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ตอนที่ ๔๖

 

ซูฮ่วนหลี่ตกใจและสับสนกับปัญหาที่เกิดขึ้นฉับพลัน เขาไม่คิดเลยว่าต้นตอของปัญหานี้จะมาจากภัตตาคารอื่น

 

“ข้าโมโหเสียจนรู้สึกสับสนแล้ว เถ้าแก่อู่ ช่างมันซะเถอะ” ซูฮ่วนหลี่ถอนหายใจและตบบ่าเถ้าแก่ร้านอาหาร

 

แม้เถ้าแก่อู่จะเศร้าใจ เขาก็เอ่ยอย่างสุภาพ “ท่านจริงจังเกินไปแล้วขอรับ”

 

“จากมุมมองของข้า…” เหอชี่เอ่ยขัด “เรื่องนี้ไม่ต้องกังวลหรอกขอรับ คนอย่างท่านโจวไม่ได้ขัดสนเงินทอง พวกเขาคงไม่ถูกติดสินบนจากภัตตาคารอื่น ตราบใดที่คุณหนูซูยังแสดงฝีมือตามปกติในวันพรุ่งนี้ นางก็จะจะชนะอย่างแน่นอน บางทีภัตตาคารของเราอาจมีสถานะเพิ่มขึ้นก็ได้ขอรับ”

 

เอ่ยเช่นนี้แล้ว เหอชี่ก็หัวเราะ “ข้ายังไม่เคยชิมไก่ขอทานฝีมือของคุณหนูซูเลย ข้าอยากจะชิมมันจริง ๆ แล้ว”

 

ซูฮ่วนหลี่ไร้คำพูดไปและไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร ซูจื่อเผยที่ลอบฟังอยู่นอกประตูก็พลันมีท่าทางดีใจสุดขีดและตะโกนออกมา “ท่านพ่อ ท่านพูดอะไรกันอยู่เจ้าคะ?”

 

เหอชี่ผงะและรีบทำความเคารพทันที “คุณหนูซู ข้าคิดว่าท่านคงจะรู้ข่าวแล้วขอรับ”

 

“ใช่!” ซูจื่อเผยพยักหน้าและสายตาของนางก็จ้องมองบิดาด้วยความมั่นใจ “ท่านพ่อ วางใจเถอะเจ้าค่ะ ข้าสามารถทำได้แน่”

 

นางเดินไปหาซูฮ่วนหลี่และกระซิบ “ข้าเจอสูตรอาหารในห้องของพี่สาวและฝึกในครัวตลอดหลายวันนี้ มันต้องออกมาดีแน่นอนเจ้าค่ะ”

 

เมื่อซูฮ่วนหลี่ได้ยินคำพูดของนาง เขาก็ดีใจสุดขีด นี่คือข่าวดีชัด ๆ

 

“จื่อเผย ข้ารอดูการแสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมของเจ้าในวันพรุ่งนี้นะ!”

 

“เจ้าค่ะท่านพ่อ!” ซูจื่อเผยเอ่ยเสียงหวานแต่ในใจลอบแสยะยิ้ม

 

“เมื่อข้าแทนที่ซูเอ้อร์หยาได้สมบูรณ์ ท่านแม่ก็จะกำจัดนางแน่ แม้แต่เถ้ากระดูกก็ไม่เหลือ!” นางคิด

 

พ่อบ้านเห็นดังนั้นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลขึ้นมา

 

ซูฮ่วนหลี่นั่งอยู่ในรถม้าเดินทางกลับตระกูลซู เมื่อเขาเดินผ่านเรือนจินหยวนที่มีการคุ้มกันอย่างหนาแน่น เขาก็หยุดเเละลุกออกมา พ่อบ้านที่ตามหลังเขาถึงกับสับสน

 

หลังกลับเข้าห้องหนังสือในเรือนใหญ่แล้ว พ่อบ้านก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “นายท่าน ท่านเชื่อคุณหนูสามจริง ๆ หรือขอรับ? ถ้าเกิดพรุ่งนี้นางทำพลาด…”

 

“นางจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรล่ะ?” ซูฮ่วนหลี่โบกมือและหัวเราะเสียงดัง “จื่อเผยช่วยงานในภัตตาคารเมื่อไม่นานมานี้ และนางก็ได้รายละเอียดของสูตรไก่ขอทานและลองทำมันดูแล้ว ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกน่า”

 

หลี่หยินได้ยินเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เขาแกล้งทำเป็นประหลาดใจและเอ่ยขึ้น “คุณหนูสามได้รายละเอียดสูตรอาหารมาได้อย่างไรขอรับ? บางที…”

 

“ช่างเถอะ ตราบใดที่นางสามารถแก้ปัญหาของภัตตาคารได้ในวันพรุ่งนี้ มันก็ไม่สำคัญแล้ว!” ซูฮ่วนหลี่เอ่ยขัดหลี่หยินและย่นคิ้ว “พ่อบ้านหลี่ ยิ่งเจ้าแก่ตัวลง ความสงสัยของเจ้าก็มีมากขึ้นนะ ทำไมเจ้าถึงถามคำถามมากมายเหลือเกิน?”

 

หลี่หยินยิ้มและเอ่ยต่อ “ช่วงนี้ข้าสังหรณ์ไม่ค่อยดีเลยขอรับ แต่คุณหนูสอง…”

 

“นั่นแหละสิ่งที่ข้ากำลังจะพูด!”

 

ซูฮ่วนหลี่เคาะโต๊ะและร้องออกมา “สาวน้อยคนนั้นมีความประพฤติแย่ลงแล้ว วันนี้นางอยากออกมาเดินเล่น เป็นเพราะการเรียนการเขียน ทำให้นางไม่ทำอาหารอะไรเลยในเดือนนี้ ทำไก่ขอทานอาจเป็นเรื่องไม่คุ้นเคยสำหรับนาง แต่ไม่มีสัญญาณว่านางจะพัฒนาอาหารจานใหม่เลย ยิ่งโตขึ้นนางก็เรียนรู้ที่จะโกงบิดาของตัวเองเสียแล้ว”

 

หลี่หยินยิ้ม “คุณหนูสองให้คำแนะนำเกี่ยวกับการพัฒนาตึกไป๋เว่ยมาก่อนนะขอรับ ผลกำไรของภัตตาคารถึงได้เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย”

 

“กล้าดีอย่างไรถึงพูดเรื่องนั้น?” ซูฮ่วนหลี่ยิ่งโกรธมากกว่าเดิม “เป็นเพราะความคิดแย่ ๆ ของนางนี่แหละที่ทำให้ภัตตาคารตกอยู่ในสถานการณ์ตอนนี้!”

 

ซูฮ่วนหลี่ไม่ได้เอ่ยถึงสัญญาเกี่ยวกับบ๊ะจ่างแต่อย่างใด

 

หลี่หยินค่อย ๆ หุบยิ้มและไม่ยั่วโทสะเขาต่อ เขากลับเอ่ยเสริม “ท่านพูดถูกแล้วขอรับ”

 

ลมหายใจของซูฮ่วนหลี่สงบลงเช่นกันและเขาก็เอ่ยขึ้น “เหตุที่ข้าขอให้จื่อเผยแทนที่นางก็เพราะอยากเตือนนางว่าอย่าเหลิงไปกับพรสวรรค์เล็กน้อย แทนที่จะแก้ไขจุดบกพร่อง นางกลับไม่รู้จักพอ ข้าบอกให้นางเพิ่มปริมาณผลิตไก่ขอทานแต่นางก็ปฏิเสธ ทำให้ข้าโมโหเป็นอย่างมาก”

 

เอ่ยถึงจุดนี้แล้ว ซูฮ่วนหลี่ก็มีท่าทีร่าเริง “ข้าคิดว่าปัญหานี้ไม่มีทางแก้เสียแล้ว ข้าไม่คิดเลยว่าจื่อเผยจะฉลาดเสียจนสามารถเรียนรู้งานฝีมือนี้อย่างลับ ๆ นางช่างเป็นบุตรสาวที่ดีเสียจริง! พ่อบ้าน ส่งผู้คุ้มกันไปปกป้องนางเพิ่มขึ้น ตอนนี้นางจะเจ็บไม่ได้ ถอนผู้คุ้มกันใกล้เรือนจินหยวนออกได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของนางแล้ว”

 

“ขอรับนายท่าน”

 

หลี่หยินจากไปด้วยท่าทีว่างเปล่า เขาไม่หยุดเดินจนกระทั่งเดินออกมาจากเรือนใหญ่ มือและเท้าของเขาเย็นเฉียบ

 

เป็นเวลาครู่ใหญ่ หลี่หยินจึงได้เอ่ยพึมพำพลางถอนใจและเดินจากไป

 

“ซูฮ่วนหลี่ ท่านช่วยชีวิตข้าในปีนั้นด้วยความใจดีของท่านจริงหรือเปล่า?”

 

ที่เรือนจินหยวน…

 

เมื่อแม่บ้านหลี่เห็นผู้คุ้มกันถอนกำลังอย่างจนใจ นางก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับคุณหนูสองที่กำลังจดจ่ออยู่กับการคัดลายมือ “คุณหนูเจ้าคะ ผู้คุ้มกันทั้งหมดออกไปแล้วเจ้าค่ะ”

 

“ข้ารู้แล้วจ้ะแม่บ้านหลี่” ซูเอ้อร์หยาไม่ได้หยุดเขียนและดวงตาของนางก็ดูมุ่งมั่นใสกระจ่าง “ข้าไม่บอบบางขนาดนั้น ปล่อยให้พวกเขาไปเถอะ”

 

แม่บ้านหลี่ถอนหายใจ “คุณหนู ท่านไม่เข้าใจจริง ๆ หรือแกล้งทำเป็นสับสนกันแน่เจ้าคะ? ข้าล่ะร้อนใจเหลือเกิน”

 

“อย่าพูดถึงมันอีกเลยจ้ะแม่บ้านหลี่ ข้าขอให้ท่านตามหาพี่ชายน้องสาวคู่นั้น ได้เรื่องว่าอย่างไรบ้างหรือ?” ซูเอ้อร์หยาหยุดเขียนและเงยหน้าขึ้น

 

“ท่านกำลังพูดถึงฟ่างหยวนกับฟ่างหลิงอยู่ใช่ไหมเจ้าคะ?” แม่บ้านหลี่ใจฟูขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าฟ่างหยวนเป็นบริกรของตึกไป๋เว่ย แต่น้องสาวของเขายังเด็กเกินกว่าที่จะเป็นบริกร ตอนนี้พวกเขาอาศัยอยู่ในตรอกด้านทิศใต้เจ้าค่ะ”

 

“ตรอกด้านทิศใต้?” ซูเอ้อร์หยาย่นคิ้วเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าสถานที่ตรงนั้นจะไม่สงบสุขนะ”

 

แม่บ้านหลี่พยักหน้าและดูเป็นกังวล “ท่านก็รู้เจ้าค่ะว่าสถานที่แห่งนั้นสกปรกวุ่นวายนัก อันธพาลกับนักเลงท้องถิ่นต่างอาศัยอยู่ที่นั่น ฟ่างหยวนหาบ้านอย่างไรกัน? มันอันตรายสำหรับน้องสาวของเขาที่อยู่ตัวคนเดียวที่นั่นนะ”

 

ซูเอ้อร์หยาพยักหน้าเบา ๆ และไม่พูดอะไรอีก

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แม่บ้านหลี่เห็นซูเอ้อร์หยาทำตัวแบบนี้ ทันใดนั้นนางก็จากไปอย่างนิ่มนวลและปิดประตูเงียบ ๆ

 

เช้าวันต่อมา ตึกไป๋เว่ยก็รายล้อมไปด้วยฝูงชนขนาดใหญ่ ภายในเมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีงานใหญ่จำนวนหนึ่ง คุณหนูซูจะปรุงไก่ขอทานต่อหน้าสาธารณชน ซึ่งก็เป็นข่าวครึกโครมอย่างไม่ต้องสงสัยและดึงดูดประชากรครึ่งหนึ่งในเมืองนี้ให้ออกมาดู

 

ทางการถึงกับต้องส่งตำรวจมารักษาการณ์เลยทีเดียว

 

“ข้าราชการทำงานหนักกันจริง ๆ!”

 

เถ้าแก่โค้งคำนับและลอบติดสินบนพวกเขาด้วยเงิน เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ซูฮ่วนหลี่ก็มีท่าทีเศร้าใจภายในห้อง นั่นคือเงินของตระกูลซู ตระกูลจูกับตระกูลหยางไม่เสียเงินเลยแม้แต่แดงเดียว

 

ซูฮ่วนหลี่ไปเยี่ยมตระกูลจูกับตระกูลหยางผู้ฉลาดหลักแหลมเมื่อคืนนี้ พวกเขาต่างเอ่ยว่า “พวกเขาจับตาดูลูกสาวของตระกูลซูกันทั้งหมด แล้วเราเกี่ยวอะไรด้วย?” พวกเขาไม่มีเจตนาให้ความช่วยเหลือใด ๆ เลย

 

ในตอนนี้ซูจื่อเผยที่แต่งตัวอย่างงดงามก็ออกมาจากบ้านพร้อมกับแสร้งทำเป็นใจเย็น “ท่านพ่อ ข้าพร้อมแล้วเจ้าค่ะ ข้าสามารถเริ่มงานได้ทุกเมื่อเลย”

 

ซูจื่อเผยมองฝูงชนขนาดใหญ่ด้านนอกและรู้สึกตื่นเต้น

 

วันนี้แหละจะเป็นวันที่นางมีชื่อเสียง!

 

หลังจากวันนี้แล้ว ต่อให้ซูเอ้อร์หยาออกมายืนและบอกว่าสูตรอาหารเป็นของนาง ก็จะไม่มีใครเชื่อนาง!

 

“นายท่าน ท่านโจวกับหัวหน้าพ่อครัวภัตตาคารอื่นมาแล้วขอรับ”

 

หลังจากคนรับใช้เอ่ยเตือนซูฮ่วนหลี่ เขาก็พลันมีท่าทีร้อนรน เขาลูบศีรษะจื่อเผยที่ยังอยู่ในอาการดีใจและเอ่ยให้กำลังใจ “ลุยเลยลูกสาวคนดีของพ่อ อย่าทำให้ข้าผิดหวังนะ”

 

ซูจื่อเผยก้าวเดินออกมาในห้องโถงอย่างมั่นคง

 

ในตอนนี้ห้องโถงดูว่างเปล่า มีเพียงโต๊ะตัวหนึ่ง เตาและตะเเกรงวางเตรียมให้ซูจื่อเผยทำอาหาร มีที่นั่งอยู่แปดที่ตรงข้ามกับโต๊ะทำอาหาร บุคคลที่นั่งอยู่ตรงกลางคือท่านโจว นักชิมเลื่องชื่อ คนอีกเจ็ดคนที่เหลือคือหัวหน้าพ่อครัวจากภัตตาคารอื่นที่อยู่ในเมืองใกล้เคียง

 

ไม่มีที่นั่งอื่นอยู่ด้านหลังที่นั่งทั้งแปด คนธรรมดาจำนวนใหญ่ต่างมายืนมุงดู คนรวยทรงอำนาจบางคนจับจองที่นั่งที่ดี ๆ บนชั้นสอง ทำให้ซูฮ่วนหลี่รู้สึกโชคดีขึ้น

 

“บุตรสาวตระกูลซูช่างงดงามเหลือเกิน”

 

เห็นซูจื่อเผยมีอาการตื่นเต้นเล็กน้อยแต่ยังคงท่าทีสงบ ท่านโจวก็พยักหน้าเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่นางจะมีฝีมือเช่นนี้ด้วยอายุเพียงเท่านี้

 

ซูจื่อเผยเตรียมคำพูดไว้แล้ว แต่เป็นเพราะนางเผชิญกับภาพเหตุการณ์แบบนี้เป็นครั้งแรกจึงจำคำพูดอะไรไม่ได้ นางจึงได้แต่ทำอาหารอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ในสายตาของคนอื่น พฤติกรรมเช่นนี้นับว่าดูหยิ่งทระนงนัก

 

ท่านโจวย่นคิ้วเล็กน้อยแต่ก็พลันคลายคิ้วลง เป็นเรื่องปกติที่นางจะดูหยิ่งเล็กน้อยเมื่อคิดในเรื่องที่ว่านางเป็นอัจฉริยะอายุน้อย

 

ภายในห้องเงียบกริบไม่น้อย ไม่มีใครทำเสียงรบกวนนาง พวกเขาไม่อยากให้ตระกูลซูใช้มันเป็นข้ออ้าง ซูจื่อเผยจัดการไก่ขอทานที่ถูกควักเครื่องในออกไปแล้วอย่างชำนาญ และนางก็ค่อย ๆ ลืมการมีอยู่ของคนอื่น ๆ ไป

 

ท่านโจวมองนางและพยักหน้าถี่ ๆ แต่เนื่องจากเขาถนัดชิมมากกว่าถนัดปรุง เขาจึงไม่รู้ว่าซูจื่อเผยกำลังทำอะไรอยู่กันแน่และไม่เห็นสีหน้าฉงนของหัวหน้าพ่อครัวคนอื่น ๆ

 

เหอชี่มองการแสดงฝีมือของคุณหนูซูจากเบื้องหลังและรู้สึกพิกล “แม้นางจะมีทักษะฝีมือดี แต่มันก็ไม่เข้าขั้นชั้นเลิศ ดูแล้วมีพิรุธนัก…แต่บางทีคุณหนูซูอาจมีวิธีเฉพาะตัว ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสิน รอดูต่อไปก่อนแล้วกัน”

ซูจื่อเผยไม่รู้ว่าจุดบกพร่องของนางถูกเปิดเผยและยังคงทำตามขั้นตอนในสูตรอาหารเพื่อปรุงอาหารจนกระทั่งโคลนก่อตัวเป็นรูปร่าง ซูฮ่วนหลี่ถึงกับระบายลมหายใจอย่างโล่งอก

 

“พ่อบ้าน ที่ข้าพูดมันถูกแล้วใช่ไหม? จื่อเผยช่างยอดเยี่ยมเหมือนกับเอ้อร์หยาเลย”

 

หลี่หยินไม่พูดอะไรนอกจากถอนหายใจ นายท่าน ท่านแค่มองการปรุงอาหารของคุณหนูสามแต่ไม่เห็นสีหน้าท่าทางของเหล่าหัวหน้าพ่อครัวที่ดูสงสัยมากขึ้นทุกขณะเลย

 

ซูจื่อเผยยึดก้อนโคลนบนตะแกรง และผู้ช่วยทั้งหลายก็รีบมาก่อเตาถ่านในทันที

 

“ขั้นตอนสุดท้ายคือขั้นตอนที่ง่ายที่สุด” ซูจื่อเผยคิดขณะดวงตาฉายประกายสดใส และนางก็ถืออย่างระมัดระวังและเขย่าตะแกรงยึดโคลนที่ก่อตัวเป็นรูปร่าง

 

ภายในครัว ผู้ช่วยมักคุ้นเคยกับการใช้เตาอบในการย่าง ด้วยวิธีนี้จึงประหยัดเวลาไปได้มาก แต่ไก่ขอทานก็จะขาดกลิ่นหอมของถ่านไป กระบวนการทั้งหมดจึงถูกลดลงเหลือเพียงสองชั่วยาม

 

หากใช้วิธีของซูเอ้อร์หยา กระบวนการทั้งหมดจะกินเวลาไปถึงสามชั่วยาม การอบใช้เวลาสองชั่วยาม ซูจื่อเผยเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความแตกต่างระหว่างไก่ขอทานอันล้ำค่ากับไก่ขอทานธรรมดา

 

“กลับด้านมันทุกครึ่งชั่วยาม”

 

ซูจื่อเผยเม้มปากเล็กน้อยขณะมองนาฬิกาทรายเพื่อนับเวลาและกลับด้านไก่ขอทาน เพื่อปกปิดสูตรอาหาร นางจึงไม่ได้ใช้เตาถ่านในการย่างไก่ขอทานมาก่อน แต่การย่างด้วยวิธีนี้ช่างง่ายดายจนนางแน่ใจว่าสามารถทำได้ในครั้งแรก!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด